ตอนที่ 994 ผู้พิทักษ์คัมภีร์
รอจนกระทั่งเย่ว์หยางตื่นขึ้นก็ผ่านไปหนึ่งวันแล้ว
หือ?
เมื่อเขาได้ยินจุ้ยมาวอี้บอกว่าจ้าวสุริยาตายแล้ว แม้ว่าจะไม่ใช่ฝีมือของเขาโดยตรง แต่เย่ว์หยางก็มีความสุขมาก ที่สำคัญจ้าวสุริยาตายอย่างน่าอนาถเพราะทำสัญญากับคัมภีร์เทพปลอม แต่เมื่อมองย้อนกลับไปเย่ว์หยางโมโหแทบคลั่งทันที ฆ่าตัวบอสได้อย่างนั้น กลับไม่ได้อะไรเลยระดับก็ไม่ได้เพิ่มขึ้น เกมเทพไร้สาระชัดๆ ข้าจะฟ้องบริษัทเทพเกม คอยดู!
เล่นไปมาเป็นสิบเกมสุดท้ายข้าต้องกลับมาห่วงชีวิตตั้งหลายครั้ง
ยังไม่ต้องพูดถึงระดับที่ก้าวกระโดด
แม้ว่าตัวหัวหน้าอย่างจ้าวสุริยาถูกระเบิดตายอย่างนั้น แต่นี่ไม่มีรางวัลอะไรให้เลยหรือ หมายความว่ายังไง?
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนคุ้นชินกับการแสดงออกแบบนี้ของเย่ว์หยางเสียแล้ว
ถ้าไม่เป็นอย่างนี้นั่นจึงเป็นเรื่องแปลก!
เย่ว์หวี่ปลอบน้องชายนาง “เสี่ยวซานเจ้าได้ร่างเทพมาก่อนหน้านั้นไม่ใช่หรือ? มีร่างเทพเป็นรางวัล นั่นก็ไม่เลวนะ” เย่ว์หวี่พูดถูก จะมีสักกี่คนในโลกที่ได้รับร่างเทพ? ยังไม่ต้องพูดถึงร่างเทพ เลือดเทพแค่หยดหนึ่งก็สร้างความแตกตื่นได้แล้ว!
เย่ว์หยางคิดตามในใจ ในที่สุดก็รู้สึกดีขึ้น แต่เขาไม่ค่อยยินยอมพร้อมใจ “จ้าวสุริยาถูกระเบิดตายอย่างกะทันหันนั่นมันโกงกันชัดๆ!”
“ใครบอกว่าไม่ระเบิด? มันระเบิด และจ้าวสุริยาก็ระเบิดและคัมภีร์อัญเชิญก็กระเด็นออกมา อาหงเก็บมาไว้ให้เจ้าแล้ว แต่เจ้าสามารถเก็บสมบัติจากภายในได้ วิธีนี้เจ้าต้องทำด้วยตัวเอง” จุ้ยมาวอี้รู้ว่าเป็นนิสัยของาเย่ว์หยาง ทุกครั้งที่เขาฆ่าศัตรูที่ทรงพลัง เขามักจะเก็บของสมบัติไปด้วยและส่วนหนึ่งก็คือใจที่สมดุล ไม่รู้ว่าได้นิสัยแบบนี้มาจากไหน
“นอกจากคัมภีร์ที่หม่นหมองแล้ว ไม่มีอะไรอย่างอื่น อย่างเช่นสมบัติระดับกึ่งเทพหรือ?” เย่ว์หยางถามอีกครั้ง
“ไม่” ทุกคนส่ายศีรษะ
“จ้าวสุริยาไม่จนกรอบขนาดนี้ไม่ใช่หรือ?” เย่ว์หยางสงสัยมาก
“อาจจะมีก็ได้ แต่สายเกินไปเพราะเจ้าใช้ยักษ์จากไพ่ชะตาทำให้เจ้าหมดสติ เมื่อเจ้าคลั่ง เขาปีนไปที่คัมภีร์เทพปลอมบนตำหนักม่วงทอง และไม่มีใครหยุดได้ สุดท้ายดูซิว่าจะหาอะไรได้ในคัมภีร์อัญเชิญของเขา
“คัมภีร์อัญเชิญ คือว่า...” เย่วหยางส่ายศีรษะ
คัมภีร์อัญเชิญไม่เหมือนกับแหวนเก็บสมบัติ
ในคัมภีร์อัญเชิญไม่ว่าจะเก็บอะไรเข้าไปก็ยากจะนำออกมา ต้องเป็นเจ้าของเท่านั้น ไม่มีเจ้าของก็เปล่าประโยชน์ เว้นแต่จะพบเจ้าของใหม่
ทันทีที่ทำสัญญากับเจ้าของใหม่ ถ้าพลังไม่เพียงพอหรือคุณลักษณะต่างกันคัมภีร์อัญเชิญจะกลับไปเป็นคัมภีร์ชั้นบรอนซ์ดั้งเดิม ทุกอย่างที่อยู่ข้างในคัมภีร์จะหายไปไม่เหลือร่องรอย เย่ว์หยางคาดว่าจ้าวสุริยาคงไม่มีอะไรที่ดี ที่สำคัญ ในช่วงเวลาสุดท้ายถ้าจ้าวสุริยามีของวิเศษชั้นเทพหรือชั้นกึ่งเทพก็คงเอามาใช้นานแล้ว แต่เขาไม่ได้เอาออกมาใช้เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าเขาไม่มีสมบัติที่มีประโยชน์มากนักแต่ถ้าอย่างนั้นจ้าวสุริยามีความหยิ่งยโสมากขนาดนั้นได้อยู่ในตำแหน่งที่สูงส่งแต่กลับไม่มีของวิเศษดีๆ ต่อให้ฆ่าเย่ว์หยาง เขาก็ไม่เชื่อ บางทีรอปิงหยินสาวน้อยกิเลนที่ชอบเอาแต่นอนตื่นขึ้นมาจะลองให้นางช่วยดู ดูว่านางสามารถเข้าไปในคัมภีร์อัญเชิญที่ไร้เจ้าของได้ไหม
ตอนนี้คงจะไม่ได้
เด็กสาวนอนนานเหลือเกินและก่อนนั้นเขาเรียกนางให้ออกมาช่วยสู้กับจ้าวสุริยา แต่นางไม่ตอบรับคาดว่าอยู่ในช่วงเวลาที่สำคัญ
อาหงส่งลูกปัดอธิฐานและเล่าเรื่องของหมิงลี่ฮ่าวและจูกวงให้ฟัง
เย่ว์หยางแกล้งทำเป็นตกใจประหลาดใจ “อะไรกัน? จูกวงเดิมทีเป็นสาวยักษ์หรือ? ฮะฮะ ตอนนี้เราคุณชายรู้สึกเห็นใจหมิงลี่ฮ่าว มิน่าเล่าตาลุงผู้ลำบากมาทั้งชีวิตนี้ถึงไม่พยักหน้ากล้าดูสาวจูกวง! แต่นึกถึงตอนนั้นหมิงลี่ฮ่าวต้องยอมกล้ำกลืน หากมิใช่จูกวงเป็นสาวยักษ์แล้วก็คงไม่มีใครคู่ควรกับเขาจริงๆ ฮ่าฮ่าฮ่าเป็นคู่สามีภรรยาที่เหมาะสมกันจริงๆ!”
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนพยายามขยิบตาบอกเขาไม่ให้เขาทำอะไรเกินเลย
จุ้ยมาวอี้อดร้องเพลงล้อเลียนเขามิได้ “เจ้าไม่กล้าหรอก ดูซิว่าเจ้าจะกล้าพูดคำนี้กับลี่เยี่ยน...”
“หัวหน้าลี่เยี่ยน แค่ก แค่ก...ข้ามีความสัมพันธ์ฉันท์มิตรที่บริสุทธิ์ใจต่อนาง” เย่ว์หยางได้แต่อ้อมแอ้มพูด
“เสี่ยวซาน!” เย่ว์หวี่เมื่อได้ยิน นางรู้สึกไม่พอใจ ต่อให้เป็นเรื่องตลกก็ไม่อาจพูดอย่างสุ่มสี่สุ่มห้าได้ ถ้าลี่เยี่ยนได้ยินเข้านางจะเศร้าเพียงไหน? เย่ว์หยางรีบชูมือทั้งสองขอยอมแพ้ทันที
ในเรื่องนี้ทุกคนยอมปล่อยเขา ให้เขาได้มีทางถอย
ทุกคนรู้เรื่องราวภายในแค่ดูจากหน้าที่ลี่เยี่ยนช่วยดูแลและยอมช่วยเหลือทุกคนก็พอเดาออก
แม้ว่าจะยังไม่ฟื้นฟูเต็มที่เย่ว์หยางก็รอไม่ไหวที่จะเก็บกวาดสนามรบอีกครั้ง ของหลายอย่างเช่นโลงทองโบราณไม่นับรวมไว้ด้วยเขาจะค้นหาสมบัติของจ้าวสุริยาที่ระเบิดกระจัดกระจายเพื่อเป็นการปลอบขวัญตนเอง จ้าวสุริยามีความหยิ่งยโสยิ่งนักไม่มีเหตุผลใดที่ต้องกลัวระเบิด อาวุธเกราะ และของต่างๆ เช่นสร้อยคอ และของยิบย่อยไม่มีหรือ?
เย่ว์หยางค้นหาอยู่ครึ่งค่อนวันในตำหนักม่วงทองในที่สุดเขาถอนหายใจยาว “ข้าไม่อยากเจอของเลียนแบบนี้ต่อไปแล้ว นี่เท่ากับว่าไม่มีอะไรเลย”
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนใช้สายตาดุมองเขาและขึ้นเสียงกับเขา “ต่อให้มีมันก็ถูกระเบิดพังเสียหายหมดแล้ว เจ้าเสียเวลาเปล่า!”
เมื่อได้ยินนางพูดเย่ว์หยางจับคางไตร่ตรอง “ไม่ได้ด้วยตนเองใช่ไหม? อย่างนั้นทุกคนไม่ได้วิวัฒนาการก้าวหน้าเลยไม่ใช่หรือ? ในอดีต ถ้าเจ้าฆ่าศัตรู ต่อให้เป็นโคก็ตามแม้ว่าจะไม่มีกฎ แต่ก็จะได้รางวัลที่ทรงพลังที่สุด ถ้าเจ้าต่อสู้อย่างยาวนานที่สุด พวกเจ้ามักจะได้รับพลังส่งเสริมขนาดต่างๆไม่ใช่หรือ?”
จุ้ยมาวอี้โพล่งขึ้นทันที “หรือว่าการต่อสู้ยังไม่จบ?”
ประโยคนี้ทำให้ทุกคนตกใจสะดุ้ง
แม้แต่เย่ว์หยางถึงกับเหงื่อซึม แค่จ้าวสุริยาก็เพียงพอแล้ว ถ้ายังมีอีกคนหนึ่ง นอกจากเผ่นหนีแล้วเขาไม่รู้ว่าจะทำอะไรอย่างอื่นได้จริงๆ!
โชคดีที่เย่ว์หยางปลอบโยนเบาๆ “อย่าเพิ่งกังวลใจไปเลยอาจเป็นเพราะฮุยไท่หลางยังคงต่อสู้อยู่ หรือด้วยเหตุผลอื่นเช่นออกจากพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับเก็บคัมภีร์เทพ มิฉะนั้นจะถือว่าเรายังคงต่อสู้อยู่ ข้าคิดว่ามีคนอย่างจ้าวสุริยาไม่มากแม้จะเป็นตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ เมื่อเราฆ่าคนระดับนี้ของเขาก็ย่อมได้รับผลกระทบกระเทือนอย่างหนัก ในช่วงเวลาสั้นๆ ไม่ควรมีคนระดับเดียวกันอีกเสี่ยวซานหลังจากเรากลับไปแล้ว เจ้าควรจะไปเข้าพื้นที่มิติฝึกฝนได้อย่างปลอดภัยอีกครั้ง อย่าห่วงอะไรให้มากเกินไป ข้าคิดว่าจ้าวสุริยาคงไม่ได้รายงานเรื่องหอทงเทียน แต่เขาจัดการเรื่องเหล่านี้ด้วยตัวเอง ตอนนี้เขาตายแล้ว เราชนะและจะได้เวลาสำหรับการพัฒนาการแน่นอน”
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนพยักหน้าตอนแรกแต่จากนั้นนางส่ายหน้าปฏิเสธ “พี่หวี่พูดถูก จ้าวสุริยาไม่รายงานง่ายๆเพราะเจ้าสุริยามั่นใจว่าจะเอาชนะเราได้ ตอนนี้ ข้ากังวลอยู่คนเดียว นั่นคือเสี่ยวโฉ่ว คนผู้นี้ต่อให้ตั่วตั่วเปลี่ยนเขาให้เป็นปุ๋ย ข้าคิดว่าเขาจะยังคุกคามเราได้ เขาชอบฝังกับดักลับไว้โจมตีเรามาก เป็นไปได้ว่าอาจจะมีหมาก-ลับซุ่มอยู่ในที่ที่มองไม่เห็น ถ้าเขาตายอาจจะมีบางคนใช้แผนที่เขาซุ่มซ่อนเอาไว้”
เย่ว์หยางพยักหน้า เป็นไปได้ที่เสี่ยวโฉ่วจะจัดการเรื่องนี้
ถ้าจ้าวสุริยาชนะ เขาคงจะใช้แผนตามต่อเนื่องเลื่อนจ้าวสุริยาให้มีชื่อเสียงเกริกไกรในหมู่ตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์
อย่างไรก็ตามในกรณีที่จ้าวสุริยาแพ้ ถ้าเสี่ยวโฉ่วไม่รอดหมากลับที่เขาวางไว้จะสามารถรายงานสถานการณ์ให้กับกลุ่มผู้อาวุโสตำหนักกลางได้
“ไม่เป็นไรเราจะไม่ประกาศเรื่องนี้ไปในขณะนี้ หมากลับที่เสี่ยวโฉ่วทิ้งไว้ยังไม่สามารถยืนยันการตายของจ้าวสุริยาและเสี่ยวโฉ่วได้ในทันที พวกเขาอาจคิดว่าจ้าวสุริยาและเสี่ยวโฉ่วกำลังตามหาเพื่อทำสัญญากับคัมภีร์เทพ เรายังมีเวลาก่อนที่กลุ่มผู้อาวุโสจะพบว่าจ้าวสุริยาหายไปนอกจากเร่งรีบเพื่อฝึกปรือฝีมือให้ก้าวหน้าแล้ว เราจะต้องหาผู้สนับสนุนที่แข็งแกร่งด้วย อย่างเช่นหมิงลี่ฮ่าวและหมิงเยี่ยกวงที่สำคัญที่สุดนางพญาเฟ่ยเหวินหลียังจะใช้เวลาอีกไม่นาน ตราบเท่าที่เราฝ่าด่านมิติสอบฝีมือเพื่อตัดโอกาสไม่ให้จีอู๋ลี่ได้รับคัมภีร์เทพ ตอนนี้เรายังไม่มีอะไรต้องกังวล” เย่ว์หยางหลังจากคิดแล้วเขารู้สึกว่ายังพอมีเวลา สิ่งเดียวที่ต้องทำก็คือทำให้จีอู๋ลี่ไม่อาจผ่านด่านสอบฝีมือได้
“ภูมิภาคสวนสวรรค์ยังคงได้รับความสนใจน้อยมาก มิฉะนั้นตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์คงจะต้องสงสัยในที่สุด” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนพูดเสริม
“เลิกพูดกันได้แล้วตอนนี้ทำไมเราไม่ไปหาดูคัมภีร์เทพ? ต่อให้เราไม่สามารถทำสัญญาได้ อย่างน้อยที่สุดก็ให้ได้เห็นผ่านตาก็ยังดี!” จุ้ยมาวอี้กระตือรือร้นกระตุ้นให้เย่ว์หยางออกไป
สำหรับคัมภีร์เทพปลอมนางคิดว่าจะเป็นอันตราย หากนางต้องมองดูอีกครั้ง
คัมภีร์อัญเชิญปลอมนี้สามารถฆ่าจ้าวสุริยาได้
เพียงมองแต่ผิวเผินนางยังรู้สึกว่ามันดีกว่าคัมภีร์ระดับศักดิ์สิทธิ์มาก เทพเจ้าเท่านั้นที่รู้ดีว่าใครที่ยึดครองคัมภีร์นี้ก็คือคนชั่ว...คนกลุ่มนั้นผ่านเข้าไปในสวนอุทยาน และจากนั้นผ่านเข้าซุ้มประตูเมืองไปทางด้านหลังตำหนักม่วงทอง ขณะนั้นพวกเขาจึงได้ตระหนักว่ายังมีวิหารม่วงทองที่สูงเสียดฟ้าอยู่ที่ด้านหลัง
เหมือนกับว่าตำหนักม่วงทองปลอมนั้น เป็นเพียงซุ้มประตูด้านหน้าเท่านั้น
สิ่งที่แตกต่างประการเดียวก็คือทางผ่านสีม่วงทองด้านหลังไม่มีม่านพลังทองป้องกันและม่านพลังสีทองคลุมอยู่ที่วิหารม่วงทองเท่านั้น
เมื่อก้าวเดินไปบนบันไดหยกเย่ว์หยางพบว่าอาคารสิ่งก่อสร้างด้านหลังมีขนาดที่ใหญ่กว่าอย่างน้อยใหญ่กว่าอาคารด้านหน้าสามเท่า เส้นทางผ่านเข้าไปมีความสูงร้อยเมตรขณะที่มองขึ้นไปให้ความรู้สึกว่าสูงหลายร้อยเมตร เส้นทางผ่านเข้าไปในใจกลางพื้นที่มีความยาวมาก กว้างกว่าสนามฟุตบอลหลายเท่า เมื่อเย่ว์หยางกับพวกเดินทางมาถึงพื้นที่ใจกลางหุ่นโลหะที่นอนระเนระนาดอยู่บนพื้นพลันลุกขึ้นยืนทำให้เย่ว์หวี่สะดุ้งตกใจ ตอนแรกนางคิดว่าสิ่งนี้ใช้ไม่ได้แล้วคาดไม่ถึงว่ามันจะขยับเคลื่อนไหวได้
ก่อนนั้นคิดว่าเจ้าสิ่งนี้ตายแล้ว แต่คาดไม่ถึงว่าเจ้าสิ่งนี้กลับเป็นยักษ์ไตตันไปได้
อย่างน้อยก็เป็นยักษ์ไตตัน เจ้าตัวนี้ก็คือมนุษย์ที่มีชีวิตขนาดยักษ์ใหญ่นั่นเอง
เพราะร่างนี้มีขนาดสูงใหญ่มากแม้จะไม่มีเอกลักษณ์อะไร แต่ก็ทำให้ผู้คนรู้สึกว่าตัวเล็กได้ เหมือนกับภูตผี แต่ความจริงไม่ใช่ภูตผีเป็นพลังงานพิเศษที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง เจ้าร่างที่เหมือนกับหุ่นนี้สวมใส่เกราะรบขนาดยักษ์มหึมา...ดูเหมือนเป็นมนุษย์ยักษ์ที่สวมชุดเกราะหนาใหญ่พอๆ กับกำแพงเมือง
ในมือของมันถือดาบขนาดใหญ่เท่ากับถนนและโล่ใหญ่เท่ากับจัตุรัสลานเมือง
มันแค่หยุดอยู่ข้างหน้าเย่ว์หยางกับพวกขวางทางเย่ว์หยางและองค์หญิงเชียนเชียน
สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือพลังงานยักษ์ใหญ่มหึมาสะท้อนพลังงานทั่วทางผ่านเข้าวิหารม่วงทองทั้งหมดและสร้างเป็นพลังกฎสวรรค์ที่คล้ายกับวิญญาณพิทักษ์ของเย่ว์ชิวที่คอยพิทักษ์ทางเข้าโลกพฤกษาในบันไดสวรรค์
ถ้าไม่ได้รับการยอมรับจากพลังนี้จะไม่มีใครผ่านเข้าไปได้ ต่อให้เป็นเทพก็ตาม
หรือจะสู้ต่อ?
เย่ว์หยางไม่ยอมสิ้นเปลืองพลังงานไปเปล่าๆแน่นอน!
คนฉลาดมักจะใช้วิธีของนักการทูต เย่ว์หยางทำเป็นพูดสุภาพ “ยักษ์หลับในการตามหาสิ่งที่เรียกว่าคัมภีร์เทพ เราลำบากผ่านอุปสรรคยากเย็นมานานัปประการเอาชนะศัตรูที่ทรงพลังที่สุด ในที่สุดเราก็มาถึงหน้าคัมภีร์เทพ ผู้พิทักษ์ผู้ซื่อสัตย์ บางทีท่านอาจจะรู้มานานแล้วว่าภารกิจที่แสนซื่อสัตย์ของท่านมาถึงที่สุดแล้วโปรดให้อิสระแก่เราได้เป็นเจ้าของใหม่ของคัมภีร์เทพด้วยเถอะ! ผู้พิทักษ์ที่น่าชื่นชมโปรดให้เราได้ตอบแทนท่านบ้าง บอกนามที่ทรงเกียรติของท่านและชื่อของท่านจะรับการกล่าวขานในโลกตลอดไป!”
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนแทบจะทรุดลงกับพื้น คารมเจ้าเด็กนี่ลื่นไหลดีนักเมื่อเจ้ากลายเป็นเจ้าของใหม่ของคัมภีร์เทพหรือ? กันคนอื่นจากสิทธิ์นี้ เจ้าคว้าสิทธิ์สบายๆ ไม่เคยเห็นคนแบบเจ้ามาก่อนเลย
จุ้ยมาวอี้ต้องบอกว่านางเลื่อมใสสามีหนุ่มของนางอยู่แล้ว! แค่กลเม็ดหลอกล่อคนตายนั่นคือฝีมือแท้จริง
เย่ว์หวี่ถึงกับเหงื่อซึมเล็กน้อย เสี่ยวซานนี้ไม่ว่าจะกล่อมเด็กหรือกล่อมสาวๆทำเหมือนกันหมดไม่เว้นแม้แต่คนภายนอก
แน่นอนว่าพวกนางเงียบเพราะเข้าใจกลยุทธ์ของเขา
เมื่อว่าถึงประสิทธิภาพของการเจรจาของเย่ว์หยางเสวี่ยอู๋เสียยังบอกว่าไม่มีที่ติ มิฉะนั้นคนที่ร่วมมือกับเย่ว์หยางคงไม่มีแค่เพียงนางเป็นแน่ นางเองก็คิดว่าใช้ปัญญาแก้ปัญหาเป็นทางเลือกแรกที่สุด
“เจ้าเป็นนักผจญภัยหรือ? อา...มีนักผจญภัยมาที่นี่หลายคน และบาบูเองก็ดีใจจริงๆ” พลังที่คาดว่าเป็นยักษ์ไตตันระเบิดพลังของตนเองออกมาซึ่งสั่นสะเทือนไปทั้งทางผ่านมันโน้มตัวลงครึ่งหนึ่ง ศีรษะใหญ่โตของมันมองดูมนุษย์ที่ตัวพอๆกับมดข้างหน้าของมันและกล่าว “นักผจญภัย,บาบูก็เคยเหมือนกับเจ้า ตะลุยไปทางตะวันตกเพื่อไล่ตามความฝันในใจ เพื่อพลังที่เฉียบคม เมื่อเข้ามาในแดนสวรรค์มีธนูยิงที่เข่า...”
“ฉัวะ” ขณะที่เย่ว์หยางฟังมีเลือดสาดกระเซ็นลงพื้น
ที่เหนือเข่าเล็กๆ ขนาดนั้นธนูไม่อาจทำอะไรได้