ตอนที่ 993 รักแท้?
บนบันไดรอบนอก
หมิงลี่ฮ่าวยังคงนั่งอยู่กับที่ พลังโจมตีที่รุนแรงของจ้าวสุริยาทำร้ายร่างของเขาจนบาดเจ็บสาหัส ถ้าไม่ใช่เพราะความแข็งแกร่งและเขามีพลังชีวิตกล้าแข็งกว่าแมลงสาบเกรงว่าคงจะทรุดกับพื้นเสียชีวิตไปแล้ว
เสี่ยวโฉ่วกับจูกวงปรากฏตัวขึ้น
เมื่อเห็นหมิงลี่ฮ่าวในสภาพอย่างนี้เสี่ยวโฉ่วตาเป็นประกาย
จูกวงไม่เปลี่ยนสีหน้าแต่อย่างใดนางเดินวนรอบหมิงลี่ฮ่าวสองรอบและเหมือนกับจะหัวเราะเยาะ?
“ดูท่านสิ, โอว, เวลาผ่านไปกี่ปีแล้วถึงค่อยมาปรากฏตัวถ้าท่านไม่มาท่านยังจะตายหรือไม่?” จูกวงพึมพำและเดินผ่านม่านพลังสีทองเข้าไปหาหมิงลี่ฮ่าว นางเดินวนรอบเขาสองรอบและหัวเราะเบาๆ “แม่ทัพใหญ่ที่รักของข้าท่านเป็นบุรุษที่ทรงพลังที่สุดของเผ่าหมิง ท่านเกลียดคนชั่วราวกับศัตรู ท่านเกลียดและอยากจะแก้แค้นท่านมาเมืองลู่หลิวเพื่อจับตัวข้าไม่ใช่หรือ? ทำไมไม่ลงมือเล่า? โอว.. ท่านพลาดโอกาสไปแล้วสินะ แต่ไม่เป็นไรยังมีโอกาสอยู่ มาเลยมาจับข้าไปประจานที่จัตุรัสรัศมีจันทร์ได้เลย คนทรยศอย่างข้า อย่างน้อยต้องถูกประหารอยู่แล้ว!”
“.....” หมิงลี่ฮ่าวยังนั่งนิ่งเหมือนกับคนตาย
“ข้าอยู่ข้างหน้าท่านแล้ว ทำไมถึงไม่ลงมือเล่า? ขอข้าดูหน่อยเถอะมันเป็นเรื่องยากที่ท่านจะได้รับบาดเจ็บสาหัส ใครกัน? ใครทำบุรุษที่แข็งแกร่งที่สุดกล้าหาญที่สุดของเผ่าหมิงต้องทุกข์ทรมานกลายเป็นเต่าหดหัวในกระดอง?” จูกวงเยาะเย้ย
“....” หมิงลี่ฮ่าวยังคงไม่พูด
“เจ้าเกลียดข้ามากไม่ใช่หรือ? ใช่สิ, ข้าทรยศต่อท่าน ไม่สิข้าทรยศต่อเผ่าหมิงทั้งหมดทรยศต่อท่านหญิงหมิงเยี่ยกวงผู้บริสุทธิ์ผุดผ่อง ท่านยังเป็นพี่ชายที่แสนประเสริฐที่สุดของนางไม่ใช่หรือ? ทำไมท่านต้องมาตามหาคนทรยศอย่างข้าด้วย เงียบอยู่ทำไม? ฮะฮะฮะ ข้ารอมาหลายพันปีแล้ว คิดจะให้คนบ้ามาแก้แค้นแต่ข้าคาดไม่ถึงเลยว่ากลับกลายเป็นรอคนขี้ขลาด เพราะอะไรท่านถึงได้เป็นเช่นนั้น? อย่างนั้นข้าขอเดา ต้องเป็นจักรพรรดิอวี้ จักรพรรดิอวี้ทำให้ท่านกลัวจนท่านกลายเป็นคนขี้ขลาด!” จูกวงยังเย้ยหยันต่อไปไม่หยุดหย่อน
“จูกวง!” เสี่ยวโฉ่วดูเหมือนไม่ชอบที่จูกวงเข้าไปใกล้หมิงลี่ฮ่าวเกินไป เขาพยายามกระซิบบอก
“เชิญไปเอาคัมภีร์เทพของเจ้าเถอะ ปล่อยข้าไว้ที่นี่ตามลำพัง!” จูกวงโกรธอย่างคาดไม่ถึง นางหันกลับมาตะคอกใส่เสี่ยวโฉ่ว “
“ข้าชอบสมบัติเหล่านี้ แต่เจ้าก็รู้ข้าพยายามทำตามแผนเหล่านี้ให้สำเร็จเพื่อใคร” ตาของเสี่ยวโฉ่วแสดงความโกรธ แต่เขาพยายามระงับโทสะ
“คำแก้ตัวของเจ้า ข้าจะเชื่อถือได้หรือ?” จูกวงแค่นเสียง
“เจ้า.....”
เสี่ยวโฉ่วโมโหเขารี่เข้าหาเงื้อมือขึ้นตั้งใจจะตบหน้าของจูกวง
จูกวงไม่กลัวเสี่ยวโฉ่ว ไม่เพียงแต่ไม่หมอบหลบหน้าแต่นางกลับเสนอหน้าที่มีเสน่ห์ของนางเข้าหาเสี่ยวโฉ่ว “ตบตีได้เลย ข้ารู้ว่าเจ้าต้องการทุบตีข้า ข้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้า ทำไมเจ้าต้องขู่ว่าจะตบข้าด้วย”
เสี่ยวโฉ่วเงื้อมือค้างทำท่าจะตบอยู่หลายครั้ง
ในที่สุดเขาลดมือลง
เขาพูดเบาๆด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนอย่างที่ไม่เคยมีใครได้ยินมาก่อน “จูกวง! เจ้าน่าจะเข้าใจข้า ข้าสามารถเป็นศัตรูกับคนได้ทั้งโลกแต่กับเจ้าข้าไม่กล้าทำร้ายแม้แต่ปลายเส้นผม ไม่ว่าจะเป็นจื่อฟง หรือหมิงลี่ฮ่าวคนพวกนี้แค่ใช้เจ้าเป็นเครื่องมือ และเจ้าเป็นคนฉลาดรู้ว่าอะไรเหมาะสมที่สุดเจ้าบอกให้ข้าเอาเลือดเทพและคัมภีร์เทพ ข้าอยากจะบอกว่าของเหล่านี้ไม่เหมาะกับเรา... จูกวง ถ้าเจ้ายินดีจะไปกับข้า ข้าสามารถละวางคัมภีร์เทพและละทิ้งทุกอย่างในโลกนี้ได้”
จูกวงหัวเราะลั่น “ดี, เจ้าเป็นอิสระและสบายแล้วงั้นเจ้ายังจะรออะไร? เจ้าไปรอข้างนอก ส่วนข้าจะตามหาคัมภีร์เทพก่อนแล้วค่อยวิ่งไปหาเจ้าอย่างนี้ดีไหม?”
ร่างของเสี่ยวโฉ่วสั่นสะท้านสายตาของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาฝืนใจพูด “จูกวง ที่สำคัญเจ้ายังไม่เชื่อใจข้า!”
จูกวงส่ายหน้าและมองเขาอย่างเหยียดหยาม “เชื่อเจ้าน่ะหรือ? เจ้ายังไม่เชื่อมั่นกระทั่งตัวเอง มือซ้ายของเจ้ายังไม่เชื่อมือขวาเจ้ายังต้องการให้ข้าเชื่อเจ้าอีกหรือ?”
“จะเป็นยังไงถ้าข้ายังละทิ้งคัมภีร์เทพได้จริงๆ?” เสี่ยวโฉ่วกัดฟันพูด
“อย่างนั้นเจ้าก็ไม่มีประโยชน์ ไสหัวไปซะเถอะ!” จูกวงไล่เขาอย่างเย็นชา
“เจ้า....” ต่อให้เสี่ยวโฉ่วอารมณ์ดีก็อดระเบิดอารมณ์โมโหไม่ได้ เขาโกรธจัดจนหน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงมือของเขากำบอลสามสีไว้แน่น และดวงตาแดงก่ำจนเส้นเลือดปูดโปนขึ้น
“เสี่ยวโฉ่ว! โปรดอย่าทำกับข้าเหมือนกับเป็นคนปัญญาอ่อนได้ไหม? อย่าทำร้ายตัวเจ้าเองอีกต่อไปเลย เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร? เมื่อเทียบดูแล้วเจ้าเป็นขยะที่ไร้ค่าที่สุดในโลก แต่สิ่งที่น่าเศร้าที่สุดก็คือเจ้าทำตัวราวกับว่าตนเองเป็นนักบุญ ลืมไปแล้วหรือว่าเจ้ามาจากไหน? ชีวิตเจ้าผ่านการทรยศมาอย่างต่อเนื่องเจ้าทรยศดินแดนมาตุภูมิของตนเอง ทรยศหอทงเทียน ทรยศจักรพรรดิอวี้ผู้สง่างามจากนั้นเจ้ายังจะทรยศหักหลังอาจารย์ของเจ้า ถ้าข้าต้องพูดถึงประวัติการทรยศของเจ้ามันมากเกินไป เจ้ายังจำเรื่องไฟสงครามที่หุบเขาซิงกู่ในอดีตได้อีกหรือ? ใครเล่าเป็นผู้พูดชี้ทาง ฮ่าฮ่าฮ่าข้าคิดว่าพวกราชาชิงหลางต้องไม่ยอมตายแน่ทุกอย่างเป็นปีศาจร้ายอย่างเจ้าบงการอยู่เบื้องหลัง! ใครฆ่าราชินีซิงกู่ ชิงหลางโหลวลั่วหรือว่าว่านเจียว? พวกเขาจะทำอะไรได้กลับกลายเป็นว่าเจ้าคือคนที่อยู่เบื้องหลัง และจงใจให้พวกเขาวางเพลิงเผาหุบเขาและจากนั้นจึงล้างแค้นหรือ? เจ้าปล่อยให้หอทงเทียนตกอยู่ในเงื้อมมือของนักรบแดนสวรรค์ ส่วนตัวเองหนีไปหุบเขาซิงกู่ เป็นเพราะความเมตตาของราชินีซิงกู่จึงรับเจ้าให้อยู่ด้วยและรักษาอาการบาดเจ็บเจียนตายของเจ้า แต่เจ้ากลับตอบแทนนางด้วยการข่มขืน”
จูกวงชี้หน้าเสี่ยวโฉ่วและประจานเขาไม่หยุด “อย่ามาทำให้ข้าคลื่นไส้หน่อยเลย เจ้าทำเป็นคุกเข่าต่อหน้าราชินีซิงกู่ขอให้ราชินีซิงกู่ยกโทษให้เจ้าแต่เจ้าก็ทำตัวเป็นสัตว์ป่าข่มขืนนางอีกครั้งเพื่อความสะใจกับความเศร้าโศกและอัปยศอดสูของนาง...เมื่อเจ้าสำนึกผิดและข่มขืนราชินีซิงกู่ นางอภัยให้เจ้าไม่รู้กี่ครั้ง และเจ้าก็สนุกกับการวางแผนทำร้ายจิตใจนาง เสี่ยวโฉ่ว! เจ้าเป็นคนน่ารังเกียจถึงเพียงนั้น! จนกระทั่งราชินีซิงกู่ตั้งครรภ์ เพื่อกำจัดประชาชนชาวหุบเขาซิงกู่ที่เกลียดชังเจ้า เจ้าจงใจหลอกล่อราชาชิงหลางกับพวกพ้อง ทั้งวางยาพิษในอาหารเขาปล่อยให้เขาแบกรับบาปที่น่าอดสูเพื่อปกปิดความชั่วร้ายของเจ้า!”
เสี่ยวโฉ่วตัวสั่นและชี้หน้าจูกวงด้วยนิ้วอันสั่นเทา “เจ้า... เจ้ารู้เรื่องนี้ได้อย่างไร?”
จูกวงหัวเราะพลางมองดูหน้าเสี่ยวโฉ่วอย่างลึกซึ้ง “นี่คืออดีตที่ข้ามองเห็นผ่านดวงตาของข้า ข้าเห็นเจ้าแทงท้องราชินีซิงกู่ แล้วทำเป็นออกไปขอความช่วยเหลือ ทั้งที่เจ้าฆ่าลูกของนาง เสี่ยวโฉ่ว เจ้าจะบอกว่าเจ้าจริงใจใช่ไหม? ขอถามหน่อยว่าเจ้าเชื่อถือได้หรือไม่?”
เสี่ยวโฉ่วก้มลงกับพื้นเอามือปิดหน้า
เป็นเวลานาน
โดยไม่พูดอะไร
จนกระทั่งจูกวงเตรียมจะจากไปเขายื่นมือออกไปรั้งจูกวง “ข้าจริงใจกับเจ้า เจ้าต้องเชื่อข้า ข้ารักเจ้า ถ้าข้าไม่จริงใจกับเจ้า ทำไมข้าจึงต้องแบ่งสิ่งนี้ให้เจ้าด้วย? ข้าผ่านสตรีมามากมายหลายคน แต่ข้าทำเพื่อเจ้าจริงๆ! ข้ายอมรับว่าบ้า แต่ข้ารักเจ้ามากกว่าที่จื่อฟงมีต่อเจ้า!”
จูกวงยิ้มนางเดินนวยนาดเข้าหาเสี่ยวโฉ่วและเอื้อมมือเข้าไปหาเสี่ยวโฉ่ว “เจ้ารักข้ามาก งั้นก็รีบกอดข้า ข้ารอจุมพิตจากเจ้าไม่ไหวแล้ว!”
เสี่ยวโฉ่วสะดุ้งเฮือกราวกับถูกอสรพิษกัดก้น
ตัวเขากระโดดหลบ
ขณะที่มือของจูกวงยื่นเข้ามาใกล้จะถึงเขาผงะถอยหลังด้วยความตกใจ
“ฮะฮะ นี่น่ะหรือสีหน้าของคนที่จะรักข้า?” จูกวงหัวเราะ
“ข้ารักเจ้า แต่เจ้าจะจับทักษะของข้าได้... ถ้าเจ้าไม่มีทักษะเช่นว่านั้น ข้า....” เสี่ยวโฉ่วพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อแก้ตัวแต่พูดยังไม่ทันจบประโยค จูกวงก็ตบหน้าเขาเสียก่อน พอเขาจะสนองตอบก็ถูกตบหน้าอีกครั้ง
“อย่าพูดว่ารักข้าอีก มันทำให้ข้าคลื่นไส้!” จูกวงถอนหายใจใช้สายตาดูถูก
“ข้าจริงใจนะ....” เสี่ยวโฉ่วสั่นไปทั้งตัว
“ไสหัวไป!” นี่คือคำตอบจากจูกวง
“เจ้าไร้น้ำใจเกินไปแล้ว! ข้าทำเพื่อเจ้าตั้งมากมาย แต่เจ้าทำกับข้าอย่างนี้หรือ? ในอดีตที่ผ่านมาใครเป็นคนช่วยเจ้า ทั้งที่เผ่าหมิงทั้งหมดต้องการฆ่าเจ้า มีแต่ข้าที่ช่วยเจ้าถ้าไม่ใช่เพราะข้าช่วยไว้ เจ้าจะมีชีวิตจนถึงวันนี้หรือ?” เสี่ยวโฉ่วตะคอกอย่างบ้าคลั่ง
“ขอบคุณ, ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้า ข้าคงไม่เห็นตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์โจมตีบ้านเกิดข้าและสังหารพี่น้องชายหญิงของข้า แม้ว่าข้าไม่ชอบคนพวกนั้น แต่ไม่ได้หมายความว่าข้าชื่นชมการกระทำของของพวกเจ้า! เจ้าช่วยข้าแล้วเจ้าไม่ได้ใช้ข้าหรือ? เราแค่ร่วมงานกันทำเท่านั้น ระหว่างเราไม่มีความสัมพันธ์ เจ้าบอกว่าเจ้ารักข้าบอกตามตรงว่าข้าฟังแล้วไม่สบายใจ” จูกวงยิ่งพูดน้ำเสียงยิ่งเย็นชา
เผียะ!
เสี่ยวโฉ่วอดบินเข้ามาตบจูกวงมิได้
พลังของเขาเหนือกว่าจูกวงมาก
แรงตบครั้งนี้เกิดขึ้นจากความเกลียดชัง
ขณะนั้นหน้าของจูกวงบวมและริมฝีปากมีเลือดไหลออก
เสี่ยวโฉ่วดูเหมือนจะรู้สึกเสียใจ แต่เขาไม่กล้าเข้าใกล้จูกวง ได้แต่ขอโทษด้วยความรู้สึกผิด “จูกวง! ข้าขอโทษ, ข้าไม่ได้ตั้งใจ ข้าโกรธจนลืมตัว ข้าผิดไปแล้ว อย่าโกรธข้าเลย ไปกันเถอะ ข้าไม่ต้องการคัมภีร์เทพอีกแล้ว ตราบเท่าที่เจ้ายินดีจะติดตามข้าไป ข้าไม่ต้องการอะไรทั้งนั้น”
จูกวงเช็ดเลือดที่มุมปากนางแล้วยิ้ม “ถ้าข้าอายุเพียงสามขวบ เจ้าคงหลอกให้ข้าเชื่อได้สำเร็จ แต่น่าเสียดายที่ข้าไม่ใช่เด็กสามขวบ เจ้าไปซะเถอะ ไม่ต้องมาหลอกข้าอีกต่อไปโลกนี้จะไม่มีใครหลอกข้าได้อีก ถ้าเจ้าคิดว่าพูดจาหวานหู เจ้าคิดว่าจะเกลี้ยกล่อมข้าได้หรือ ขอโทษข้าไม่ใช่คนอย่างที่เจ้าคิดข้าเป็นคนแบบนี้!”
เสี่ยวโฉ่วโวยวายลั่น “เจ้าไม่ต้องบ่ายเบี่ยง จูกวง เจ้าต้องไปกับข้า!”
หน้าผากจูกวงมีผมปรกยุ่งเหยิงแต่อิริยาบถของนางชดช้อยงดงามนางพูดกระซิบเบาๆ “ถ้าข้าบอกว่าไม่ล่ะ?”
แววอำมหิตปรากฏในดวงตาของเสี่ยวโฉ่ว “อย่างนั้นข้าจะฆ่าเจ้า! ข้าไม่เพียงแต่ฆ่าเจ้าแต่จะฆ่าเทวีเสรีภาพพี่สาวของเจ้า และฆ่าหมิงลี่ฮ่าวชายคนรักของเจ้า! ดูเขาสิไม่ต่างอะไรกับสุนัขตาย ข้าฆ่าเขาได้ทุกเมื่อ ถ้าเจ้ายอมติดตามข้า ข้าอาจจะยอมไว้ชีวิตเขา!”
จูกวงหัวเราะเสียงดัง
นางหัวเราะจนน้ำตาไหล
หลังจากนั้นนางหยุดหัวเราะและชี้มาที่อกตนเอง “ข้าจะแนะนำให้เจ้าก่อเรื่องที่ชั่วร้ายยิ่งขึ้นดีไหม?ทำไมเจ้าไม่ข่มขืนข้าต่อหน้าหมิงลี่ฮ่าวเสียเลย?เหมือนกับที่เจ้าทำกับราชินีซิงกู่ เอาเลยรับรองได้ว่าข้าจะไม่ต่อต้าน ข้าจะไม่ใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ที่ราชินีซิงกู่ถ่ายทอดให้..ในอดีตนางเชื่อว่าเจ้าจะเปลี่ยนนิสัยได้จึงไม่ยอมใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ฆ่าเจ้า วันนี้ข้าจะให้เจ้าได้มีโอกาส...”
เสี่ยวโฉ่วกลืนน้ำลายทำท่าเหมือนจะขยับ
แต่ในที่สุด เขาส่ายหน้า
ใบหน้าของจูกวงมีรอยยิ้มแปลกประหลาด “ทำไมคนหยาบกร้านกักขฬะถึงกลายเป็นสุภาพบุรุษผู้ถ่อมตนต่อหน้าสตรีไม่ดีเล่า? ให้ข้าเดานะ เมื่อราชินีซิงกู่ถูกฆ่าเจ้าถูกพลังศักดิ์สิทธิ์ลงโทษให้เป็นขันที? หรือว่าบังคับให้เป็นนักบวช?ไม่เลยราชินีซิงกู่มีจิตใจเมตตาไม่ทำเช่นนั้น แม้ว่าเจ้าจะฆ่านางและบุตรของนางนางก็ยังภาวนาของให้เจ้าเปลี่ยนเป็นคนดีได้สักวัน... ฮ่าฮ่าฮ่า เสี่ยวโฉ่ว เจ้ารู้ไหมทำไมเจ้าถึงไม่สามารถละทิ้งความเป็นมนุษย์ได้?เป็นเพราะข้า ข้าใช้พลังคำสาปของราชินีซิงกู่สาปเจ้า จนกระทั่งถึงวันนี้ข้าจึงค่อยบอกความลับนี้แก่เจ้า! เป็นไงเล่า เสี่ยวโฉ่ว เจ้าโกรธมากนักไม่ใช่หรือไม่ว่าเจ้าจะต้องการฆ่าข้าในทันทีหรือไม่? ข้าก็ทำไปแล้ว”
หลังจากเสี่ยวโฉ่วได้ยินแล้วหน้ากากเงินของเขาร่วงลงพื้นอย่างควบคุมไม่ได้
หน้าของเขาบิดเบี้ยวน่าเกลียดยิ่งกว่าคนตาย
ใบหน้าของเสี่ยวโฉ่วบิดเบี้ยวน่ากลัวมีทั้งความโกรธแค้นแปลกใจ บ้าคลั่งระคนหดหู่..เขาตบหน้าจูกวงกระเด็นออกไปร้อยเมตรและบีบคอนางเค้นเสียงที่กลัวด่าทอ “นังแพศยา, ข้าจะโยนเจ้าให้ฝูงสัตว์รุมทึ้งกินข้าจะถลกหนังเจ้าใช้มีดแล่เป็นชิ้นๆ แล้วทำอาหารแกล้มเหล้า ถ้าข้าไม่เชือดเฉือนเจ้าก็อย่ามาเรียกข้าว่าเสี่ยวโฉ่ว!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า นี่คือความรักของเจ้าหรือ? ไม่เลวข้าเริ่มรู้สึกถึงความรักของเจ้าได้แล้ว” จูกวงแค่นเสียงเยาะเย้ย “ดูดูแล้วนี่แหละคือโฉมเดิมของเจ้า เสี่ยวโฉ่ว นี่แหละตัวเจ้า!”
“นังแพศยา, ข้ารักเจ้ามากขนาดนั้น แต่เจ้ากลับทรยศหักหลังข้า” เสี่ยวโฉ่วคำรามอย่างบ้าคลั่ง
“ราชาจื่อฟงสามารถตายเพื่อข้าได้แต่เจ้าพูดได้สองสามคำ ต้องการสับข้าสัก 3,600 ดาบนี่ก็คือความรักของเจ้าเช่นกันใช่ไหม? ที่สำคัญที่สุด เจ้าเชื่อแต่ตัวเอง เจ้าไม่เคยเชื่อใจใครเลย!” จูกวงยังคงหัวเราะนางปาดเลือดที่ใบหน้า นางจัดหน้าและหยิบกระจกเงาออกมาตกแต่งหน้าพอกแป้งตรงบริเวณหน้าที่บวมจนเสร็จแล้วจึงเก็บชุดเครื่องสำอางค์จากนั้นชี้นิ้วไปที่เสี่ยวโฉ่ว “มาสิ,เสี่ยวโฉ่ว ยังจะรออะไรอยู่อีก มาฆ่าข้าได้เลย!”
“เจ้านึกว่าข้าไม่กล้าหรือ?” วิ่งเข้าไปหาจูกวงอย่างรวดเร็วและถลึงตาที่แดงก่ำมองดู แต่จูกวงจ้องตอบโดยไม่หวาดหวั่น ทันใดนั้นเสี่ยวโฉ่วหลบสายตาทันทีและพูดเสียงอ่อน “จูกวง! ข้ารักเจ้าจริงๆ ไปกันเถอะ ตราบใดที่เจ้ายินดีติดตามข้า ข้าจะไม่ถือสาว่าเจ้าทำอะไรกับข้า ข้ารักเจ้ายิ่งกว่าที่จื่อกวงรักเจ้า! จริงๆ นะ ข้าสาบานได้ต่อไปข้าจะดีกับเจ้าให้มากขึ้น เจ้าสามารถลองใจข้าได้ ข้ารู้สึกเสียใจจริงๆ ถ้าเจ้าช่วยข้าคลี่คลายคำสาป ข้าจะไม่ฆ่าเจ้า เจ้าดีกว่าคนอื่นทุกคนในโลก ข้ารักเจ้า!”
“ใช่แล้ว หลังจากข้าหลงคารมเจ้าช่วยคลี่คลายคำสาป เจ้าจะบอกข้าว่าอะไรคือการหลอกลวง!” จูกวงยิ้มหวาน “เสี่ยวโฉ่ว เจ้าเป็นคนฉลาด แต่ก็ไม่โง่ไม่ใช่หรือ?เรื่องโกหกอย่างนั้นข้าพูดเป็นตั้งแต่ตอนสี่ขวบแล้ว”
“นังแพศยาร้ายกาจ เจ้ากำลังรนหาที่ตาย!” เสี่ยวโฉวตาแดงฉานแฝงด้วยรังสีอำมหิตอีกครั้งเขาถอยหลังและชักดาบเงินยาวลักษณะประหลาดชี้ปลายดาบมาที่จูกวง “ข้าจะนับถึงสาม ถ้าเจ้ายังไม่คลี่คลายคำสาปให้ข้า ข้าจะถลกหนังเจ้า อย่านึกว่าเจ้ามีพลังศักดิ์สิทธิ์แล้วจะต้านข้าได้ ถ้าข้าอยากฆ่าเจ้าง่ายกว่าบี้มดเสียอีก”
“เจ้าจะรออะไรอยู่อีก? นับถึงสามเชียวหรือ มากไปหรือเปล่า?” จูกวงถ่มน้ำลาย “ข้าช่วยเจ้านับก็ได้ หนึ่ง สอง....”
“นังแม่มด!” เสี่ยวโฉ่วตวัดดาบตัดแขนข้างหนึ่งของจูกวง
เขาสามารถฆ่านางได้ในดาบเดียว
แต่เขาไม่ต้องการฆ่าสตรีนางนี้เร็วเกินไป
ก่อนที่เขาจะฆ่านาง เขาจะต้องทรมานนางให้สาแก่ใจเสียก่อน ต้องให้นางทนทรมานอัปยศอดสูและเจ็บปวด สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือบังคับให้นางถอนคำสาปพลังของนางด้อยกว่าตัวเขามากเป็นไปไม่ได้ที่นางจะต่อต้านได้
ตอนนี้ตัดแขนนางก่อน จากนั้นค่อยทรมานและบังคับนางให้ถอนคำสาป
หลังจากตัดแขนขานางแล้วค่อยถลกหนัง
หลังจากถลกหนังแล้ว เขายังแล่เนื้อแล่เนื้อเสร็จก็ขูดกระดูก.. วิธีทรมานที่ไม่มีสิ้นสุดนี้ หากนางต้องการตายหรือ? ไม่ง่ายอย่างนั้น ถ้านางไม่คลี่คลายคำสาปเขาจะปล่อยให้นางมีชีวิตอย่างเจ็บปวดทรมานตลอดไป!
จูกวงไม่กลัว นางมองดูดาบมุมของนางยิ้มเล็กน้อย
ไม่ยอมยกแขนเพื่อป้องกันตัว
เหมือนกับว่านางไม่เห็นว่าแขนตนเองกำลังจะถูกดาบที่คมกริบตัด!
มือยักษ์ข้างหนึ่งยื่นออกมาจากด้านหลังนางรับคมดาบไว้อย่างนุ่มนวลขณะเดียวกันมีเสียงถอนหายใจดังขึ้น “ผ่านไปสองสามพันปีแล้ว ทำไมเจ้าถึงยังเป็นอย่างนี้? เจ้าชอบแข่งขันท้าทายนักหรือ?”
“ข้าไม่เปลี่ยน ข้ายังคงเหมือนแต่ก่อน แต่ท่านต่างหากที่คิดว่าข้าเปลี่ยน! ท่านบอกว่าข้าห่วงแต่รักสวยรักงามและไม่รู้จักอาย แต่ท่านปฏิเสธหัวใจข้าไม่ได้... ข้าเป็นสตรีป่าเถื่อน ข้ามองดูไม่สวย ไม่มีสีสันเพื่อให้ข้าได้มีความงดงาม ข้าต้องใช้ลูกปัดอธิษฐานระดับกึ่งเทพ ข้าผิดด้วยหรือ? ข้าเป็นสตรีผู้รักสวยรักงามผิดด้วยหรือ? หัวใจของข้ายังคงดีเหมือนเมื่อก่อน... ข้ากลัวว่าท่านจะตายในหอทงเทียน ข้าเฝ้ามองรอดูการกลับมาของท่านทุกวัน! แต่ท่านคิดว่าข้าทรยศหักหลังท่าน! ข้าทรยศท่านจริงๆ หรือ?ข้าจูกวงต่อให้รักสวยรักงาม แต่ข้าไม่มีทางฆ่าพี่น้องของข้า ท่านไม่รู้หรือว่าศัตรูของท่านฉลาดเจ้าเล่ห์และมีแผนโต้ตอบหรอกหรือ? โง่เหลือเกินข้าอุตส่าห์รอคอยท่านมาหลายปีเพื่ออะไร? ข้ากำลังรอคำสัญญาจากท่าน ท่านบอกว่าเมื่อข้านำทหารกลับมาช่วยเหลือ ท่านจะแต่งงานกับข้า ข้าตื่นเต้นมากในตอนนั้นข้าเข่นฆ่าฝ่าวงล้อมออกไปขอความช่วยเหลือ ข้ายังจำคำสัญญาของท่านได้เสมอ แต่ท่านเล่าทำได้หรือยัง? ท่านซ่อนตัวจากข้าเหมือนกับเต่าหดหัว ส่วนข้ารอเก้อมาเป็นพันปี รอให้ท่านมาแต่งงานกับข้า แต่ท่านเหมือนกับคนขี้ขลาด! ท่านคิดว่าข้าเป็นหญิงเลวสมควรตายใช่ไหม?”
“หุบปาก!” ไม่รู้ว่าหมิงลี่ฮ่าวที่อยู่ด้านหลังจูกวงตวาดลั่นเสียงของเขาแผ่แรงคลื่นกระแทกสะท้านสะเทือนดินส่งผลให้เสี่ยวโฉ่วปลิวออกไปเหมือนกับใบไม้ที่ถูกพายุกวาดใส่
พลังของเขาเมื่ออยู่ต่อหน้าหมิงลี่ฮ่าวไม่คู่ควรแก่การเอ่ยอ้าง
ต่อให้หมิงลี่ฮ่าวบาดเจ็บก็ตาม
“ข้าไม่หยุด!” จูกวงขึ้นเสียงและจ้องมองหมิงลี่ฮ่าวโดยไม่รู้สึกกลัว “ท่านขี้ขลาด เป็นคนไม่มีลูกหลานสืบตระกูล บรรพบุรุษผู้เมตตาตายไปหลายปีแล้วท่านยังไม่สามารถหาหญิงคนรักได้ ท่านเป็นคนแบบไหนกันแน่? เพราะถ้ามีใครบางคนเป็นอย่างท่านโศกนาฏกรรมของภูมิภาคสวนสวรรค์อาจเกิดประวัติศาสตร์ซ้ำรอยได้! ข้าไม่สวยไม่งามหรืออ่อนโยนเหมือนรุ่นบรรพบุรุษของท่าน ข้าเกิดมามีชีวิตและกระตือรือร้น ข้าก็แค่อยากมีส่วนร่วมคิดอุบายเล็กๆ น้อยๆบ้าง ข้าได้สืบทอดลักษณะของท่านปู่รองมาบ้าง ข้าผิดอะไร?เป็นไปได้หรือที่สตรีในโลกนี้จะเป็นเหมือนบรรพบุรุษก่อนนั้น? ท่านมัวแต่เขลา ท่านเห็นสตรีของเย่ว์ไตตันไหมแต่ละนางมีบุคลิกที่แตกต่าง ทำไมเขาถึงมีความสุขอยู่ได้? ทำไมท่านถึงโชคร้ายเล่า? เป็นเพราะท่านเหมือนกับคนตาบอด ไร้น้ำใจเอาแต่เก็บตัวเหมือนเต่าหดหัว เขาเป็นคนที่รักจริง ชีวิตเขาจึงมีความสุข แล้วท่านเล่า? ท่านไม่แยแสถึงคนรัก ด้วยเหตุนี้ชีวิตของท่านจึงมีแต่ความเจ็บปวดและความเศร้าโศกคือสิ่งที่ท่านต้องการ! ในที่สุดข้าอยากจะบอกท่านว่าถ้าท่านเต็มใจปล่อยวางความโศกเศร้าในอดีตรักข้า ยอมรับข้าและทำตามสัญญาในปีนั้น ท่านจะพบกับความสุขทันที จะไม่เกิดโศกนาฏกรรมซ้ำสองเหมือนครั้งก่อน! วิญญาณของบรรพบุรุษศักดิ์สิทธิ์ตายไปแล้ว นางไม่อาจคืนชีพได้อีก แม้นางจะฟื้นคืนชีพนางคงไม่ต้องการเห็นท่านดูโทรมอย่างนี้”
“......”หมิงลี่ฮ่าวไม่รู้จตอบคำถามของจูกวงอย่างไร
“อย่ามาว่าข้าปากไม่ตรงกับใจได้ไหม? ก็ได้ ข้าจะคืนโฉมเดิม ข้าจะไม่ไล่ไขว่คว้าหาความงามโดยไม่ได้เผชิญหน้ากับท่าน ถ้าท่านไม่พอใจอีก ข้าจะตายต่อหน้าท่าน!” จูกวงถอดลูกปัดอธิษฐานสมบัติระดับกึ่งเทพและโยนออกไปอย่างไม่ไยดี
ลูกปัดอธิษฐาน
เปล่งประกายสีทองเจิดจ้าทันใดนั้นจูกวง เปลี่ยนจากร่างที่งดงามกลายเป็นสาวยักษ์สูงมากกว่าแปดเมตร
นางมีกล้ามเนื้อแน่นหน้าของนางกร้านชัดเจนราวกับสลักขึ้นจากศิลา
ก่อนนั้นนางงดงามชนิดล่มเมืองแทบทำให้ผู้คนเดือดร้อน
ตอนนี้แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
น้ำตาเอ่อล้นเบ้าตาของสาวยักษ์จูกวง“อัปลักษณ์มากใช่ไหม? ถ้าท่านไม่ต้องการข้า อย่างนั้นข้าจะขอตาย ข้าจูกวงพูดแล้วต้องทำได้ ท่านจะลองพูดว่าไม่ก็ได้?”
“.....” หมิงลี่ฮ่าวประหลาดใจเล็กน้อยกับความมุ่งมั่นของสาวยักษ์จูกวง เขารู้ว่าลูกปัดอธิษฐานคือรากเหง้าชีวิตของนางคนอื่นไม่อาจแตะต้องได้
“ข้า ข้าอยู่ในสภาพอย่างนี้ ท่านต้องการให้ข้าทำอย่างไรอีก?” สาวยักษ์จูกวงปิดหน้าร่ำไห้
หมิงลี่ฮ่าวถอนหายใจ
บรรยากาศเงียบ
เขาเดินออกมาหนึ่งก้าวและกางแขนขนาดใหญ่
และค่อยๆ โอบนางสาวยักษ์จูกวงค่อยหันหน้ากลับมานางตกตะลึงรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงของหมิงลี่ฮ่าวได้ทันที นางซบแขนเขาร่ำไห้ราวกับว่าต้องการระบายความทุกข์ทั้งหมดที่นางได้รับมาในโลกนี้
อาหงอาหมันและภูตน้อยตั๊กแตนมัจจุราชแอบมองอยู่ตรงทางผ่านมิติมองดูภาพข้างหน้าพวกนางถึงกับทำตาแดง
พวกนางปลาบปลื้ม
เสี่ยวโฉ่วพยายามลอบย่องหนีออกไปเงียบๆ
อาหมันรีบบินเข้าไปอย่างรวดเร็วนางเหยียบเขากับพื้นและหยิบลูกปัดอธิษฐานบนพื้นเตรียมจะส่งให้อาหง
“สมบัติวิเศษนี้นายท่านอาจจะเก็บไว้ไม่ได้” อาหงรับมาดูและรำพึงกับตนเอง
“ทำไมหรือ?” ภูตน้อยตั๊กแตนมันจุราชไม่เข้าใจ
“ท่านหญิงเชี่ยนเชี่ยนและท่านหญิงหวี่หลังจากที่พวกนางรู้เรื่องนี้เข้า พวกนางอาจมอบคืนจูกวงในงานแต่งงานของนางก็ได้” อาหงอธิบายให้ฟัง ภูตน้อยตั๊กแตนมัจจุราชย้อนถาม “สมบัติของคนอื่น เอามาใช้เป็นของขวัญแต่งงานจะไม่มีปัญหาหรือ?”
“สมบัติที่ได้มาแล้ว ส่งคืนกลับไปอีกสำหรับนายท่าน เป็นเรื่องที่พบเจอได้ยาก” อาหงเบ้ปากล้อเลียน
“อืมม...แม้แต่อาหมันก็เห็นด้วยกับเรื่องนี้