ตอนที่ 992 คัมภีร์ปลอม?
อู่หลานที่ซ่อนตัวอยู่ห่างๆลอบมองดูการต่อสู้ เมื่อนางเห็นฉากภาพนี้น้ำตานางทะลักจากเบ้าทันที
หน้าของนางมีความสุขเพราะได้รับอิสระ
นางไม่ยอมเสียเวลาแม้แต่วินาทีเดียวแปลงร่างเป็นกาทองกางปีกและบินออกไปด้วยความเร็วสุดชีวิต
พวกขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนก็รู้ถึงความคงอยู่ของสตรีเผ่ากาทอง แต่ในเวลานี้พวกนางเป็นห่วงเย่ว์หยางมากกว่าและพวกนางคร้านจะสนใจอู่หลาน เจ้าสุริยาศัตรูที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตายนั่นย่อมดีกว่าอะไรทั้งหมดเช่นเดียวกันอู่หลานก็ไม่ใช่ศัตรูคู่แค้นหลัก ที่สำคัญนางเป็นคนเผ่าภูตบูรพาทั้งก่อนหน้านี้ เผ่ากาทองสามขาก็มีไมตรีที่ดีต่อเย่ว์หยางมาก่อน หากไม่ใช่ศัตรูที่เกลียดชังกันจนถึงกับต้องฆ่าให้ได้องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนไม่อยากเป็นศัตรูกับพวกหุบเขาสุริยันต์ ศัตรูที่แข็งแกร่งที่สุดก็คือตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์
จุ้ยมาวอี้จับมือเย่ว์หวี่และถามอย่างตื่นเต้น “เจ้ารู้ได้ยังไงว่าจ้าวสุริยาจะตายภายใต้อำนาจคัมภีร์เทพ?”
หรือว่าเจ้าทำสัญญากับคัมภีร์เทพ
เรื่องแบบนี้ไม่มีใครกล้าพูดแน่นอน
คัมภีร์เทพมีวิญญาณและเลือกเจ้านายของตนเอง แม้ว่าจะเป็นคนที่มีความมั่นใจและมีพรสวรรค์อย่างเย่ว์หยางก็ยังไม่มั่นใจว่าจะทำสัญญากับคัมภีร์เทพได้ แต่อย่างไรก็ตามมันไม่สามารถทำสัญญาได้ก็ไม่ได้หมายความว่าคนที่ทำสัญญาด้วยจะต้องถูกระเบิดตาย... คัมภีร์เทพไม่ใช่ปีศาจชั่วร้าย มันไม่ยอมรับเจ้านาย ถ้าท่านไม่ใช่ท่านก็แค่ถอนตัวออกมา ความจริงก็ไม่เห็นต้องฆ่าคนที่ทำสัญญาไม่ได้เลย
อย่างไรก็ตามจ้าวสุริยาลองทำสัญญากับคัมภีร์เทพแล้วร่างระเบิดตายนั่นเป็นเรื่องจริงที่ทุกคนเห็นประจักษ์
เย่ว์หวี่รู้ได้อย่างไรว่าคัมภีร์นั่นทำสัญญาไม่ได้?
ขณะนั้นใจทุกคนมีแต่ปริศนาพวกนางมองดูเย่ว์หวี่ด้วยความสงสัย
“นั่นไม่ใช่คัมภีร์เทพ” เย่ว์หวี่พบว่าหัวใจของน้องชายนางเริ่มเต้นแรงขึ้น และอาการบาดเจ็บของเขาฟื้นตัวอย่างช้าๆจากพลังงานของทุกคน แม้ว่าเขาจะยังไม่ฟื้นขึ้นมาในทันที แต่อาการก็ดีขึ้นและนางรู้สึกโล่งใจ นางขยับและบอกให้ทุกคนนั่งและตัวนางเองยังนั่งอยู่บนพื้นอย่างเหนื่อยล้าโอบกอดร่างของเย่ว์หยางและปล่อยให้เขาหนุนตักนาง นางรับน้ำแร่ที่ภูตน้ำของนางส่งให้นางจิบและให้กับทุกคน จากนั้นอธิบายต่อ “ก็อย่างที่เราทราบก่อนแล้วว่าที่ตำหนักม่วงทองมีคัมภีร์เล่มใหญ่มองดูคล้ายคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์หรือคัมภีร์เทพตอนแรกข้าเองก็ไม่ใส่ใจ อย่างไรก็ตามในขณะที่สมองสับสนเหมือนอยู่ในทะเลปั่นป่วน ข้าพลันได้รู้ความจริงรู้สึกถึงความจริงเรื่องนั้น นั่นก็คือคัมภีร์นั่นไม่ใช่คัมภีร์เทพ เพื่อจะอธิบายเรื่องนี้ ข้าอยากขอบคุณเจ้าก่อนที่ช่วยปลุกข้า ไม่อย่างนั้นข้าไม่ทราบว่าเมื่อใดจะหายสับสน!”
“ไม่ ข้าไม่ได้สำคัญขนาดนั้นข้ามัวแต่ว้าวุ่นใจอยู่” ภูตน้อยตั๊กแตนมัจจุราชหน้าแดงนางกลัวคนอื่นยอนางที่สุด
“ไม่ใช่คัมภีร์เทพหรือ?” จุ้ยมาวอี้ขมวดคิ้ว
“ไม่ใช่คัมภีร์ชั้นศักดิ์สิทธิ์ด้วยใช่ไหม?” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนรู้สึกสับสนเล็กน้อย เย่ว์หวี่มั่นใจว่านั่นไม่ใช่คัมภีร์เทพได้อย่างไร? ทั้งที่นางไม่เห็น นางคาดเดาได้อย่างไร?
“ไม่, นั่นไม่ใช่คัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์แน่นอน!” เย่ว์หวี่โบกมือและหัวเราะ “ความจริงทุกคนคิดซับซ้อนเกินไปและเข้าใจผิดไปเอง ลองคิดดูอาจารย์และผู้อาวุโสรุ่นเก่าสอนอะไรเราไว้ในตอนเริ่มต้นทำสัญญา? คัมภีร์อัญเชิญของทุกคนจะมีได้เพียงหนึ่งเท่านั้น คนเดียวไม่อาจมีสองคัมภีร์ได้ ถ้ามีคนต้องการสะสมคัมภีร์อัญเชิญอย่างไม่รู้จักพอจะได้รับผลสะท้อนกลับตอบโต้จากคัมภีร์อัญเชิญ”
“ต่อให้ผลสะท้อนจากคัมภีร์อัญเชิญจะเป็นเรื่องน่าปวดหัวหรืออาจสูญเสียพลังไป แต่ก็ไม่ควรจะระเบิด!” จุ้ยมาวอี้คิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงจัง
“ดังนั้นข้าถึงได้บอกว่าคัมภีร์ที่ระเบิดร่างจ้าวสุริยาไม่ใช่คัมภีร์อัญเชิญชั้นศักดิ์สิทธิ์ ไม่ใช่คัมภีร์เทพไม่ใช่แม้แต่จะเป็นคัมภีร์อัญเชิญ... นั่นน่าจะเป็นคัมภีร์ปลอม” เย่ว์หวี่ยิ้มและเปิดเผยความจริง
“คัมภีร์อัญเชิญปลอมคืออะไร?”อาหงส์และเจี้ยงอิงไม่รู้เรื่องคัมภีร์อัญเชิญมากนัก และพวกนางรู้สึกประหลาดใจ
“คัมภีร์อัญเชิญปลอมไม่ใช่คัมภีร์อัญเชิญหรือไม่ใช่คัมภีร์อัญเชิญอีกต่อไป เหมือนที่เขากล่าวกันว่าในหอทงเทียนหรือในแดนสวรรค์มีอัจฉริยะผู้มีพรสวรรค์ที่ไม่เลวแต่เพราะสภาพแวดล้อมหรือความสัมพันธ์ที่ไม่ดีพรสวรรค์จึงเริ่มเสื่อมลงในที่สุดก็กลายเป็นนักรบนอกลู่นอกทาง เพราะคนเหล่านี้ไม่มีความชั่วร้ายแต่จิตใจของพวกเขาหลงผิดเสื่อมโทรมลงมากจนกระทั่งการกระทำของพวกเขาไม่สอดคล้องกับกฎดั้งเดิมของคัมภีร์อัญเชิญและขัดแย้งกันอย่างมาก กล่าวอีกนัยหนึ่งคัมภีร์อัญเชิญไม่ยอมรับคนผู้นี้อีกต่อไป แต่คัมภีร์อัญเชิญไม่ใช่มนุษย์มีชีวิต มันไม่อาจบอกได้ว่าข้าไปแล้วลาก่อน แต่พลังปกป้องของคัมภีร์จะอ่อนลงตัวของมันจะไม่มีทางกำจัดเจ้านายได้ คัมภีร์อัญเชิญจะไม่หายไป พลังของกฎสวรรค์บางอย่างจะหายไป เหลืออยู่แต่ส่วนที่เป็นมลภาวะผิวเผิน แต่นั่นคือคัมภีร์อัญเชิญที่มีความบกพร่อง แตกต่างไปจากคัมภีร์อัญเชิญเดิมอย่างสิ้นเชิง”
“ทักษะแฝงเร้นและอสูรพิทักษ์ยังจะมีอยู่หรือไม่?” เจี้ยงอิงถามปัญหานี้ด้วยความสงสัย
“คัมภีร์อัญเชิญดั้งเดิมไม่หายไปเพียงแต่มีการกลายลักษณะไปบางอย่างเท่านั้น ทั้งอสูรพิทักษ์และทักษะแฝงเร้นนอกจากนี้ยังมีพลังกฎสวรรค์ต่างๆ ที่ส่งเสริมการเลื่อนระดับของผู้เป็นเจ้านายพลังป้องกันบางส่วนจะค่อยๆ หายไป เหลือเพียงแต่เปลือกที่ว่างเปล่าของคัมภีร์อัญเชิญ แน่นอนว่านั่นคือคัมภีร์อัญเชิญที่เสื่อมโทรม นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติการใช้งานบางอย่างที่แย่ อย่างเช่นอสูรศึกที่ได้มาบางครั้งถ้าไม่หักหลังก็หนีไปในช่วงเวลาสั้นๆ คัมภีร์อัญเชิญแท้จะหายไป เหลือแต่เปลือกที่ว่างเปล่าและค่อยๆกลายเป็นคัมภีร์อัญเชิญปลอมที่ไม่ได้รับการยอมรับจากกฎสวรรค์ดั้งเดิม ความเข้าใจของเย่ว์หวี่ในเรื่องคัมภีร์อัญเชิญปลอม นางได้ฟังมาจากครูบาอาจารย์ไม่ใช่ที่ได้ยินมาจากแม่สี่และบางส่วนที่นางได้เห็นและได้ยินก็ได้รับแบ่งปันความรู้จากเย่ว์หยาง
“อา..ทำไมถึงมีคัมภีร์อัญเชิญปลอมในตำหนักม่วงทองได้?พี่หวี่! ท่านรู้ว่านั่นเป็นคัมภีร์อัญเชิญปลอมได้อย่างไร?” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนไม่อาจคลี่คลายปัญหานี้ได้
“เหตุผลนั้นง่ายมาก” เย่ว์หวี่มองดูเย่ว์หยางที่ยังหลับอยู่หน้าของเขาเริ่มมีสีเลือด กระดูกอกที่ถูกจ้าวสุริยาทำร้ายกลับงอกขึ้นด้วยพลังรักษาและนางถอนหายใจด้วยความโล่งอก หลังจากตั้งสติได้ เย่ว์หวี่มองดูองค์หญิงเชี่ยนผู้สับสนไปชั่วขณะ นางอดขำไม่ได้ “เจ้าเองก็เข้าใจได้เช่นกัน แต่เพราะเจ้ากังวลเกี่ยวกับการต่อสู้ครั้งนี้มากเกินไป จึงมองข้ามรายละเอียดเล็กน้อยเพราะอู๋เสียไม่อยู่ด้วย เจ้าจึงกังวลใจกับการแบกรับภาระไว้บนบ่าจึงกลายเป็นเรื่องที่สุดฝืนทน ความจริงมีรายละเอียดผิดปกติมากมายมานานแล้ว และข้ากังวลเรื่องนี้จึงค้นไม่พบในทันที ที่จริงตำหนักม่วงทองที่อยู่ข้างหน้านี้ ไม่ใช่ตำหนักม่วงทองที่แท้จริง ความจริงนี่เป็นพื้นที่รอบนอกของพื้นที่เก็บคัมภีร์อัญเชิญ เรายังไม่ได้เข้าสู่พื้นที่เก็บคัมภีร์เทพที่แท้จริงเลย”
“อะไรนะ?” จุ้ยมาวอี้ประหลาดใจ
“เป็นอย่างนี้นี่เอง อา...พระเจ้า..ข้าเข้าใจแล้ว!” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเป็นคนฉลาดอยู่แล้ว เมื่อนางได้ยินเย่ว์หวี่พูดเช่นนี้นางก็เข้าใจได้ทั้งหมด
“นี่ไม่ใช่เขตเก็บคัมภีร์เทพหรือ? เรามาจากข้างนอกอย่างเห็นได้ชัด...” อาหงไม่เข้าใจ ก่อนหน้านี้เย่ว์หยางอยู่ข้างนอกตำหนักม่วงทองและเอาชนะเจ้าตำหนักน้ำคนใหม่ชางหลงได้ และนำพาทุกคนเข้ามาในเขตเก็บคัมภีร์เทพ กฎสวรรค์ข้างในและข้างนอกต่างกันทำไมถึงไม่ใช่พื้นที่เก็บคัมภีร์เทพ?
ตอนอยู่ข้างนอกก่อนหน้านี้ไม่มีใครสามารถเรียกคัมภีร์อัญเชิญได้และไม่มีใครใช้ทักษะแฝงเร้นได้
อสูรศึกจึงถูกนำออกมาไว้ข้างนอก
ส่วนที่นี่ทุกคนสามารถเรียกคัมภีร์อัญเชิญได้อย่างอิสระมีความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด!
ตอนนี้องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเข้าใจนางปรบมืออย่างตื่นเต้น “ข้าสับสนจริงๆ ความจริงนานมาแล้วเราเคยเห็นม่านพลังของคัมภีร์เทพที่แท้จริงมาก่อนแล้ว และยังจำได้ไหมว่าราชาเฮยอวี้เคยโจมตีม่านพลังของคัมภีร์เทพอย่างเอาเป็นเอาตาย? ถ้าไม่ได้รับการยินยอมจากคัมภีร์เทพ ก็ยากที่เราจะเข้าไปในพื้นที่เก็บคัมภีร์เทพ เราเองก็ไม่สามารถผ่านเข้าไปได้ เย่ว์หยางใช้ปราณกระบี่ช่วยส่งเสี่ยวเหวินหลีให้เทเลพอร์ตเข้าไป ต่อมาข้าคิดเรื่องนี้ดูแล้วน่าใช้กวางทะลุมิติของหลิวเย่บุกฝ่าเทเลพอร์ตเข้าไปได้...นอกจากปิงหยินแล้ว ข้าไม่คิดว่าใครจะสามารถเข้าไปในพื้นที่เก็บคัมภีร์เทพได้ง่าย! นั่นเป็นพื้นที่เก็บคัมภีร์อัญเชิญชั้นเทพ แต่เป็นแค่เพียงพื้นที่รอบนอก เป็นขอบนอกของพื้นที่เก็บคัมภีร์เทพ เราได้ผ่านเข้ามาแล้ว มีพลังกฎสวรรค์และข้อจำกัดต่างๆส่วนใจกลางเขตเก็บคัมภีร์จริงๆ เรายังไม่ได้เข้าไป”
เย่ว์หวี่พยักหน้ารับรองว่านี่เป็นเรื่องจริง
จุ้ยมาวอี้ตระหนักรู้ทันที “มิน่าเล่าทำไมพื้นที่เก็บคัมภีร์เทพนี้ถึงได้เข้ามาได้ง่ายๆ? ข้าคิดว่าคัมภีร์เทพแต่ละคัมภีร์คงมีกฎสวรรค์ที่ไม่เท่ากัน”
“กล่าวอีกนัยหนึ่ง คัมภีร์เทพที่แท้จริงหรือตำหนักม่วงทองที่แท้จริงยังอยู่ข้างในใช่ไหม?” เจี้ยงอิงจับมืออาหงและอิคคาอย่างตื่นเต้น
“ข้าไม่รู้ว่าทำไม อาจเป็นความตั้งใจของเทพเจ้าโบราณก็ได้ พื้นที่โดยรอบที่นี่มีขนาดใหญ่โตเป็นพิเศษดูสับสนและซับซ้อน อาจทำมาเพื่อทดสอบจิตใจของมนุษย์ มีการติดตั้งกับดักมากมาย เราควรจะคิดออกมาเป็นเวลานานแล้วว่ามันง่ายเกินไป เทพเจ้าโบราณไม่ควรจะวางคัมภีร์เทพไว้บนโต๊ะยาวและทิ้งไว้ให้คนรุ่นหลังได้ตกทอด นั่นเป็นวิธีทดสอบ และข้ายังจำได้อีกเรื่อง ครั้งหนึ่งแม่สี่เคยแนะนำเสี่ยวซานไม่ให้ไปทดลองทำสัญญากับคัมภีร์เทพ นางต้องรู้ว่านั่นไม่ใช่สิ่งที่ตกทอดได้โดยง่าย...พวกเจ้าลองคิดดู จีอู๋ลี่ไม่ได้พยายามจะเอาคัมภีร์เทพเล่มนี้ เขากลับเสี่ยงชีวิตเข้าสู่มิติดินแดนทดสอบฝีมือ เขาฝ่าฟันอุปสรรคหลายพันปีโดยยังไม่ได้รับคัมภีร์เทพที่เขาต้องการ แต่จ้าวสุริยากลับง่ายจริงๆ เขาสามารถได้รับคัมภีร์เทพอย่างง่ายดายโดยไม่ต้องใช้เวลาและความพยายามมากมายหลายปีหรอกหรือ? จีอู๋ลี่ไม่ใช่คนโง่อย่างแน่นอน ถ้าคัมภีร์เทพเอาไปจากที่นี่ได้อย่างง่ายดาย ทำไมเขาจึงต้องเข้าไปผจญภัยในมิติดินแดนทดสอบฝีมือที่เป็นดินแดนอันตรายอยู่ทุกเวลาเล่า?” เย่ว์หวี่พูดเช่นนั้นทุกคนจึงได้รู้ว่าคัมภีร์เทพไม่ใช่สิ่งที่จะได้รับมอบกันง่ายๆถ้ามันถูกวางไว้ที่นี่เพื่อให้ทำสัญญา ตอนนี้จ้าวสุริยาจะเป็นอย่างไร?
“ดีแล้ว ได้อธิบายความจริงก็ดีเหมือนกัน เราเอาชนะจ้าวสุริยาได้ก็ดีแล้ว กลับไปพักกันรอจนกว่าตัวร้ายจะตื่นขึ้นแล้วค่อยสำรวจพื้นที่เก็บคัมภีร์เทพที่แท้จริงเถอะ!” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนรู้สึกเหน็ดเหนื่อยเป็นที่สุด
ข้อเสนอนี้ได้รับความเห็นชอบเป็นเอกฉันท์จากทุกคน
เพราะการต่อสู้กับจ้าวสุริยานั้นเหน็ดเหนื่อยสาหัสจริงๆ เวลานี้จ้าวสุริยาตายแล้ว แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าเขาทำให้คัมภีร์เทพปลอมระเบิดหรือว่าร่างกายบาดเจ็บสาหัสจนไม่สามารถทำสัญญาได้ แต่นั่นไม่สำคัญอีกต่อไป
ความจริงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ทำสัญญากับคัมภีร์อัญเชิญ เขาไม่มีทางรอดชีวิตแน่นอน
ในที่สุดจ้าวสุริยาก็เสียสติ
ชะตากรรมกำจัดเขาไปแล้ว
บุรุษต่ำต้อยผู้หยิ่งยโสนี้ตายภายใต้การไล่ล่าอย่างผิดวิสัย แต่แน่นอนว่าคนอย่างเขาก็ยังเปล่งประกายในชีวิตได้ เขาทำงานอย่างหนักดิ้นรนจากบุคคลเบื้องล่างจนเข้าสู่ตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ได้เป็นจ้าวสุริยาแห่งตำหนักเทพสุริยะ แค่นี้ก็นับว่าเขายอดเยี่ยมแล้ว ในแดนสวรรค์มีคนเหมือนเขาไม่มาก เขาไม่พอใจจะยอมรับชะตากรรมของตนเอง เขาท้าทายสิ่งที่ไม่สามารถต้านทานได้ ในที่สุดก็ประสบชะตากรรมถูกกำจัดอย่างน่าอนาถ
ถ้าเขาไม่มุ่งมั่นจะฆ่าเย่ว์หยางและซื่อสัตย์กับตำแหน่งจ้าวสุริยาก็จะไม่ประสบเภทภัยจนตายในวันนี้
ไม่พอใจและพยายามพัฒนาตนเอง เขานำพาตนเองดิ้นรนจากเบื้องล่างไปสู่จุดสูงสุด
อย่างไรก็ตาม นั่นกลับนำพาเขาไปสู่จุดสูงสุดของชีวิตและดำดิ่งสู่ห้วงเหวที่ไม่เห็นก้นอีกต่อไป จ้าวสุริยาสามารถขึ้นมายืนอยู่จุดสูงได้ แต่ชะตากรรมกำหนดไว้ว่ามิอาจทะยานขึ้นฟ้าได้ ถ้าเขาต้องการดึงดันทำเช่นนั้น ผลก็เหมือนกับตอนนี้ ร่วงลงมาร่างกายแหลกเหลว!
“ท่านหญิง! ยังมีหนูสองตัวอยู่ข้างนอก” อาหงเตือนองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนว่า เสี่ยวโฉ่วและสนมจูกวงยังคงอยู่ข้างนอก
“นั่นไม่มีอะไรต้องกลัว... อย่างนั้น เจ้าไปเถอะ!” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนไม่ให้ความสนใจธุระของคนในภูมิภาคสวรรค์ใครจะทรยศ ใครวางแผน ใครเสียสละใครจะล้างแค้นใคร ทุกอย่างมีเหตุและผลรองรับ ไม่มีใครถูก ไม่มีใครผิด ไม่ใช่ว่าคนนอกไม่ช่วยแต่เป็นความหลงใหลตนเองที่ทำให้เกิดโศกนาฏกรรมครั้งนี้
แนวคิดขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนก็คือเหมือนเป็นผู้จัดการไม่เข้าไปแทรกแซง ในหอทงเทียน นักรบจากทวีปมังกรทะยานและจากแดนนรกเข่นฆ่ากันจนเลือดท่วม แต่พวกเขาก็สามารถร่วมมือคลี่คลายความเป็นศัตรูกัน แล้วภูมิภาคสวนสวรรค์เล่าจะมีความแตกต่างกันตรงไหน? ว่ากันตามความเป็นจริงการเข่นฆ่าในแดนสวรรค์นั้นล้วนแต่เป็นครอบครัวเดียวกันทั้งนั้น ทั้งหมดนั้นมีความสัมพันธ์กันทางสายเลือดครอบครัว แต่ขัดแย้งกันขนาดลงไม้ลงมือสู้กันเอง นั่นจะให้คนอื่นจัดการได้อย่างไร?
“อาหมัน! เราไปกันเถอะ!” อาหงเห็นว่าองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนไม่ตัดสินใจอะไร นางตัดสินใจออกไปดู นางหวังว่าจะพิชิตดินแดนภูมิภาคสวนสวรรค์เพื่อเย่ว์หยาง แม้ว่าสถานที่นี้จะไม่มีประโยชน์ แต่ก็ยังคงเป็นภูมิภาคดินแดนหนึ่ง
“อืม..”อาหมันเป็นนักทำงานที่ว่าง่ายและตอบสนองอยู่เสมอ
“ข้าจะไปด้วย, ตั่วตั่ว! แล้วข้าจะเอาปุ๋ยกลับมาฝากเจ้าเยอะๆ!” ภูตน้อยตั๊กแตนมัจจุราชบินตามอาหงและอาหมันไปทันที นางหวังว่าจะได้ต่อสู้มากยิ่งขึ้นเรียนรู้มากยิ่งขึ้น ก้าวหน้าพัฒนามากยิ่งขึ้น จากนั้นจะได้ช่วยเจ้านายนางสู้กับคนเลวไม่ใช่หรือ?
“ข้าไม่รู้ว่าทางด้านอี้หนานและปิงเอ๋อจะเป็นอย่างไร!” เย่ว์หวี่ประคองเย่ว์หยางกลับเข้าโลกคัมภีร์โดยการนำทางของเสี่ยวเหวินหลี
“สำหรับพวกเขา ข้าไม่ค่อยเป็นห่วง แต่ทางด้านมารสัมฤทธิ์ฟ้าที่กำลังต่อสู้กับราชาสองหน้า พวกเขาค่อนข้างอันตราย แต่ก็ยังมีฮุยไท่หลาง อย่าลืมว่ามักจะมีความยากลำบากอยู่เสมอโอกาสและความเสี่ยงจะมีอยู่ที่นั่น พวกเขาสามารถสู้กับราชาสองหน้าได้ แน่ใจได้ว่าพวกเขาจะสามารถก้าวหน้าได้ทั้งหมดข้าไม่อยากไปแล้ว เหนื่อย อยากจะนอน สาวเอลฟ์! ช่วยประคองไหล่ข้าหน่อย” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนล้มตัวได้ก็หลับทันที เจี้ยงอิงและตั่วตั่วก็พักผ่อนเช่นกัน
ในที่สุดมีเพียงเย่ว์หวี่ที่ประคองเย่ว์หยาง
เย่ว์หวี่ก็เหนื่อยเช่นกัน แต่ไม่มีทางทำอย่างอื่น นางทนไม่ได้ที่จะโยนเขาไว้อย่างนั้น นางถอนหายใจและประคองเขาไปที่อ่างอาบน้ำถ้าเขาไม่ล้างเลือด ไม่ทำความสะอาดตัว นางเองก็คงนอนไม่หลับ ใครให้นางเป็นหนี้ชีวิตเขาเล่า!
โชคดีที่ทุกคนพักผ่อนกันหมด มิฉะนั้นคงอึดอัดแทบตาย...