ตอนที่แล้วตอนที่ 990 สวยแต่ไม่มีประโยชน์?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 992 คัมภีร์ปลอม?

ตอนที่ 991 ข้าจะเป็นเทพคนต่อไป!


ซุ้มประตูเมืองด้านตะวันตก

อู่หลานลอบกลับมายังที่ต่อสู้และพบว่าชี่เหยียนกลายเป็นปุ๋ยไปแล้ววานรทองแขนเหล็กทั้งสี่ก็มีชะตากรรมเช่นเดียวกับนาง

ในที่ต่อสู้เหลือแต่เพียงนางพญาดอกหนามมงกุฎทองนางยังคงยิ้มหวานดูน่ารักไม่เป็นพิษเป็นภัยต่อมนุษย์และสัตว์ทั้งหลาย นางดูไม่เหมือนนักรบที่ผ่านการสังหารใหญ่มาแม้แต่น้อย  แต่เป็นเหมือนเจ้าหญิงผู้รอยให้อัศวินมาช่วยเหลือนางมากกว่า

การต่อสู้พันตูในอุทยานเสียงดังสนั่นน่ากลัวแรงระเบิดแผ่ออกไปราวกับคลื่นสึนามิ

คลื่นระเบิดกระจายไปไม่ขาดสาย มีมาเป็นระลอกแล้วระลอกเล่า

“ถ้าเจ้าชอบ จะส่งโลงทองนี้ให้พี่สาวเจ้าก็ได้”  เสียงของตั่วตั่วสูง  คนอื่นๆ ฟังแล้วสบายใจเข้าใจว่าหญิงสาวผู้นี้น่ารักตั้งแต่เกิด

“ถ้าข้าต้องการโลงทองนี้ ข้าเกรงว่าจะต้องอยู่ในนั้นตลอดไป”  จู่ๆ อู่หลานแห่งเผ่ากาทองสามขาถอนหายใจ

“เป็นไปได้อย่างไร พี่สาวของเจ้าดุร้ายยิ่งนัก”  ตั่วตั่วยิ้มและส่ายหน้าเสียงของนางดังเหมือนระฆังเงิน ไพเราะเสนาะหู

“ข้าไม่ใช่คนโง่อย่างชี่เยี่ยนในการต่อสู้ครั้งนี้ ข้าไม่ต้องการสู้กับพวกเจ้าแม้แต่น้อย เผ่ากาทองสามขาของเราไม่ได้มีความเกลียดชังกับชาวหอทงเทียน  ตรงกันข้ามบรรพบุรุษของเรามีความเกี่ยวพันกันมานานแล้ว เย่ว์ไตตันพาพวกเจ้าขึ้นมานั่นไม่มีอะไรเกี่ยวกับเรา  ทั้งไม่ได้คุกคามเผ่ากาทองสามขาของเรา   ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะจ้าวสุริยาขู่ว่าจะกำจัดข้าในเวลานั้น  เพื่อความสงบสุขของหุบเขาสุริยันต์ ข้ายอมสลับกับน้องสาวและแต่งงานกับจ้าวสุริยา  ข้าไม่เคยมีความสุขแม้แต่วันเดียว  แต่ข้าไม่มีความสามารถฝืนชะตากรรมและไม่มีทางที่ข้าจะดิ้นรนต่อสู้ได้ ตอนนี้ข้าเหนื่อย และไม่ต้องการต่อสู้อีกต่อไป  ถ้าเย่ว์ไตตันได้ชัยชนะสุดท้าย ข้าจะกลับไปใช้ชีวิตอย่างสงบสุขที่หุบเขาสุริยันต์” อู่หลานพูดมาถึงท้ายนางคล้ายกับรำพึงกับตนเองด้วยความเสียใจ

“น่าเสียดาย! ข้าสนใจเจ้ามากกว่าปุ๋ยชี่เยี่ยนเสียอีก” ตั่วตั่วเก็บโลงทองไว้ในคัมภีร์อัญเชิญ จากนั้นหันมามองอู่หลานที่ก้าวเดินบนดอกไม้จากไป

“ข้าหวังว่าจะสามารถได้รับอิสรภาพคืนเท่านั้น...” อู่หลานให้ความสนใจกับการต่อสู้ในอีกฝั่งหนึ่งของจตุรัส  แต่นางไม่ยินดีจะเข้าไปใกล้นางกลัวว่าจ้าวสุริยาที่ยังต่อสู้อย่างหนักจะพบเจอนาง

เขตพื้นที่เชิงบันไดของตำหนักม่วงทอง

จ้าวสุริยากำลังต่อสู้อย่างยากลำบาก

ว่ากันตามระดับนักสู้และระดับพลัง  เขาเหนือกว่าเย่ว์หยางมาก  แต่ปัญหาก็คือเย่ว์หยางมีลูกไม้มากเกินไปและเริ่มมีผู้ช่วยที่แข็งแกร่งตามมาสมทบทีละคน

ชุดแรกเป็นอาหมันและอาหงจากนั้นที่ตามมาก็เป็นสาวมังกรไร้เขาเจี้ยงอิงและอิคคา  สุดท้ายเป็นตั่วตั่วที่เพิ่งย่อยชี่เหยียนให้เป็นปุ๋ยและทำให้อู่หลานรู้สึกกลัว ความช่วยเหลืออย่างเดียวของจ้าวสุริยาก็คือประกายจากร่างกึ่งเทพ อย่างไรก็ตามมีร่างฉายอสรพิษทองและเสี่ยวเหวินหลีคอยขัดขวางทำให้มันไม่มีเวลาช่วยเหลือ

ที่ด้านหลังตำหนักองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและจุ้ยมาวอี้รีบเร่งมาสมทบกับเย่ว์หวี่และภูตน้อยตั๊กแตนมัจจุราชกับภูตเพลิงปั่นป่วน  นี่คือที่ซึ่งชี่เยี่ยนเคลื่อนย้ายโลงทองโบราณออกมาที่ต่างกันคือชี่เยี่ยนเพียงแต่เคลื่อนย้ายโลงอย่างเดียว แต่พวกนางมาที่นี่เพื่อหาความลับของของคัมภีร์เทพหรือตำหนักม่วงทอง องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนมีลางสังหรณ์ว่าต้องมีกุญแจที่สามารถเอาชนะพลังของจ้าวสุริยาได้

จ้าวสุริยามีร่างกึ่งเทพและมีทักษะฟื้นฟูพลัง  ทำให้เขาเป็นอมตะได้ง่ายนางต้องค้นหาความลับของพลังเทพแบบนี้ และเอาชนะด้วยกฎสวรรค์โบราณให้ได้

และคนที่เป็นกุญแจสำคัญนี้องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนคิดว่าอาจเป็นเย่ว์หวี่

ไม่ใช่ตัวนางเอง

“ความลับอยู่ที่ไหน? รีบหาเร็ว!”  เย่ว์หวี่กังวลจนหลั่งน้ำตา นางรู้ว่าทุกนาทีที่การต่อสู้ถูกถ่วงเวลาล่าช้าออกไปน้องชายนางจะยิ่งเสียเปรียบ ที่สำคัญระดับพลังและความแข็งแกร่งของจ้าวสุริยาจะเพิ่มความอันตรายมากขึ้นทุกขณะ

“พระเจ้า! ยังมีวิหารที่สูงกว่าอยู่ด้านหลัง....” ภูตน้อยตั๊กแตนมัจจุราชบินออกไปและต้องประหลาดใจเมื่อนางพบว่าตำหนักทองม่วงเป็นเพียงตำหนักทางเข้าโลกคัมภีร์ยังมีวิหารด้านหลังที่ใหญ่กว่าลึกเข้าไปอีก  ข้างหลังตำหนักม่วงทองยังมีพื้นที่โลกคัมภีร์ลึกเข้าไปอีกไม่มีที่สิ้นสุดพื้นที่โลกคัมภีร์เทพใหญ่โตเกินจินตนาการจริงๆ

“ยังมีวิหารอีกหนึ่งหรือ?  เจ้าจะค้นหาความลับของคัมภีร์เทพได้อย่างไร!” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนร้อนรน นางไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไป จะเดินหน้าต่อหรือรออยู่ที่ด้านหลังตำหนักม่วงทอง

“ใจเย็นๆ ต้องมีทางแก้สักอย่างแน่นอน”  จุ้ยมาวอี้ปลอบโยนคนอื่นแต่นางกลับหลั่งน้ำตา

“ใช่แล้ว, ข้าต้องสงบจิตใจลงให้ได้  ข้าต้องช่วยเสี่ยวซานให้ได้  ข้าต้องสงบ....”  ทันใดนั้นเย่ว์หวี่พึมพำราวกับคนเสียสติ  ดวงตาของนางเริ่มเหม่อมองไปไกลจิตใจของนางอยู่ในสภาพวุ่นวายสับสน ดูเหมือนกับว่าจิตใจนางวนเวียนกับความคิดที่ไม่รู้จบ องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนกอดโอบนางด้วยมือที่สั่นเทาและพยายามปลอบให้นางร่าเริงขึ้น  แต่กลับพบว่าลำคอของนางตีบตันเสียงแหบแห้งและหลั่งน้ำตาสองสาย ไม่สามารถพูดออก

เมื่อเห็นสถานการณ์ของสตรีทั้งสามแม้แต่ภูตเพลิงปั่นป่วนที่เต็มไปด้วยพลังงานและความกระตือรือร้นและมักหาโอกาสแยกออกจากกลุ่มไปดูดซับพลังงานก็ยังสงบเงียบลง

นางจะไม่โน้มน้าว

ได้แต่ลอยไปลอยมาคอยอย่างเงียบสงบ

“บางทีความลับของคัมภีร์เทพอาจอยู่ในโลงทองก็ได้!”  ภูตน้อยตั๊กแตนมัจจุราชก็เป็นห่วงเช่นกัน  ตัวนางเองไม่สามารถช่วยอะไรได้มาก  แต่นางเหมือนมีพรสวรรค์อยู่ในใจและพอความคิดของนางผุดขึ้นมา นางร้องขึ้นดังๆ

“ข้าจะกลับไปเอง  พวกเจ้าอยู่ดูแลพี่หวี่ก่อน  ระวังอย่าให้นางตกอยู่ในอันตราย”  องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนมองดูวิหารข้างหน้าซึ่งสูงใหญ่เกินไป การสำรวจอีกครั้งนางเกรงว่าจะไม่มีเวลามากพอ นางจึงรีบกลับไปที่โลงทองโบราณเพื่อหาดูว่ามีความลับใดหรือไม่ ก่อนหน้านี้ในหอทงเทียนเย่ว์หยางเคยพาทุกคนไปที่เขตรอบนอกของคัมภีร์อัญเชิญระดับเทพสาวกิเลนปิงหยินได้เอาโลงทองโบราณที่คล้ายกันมาให้เย่ว์หยาง ความลับเก็บอยู่ภายใน จนกระทั่งบัดนี้ก็ยังคลี่คลายได้ไม่เต็มที่  บางทีความลับของตำหนักม่วงทองอาจจะอยู่ภายในโลงทองโบราณก็ได้

“ท่านหญิง, ข้าเพิ่งคิดได้ว่านั่นอาจไม่ถูกต้อง” ภูตน้อยตั๊กแตนมัจจุราชมองดูองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนด้วยสีหน้าจริงจัง “ข้าไม่มีความสามารถในเรื่องลางสังหรณ์เหมือนท่าน แต่ข้าแค่คิดดู  ถ้านั่นไม่ถูกต้อง ข้าควรทำเช่นไร?ไม่อยากหวนคิดถึงเรื่องนั้นเลย...”

“เวลาสายเกินไปแล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นข้าก็ต้องสู้”  องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนถือดาบเทพจักรพรรดิอวี้และปาดน้ำตาจากนั้นบินกลับไป

“อย่าเพิ่งวู่วาม, เชี่ยนเชี่ยน...” จุ้ยมาวอี้เกรงว่านางจะตกอยู่ในอันตรายจึงรีบติดตามไปทันที

“ทีนี้ เราจะทำยังไงกันดี?” ภูตน้อยตั๊กแตนมัจจุราชมองไปที่ภูตฟ้าปั่นป่วน  ภูตฟ้าปั่นป่วนไม่มีความเห็นแต่อย่างใด  ด้วยสติปัญญาของนาง นางไม่รู้วิธีคิดแก้ปัญหาเหล่านี้ได้แต่รอคอยอย่างเงียบสงบ รอให้คนอื่นตัดสินใจหรือทำตามสิ่งที่เย่ว์หยางสั่งไว้ก่อนนั้น

“ข้าต้องช่วยเสี่ยวซาน  ข้าต้องช่วยเสี่ยวซานให้ได้...”  เย่ว์หวี่ตกอยู่ในอาการสับสนจิตวิญญาณแทบพังทลาย เพราะนางเห็นวิหารใหญ่ที่ด้านหลังอีก

“ข้าจะทำอย่างไร?  ข้าไม่อาจทำคนเดียวได้!  ข้าไม่อาจตัดสินใจได้ข้าอยากช่วยนายท่าน แต่ข้าไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร!  ท่านหญิงหวี่ ขอร้อง..ตื่นเถอะข้าถนัดแต่เพียงต่อสู้ ไม่อาจทำการตัดสินใจเปลี่ยนชะตาชีวิตข้าได้!  ความลับอาจอยู่ที่วิหารข้างหน้าก็ได้ บางทีอาจอยู่ในโลงทองโบราณก็ได้ ในตำหนักม่วงทองท่านหญิงหวี่บอกว่ามีคัมภีร์อัญเชิญชั้นเทพซึ่งมองคล้ายคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์และดูเหมือนจะเป็นคัมภีร์เทพอาจจะมีความลับที่แท้จริงก็ได้ บางทีที่นี่อาจมีพลังงานผิดปกติมากมายเช่นเดียวกับกฎสวรรค์ที่บิดเบือนและพลังงานแปลกประหลาด...โอวพระเจ้า...หัวข้าจะระเบิดอยู่แล้ว สถานที่ลับของตำหนักม่วงทองอยู่ที่ใดกันแน่?  โดยรอบจะมีพื้นที่มิติมากมายและมีม่านพลังคุ้มกัน ความลับอยู่ที่ใดกันแน่? ท่านหญิงหวี่ ขอร้อง ฮือๆๆ ได้โปรดตื่นเร็วๆ เถิด...”

ภูตน้อยตั๊กแตนมัจจุราชกระวนกระวายมากขึ้นทุกทีแรงกดดันในใจนางมากเกินไปจนนางต้องร้องไห้ระบายออกมา

นางกอดแขนเย่ว์หวี่และร้องไห้ดังขึ้นทุกทีหลั่งน้ำตามากขึ้น

เพราะเสียงร้องไห้ของนางเย่ว์หวี่จึงค่อยๆ ได้สติ

ดูเหมือนว่าเสียงร้องไห้ของนางจะปลุกให้เย่ว์หวี่ตื่นจากภวังค์ร่างของเย่ว์หวี่เปล่งรัศมีศักดิ์สิทธิ์บริสุทธิ์ ในห้วงเวลาแห่งความเป็นและความตายนี้นางสามารถบรรลุผ่านสภาวะจิตสับสนวนเวียนกับความคิดเดิมและได้รู้แจ้งยกวิญญาณขึ้นสู่ระดับใหม่บุคลิกที่เงียบสงบเหมือนกับทะเลสงบฟื้นฟูกลับมาทันที

เย่ว์หวี่หลับตาเบาๆแต่น้ำตานางยังไม่หยุดไหล

เพราะรัศมีจากร่างของนางเป็นประกายระยิบระยับสีทองใสและสว่าง

เมื่อนางลืมตาอีกครั้งแสงปัญญาปรากฏอยู่ในดวงตาของนางแผ่ออกมาด้านนอกสว่างน่าเลื่อมใสจนทำให้ภูตน้อยตั๊กแตนมัจจุราชมองดูด้วยอาการตกตะลึง

ก้าวหน้ายกระดับภูมิปัญญาในชั่วพริบตา.... “ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้ว”  รอยยิ้มปรากฏที่มุมปากของเย่ว์หวี่นางหลับตาสูดหายใจลึกแล้วหันหลังบินกลับไป ภูตน้อยตั๊กแตนมัจจุราชและภูตฟ้าปั่นป่วนรีบบินตามประกบซ้ายขวาเพื่อคุ้มครองนางรู้สึกประหลาดใจมากนางถามอย่างกังวล  “ท่านหญิงหวี่ท่านเข้าใจว่ากระไร? ท่านต้องการให้เราทำอะไรกันแน่?”

“สำหรับตอนนี้ ข้าจะยังไม่อธิบาย เรากลับกันก่อน!” เย่ว์หวี่กางร่มชี่หลัวระดับกึ่งเทพ ความเร็วของนางเพิ่มขึ้นสิบเท่าปีกของนางกระพือราวกับนางฟ้า

ซุ้มประตูเมืองทางทิศตะวันตก

องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและจุ้ยมาวอี้รีบเร่งกลับมาถึง  แต่ก็พบว่าโลงทองโบราณหายไปแล้ว

“โลงทองโบราณเล่า?” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนรู้สึกหน้ามืดไปชั่วขณะ  ตอนนี้ไม่มีเวลาจัดระเบียบ  หรืออาจจะเป็นอู่หลานที่หลบหนีไปได้จะขโมยไป?ถ้าเป็นอย่างนั้นก็คงแย่แน่

“บางทีอาจเป็นตั่วตั่วเอาไปก็ได้ ใจเย็นๆตั่วตั่วคงไม่ยอมทิ้งของสำคัญอย่างนั้นไว้” จุ้ยมาวอี้รีบแนะนำ

“อย่างนั้นก็ไปตามหานาง!”  องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนยกดาบเทพจักรพรรดิอวี้และบินนำหน้านางต้องรีบเร่งไปพบตั่วตั่ว

เวลานี้ที่จัตุรัสม่วงทองการต่อสู้มาถึงระดับสูงสุด

จ้าวสุริยาใช้ไม้ตายที่ยอดเยี่ยมที่สุดกับเย่ว์หยาง‘ระเบิดสุริยันต์’ พลังงานของมันจะกวาดล้างทำลายทุกชีวิตที่อยู่ในพื้นที่  จ้าวสุริยาสูญเสียความเยือกเย็นดั้งเดิมเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้เขาต้องการฆ่าเย่ว์หยางให้ได้

แต่เย่ว์หยางนอกจากเพลิงอมฤต วงจักรนิรันดรและปราณกระบี่ไร้ลักษณ์แล้วเขายังมีไม้ตายที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

นั่นคือพลังของยักษ์ทองที่เกิดจากไพ่ชะตา

นี่เป็นพลังอย่างเดียวที่เย่ว์หยางไม่สามารถควบคุมได้

อย่างไรก็ตามตราบใดที่ชีวิตตกอยู่ในห้วงอันตรายที่สุด พลังนี้จะถูกกระตุ้นออกมาใช้

เมื่อมองดูยักษ์ทองเขาเห็นได้แต่เพียงร่างของยักษ์เท่านั้นไม่ได้มองเห็นร่างได้เต็มที่บางทีนั่นอาจหมายถึงพลังกฎสวรรค์แห่งโชคชะตา พลังที่ไม่มีทางพ่ายแพ้มีแต่จะกดดันศัตรูให้รู้สึกต่ำต้อย...เมื่อมันปรากฏตัวขึ้นมนุษย์ทุกคนต้องก้มหัวคารวะ นับตั้งแต่ศัตรูคนแรกที่พบเจอไปจนถึงจักรพรรดินีฟ้ายังต้องก้มหัว  จ้าวสุริยาก็ไม่ยกเว้น

ขณะที่เย่ว์หยางปล่อยเปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์เพื่อจัดการกับระเบิดสุริยันต์  พลังใดๆ ที่อยู่หน้ายักษ์ทองล้วนตกอยู่ในความนิ่งเฉย

เย่ว์หวี่ที่กำลังบินไปหาองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนในอากาศไม่สามารถเคลื่อนต่อไปได้

เวลาหยุดนิ่ง

เมื่อยักษ์ทองเกิดขึ้นมา พลังใดๆในโลกไม่อาจต้านทานได้  ในชั่วพริบตาเย่ว์หวี่ที่บินกลับมาจากทิศตะวันออกและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนที่มาจากทิศตะวันตกสามารถเคลื่อนที่ได้ต่อไป  ทว่าช้ามาก เหมือนกับว่ามีของหนักเป็นพันๆกิโลกรัมถ่วงอยู่บนไหล่ ความจริงพวกนางไม่รู้สึกถึงแรงกดดันที่หนักหน่วง  ยังเคลื่อนไหวได้อยู่

จ้าวสุริยาร้องโหยหวนและถูกยักษ์ทองเหยียบย่ำ

ขณะนั้นร่างทองกึ่งเทพของเขาไม่สามารถต้านทานได้แม้แต่วินาทีเดียวมันถูกบดขยี้แตกสลายอย่างสิ้นเชิง

นาฬิกาสุริยาถูกเหยียบย่ำลงกับพื้นเข็มชั่วโมง เข็มนาทีพังบิดเบี้ยวไม่ทราบว่าแต่ละชิ้นส่วนกระเด็นกระจายไปบนพื้นทิศทางใดบ้าง..อู่หลานอยู่ที่ซุ้มประตูเมือห่างออกไป หายใจแทบไม่ออก  ในมุมมองของนางนางห็นได้แต่เพียงยักษ์ใหญ่สูงตระหง่านเทียมฟ้า นางไม่ทราบว่าสูงเพียงไหนอย่างน้อยน่าจะสองสามกิโลเมตรนางไม่สามารถมองเห็นร่างหรือหน้ายักษ์ทองได้ชัดไม่เห็นรายละเอียดที่แท้จริง

ในทางกลับกันเสี่ยวเหวินหลีที่ต่อสู้กับร่างทองกึ่งเทพของจ้าวสุริยาภาพฉายปีศาจอสรพิษทองของเธอที่ใกล้จะถึงขีดแตกดับเต็มทีกลับฟื้นฟูสู่สภาพเดิมเจี้ยงอิง และอาหงที่ใกล้จะหมดแรงสู้ พวกนางกลับฟื้นฟูพลังเต็มที่

อิคคาตวาดร้องควงดาบนางฟ้าอย่างรวดเร็ว  อาหมันตวาดลั่นปลดปล่อยพลังเทพห้าธาตุ

ร่างของตั่วตั่วมีดอกไม้เบ่งบานเป็นจำนวนมาก...หัวใจของเย่ว์หยางที่หยุดเต้นมานานก็พลันฟื้นฟู และเต้นแรงจนใครเห็นก็ตกใจ!

ยักษ์ทองหายไปและเมื่อเย่ว์หยางหัวใจกลับมาเต้นอีกครั้งเขาล้มลงกับพื้นและฟื้นฟูทันทียักษ์ทองจะหายไปต่อเมื่อเย่ว์หยางได้สติ มันหายไปราวกับว่าไม่เคยปรากฏตัวมาก่อน

มีแต่เพียงรอยเท้ายักษ์ใหญ่บนพื้นเป็นเครื่องหมายของพลังที่ไร้เทียมทาน

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า ฮ่า เจ้ามีพลังที่แข็งแกร่งที่สุดเจ้าเป็นที่รักของเทพแห่งชะตา ข้ายอมรับ, เย่ว์ไตตัน แม้ว่าเจ้าเป็นเช่นนี้แต่เจ้าก็ยังเอาชนะข้า จ้าวสุริยาไม่ได้...” ร่างที่บอบช้ำบาดเจ็บสาหัสของจ้าวสุริยาหลั่งโลหิตจากทวารทั้งเจ็ด หน้าของเขาดูน่ากลัวเลือดหยดลงพื้นตลอดเวลา  และนาฬิกาสุริยะอสูรพิทักษ์ของเขาระเบิดไปแล้ว ชิ้นส่วนกระจายไปในทิศต่างๆ  และหายไป ยักษ์ทองฆ่ามันได้ในทันที แม้ว่าต่อมามันจะเกิดใหม่ได้อีก แต่เขาเชื่อว่ามันจะสูญเสียพลัง และพลังของมันจะตกลดลงไปมาก

“ตายซะเถอะ!” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเห็นจ้าวสุริยาบาดเจ็บสาหัสนางเงื้อดาบเทพจักรพรรดิอวี้ทันที

“ไม่!” เย่ว์หวี่หุบร่มชี่หลัวและเหินบินราวกับลูกธนูและรับร่างเย่ว์หยางที่กำลังร่วงลงพื้นได้ทัน  นางตะโกนบอก “ไม่ต้องกังวลเรื่องของเขา เราต้องช่วยเสี่ยวซานก่อน จ้าวสุริยาถูกกำหนดชะตาไว้แล้ว!”

“ท่านพูดอะไรนะ?” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนได้ยินคำพูดของเย่ว์หวี่ดูเหมือนจะตระหนักได้ว่าดวงตาของนางเปล่งประกายปัญญา

นางผ่อนดาบเทพจักรพรรดิอวี้ทันทีและรีบเข้ามาสมทบ

นางกอดศีรษะเย่ว์หยางแนบอกเพื่อให้เย่ว์หวี่รักษาเขาได้

เสี่ยวเหวินหลีมีเนื้อตัวเปื้อนเลือดมีสองสาวมังกรพี่น้องอาเหยาอาหยูเข้ามาช่วยประคองตั่วตั่วและเจี้ยงอิงก็เหมือนกัน พวกนางมีพลังในการเยียวยารักษา  สำหรับอาหมันและอาหงรับหน้าที่รักษาความปลอดภัย ภูตน้อยตั๊กแตนมัจจุราชกับภูตฟ้าปั่นป่วนเพิ่งตามมาสมทบ...ทุกคนร่วมกันช่วยรักษาเย่ว์หยางไม่มีใครให้ความสนใจจ้าวสุริยาที่หัวเราะอย่างบ้าคลั่งและพยายามตะเกียกตะกายไปที่ตำหนักม่วงทอง

จ้าวสุริยาหัวเราะอย่างบ้าคลั่งพร้อมกับหลั่งน้ำตาปนโลหิต  “ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า ข้าชนะ, เย่ว์ไตตัน ในที่สุดข้าก็ชนะ ข้าชนะเจ้า!  คัมภีร์เทพเป็นของข้า  และหอทงเทียน ตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ทุกอย่างจะต้องเป็นของข้า! ตั้งแต่วันนี้ไปจะไม่มีใครกล้าดูแคลนข้าไม่ว่าจะเป็นเจ้าจักรพรรดิอวี้รุ่นใหม่แห่งหอทงเทียนหรือจีอู๋ลี่แห่งตำหนักศักดิ์สิทธิ์ เจ้าไม่มีทางเอาชนะข้า  ข้าคือผู้ชนะ!”

“คัมภีร์เทพเป็นของข้า....”

“คัมภีร์เทพ....”

ไม่ทราบว่าใช้เวลานานเท่าใดจ้าวสุริยาลากสังขารหลั่งเลือดไปตามเส้นทางไต่ไปตามบันได  ขึ้นไปจนถึงตำหนักม่วงทองมือที่เปื้อนเลือดของเขาสัมผัสกับคัมภีร์เทพเล่มยักษ์!

ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความกระตือรือร้นอิ่มเอมพอใจกับชัยชนะที่ยากลำบากเขาพยายามข่มอารมณ์จนสีหน้าบิดเบี้ยว

ขณะเดียวกันความคิดสติปัญญาของเขาก็ผิดเพี้ยนไปด้วย

“เป็นของข้า, เจ้าต้องเป็นของข้า  คัมภีร์เทพเอ๋ย, ข้าเป็นเจ้าของเจ้า  ข้าคือเทพเจ้า ข้าคือเทพเจ้าในอนาคต!”

“ข้าจะเป็นเทพเจ้าในอนาคต!”

ขณะที่เลือดของจ้าวสุริยาหยดลงบนคัมภีร์อัญเชิญขนาดใหญ่เกิดแสงสว่างเจิดจ้าทันที...จากพื้นที่จัตุรัสม่วงทองด้านล่างเย่ว์หวี่และองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเงยหน้ามองแสงสีทองเจิดจ้าจากนั้นได้ยินเสียงระเบิดดังสนั่น เลือดเนื้อกระดูกปลิวกระจายเต็มตำหนักม่วงทอง

เมื่อแสงสีทองหายไป  ทุกอย่างไม่มีอะไรเหลือ!

คัมภีร์อัญเชิญถูกระเบิดกระเด็นออกมาจากห้องท้องพระโรงและตกหล่นที่เชิงบันไดอับรัศมีลงอย่างรวดเร็ว

นี่มัน...

นี่คือคัมภีร์อัญเชิญของจ้าวสุริยา

ในตำหนักทองม่วงคัมภีร์อัญเชิญที่งดงามซึ่งดูเหมือนจะเป็นคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์และคัมภีร์เทพยังคงวางนิ่งอยู่บนโต๊ะเหมือนกับว่าไม่เคยถูกต้องสัมผัสมาก่อนตั้งแต่ครั้งโบราณกาล...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด