ตอนที่ 989 อาบเลือดสู้
“เจ้านึกหรือว่าแค่นี้จะสามารถฆ่าข้าได้?” สีหน้าของจ้าวสุริยาสงบลงแต่ในใจของเขาคุกรุ่นไปด้วยโทสะ
เขามีความโกรธอย่างหนึ่ง เพราะเชื่อว่าถูกฝ่ายตรงข้ามหลอกเล่นงานอย่างร้ายกาจ
ในตอนแรกจ้าวสุริยาคิดว่าเข้าใจเจ้าเด็กผู้นี้อย่างทะลุปรุโปร่งเชื่อว่าเจ้าเด็กนี่ยังมีไพ่เด็ดอยู่ในมือ แต่คิดว่าคงไม่มากเท่าใดนัก ตราบเท่าที่เขาระมัดระวังตัวเขาคงโค่นล้มเจ้าเด็กผู้นี้ลงได้ จ้าวสุริยาคิดว่าตราบเท่าที่เขายอมทุ่มคุณค่าราคาออกไปบ้างเขาจะสามารถคว้าชัยชนะได้ทั้งหมด ต่อหน้าศพของศัตรูที่นอนเกลื่อนอยู่บนพื้นในเวลานั้นยากที่จะถอนหายใจโล่งอกกับชัยชนะครั้งนี้ หรือคร่ำครวญถอนหายใจเสียดายกับคู่ต่อสู้ที่หาได้ยากในหลายพันปี อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ไม่ใช่เป็นปัญหาของเรื่องชัยชนะ สิ่งที่เย่ว์ไตตันกำลังทำ เขาไม่ได้พยายามต่อต้าน นั่นเป็นเรื่องง่ายเกินไป เจ้าเด็กนี่ต้องการจะฆ่า และพยายามจะฆ่าตัวของเขา!
คนหนึ่งถูกหลอก ต้องอับอายจากการถูกยั่วยุจนต้องต่อสู้เสี่ยงชีวิต
อีกคนหนึ่งเป็นเด็กที่มีความห้าวและบ้าระห่ำพอ!
ต้องการฆ่าข้าจ้าวสุริยาหรือ?
เจ้ายังไม่มีคุณสมบัติมากพอ!
จ้าวสุริยาสูดหายใจลึกพยายามข่มความโกรธในใจ เขากล่าว“ต่อให้เจ้าสลับตัวให้นางพญาผู้พิชิตมาเอง เจ้าก็ยังฆ่าข้าไม่ได้ ข้าไม่ใช่คนขี้ขลาดคนเดิมที่เคยหลบหนีผู้คนเมื่อหลายหมื่นปีที่แล้ว ข้าคือจ้าวสุริยาแห่งตำหนักเทพสุริยะ!”
เย่ว์หยางไม่พูดเขาเช็ดรอยเลือดที่ตาของเสี่ยวเหวินหลีอย่างอ่อนโยน
เขาจูบแม่หนูน้อยของเขาเพราะเธอใช้กำลังมากเกินไปจนหน้าซีดขาว
จ้าวสุริยากำหมัดแน่น “ไม่ว่าเจ้าจะทำอะไร เจ้าจะต้องตาย เพราะพลังเจ้ากับข้ายังห่างชั้นกันมาก!”
ร่างของเขาเปล่งรัศมีงดงามเจิดจ้าราวกับรัศมีเทพ
แม้ว่าเขาจะพยายามกินรวบรวมพลังเทพที่ยากจะชนะได้ แต่เขาก็ใช้พลังเทพสุริยะทั้งหมดที่สะสมมาหลายพันปี แม้ว่าจะสร้างความเสียหายแก่ร่างกายที่สมบูรณ์ของเขาอย่างสิ้นเชิงในขณะนี้ แม้ว่านั่นจะเป็นการสูญเสียพลังที่ยิ่งใหญ่ไปหลังการต่อสู้ แต่เขาตั้งใจแล้วว่าจะต้องฆ่าเด็กหนุ่มที่น่าเกลียดชังต่อหน้าเขาคนนี้ให้ได้ เขาน่ารังเกียจเกินไป แม้แต่ในตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์จีอู๋ลี่ผู้หยิ่งยโส เขาก็ยังไม่เคยใช้สายตาที่โหดอำมหิตมองดูเขาเลย
เย่ว์ไตตันผู้นี้ เขาไม่คิดที่จะพยายามเอาชนะ
แต่เขาต้องการฆ่า!
“ตายซะเถอะ!” จ้าวสุริยาขยายสนามพลังกาลเวลากฎสวรรค์แห่งกาลเวลาครอบคลุมไปทั้งตำหนักทองม่วงและกลั่นควบพลังเทพสุริยะจนอยู่ในระดับเข้มข้นที่สุดเล็งไปที่หัวใจของเย่ว์หยางโดยไม่มีอะไรหยุดยั้งได้
เจ้ายิงหัวใจข้าใช่ไหม? ข้าก็ต้องการใช้หมัดของข้าระเบิดหัวใจของเจ้า!
เย่ว์หยางผลักอาเหยาและอาหยูมาอยู่ข้างหน้าเขาโดยได้รับการสนับสนุนพลังจากเสี่ยวเหวินหลี เธอควงดาบคู่เป็นจักรผันคาดว่าจะลดความรุนแรงในการโจมตีที่รุนแรงจากจ้าวสุริยาได้
ทันใดนั้นจ้าวสุริยาใช้หมัดป้องกันและฟาดแขนใส่เย่ว์หยาง
ด้วยความช่วยเหลือของกฎสวรรค์แห่งกาลเวลาเขาโจมตีเป็นครั้งที่สอง
ครั้งนี้ไม่มีอุปสรรคขัดขวางอีกต่อไป
หมัดพลังเทพของเขากระแทกยุบเข้าไปในหน้าอกของเย่ว์หยาง
“ตาย” จ้าวสุริยาแผดเสียงอย่างมีความสุขและด้วยความช่วยเหลือจากสนามพลังกาลเวลาและกฎสวรรค์แห่งกาลเวลา การป้องกันใดๆล้วนไร้ค่า
“คืนให้เจ้า...” เย่ว์หยางกระอักโลหิตและพ่นโลหิตใส่หน้าของจ้าวสุริยา
ดาบคู่ของเสี่ยวเหวินหลีออกมาจากข้างหลังของเธอเธอแนบตัวอยู่ข้างหลังของเย่ว์หยาง ฉีกชุดของเขาออกมาและฟันหมัดพลังเทพของจ้าวสุริยา หมัดสั่นสะเทือนและสะท้อนพลัง ร่างฉายเทพสีทองไม่มีอะไรทำร้ายได้ แต่แขนของจ้าวสุริยากลายเป็นน้ำแข็งทันทีความเร็วของหมัดจ้าวสุริยาช้าลง อาเหยาและอาหยูเตะกวาดเท้าเข้าที่เข่าของจ้าวสุริยา แม้ว่าพวกนางจะไม่สามารถทำร้ายศัตรูให้บาดเจ็บหนักได้ แต่พวกนางสามารถทำลายสมดุลของเขาได้บ้างเล็กน้อย
เย่ว์หยางใช้โอกาสที่ดีนี้ตอบโต้
มือทั้งสองและนิ้วทั้งสิบกลายเป็นเหมือนกระบี่
ปราณกระบี่ดำกุยจ้างและกระบี่แดงชี่เสี่ยวเหลียนแทงหูทั้งสองข้างของจ้าวสุริยาพร้อมกัน
พลังของปราณกระบี่ไร้ลักษณ์เป็นยังไง? เย่ว์หยางไม่ได้ใช้ในช่วงที่ผ่านมาเลย วันนี้ปราณกระบี่ใช้ออกถึงสองชนิดแม้แต่จ้าวสุริยาก็ไม่สามารถต้านทานได้ ไม่ต้องพูดถึงพลังเทพสุริยะของจ้าวสุริยาที่คิดจะใช้โจมตีหัวใจเย่ว์หยาง ปราณกระบี่ทั้งสองเหมือนกับมีดที่แหลมคมแทงเข้าไปในรูหูของจ้าวสุริยาได้สำเร็จ
จ้าวสุริยารู้สึกเจ็บปวดในศีรษะ เขารู้สึกหน้ามืด
หมัดขวาของเขายังไม่ทันรั้งกลับมา เขาปล่อยหมัดซ้ายอีกครั้ง
หมัดยักษ์ทอง
เขาใช้ความได้เปรียบจากพลังเทพที่ทรงพลังเหมือนฟ้าร้อง อาเหยาและอาหยูเกือบถูกทำร้ายแต่ได้รับการช่วยเหลือจากเสี่ยวเหวินหลีและพลังหมัดของเขายิงเข้าที่หน้าอกเย่ว์หยาง
เดิมทีเป้าหมายของเขาต้องการยิงพลังหมัดให้เข้าไปที่ศีรษะของเย่ว์หยาง แต่เป็นเพราะได้รับผลกระทบที่เจ็บปวดจากปราณกระบี่ทั้งสองเป็นไปไม่ได้ที่จะเล็งเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ และเย่ว์หยางไม่กล้าเดินเครึ่งหน้าเขากระโดดถอยหลังและพยายามสลายพลังหมัดของฝ่ายตรงข้าม
อั้ก..
เย่ว์หยางกระอักโลหิตเป็นทางยาว
เขารู้สึกถึงพลังหมัดได้ กระดูกซี่โครงของเขาหัก ปอดของเขาได้รับความเสียหายพลังเทพสุริยะอัดอยู่ภายในกายทำให้เขารู้สึกเหมือนมีภูเขาไฟระเบิดอยู่ในตัว
เขาทรมานหายใจไม่ออก
ไม่ว่าจะเป็นอาการเจ็บปวด หรือบาดเจ็บที่ปอดเย่ว์หยางหายใจไม่ออก
เย่ว์หยางไม่เคยได้ลองความเจ็บปวดเช่นนี้มาก่อน พลังเทพที่อัดกระแทกระเบิดอยู่ในร่างของเขาแม้แต่ร่างที่ผ่านการชำระโดยปราณกระบี่ไร้ลักษณ์เปลี่ยนเอ็นผลัดกระดูกโดยเพลิงอมฤตไปเป็นร่างอมตะ ถ้าไม่ใช่เพราะพลังปราณกระบี่ เพลิงอมฤตและสัญชาตญาณดูดซับพลังเทพสุริยะ เย่ว์หยางคงไม่สามารถทนรับหมัดของจ้าวสุริยาอย่างมิต้องสงสัย! ขณะนั้นเองเย่ว์หยางรู้สึกใจว่างเปล่า ยกเว้นความเจ็บปวดอย่างเดียว เขานึกถึงกลยุทธ์ตอบโต้อะไรไม่ออก
เขาหนื่อยล้าสาหัสอยากจะล้มตัวลงนอน... แต่เกรงว่าคงเป็นไปไม่ได้ ร่างกายของเขาคงไม่สามารถทนรับต่อไปไหว!
“อ๊าาาาา!” เย่ว์หยางเล็งที่อกด้านซ้ายของตนเองและแทงกระบี่ขาวซวงหัวทันที
หัวใจที่ถูกหมัดจนหยุดเต้นเพราะอิทธิพลของสนามพลังกาลเวลาและกฎสวรรค์แห่งกาลเวลาของฝ่ายตรงข้าม และความทรมานจากพลังเทพสุริยะจะไม่มีทางทำให้หัวใจหยุดเต้นอัตโนมัติ แต่จะไม่มีทางทำให้ฟื้นฟูความแข็งแรงได้แต่หมดเรี่ยวแรงอยู่บนพื้นตลอดไป
เหตุผลที่เมื่อครู่เย่ว์หยางไม่ใช้กระบี่ขาวซวงหัวขับไล่พลังเทพนี้ออกไป ก็เพื่อเก็บรักษาพลังเทพที่ยังเหลืออยู่ในร่างกาย
ปกติหากเขาทนเจ็บปวดปล่อยให้สัญชาตญาณภายในกลืนกินพลังเทพอย่างนั้นก็จะไม่มีอะไรผิด แต่ตอนนี้ไม่สามารถรอช้าได้แม้แต่หนึ่งวินาที
“ออกไป!” เย่ว์หยางพบว่าพลังของกระบี่ขาวซวงหัวไม่สามารถขับไล่ผลกระทบจากพลังเทพสุริยะออกไปจากหัวใจได้หมด
หัวใจของเขาฟื้นฟูก็จริง แต่ยังไม่เต้น
เสี่ยวเหวินหลีกรีดร้อง
ตาของเธอหลั่งน้ำตาเป็นสายเลือด มือน้อยๆ ของเธอเร่งสร้างแสงบริสุทธิ์สีขาวเพื่อใช้รักษาบาดแผลที่อกของเย่ว์หยาง
จ้าวสุริยาร่างเซถลาไปสองสามครั้ง กระบี่ดำกุยจ้างและกระบี่แดงชี่เสี่ยวเหลียนแม้จะแทงเข้าที่หูของเขา แต่เขาก็ยังยืนอยู่ได้
หน้าของเขาเปรอะไปด้วยเลือดที่กระเซ็นออกมาจากร่างเย่ว์หยางรวมกับเลือดของเขาเอง
ในหน้าที่บิดเบี้ยวกระตุกเล็กน้อยยังแฝงไปด้วยความดุร้าย “เปล่าประโยชน์ พลังเทพของข้าแล่นเข้าหัวใจของเขาแล้ว ไม่ว่ารักษาอย่างไรก็ไร้ประโยชน์ เจ้าตายแน่!”
เสี่ยวเหวินหลีเมื่อได้ยิน
สีหน้าของเธอหวาดหวั่นตกใจ
เธอข่มความกลัวปล่อยให้น้ำตาไหล ขณะเดียวกันเธอกัดริมฝีปากไม่ให้เสียงร้องไห้ออกมาและเร่งกลั่นพลังบอลแสงอย่างไม่คิดชีวิต เธอหวังว่าจะสลายพลังเทพที่คั่งค้างในทรวงอกเย่ว์หยางออกไป แต่เย่ว์หยางกลับสงบลงและกันอาเหยาและอาหยูให้ยืนห่างออกไปอีกเล็กน้อยไม่ต้องเข้ามาช่วย
จ้าวสุริยาปาดเลือดที่ตาและพบว่ากำลังเผชิญหน้ากับเย่ว์ไตตันที่สงบอย่างน่าแปลกใจ
นี่เป็นลางบอกเหตุเหมือนความสงบก่อนพายุโหมกระหน่ำหรือ?
แย่แล้ว เจ้าเด็กนี่พร้อมจะตายด้วยกัน!
อย่างไรก็ตามจ้าวสุริยารู้สึกได้ว่าเขาอาจเอาชนะได้ แต่ในใจยังมีความกลัวเล็กน้อยที่ไม่สามารถอธิบายได้
เพื่อระงับความกลัวในใจนี้จ้าวสุริยาข่มอาการมึนศีรษะและความเจ็บปวดก้าวออกมาข้างหน้าอีกครั้งและปล่อยพลังหมัดสีทองใส่เย่ว์หยาง
“บึ้ม!”
พลังเทพที่จ้าวสุริยาไม่เคยรู้สึกถึงปรากฏขึ้นบนตัวเย่ว์หยาง
พลังเทพนั้นเต็มไปด้วยความชังและดุร้ายราวกับว่าจะทำลายทุกสรรพสิ่งในโลก ความเกลียดชังสาปแช่งโลก แม้แต่หัวใจของจ้าวสุริยาก็ยังสั่นไหว เทียบกับพลังเทพนี้พลังสุริยเทพเหมือนกับเป็นพระอาทิตย์ในฤดูหนาวที่ไร้พลัง
น่าเสียดายที่เย่ว์ไตตันไม่สามารถใช้พลังเทพนี้ได้
เขาประเมินว่านั่นเป็นร่องรอยที่เจือจางเท่านั้น....จ้าวสุริยาตั้งกระบวนท่าหมัดอีกครั้ง และเขาพบว่าหมัดทองของเขาหมองลงและพลังเทพของฝ่ายตรงข้ามมีผลสาปแช่งข่มพลังเทพของเขา เหมือนกับเชื้อโรคระบาดเริ่มตั้งแต่นิ้วลามไปที่แขนและไหล่แล่นเข้าสู่หัวใจ จนกระทั่งคนผู้นั้นรู้สึกเหมือนตกอยู่ในนรกน้ำแข็ง จ้าวสุริยารีบถอยอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตามเย่ว์ไตตันตายแน่ แต่ก่อนนั้นทำไมเขาไม่ถอยกลับไปดูเล่า?
เย่ว์หยางกับเสี่ยวเหวินหลีลอยห่างออกไปร้อยเมตรด้วยกัน
เมื่อเขาปล่อยหมัดใส่จ้าวสุริยา กำปั้นของเขาแทกแตกเมื่อเทียบกันที่พลัง เขากับจ้าวสุริยายังห่างกันหลายระดับ
สองพี่น้องอาเหยาและอาหยูรีบเข้ามาประคองเย่ว์หยาง...เย่ว์หยางใช้มือกดทรวงอกไว้ หัวใจของเขายังไม่เต้นเลือดในร่างของเขายังไหลเวียนอยู่ได้เพราะใช้ปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ช่วยโคจร แต่จากนั้นร่างกายของเขามีแต่จะอ่อนแอลงทุกที
“ตาย!” เย่ว์หยางเค้นเสียงเบา รังสีฆ่าฟันแฝงอยู่ในดวงตา ตราบเท่าที่เขายังฆ่าเจ้าสุริยาไม่ได้เขาจะหยุดรักษาตัวไม่ได้ มิฉะนั้นเขาจะตาย
เสี่ยวเหวินหลีผลักไสสองพี่น้องอาเหยาวอาหยูให้ออกไปข้างนอกตำหนักม่วงทองเพื่อให้พวกนางไปตามเย่ว์หวี่มาช่วยสมทบ
จ้าวสุริยาชูมือและยิงลำแสงพลังงานหลายสาย
เย่ว์หยางกระโดดขึ้นไปในอากาศและลอยตัวอยู่ในอากาศ
นอกจากปัดป่ายและเปลี่ยนทิศทางของพลังลำแสงแล้ว เขายังใช้พลังเทพคลุมไปทั้งตัวเพื่อสะท้อนพลังของจ้าวสุริยา... จ้าวสุริยามีประสบการณ์ในการต่อสู้มามาก เขารับมือได้ไม่ยาก เขาไม่แข็งขืนใช้กำลังปะทะโดยตรงอีกต่อไป แต่กลับโยนบอลแสงพลังงานที่มีความยืดหยุ่นนั่นเป็นอสูรรูปแบบพิเศษของจ้าวสุริยา ‘แสงทมิฬ’เย่ว์หยางยิ่งยิงพลังโจมตี พลังก็จะถูกสะท้อนกลับมาโดยอีกฝ่ายไม่ต้องใช้ความพยายามมากมาย
เท้าทั้งสองที่ก้าวอยู่ในกลางอากาศบังคับให้จ้าวสุริยาต้องสู้อย่างหนัก
เจ้าสุริยาหลบฉากและเตะขวาง
เขามักจะปฏิเสธจะสู้กับเย่ว์หยางอยู่เสมอ
อย่างไรก็ตามการไล่ตามประชิดเช่นนี้แทบจะทำให้จ้าวสุริยาขยับตัวไม่ได้ เพราะพลังเทพที่เย่ว์หยางโจมตีใส่ไม่ใช่พลังเทพวิบัติเหมือนก่อนนั้น แต่เป็นพลังเทพปั่นป่วนที่ทำให้โลกกลับไปมืดซึ่งเป็นพลังดั้งเดิม
จ้าวสุริยาพบว่าจิตใจของเขาปั่นป่วนและตัวชาเป็นอัมพาตถึงกับร้องโหยหวนในใจ
ในท้องฟ้ามีภาพฉายปีศาจอสรพิษขนาดมหึมามองดูคล้ายกับนางพญาผู้พิชิต
ภาพฉายปีศาจอสรพิษทองกวาดดาบฟันทันที
ด้วยพลังเต็มแรง
จ้าวสุริยาพยายามเตะเท้าออกด้านข้าง
รอบเอวของจ้าวสุริยามีโลหิตสาดกระเซ็นภาพฉายปีศาจอสรพิษทองของเสี่ยวเหวินหลีขาดครึ่งสร้างความเจ็บปวดจนเธออดส่งเสียงกรีดร้องมิได้...ขณะเดียวกันการโจมตีของเสี่ยวเหวินหลีก็ประสบผลสำเร็จ ด้านหลังจ้าวสุริยามีภาพฉายสีทองขนาดใหญ่เหมือนกับเทพเจ้า ภาพนั้นใช้มือตบไปที่เย่ว์หยางและเสี่ยวเหวินหลีที่กำลังลอยตัวอยู่ ขณะที่เย่ว์หยางร่วงลงพื้น จ้าวสุริยาตวาดลั่นและตามมาทันขณะที่กำลังจะใช้หมัดซ้ำเติมที่บาดแผลตรงหน้าอกของเย่ว์หยางเป็นครั้งที่สาม
“ข้าจะดับชีวิตของเจ้า!” ขณะนั้นหน้าของจ้าวสุริยามองดูเหมือนเพชฌฆาต เขาตั้งใจฆ่าเย่ว์หยางและเตรียมพลังกึ่งเทพทั้งหมด
“......” เย่ว์หยางยังคงสงบ ไม่มีความหวาดกลัวจ้าวสุริยาที่อยู่ต่อหน้ามีแต่แววเยาะเย้ยที่เยือกเย็น
ขณะที่เย่ว์หยางทำเช่นนั้นจ้าวสุริยารู้สึกได้ถึงความสยดสยอง
เขารีบถอยทันที
แต่สายเกินไป
ลำแสงเพลิงอมฤตพุ่งขึ้นท้องฟ้ารายล้อมและคลุมตัวจ้าวสุริยาดันจ้าวสุริยาจนกระทั่งอัดกระแทกกับหลังคาโดมของตำหนักม่วงทอง....