ตอนที่ 3 สนมจิงถูกวางยาพิษ
หลี่มู่ ยังคงกวาดพื้นในวังต่อไปด้วยความรู้สึกผิดหวัง
"ไม่เป็นไร..."
“อย่าคาดหวังมากจะดีกว่า”
เขายังคงฝึกฝนในตอนกลางคืน
“ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์สำหรับการลงชื่อ รางวัล โอสถรวมลมปราน”
เช้าวันใหม่
หลี่มู่ เริ่มทำความคุ้นเคยกับสถานที่นี้ดีขึ้น
หญิงชราอยู่เคียงข้างนางสนมจิงทั้งวันทั้งคืน
นางสนมไม่เคยออกมาจากห้องของเธอ
ตำหนักเย็นแห่งนี้ใหญ่โตมาก
ยกเว้นห้องพักของเธอที่เขาถูกห้ามไม่ให้เข้าไป ส่วนที่เหลือทั้งหมดของตำหนักกลายเป็นอาณาเขตของหลี่มู่
มันไม่ได้เลวร้าย หมายความว่าเขาสามารถฝึกฝนอย่างเงียบ ๆ หลังจากกวาดพื้นทุกวัน
อย่างไรก็ตาม สามเดือนต่อมา การบ่มเพาะของเขาประสบกับปัญหาคอขวด
ในคืนหนึ่งในอีกครึ่งเดือนต่อมา เขากลืน โอสถทะลวงปราน ยกระดับการฝึกฝนของเขาไปอีกขั้น
โอสถนั้นเป็นหนึ่งในโอสถที่เขาได้รับจากการลงชื่อเข้าใช้อย่างต่อเนื่องในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา
“ข้าไม่รู้ว่าข้าบรรลุถึงระดับการบ่มเพาะพลังระดับใดแล้ว เทียบกับขันทีน้อยของกองบัญชาการม้าของจักรวรรดิได้รึไม่”
เมื่อคิดถึงเรื่องนี่หลี่มู่ก็ส่ายหัว
“ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะต่อสู้ โลกภายนอกนั้นอันตราย และดีกว่าที่จะอยู่เงียบๆ '”
“เซียวลี่จือ ทำความสะอาดให้ดี พรุ่งนี้เช้ามีแขกมาเยี่ยมเรา” หญิงชราบอกกล่าวที่หน้าประตู
"แขก? ที่นี่ไม่ใช่ตำหนักเย็น เหรอ?” หลี่มู่ ถามด้วยความรู้สึกสงสัย
หลังจากใช้เวลาหลายเดือนกับหญิงชรา หลี่มู่พบว่าเขาเข้ากับเธอได้ไม่ยาก
“จักรพรรดินีร้องขอ และจักรพรรดิอนุญาตให้องค์ชายน้อยมาเข้าเยี่ยมนางสนมจิง”
คน คนเดียวที่หญิงชราคุยด้วยนอกจากนางสนมคือหลี่มู่ และแน่นอนว่าเธอกระตือรือร้นที่จะพูดมากทุกครั้งเมือเธอเปิดปากพูด
หลี่มู่ได้รู้เรื่องบางเรื่องเล็กน้อย
นางสนมจิงมีบุตรชายคนหนึ่งก่อนที่เธอจะถูกจักรพรรดิลงโทษ
องค์ชายอายุเพียงสองขวบเมื่อมารดาของเขาถูกลงโทษให้อยู่ในตำหนักเย็น
ลูกชายของเธอได้รับการเลี้ยงดูจากจักรพรรดินีตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
เมื่อเห็นว่าองค์ชายมีอายุครบ 3 ขวบแล้ว จักรพรรดินีก็ทรงเห็นอกเห็นใจมาก พอที่จะกังวลว่าองค์ชายน้อยจะจำพระมารดาไม่ได้
นอกจากนี้เธอยังกังวลว่าสนมจิงอาจล้มป่วยได้เนื่องจากกังวลเกี่ยวกับองค์ชายทั้งกลางวันและกลางคืน
ด้วยเหตุผลเหล่านี้ เธอจึงวิงวอนต่อจักรพรรดิ และองค์ชายก็ได้รับอนุญาตให้ไปเยี่ยมแม่ของเขาทุกเดือน
หลี่มู่ กวาดทั้งตำหนักทันที
เขาทำความสะอาดสถานที่บางแห่งซ้ำแล้วซ้ำอีก
เขาไม่ได้พยายามที่จะประจบประแจงองค์ชาย เขาแค่ไม่อยากให้ชีวิตอันเงียบสงบของเขาถูกรบกวน
สิ่งที่เกิดขึ้นต่อมาเป็นการเยาะเย้ยความพยายามทั้งหมดของเขา
หลังจากเก้าโมงเช้า นางในและขีนทีกลุ่มใหญ่เข้ามาทำความสะอาดในตำหนักทั้งหมดอย่างละเอียด
“บ้าจริง ข้าคงเก็บแรงไว้ทำอย่างอื่นได้ถ้ารู้เรื่องนี้”
เขาเสียใจที่ต้องเสียเวลาทั้งคืนโดยเปล่าประโยชน์ เมื่อจู่ๆ มีทหารองคลักษ์กลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาในตำหนัก
นี่แค่เด็กสามขวบต้องยิ่งใหญ่ขนาดนี้เลยหรอ?
“จักรพรรดินีเสด็จมา!”
หลี่มู่ซึ่งยืนอยู่ตรงมุมห้อง รีบก้มตัวลงพื้นอย่างรวดเร็ว
จากนั้นจักรพรรดินีก็เสด็จเข้าไปในตำหนักที่รายล้อมไปด้วยกลุ่มสตรีในราชสำนักและขันที
ขันทีและองครักษ์หลายคนยืนอยู่นอกตำหนัก
“ทำไมจักรพรรดินีถึงอยู่ที่นี่” เขาสงสัยก่อนที่จะลงชื่อเข้าใช้ต่อไป
เขาไม่สนใจเลยสักนิดว่าผู้มาเยือนเป็นใคร เพราะมันแทบไม่เกี่ยวอะไรกับเขาเลย
ดิง! “ได้รับ โอสถรวมปราน การกินจะทำให้ได้รับ พลังปรานห้าปี”
ฮัฟ~
“ในที่สุด ข้าได้รับบางอย่างที่จะเพิ่มพลังของข้า”
ตำหนักเย็น ทั้งหมดเต็มไปด้วยขันที สตรีในราชสำนัก และทหารองครักษ์ มันไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมที่จะกินโอสถ
เขาเริ่มสังเกตองครักษ์และขันทีด้วยความเบื่อหน่าย
หลายคนสวมชุดคลุมสีม่วง
ขันทีเหล่านั้นเป็นผู้รับใช้จักรพรรดิโดยตรง
โฉบ~
ขันทีที่สวมชุดคลุมสีม่วงหันมองไปทางหลี่มู่ในทันที
แรงกดดันตรวจสอบไปทั่วร่างของเขา
เขาก้มหัวลงทันที
“นี่มัน อันตราย”
เขาเพียงชำเลียงมอง
มันถูกค้นพบโดยการแอบสังเกตของเขา พิจารณาจากลมปรานที่ส่งออกมาจากขันที่ชรา
ขันทีชราผู้นั้นมีพลังมากกว่าเขามาก
หากคืนนี้เขากันโอสถรวมลมปราน เขาจะมีความสามารถเอาชนะขันที่ชราได้หรือไม่
พระราชวังเต็มไปด้วย พยัคย์หมอบ มังกรซ่อน
“จากนี้ไปจะระวังตัวให้มากขึ้น”
ตำหนักจิงหนิงกับสู่ความสงบอีกครั้งทันทีที่จักรพรรดินีจากไป
จากนั้นหลี่มู่ก็กลับไปลงชื่อเข้าใช้ด้วยความเบื่อหน่าย
...
สองเดือนต่อมาก็ถึงฤดูใบไม้ร่วง
ได้ยินเสียงกระแอมดังไปทั่วตำหนัก
หลี่มู่ ขมวดคิ้ว
“ฉันหวังว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับสนมจิง”
“เซียวลีจือ รับเหรียญคำสั่งและไปที่ ตำหนักโอสถ แล้วนำโอสถแก้ลมเย็น ของสนมจิงมา”
หญิงชราโยนเหรียญตาให้หลี่มู่ขณะที่เธอเดินผ่านบริเวณนั้น
"นี่คือ…"
“บัตรผ่านที่จักรพรรดินีทิ้งไว้ ไม่มีใครกล้าฝ่าฝืนเหรียญคำสั่งของจักรพรรดินี เจ้าสบายใจได้ไปได้แล้ว”
"ครับคุณผู้หญิง."
หลี่มู่รับเหรียญตาและโค้งคำนับ
ในที่สุดก็มีโอกาสได้ลงชื่อเข้าใช้ในสถานที่อื่นที่ไม่ใช่ตำหนักเย็น
เขาตกตะลึงทันทีที่เขาเดินออกมา
“ตำหนักโอสถอยู่ที่ไหน”
ไม่มีใครให้เขาถาม
"อะไรก็ตาม..."
“มาดูกันว่าจะเกิดอะไรขึ้น”
“ข้ามีเหรียญคำสั่ง ไม่จำเป็นต้องกลัวสิ่งใด”
“ลงชื่อเข้าใช้”
หลี่มู่ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้ลงชื่อเข้าใช้ทุกครั้งที่เดินผ่านสถานที่ใหม่
“ลงชื่อกองบัญชาการม้า สำเร็จแล้ว ได้รับรางวัล วิชาย่างก้าวเทพวายุ”
“ลงชื่อเข้าใช้ ตำหนักเจียนจาง เรียบร้อยแล้ว ได้รับรางวัล เทคนิคดาบวิญญาณศักดิ์สิทธิ์”
……
“ขันทีน้อย เจ้ามาทำอะไรแถวนี้”
ขันทีชุดเขียวเรียกหลี่มู่ที่กำลังลงชื่อเข้าใช้อย่างเมามัน
“ท่านครับ ข้าน้อยมาจากตำหนักจิงหนิง ได้รับคำสั่งของจักรพรรดินีให้นำโอสถจากตำหนักโอสถของจักรพรรดิ ข้าหลงทางเพราะไม่
ได้คุ้นเคยกับสถานที่ ดังนั้น…”
จากนั้นหลี่มู่ก็เหรียญคำสั่งที่หญิงชรามอบให้เขา
“โอ้ คำสั่งจากจักรพรรดินี ถ้าเช่นนั้น? มากับข้า”
ขันทีชรามองดูบัตรผ่านและส่งคืนให้เขา
ขันทีชราจึงไม่ได้จับผิดเขา ขันทีชราเดินนำทางให้เขาเล็กน้อยก่อนจะชี้ทางให้เขาและจากไป
หลี่มู่พบตำหนักโอสถ อย่างรวดเร็วจากคำแนะนำของขันทีชุดเขียว
"เจ้าคือใคร?"
“ข้ามาที่นี่เพื่อต้องการโอสถรักษา” หลี่มู่คำนับและส่งเหรียญตา
ขันทีอาวุโสมองไปที่เหรียญแล้วพูดว่า "ตามข้ามา"
จากนั้นเมื่อเข้าไปข้างในหลี่มู่ก็ยืนรอ
“ลงชื่อเข้าใช้ ตำหนักโอสถ”
“ลงชื่อเข้าใช้ตำหนักโอสถจักรพรรดิเรียบร้อยแล้ว รางวัล โอสถหวนคืนชั้นต่ำ การโอสถหวนคืนชั้นต่ำ ได้รับพลังปราน 30 ปี”
เมื่อหลี่มู่ได้รับโอสถเขาก็เดินออกจากตำหนักโอสถ และเดินเท้ากลับตำหนักจิงหนิง
การเดินทางของเขาราบรื่นมากเพราะการมีอยู่ของเหรียญคำสั่ง
เขามอบโอสถให้หญิงชราและกลับไปทำความสะอาด
ครู่หนึ่งหลี่มู่ต้องทำการทดสอบโอสถ เมื่อเสร็จแล้ว เขาก็กับไปที่ห้อง หลังจากแน่ใจแล้วว่าตนจะไม่ถูกรบกวน
การเก็บเกี่ยวในวันนี้ไม่เลว!
ย่างก้าวเทพวายุ เป็นเทคนิคการเคลื่อนไหวที่หายากในโลกนี้
วิชาดาบวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ เป็นเทคนิคเฉพาะของ ดาบศักดิ์สิทธิ์ และมีสี่ระดับ
การเคลื่อนไหวจังหวะแรกถึงจังหวะที่ 18
การเคลื่อนไหวนั้นเต็มไปด้วยคมดาบไม่สิ้นสุดและยังเป็นที่รู้จักกันในนามคมดาบที่เต็มไปด้วยอารมณ์
กระบวนท่าที่ 19 ถึง 22...
ท่วงท่านี่นี้สร้างความตกตะลึงทางจิตใจ โหดเหี้ยม และด้วยเหตุนี้จึงได้ชื่อว่าเป็นท่วงท่าไร้อารมณ์
กระบวนท่าที่ 23
นั่นคือการเคลื่อนไหวของเจตจำนงซึ่งสามารถทำลายเจตจำนงของฝ่ายตรงข้ามได้ มันเป็นท่าที่ทำให้ผู้ใช้สามารถควบคุมพื้นที่โดย
รอบ ได้ด้วยดาบเพียงเล่มเดียว และมันทำให้การฆ่าคนโดยไม่ต้องขยับตัวทำได้ไม่ยาก
ระดับที่สี่ ไร้ตัวตน
เมื่อสำเร็จวิชา ดาบวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ เขาจะเป็นรู้จักในนามของ ปรมาจารย์ดาบ
หลี่มู่ระงับความตื่นเต้นของเขา
วันต่อมา หลี่มู่รู้สึกว่าเท้าของตนเบาหวิว
เขาเริ่มฝึกกระบวนท่าของวิชาดาบวิญญาณ โดยใช้ไม้กวาดพื้น
ในขณะที่เขายังคงกวาดพื้นอยู่
แน่นอนว่าเรื่องทั้งทั้งหมดนี้เป็นความลับ
ด้วยระดับพลังของเขาในขณะนี้ คงเป็นเรื่องยากมากสำหรับนางสนมจิงและหญิงชราที่จะสังเกตเห็น
หลังจากกวาดพื้นแล้ว หลี่มู่ก็ฟังเสียงรอบข้างอย่างเงียบๆ
เขาได้ยินเสียงลมหายใจของคนสองคนในวัง คนหนึ่งมีลมหายใจปกติส่วนอีกคนลมหายใจแผ่วเบา
ลมหายใจแผ่วเบามาจากนางสนม
"หืม. ลมหายใจ… บ้าจริง นางสนมถูกพิษ มันเป็นพิษออกฤทธิ์ช้า”
หลี่มู่ตกตะลึง
มีคนตัดสินใจวางยานางสนมทั้งๆ ที่จักรพรรดินีสนใจ และยิ่งกว่านั้น พวกเขาใช้ยาพิษที่ออกฤทธิ์ช้า