ตอนที่ 26 เหตุผลของเรื่องราว
ตอนที่ 26 เหตุผลของเรื่องราว
“เรื่องการลงโทษของเจ้าจะยอมรับหรือไม่” ศิษย์ผู้คุมกฎเอ่ยถามลีโอที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
“ข้าเลือกได้ด้วยอย่างนั้นเหรอ” ลีโอถามกลับไปเชิงประชดเล็กน้อย
“ไม่ได้ แต่ข้าต้องถามเพื่อบันทึกการสนทนาว่าเจ้ารับรู้เรื่องนี้แล้ว และก่อนจะตอบข้าขออธิบายความเสี่ยงไว้ก่อน เนื่องจากสถาบันของเราเป็นสถาบันด้านหมอผีโดยเฉพาะที่ดำเนินการโดยสำนักงานควบคุมวิญญาณแห่งมวลมนุษยชาติ ซึ่งกฎหมายโดยทั่วไปของสหพันธรัฐดาวอังคารไม่ถูกนำมาใช้ปฏิบัติกับเหล่าหมอผีด้วย เจ้าจึงต้องยินยอมรับความเสี่ยงว่าในภารกิจบังคับอาจจะเสียชีวิตได้ ที่จริงเรื่องนี้มีอธิบายไว้ในเงื่อนไขก่อนที่จะเซ็นชื่อเข้ามาที่สถาบันแล้ว เจ้ายินดีจะทำภารกิจภาคบังคับเป็นเวลา 1 ปีหรือไม่” ผู้คุมกฎถามอย่างจริงจัง
ลีโอเงียบอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบกลับไปว่า “ข้ายอมรับภารกิจบังคับนี้”
“ดีมาก เจ้าจะเดินทางไปที่ภารกิจภาคบังคับในทันที ระหว่างนี้เจ้าสามารถติดต่อใครหรือพบกับบุคคลอื่นเพื่อบอกลาได้ เพราะเมื่อออกเดินทางไปยังสถานที่นั้นแล้วอุปกรณ์สื่อสารทั้งหมดจะใช้การไม่ได้” ผู้คุมกฎหมอผีกล่าวแนะนำลีโอ
“มีสถานที่เช่นนั้นด้วยเหรอ” ลีโอรู้สึกประหลาดใจมาก เนื่องจากเทคโนโลยีของสหพันธรัฐนั้นพัฒนาไปไกลมากแล้ว การสื่อสารจึงครอบคลุมทุกพื้นที่บนดาวเคราะห์ดาวอังคาร ดังนั้นเขาจึงสงสัยว่าสถานีที่แบบใดกันที่ถึงขนาดทำให้การสื่อสารถูกตัดขาดได้
“ไปถึงเจ้าจะรู้รายละเอียดอื่น ๆ เอง อีกคำถามสุดท้าย ยันต์ไฟที่เจ้ามีอยู่ เจ้าคือผู้เขียนมันขึ้นมาใช่ไหม”
“พวกเจ้าน่าจะตรวจสอบมาแล้ว ดังนั้นข้าไม่จำเป็นต้องบอกก็ได้จริงไหม” ลีโอตอบด้วยตำตอบที่ไม่เหมือนตอบ ถ้าผู้คุมกฎเหล่านี้รู้เรื่องราวด้านอื่น ๆ ไม่ว่าจะต้นสายปลายเหตุอยู่แล้ว ก็แสดงว่าพวกเขาก็รู้ว่าที่ผ่านมาลีโอเอายันต์ไปขายที่ร้านค้าสถาบันอยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องกล่าวอะไร
ผู้คุมกฎคนนั้นยื่นหน้าเข้ามาใกล้ลีโอ ก่อนจะปิดบันทึกเสียงการสนทนาและกล่าวเสียงเบา ๆ กับลีโอว่า
“หลังไปถึงที่นั่นตามหาคนชื่อจิม บอกเขาว่าเอ็ดดี้ให้มาหา ชายผู้นั้นคือหมอผีฝึกหัดที่เป็นอัจฉริยะด้านการใช้วิชาดาบ”
ลีโอประหลาดใจที่ชายผู้นี้กลับเลือกจะช่วยเขาแบบนี้
“ทำไมถึงบอกข้อมูลนี้กับข้า” ลีโอถามด้วยความสงสัย มันเสี่ยงมากที่ผู้คุมกฎมาช่วยเขาเช่นนี้ ทั้งที่เขายังโดนอาจารย์หมอผีเธมบีเซ่หมายหัวอยู่
“ข้าก็ไม่ชอบที่อาจารย์หมอผีภายนอกเข้ามาแทรกแซงเหล่าผู้คุมกฎระเบียบของสถาบันและอีกอย่างเจ้าเป็นผู้จารึกที่มีความสามารถ ข้าเชื่อว่าแม้เจ้าจะเป็นผู้มีพรสวรรค์ระดับ 2 ในเส้นทางพลังของหมอผีเจ้าอาจจะไปไม่ไกล แต่ในเส้นทางผู้จารึกเจ้าคงไปไกลมากแน่นอน ดังนั้นข้าจึงอยากจะลองเสี่ยงหยิบยื่นการช่วยเหลือเพื่อให้เข้าติดหนี้ข้าสักครั้ง เผื่อในอนาคตข้าจะให้เจ้าช่วยบ้าง แต่ถ้าเจ้าตายที่นั่นข้าก็ไม่ได้เสียหายอะไรจริงไหม” ผู้คุมกฎเอ็ดดี้กล่าวและยิ้ม
ลีโอพยักหน้าว่าจริงอย่างที่เอ็ดดี้กล่าว ถึงลีโอจะเป็นผู้จารึกที่มีชันต์ให้ใช้ แต่ว่าการต่อสู้อื่น ๆ เขากลับไม่มีความรู้สึกอย่าง โดยเฉพาะการใช้อาวุธอาคมที่นับเป็นอาวุธหลักอีกอย่างของหมอผี ลีโอยังไม่ได้เริ่มเรียนรู้มันเลย
ถ้าเข้าไปที่สถานที่นั่นโดยที่ไม่มีความสามารถในการต่อสู้อื่น ๆ นอกจากยันต์คงตายแน่
“ข้าจะรอด และการลงทุนครั้งนี้ของเจ้าจะคุ้มค่า” ลีโอกล่าวด้วยแววตาที่มั่นใจ
“ข้าก็หวังว่าจะไม่ได้คิดผิด มาเถอะข้าจะพาเจ้าไปยังห้องพักเพื่อรอเดินทางในอีก 1 ชั่วโมง” ผู้คุมกฎเอ็ดดี้ลุกขึ้นกวักมือเรียกลีโอ
ลีโอลุกขึ้นยืน เอ็ดดี้ก็หยิบกุญแจมาไขปลดล็อกข้อมือของลีโอออก แม้จะเสียดายที่ยังไม่อาจจะเข้าใจกฎของจิตวิญญาณที่ซ่อนอักขระไว้ แต่ว่าการได้ถอดกุญแจมือออกก็เป็นความรู้สึกที่ดีมากกว่าการใส่มันไว้
เอ็ดดี้พาลีโอไปยังพื้นที่ด้านหนึ่ง ที่นี่นอกจากลีโอแล้วยังมีคนอื่น ๆ ที่รอคอยการเดินทางไปยังสถานที่ทำภารกิจภาคบังคับด้วย
โดยนับด้วยสายตาแล้วมีอยู่ประมาณ 7 คน ซึ่งแต่ละคนนั้นใช่ผ้าคลุมที่เป็นสัญญาลักษณ์ของหมอผีฝึกหัดระดับ 2 ไม่ก็ 3 ทั้งหมด
“มีคนมากขนาดนี้” ลีโอหันไปถามด้วยความสงสัย
“อีกไม่นานเจ้าจะค้นพบว่าสถาบันของเราไม่ได้สงบสุขอย่างที่เห็นภายนอกหรอก” เอ็ดดี้ยิ้มและกล่าวอย่างเป็นนับ ก่อนจะเดินจากไป
ลีโอเดินเข้าไปด้านใน สายตาของทุกคนก็หันมาจับจ้องที่ลีโอพร้อม ๆ กัน
“ไอ้หนูเจ้าไปโดนอะไรมาก เล่าให้ข้าฟังหน่อยสิ” หมอผีฝึกหัดระดับ 2 ดาวที่ตาบอดข้างหนึ่งถามลีโอ
“ผิดกฎสถาบัน” ลีโอตอบกลับไป
“ฮึ...ๆ ฮ่า ๆ ๆ” ชายตาบอดหัวเราะลั่นในทันที ก่อนจะหันไปพูดกับคนข้าง ๆ ว่า “ข้าชอบเจ้าจริง ๆ มันทำให้ข้านึกถึงพวกปัญญาอ่อนที่ข้าหักแขนข้าไปเหล่านั้น”
ชายตาบอดเลียริมฝีปากและใช้แววตาอีกข้างมองลีโอราวกับว่ามองดูเหยื่อตัวน้อย ๆ
“อย่าไปสนใจเขาเลย ตาเดียวมันเป็นพวกมีปมด้อยจึงข่มขู่เข้าไปก็เท่านั้น โดยเฉพาะเจ้าที่เห็นเด็กหนุ่มที่ยังไม่มีแม้แต่ผ้าคลุมยิ่งทำให้เขาชอบขู่ให้กลัว” หญิงงามผมดำผู้เป็นหมอผีฝึกหัดระดับ 3 กล่าวขึ้นมา จากนั้นก็ชักชวนลีโอ
“เจ้ามานั่งข้าง ๆ พี่สาวผู้นี้ก็ได้มานี่มา”
“เจ้าหนูนั้นคือแมงมุมดำ นางชอบหลอกเด็กหนุ่มอย่างเจ้าไปเป็นลูกสมุน ถ้าหลงเสน่ห์นางระวังตายไม่ดี” ตาเดียวกล่าวเตือน
“ขอบคุณพี่สาวงาม แต่ข้ามีเรื่องต้องจัดการ” ลีโอกล่าวก่อนจะเดินไปหามุมเงียบ ๆ ของตนเอง เพราะว่าตอนนี้ที่แพดสื่อสารของเขามีการแจ้งเตือนพอดี คนที่ติดต่อเข้ามานั้นก็ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นเดลล่า
ลีโอเปิดแพดสื่อสารของตนเองขึ้นมา มันแสดงให้เห็นภาพของเดลล่าในทันที
“เจ้าต้องการอะไร” ลีโอถามด้วยความเย็นชา ที่จริงเขากำลังคิดอยู่ว่านางจะติดต่อกลับมาหาเขาหรือไม่ แต่ดูเหมือนเขาจะยังมีประโยชน์กับนางอยู่นางจึงติดต่อกลับมา
“เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง” เดลล่าถามด้วยสีหน้าเชิงเป็นห่วง
“เจ้าน่าจะรู้เรื่องที่ข้าถูกจับมาโดยผู้ควบคุมแล้ว ปัญหาเพราะเจ้าชักนำมา วันนั้นเจ้าไม่ได้มาเดินเล่นและบังเอิญเจอข้า แต่เจ้าตั้งใจมาดักรอข้า เจ้าควรจะบอกเหตุผลในการดึงข้าเข้าไปในความวุ่นวายของพวกเจ้าสักหน่อยไหม” ลีโอกล่าวด้วยสีหน้าเย็นชาอย่างชัดเจน
“เจ้ารู้” เดลล่ากัดปากเบา ๆ ก่อนจะตัดสินใจบอก “ก็ได้ ข้ายอมรับว่าวางแผนต่อเจ้าจริง”
เดลล่ายอมรับออกมาตรง ๆ
“แต่ว่านั้นมันหลังจากที่เจ้าหายไปหลายวัน ตอนนั้นที่เจอกันข้าบอกแล้วว่าอยากจะปรึกษาเจ้า แต่เจ้าบอกว่ายังไม่วาง ข้ารอหลายวันเจ้าก็ไม่ออกมาจากห้องอีกเลย”
“ดังนั้นเจ้าจึงสร้างเรื่องข่าวลือขึ้นมาว่าข้าและเจ้ามีความสัมพันธ์กันอย่างนั้นเหรอ” ลีโอกล่าวขัดนาง
“ไม่ใช่ข้าไม่ได้สร้างข่าวลือแปลก ๆ นั้นขึ้นมา ดูเหมือนว่าจะเป็นศิษย์จากห้องข้าง ๆ เจ้าที่เอาเรื่องข้าไปพบเจ้าไปบอกกับเด็ต ดูเหมือนพวกนั้นจะไม่ชอบใจเจ้า ปั้นน้ำเป็นตัวไปปั่นหัวฟลอยด์ ยืมมือมากลั่นแกล้งเจ้า” เดลล่ากล่าว
‘พวกมันนี่เอง’ ลีโอพ่นลมหายใจอย่างโมโห คนพวกนี้เขาแทบไม่ได้เจอหน้าหรือพูดคุยกันด้วยซ้ำ แต่ก็ยังมาสร้างปัญหาให้เขา
“แต่เจ้าก็ไม่ยอมมาแก้ข่าว เพราะเจ้าต้องการให้มันออกมาเป็นแบบนี้เช่นกัน เพราะอะไรเจ้าถึงต้องการให้มีข่าวลือว่าข้ามีความสัมพันธ์กับเจ้า แล้วเรื่องนี้ทำไมอาจารย์หมอผีเธมบีเซ่ถึงเข้ามาลงมือด้วยตนเอง” ลีโอถามจี้อีกครั้ง
“อาจารย์หมอผีเธมบีเซ่ลงมือ เขาทำอะไรเจ้า” เดลล่าถามด้วยความตกใจ เพราะไม่คิดว่าเรื่องนี้จะดึงระดับหมอผีแท้จริงเข้ามาจัดการเอง
ลีโอไม่ได้บอกนาง
เดลล่าเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดต่อว่า “อาจารย์หมอผีเธมบีเซ่ได้รู้ว่าตระกูลของข้านั้นมีสมองของภูติไม้ที่พิเศษตนหนึ่ง มันช่วยให้หมอผีฝึกหัดระดับ 3 สามารถรองรับรูนจิตได้มากขึ้น ซึ่งเขาต้องการมันเพื่อให้กับฟลอยด์ เพราะยิ่งสร้างรูนจิตในระดับหมอผีฝึกหัดระดับ 3 ได้มากแค่ไหน เวลาที่กลายเป็นหมอผีแท้จริงจะช่วยให้อยู่ในระดับที่สูงขึ้นไปอย่างก้าวกระโดด”
“ในกระบวนการสะสมรูนจิตของหมอผีฝึกหัดระดับ 3 นั้นคือครึ่งก้าว เท่าที่ข้ารู้มาพรสวรรค์ระดับ 5 ของฟลอยด์มีโอกาสที่จะรองรับรูนจิตได้มากจนอาจจะทำให้เขาก้าวเข้าสู่หมอผีแท้จริงระดับ 2 ในทันทีที่ข้ามผ่านระดับไปเป็นหมอผีแท้จริง”
เดลล่าอธิบายคร่าว ๆ
‘มิน่าอาจารย์หมอผีเธมบีเซ่จึงลงมาช่วยฟลอยด์ หมอผีเธอมบีเซ่เป็นหมอผีแท้จริงระดับ 2 ถ้าฟลอยด์กลายเป็นหมอผีแท้จริงระดับ 2 อีกคน อิทธิพลของเขาจะมากขึ้นผ่านตัวลูกศิษย์ ส่วนฟลอยด์นั้นก็จะไม่ต้องเสียเวลาฝึกฝนอีกหลายปีจากหมอผีแท้จริงระดับ 1 ไป 2 ทำให้ฟลอยด์เหลือศักยภาพในการพัฒนาที่มากขึ้นในอนาคต’
‘แต่ว่าโลกนี้มีของแบบนั้นอยู่จริง ๆ ด้วยเหรอช่วยให้เพิ่มการรองรับรูนจิตได้ ข้าเองก็อยากได้เช่นกัน’
ลีโอไตร่ตรองในใจของตนเองและเริ่มเข้าใจอะไรมากขึ้นแล้ว
“หมอผีเธมบีเซ่ติดต่อไปหาตระกูลพวกเจ้า แต่แล้วมันเกี่ยวอะไรกับข้า ทำไมเจ้าต้องดึงข้าเข้าไป” ลีโอไม่เข้าใจ ในเมื่อตระกูลของดิออร์ของเดลล่าอยากจะผูกมิตรกับหมอผีแท้จริงอยู่แล้ว ผู้มีพรสวรรค์อย่างฟลอยด์ที่ยังเป็นศิษย์ส่วนตัวกับหมอผีแท้จริงอย่างอาจารย์หมอผีเธมบีเซ่ก็นับว่าเหมาะสม พวกเขาไม่น่าจะมีปัญหากันนี่
“อาจารย์หมอผีเธมบีเซ่ติดต่อไปหาตระกูลข้าและขอซื้อ แต่ทางตระกูลข้าไม่คิดจะขาย เพราะมันสมองของภูติไม้ตนนี้แลกมากับการตายของหมอผีคนสุดท้ายของตระกูล แต่ว่าตระกูลของข้าก็ไม่ได้ตัดหนทาง ได้ตั้งเงื่อนไขบางอย่างขึ้นนั้นคือให้ฟลอยด์มั่นหมายกับข้า แล้วพวกเขาจะมอบให้โดยไม่คิดเงินแม้แต่ดากาซเดียว”
ลีโอฟังมาถึงตอนนี้ก็เหมือนจะเข้าใจแล้ว
“ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ใคร แต่อยู่ที่เจ้า เจ้าคิดใช้ข้าเพื่อทำให้เห็นว่าเจ้าไม่สามารถมั่นหมายกับฟลอยด์ได้” ลีโอถามกลับไป
“อืม” เดลล่าตอบ
“โง่เง่า” ลีโอด่าออกไปอย่างอดกลั้นไม่อยู่ ความคิดของเดลล่านั้นชั่งเด็กซะจริง ๆ ซึ่งก็ไม่ผิดเพราะนางยังอายุแค่ 14 เท่านั้น
“จะให้ข้าทำยังไง สมองภูติไม้นั่นตามจริงควรเป็นของข้าด้วยซ้ำ แต่เพราะพรสวรรค์ของข้าต่อเกินไปพวกเขาจึงหาทางอื่น มอบข้าเพื่อผูกความสัมพันธ์กับคนที่มีอนาคตไปไกลกว่าในเส้นทางของหมอผี” เดลล่าพูดด้วยน้ำเสียงสะอื้นเบา ๆ
“ตระกูลของเจ้าโลภมากเกินไป ที่จริงเจ้าเป็นผู้มีพรสวรรค์ระดับ 3 ยังไงก็มีโอกาสมากกว่า 40 เปอร์เซ็นต์ที่จะกลายเป็นหมอผีแท้จริง แต่พวกเขาไม่เพียงต้องการเจ้า ยังต้องการฟลอยด์ด้วย ส่วนเจ้าคิดแค่ว่าให้ข้ามาแกล้งเป็นแฟนแล้วทั้งอาจารย์หมอผีเธมบีเซ่และตระกูลของเจ้าจะไม่บังคับเจ้ามั่นหมายกับฟลอยด์ เจ้าคิดว่าพวกเขาโง่เหรอ อ้อมีอยู่คนหนึ่งคือฟลอยด์ สุดท้ายปัญหาก็มาตกที่ข้า ทั้งที่เจ้าและข้าก็เพียงพูดคุยกัน 2 ครั้งเท่านั้น เรานับว่าเป็นคนแปลกหน้ากันด้วยซ้ำ ช่างตลกร้ายซะจริง ๆ” ลีโอกล่าวเยาะเย้ยเบา ๆ
“ข้าไม่คิดถึงขั้นนั้น” เดลล่ากล่าวเสียงเบา ๆ
“เจ้าคิดหรือเพียงแค่ไม่อยากคิด ข้าคือคนแปลกหน้า พรสวรรค์ก็ต่ำ ภูมิหลังก็ไม่มี มันเหมาะเป็นเครื่องมือของเจ้ามากจริงไหม” ลีโอกล่าวจี้ใจนางอย่างเต็ม ๆ ทำให้เดลล่าละอายต่อใจมากขึ้น
“ข้ารู้ว่าข้าหลอกใช้เจ้า แต่ขอร้องหละ ช่วยแกล้งเป็นแฟนกับข้าได้ไหม ข้ายินดีจ่ายด้วยวัตถุวิญญาณ” เดลล่ากล่าวข่อร้องลีโอ
“ปัญหาพวกนี้เป็นของเจ้า ข้าไม่อยากจะเข้าไปยุ่งกับหมอผีแท้จริงหรอกนะ ดังนั้นเจ้าอย่าได้ติดต่อมาอีก ข้าไม่มีอะไรจะคุยกับเจ้า” ลีโอกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา ที่จริงแล้วลีโอมีแผนการของตนอยู่แล้วและมันก็ไม่ต้องการความช่วยเหลือจากใคร โดยเฉพาะหญิงสาวเช่นเดลล่า
“เดี๋ยวก่อน...” เดลล่าพยายามพูด แต่ว่าสายไปแล้วลีโอตัดสายทิ้งอย่างไม่ไยดีในทันที