ตอนที่ 985 ตำหนักทองและทางเลือกโชคชะตา!
ตำหนักทอง
เมื่อข้ามบันไดหยกผ่านโถงทางเดินสูงตระหง่านข้างหน้าจากนั้นเดินไปตามเส้นทางมุ่งสู่ตำหนักทอง
มีลานจัตุรัสขนาดมหึมาและงดงามอยู่ข้างหน้าเสาและผนังหยกแกะสลักลวดลายงดงามวิจิตร ถ้าเอาวังหลวงจากราชอาณาจักรใดๆมาเทียบก็ไม่ต่างกับรังมดหรือบ้านคนแคระเลยแม้กระทั่งเกาะที่ว่างเปล่าซึ่งลอยอยู่ในอากาศ ก็ยังได้รับการปกป้องจากม่านพลังงานทองเป็นอย่างดี
ที่ด้านหน้านอกจากถนนหลักสามสายที่กว้างเกือบหนึ่งกิโลเมตรยาวหลายสิบกิโลเมตร
ยังมีบันไดทองคำนับไม่ถ้วน
บันไดทองนับหมื่นขั้นสร้างจากทองคำบริสุทธิ์
ถ้าเย่ว์หยางไม่เคยอยู่ที่บันไดสวรรค์และเคยเห็นโลกพฤกษาบันไดสวรรค์ที่เหลือเชื่อมาก่อนน่าเชื่อเหลือเกินว่าอาคารที่น่าตื่นตะลึงนี้คงทำให้เขาต้องตะลึงมองตาค้าง
“เจ้าไล่ตามจ้าวสุริยาไปก่อนเราจะอยู่วิเคราะห์สถานการณ์ก่อนแล้วค่อยตามเจ้าไป” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนมีลางสังหรณ์ในใจของนาง และนางมักจะรู้สึกว่านางต้องแยกตัวออกมาจากเย่ว์หยางชั่วคราวเพื่อช่วยเหลือเขาจริงจัง นางไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรรอบๆ สถานที่นี้แต่หลังจากนางพบว่าเมื่อนางเข้ามาในตำหนักทองทักษะแฝงเร้นหกรับรู้ของนางที่ถูกกฎสวรรค์กีดกัน กลับใช้ได้อีกครั้ง
“ข้า..ข้าจะไปทางทิศตะวันตก” เย่ว์หวี่เดินมาทางนี้นางมีความรู้สึกว่ามีเสียงที่คนอื่นไม่ได้ยินกำลังเรียกตัวนางอยู่ตลอดเวลา ก็เหมือนกับคำที่องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนกล่าวไว้นางรู้สึกว่านั่นจะเป็นกุญแจนำไปสู่ชัยชนะของน้องชายนางก็เป็นได้?
“อย่างนั้นข้ากับเชี่ยนเชี่ยนจะไปทางทิศตะวันตก!” จุ้ยมาวอวี้ลังเลเล็กน้อยก่อนตัดสินใจ
ตำหนักทองนี้มุ่งหน้าจากเหนือลงไปทางใต้
จากจุดเริ่มต้น ข้างหน้าเป็นทิศเหนือซ้ายมือเป็นตะวันตก ขวามือเป็นตะวันออก
เดิมทีองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนดูแข็งแกร่งมากกว่าเย่ว์หวี่มาก แต่จุ้ยมาวอี้เป็นห่วงแม่เสือสาวมากกว่าเย่ว์หวี่ผู้มีใจละเอียดอ่อนและเยือกเย็น อาจกล่าวได้ว่าถ้ามีศัตรูที่แข็งแกร่งทรงพลังเย่ว์หวี่จะป้องกันตัวได้ดีกว่าองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน ถ้าเย่ว์หวี่ไม่สามารถเอาชนะได้นางจะไม่ฝืนตนเองต่อสู้อย่างหนัก ต่างจากองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน นางจะทุ่มสุดกำลังเพื่อเอาชนะศัตรู...จุ้ยมาวอวี้รู้สึกว่านางต้องติดตามองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและคอยสนับสนุนเมื่อจำเป็น
เย่ว์หวี่ถ้านางร่วมทางกับอาหงหรืออาหมันพร้อมกันดูจะปลอดภัยมากกว่า
เย่ว์หยางขอให้อาหงอาหมันรั้งอยู่ชั่วคราวแล้วค่อยกระจายกำลังตรวจสอบหาข้อมูลสำคัญของตำหนักทอง
ขณะที่การเผชิญหน้ากับจ้าวสุริยาไม่ใช่การต่อสู้ยืดเยื้อยาวนานที่อาจแบ่งแยกกำลังกันได้ในช่วงเวลาสั้นๆเขาจะนำทุกคนมาเพราะต้องการให้ได้เปรียบจ้าวสุริยาและผนึกพลังรวมกันเพื่อให้ได้รับชัยชนะสุดท้าย
ถ้าเขาจับกลุ่มสู้กับจ้าวสุริยาตั้งแต่แรก มีโอกาสเป็นไปได้มากว่าจ้าวสุริยาอาจสู้โต้ตอบ แม้ว่าอาหมัน อาหงและตั่วตั่วจะเป็นอสูรพิทักษ์ พวกนางจะไม่ตายอย่างแท้จริง แต่เย่ว์หยางไม่ต้องการให้พวกนางเกิดข้อผิดพลาดใดๆ... การถูกฆ่าตายไม่มีอะไรมากไปกว่าทำให้พลังตกลง แต่เย่ว์หยางกลัวที่สุดก็คือสติปัญญาและศักยภาพของพวกนางจะลดลงไปอย่างมาก
หากไม่จำเป็นจริงๆเย่ว์หยางไม่ต้องการให้พวกนางตาย เขาต้องการให้พวกนางปลอดภัย
“ถ้าเจ้าไม่นำพวกนางไปด้วย นั่นคงไม่ดีแน่” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนรู้ว่าเย่ว์หยางป้องกันดูแลตัวเองได้ แต่นางกังวลความปลอดภัยของเขามากกว่าใครอื่นทั้งหมด ความปลอดภัยของเขาสำคัญเหนืออื่นใดทั้งหมด
“เสี่ยวเหวินหลี และสองพี่น้องอาหยู อาเหยาติดตามเสี่ยวซานไปเถอะ” เย่ว์หวี่เดิมทีต้องการให้สาวมังกรไร้เขาและอิคคาติดตามเขา
แต่เมื่อเห็นเย่ว์หยางโบกมือนางจึงหยุดพูด
อสูรพิทักษ์กรูกันเข้ามามากเกินไปจ้าวสุริยาจะพบเหตุผิดปกติทันทีซึ่งจะทำลายแผนการดั้งเดิมอย่างแน่นอน
เพื่อชัยชนะขั้นสุดท้ายเย่ว์หวี่ตัดสินใจพาอาหมันและอาหงแยกออกมาจากพวกเขาและค้นหาความลับของตำหนักทองให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ขณะเดียวกันพวกนางจะกางตาข่ายฟ้าเพื่อป้องกันไม่ให้บริวารของจ้าวสุริยาหนีไปได้ในภายหลัง
จ้าวสุริยาต้องถูกสังหาร
ถ้าปล่อยให้เขาหลบหนีไปได้ไม่เพียงแต่เย่ว์หยางเท่านั้น แต่ผลกระทบที่ตามมาจะมีต่อหอทงเทียนนั้นมิอาจคาดคิดคำนวณได้
“พวกเจ้าต้องระวังตัวให้มาก!” เย่ว์หยางกอดองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและจุ้ยมาวอวี้ทีละคนและคนสุดท้ายคือเย่ว์หวี่ เย่ว์หวี่ฝืนความอายกอดน้องชายแนบแก้มกับหน้าเขานางน้ำตาร่วง “เสี่ยวซาน,เจ้าต้องระวังตัวให้มาก เราจะตามไปสมทบโดยเร็ว เจ้าต้องรอเราให้ได้!”
เมื่อเห็นว่าเขาพาเสี่ยวเหวินหลีไป อาเหยาอาหยูสองพี่น้องวิ่งตามขึ้นบันไดทองคำไปกับเขา
เดินตามส่งเย่ว์หยางไปสองสามก้าวนางส่งเสียงร้องเตือน “อย่าฝืนสู้หนักเกินไปนะ ต้องระวังตัวจดจำจุดอ่อนที่นางพญาเฟ่ยเหวินหลีบอกเจ้าไว้!”
เย่ว์หยางไม่กล้าหันหลังกลับเพราะกลัวว่าถ้าเขาหันหลังกลับ อาจจะเห็นพวกนางร้องไห้จนเขายอมแพ้เสียก่อนเขาแข็งใจวิ่งขึ้นไปตามบันไดเป็นเส้นทางตรงหลายร้อยขั้นและตั้งใจว่าจะไม่ให้องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนตามทัน เขาเพียงแต่ยกมือโบกให้เบาๆบอกว่าเขารับรู้แล้ว
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนในชุดเงินกัดริมฝีปาก
โบกมือเข้มแข็ง “ไปกันเถอะ เราต้องลงมือให้เร็วเท่าที่เป็นไปได้!”
เสี่ยวหวินหลีและสองสาวมังกรพี่น้องอาเหยาอาหยูตามหลังเย่ว์หยางไปอย่างกระชั้น
จากเชิงบันไดทองวิ่งขึ้นไปนับหมื่นขั้นก่อนจะมองเห็นโถงหลักหลังม่านเมฆ
โถงท้องพระโรงนี้มีสีม่วงทองสดใสงดงามเกินคำบรรยายใดๆในโลก ที่บันไดขั้นสุดท้ายมีปุยเมฆขาวกระจายเหมือนสวรรค์บนดินด้านหน้าของห้องตำหนักทองมีเสาค้ำฟ้าขนาดมหึมาค้ำซุ้มประตูหยกสีขาวยาวร้อยเมตรตรงกลางซุ้มสลักอักขระรูนโบราณสี่ตัว ‘ตำหนักม่วงทอง’
ในที่ไกลออกไปที่ซุ้มประตูทั้งสามก็แขวนแผ่นป้ายไว้ด้วย
เขียนไว้ว่า ตำหนักสูงสุด
เย่ว์หยางกับเสี่ยวเหวินหลีชะลอความเร็วลงก้าวเดินไปที่กลางประตูทองด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่ง สองพี่น้องอาเหยาและอาหยูเดินทิ้งระยะสิบเมตรเพื่อป้องกันเหตุเปลี่ยนแปลง
ตำหนักม่วงทองมีขนาดใหญ่โตมโหฬารสูงประมาณสองสามร้อยเมตรมีมุกส่องแสงขนาดใหญ่คล้ายกับดวงดาวในท้องฟ้าส่องแสงสว่างสง่างาม ตรงกลางมีเสามังกรขนาดใหญ่หลายสิบคนโอบก็ยังไม่รอบ
เย่ว์หยางกะประมาณว่าตำหนักม่วงทองข้างหน้านี้ใหญ่ขนาดหลายสิบสนามฟุตบอลเห็นจะได้
เหนือบัลลังก์ข้างหน้ามีคนผู้หนึ่งยืนอยู่ข้างหน้า
เป็นจ้าวสุริยานั่นเอง
“รวดเร็วมาก!” จ้าวสุริยาหันหน้ากลับมา สีหน้าของเขาจริงจังมาก เขามองเย่ว์หยางอย่างจริงจังเมื่อเขาพบว่าเย่ว์หยางไม่มีบาดแผล และไม่มีร่องรอยต่อสู้ เขามองดูอย่างเยือกเย็นส่ายหน้าและถอนหายใจ “ข้ารู้ว่าเป็นไปไม่ได้ที่ชางหลงจะเอาชนะเจ้าได้ แต่ข้าไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะไม่สามารถหยุดเจ้าได้แม้แค่เพียงสิบนาที เย่ว์ไตตัน เจ้าแข็งแกร่งพอจะฆ่าเจ้าตำหนักคนหนึ่งได้ภายในสิบนาทีจริงๆ หรือ? และในกรณีนี้ยังมีความจริงที่ว่าความสามารถของทักษะแฝงเร้นถูกจำกัดโดยกฎสวรรค์ขณะที่คัมภีร์อัญเชิญใช้งานไม่ได้?”
“เขาเป็นแค่ของปลอมเก่งไม่จริง เจ้าควรจะรู้เรื่องนี้ไว้” เย่ว์หยางทำเป็นหัวเราะอย่างสบายๆ
“ถ้าชางหลงเป็นของปลอมจะมีกี่คนในโลกนี้ที่เป็นคนจริง? คนที่แข็งแกร่งทรงพลังอย่างหมิงลี่ฮ่าวเมื่อเผชิญหน้ากับศัตรูเก่ายังไม่มีปัญญาล้างแค้นแต่เจ้าเย่ว์ไตตันใช้เวลาสิบนาทีกลับเล่นงานเจ้าตำหนักน้ำจนตายได้ แม้แต่ข้าเองก็ยังทำไม่ได้ง่ายๆ อย่างนี้แต่เจ้ากลับทำได้ข้าต้องบอกว่าชื่นชมเจ้าจริง!” ขณะที่จ้าวสุริยาพูดเขาเร่งพลังเพิ่มขึ้น
จ้าวสุริยาหันมาชื่นชม แต่เริ่มแข็งกร้าวมากขึ้น
นอกจากเร่งเร้าพลังขึ้นอย่างรวดเร็วแล้วเขายังปรายตาดูสองพี่น้องอาเหยาและอาหยู
เย่ว์หยางไม่ได้มีนิสัยทุกข์ใจกับความพ่ายแพ้ขณะที่เร่งพลังขึ้นเขาสังเกตรอบด้าน จุดตั้งบัลลังก์ และส่วนประกอบอีกหลายอย่างตั้งแต่กระดาษหินฝนหมึก ตราประทับหยก และแม้แต่คัมภีร์เทพขนาดใหญ่ก็ไม่เว้น
ที่อยู่ไกลออกไปเย่ว์หยางมองไม่เห็นหนังสือเล่มใหญ่มหึมาวางอยู่บนโต๊ะกินพื้นที่ถึงสามในสี่ นั่นคือคัมภีร์อัญเชิญชั้นเทพ
เป็นไปไม่ได้ที่จะแยกแยะได้ว่านี่เป็นคัมภีร์เทพหรือคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์
อย่างไรก็ตาม ตามที่เขาเคยเห็นมาก่อนเขารู้สึกว่ารัศมีของคัมภีร์นี้อย่างน้อยต้องเป็นคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์หรือเป็นไปได้ว่าอาจเป็นคัมภีร์อัญเชิญชั้นเทพ!
คัมภีร์เทพจริงๆ หรือ?
ถ้าเป็นเช่นนั้นทำไมจ้าวสุริยาถึงไม่พยายามทำสัญญา?
จ้าวสุริยายังไม่ได้ทำสัญญาก็หมายความว่ามันทำสัญญาไม่ใช่ง่ายๆหรือ?
แม้ว่าเย่ว์หยางเคยมีประสบการณ์มาแล้วแต่เมื่อเห็นคัมภีร์เทพที่น่าสงสัยนี้ เขารู้สึกปากแห้งและหัวใจเต้นเร็ว.... “ข้าก็มีอสูรเหมือนกัน แต่สำหรับเวลานี้ข้าคิดว่าเราสองคนมาเป็นตัวหลักในการสู้กันดีกว่า! ถ้าเจ้าชนะข้าจ้าวสุริยาจะยอมตายโดยไม่มีความเสียใจ คัมภีร์เทพตกเป็นของเจ้า อนาคตของแดนสวรรค์จะเป็นของของเจ้า! แต่ถ้าเจ้าแพ้ ข้าจะให้ความปรารถนาสุดท้ายกับเจ้าสามข้อ ถ้าทำได้ข้าจะทำให้เจ้า” จ้าวสุริยาเปล่งรัศมีกล้าแกร่งยิ่งกว่าดวงอาทิตย์! ในนาทีสุดท้ายเขาหยุดเล็กน้อยและพูดอย่างจริงใจ“ข้าไม่เคยพบคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งขนาดนี้มาก่อน ถ้าไม่ใช่เพราะเป็นชะตากรรม ข้าคงจะให้ทางเลือกกับเจ้า เย่ว์ไตตัน บอกตามตรง ข้าไม่อยากเป็นศัตรูกับเจ้า!”
“จ้าวสุริยา! ข้าเองก็ไม่ต้องการเป็นศัตรูกับท่าน แต่ข้าไม่มีทางเลือกที่สอง!” เย่ว์หยางสร้างสนามพลังดารารายของจักรพรรดินีราตรี ดวงดาวมากมายส่องแสงสว่างต่อเนื่องอยู่รอบตัวร่างของจ้าวสุริยาปรากฏเป็นดวงไฟประหลาด
“ทุกอย่างขึ้นอยู่กับชะตาเลือกสรร!” จ้าวสุริยาเร่งพลังทันทีขณะนั้นไม่ว่าความใจเย็นหรือแผนต่อสู้ใดๆ ย่อมใช้ไม่ได้
เมื่อเผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งแท้จริง สิ่งเดียวที่เย่ว์หยางทำได้ก็คือตอบโต้อย่างหนัก
เขาไม่มีทางเลือก
นี่ไม่ใช่การสู้กับเจ้าตำหนักน้ำชางหลง นี่คือจ้าวสุริยาซึ่งมีสนามพลังพลังกฎสวรรค์และพลังปณิธานที่อยู่ในระดับสูงส่ง
ปัง!
การปะทะกันระหว่างพลังที่แข็งแกร่งที่สุดโดยตรงทำให้ทั้งตำหนักม่วงทองสั่นสะเทือนไปทั้งหมด
ขณะที่องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนกำลังวิ่งอยู่บนพื้นนางเงยหน้ามองก็พบว่าท้องฟ้าทั้งหมดปกคลุมไปด้วยรัศมีดวงอาทิตย์มิอาจมองตรงได้แรงระเบิดกระจายไปทั่วทุกพื้นที่ปะทะทุกอย่างราวกับเป็นวันสิ้นโลก
ใบหน้างดงามของเย่ว์หวี่ถึงกับเปลี่ยนสี
นางหันหน้าไปทางด้านหลังหลับตาอธิษฐานให้น้องชายนาง นางพบว่าไม่สามารถทำอะไรได้มากกว่านั้น