ตอนที่ 984 ข้าจะเปลี่ยนเจ้าให้เป็นกองไฟ
ดาบของเย่ว์หยางนี้ไม่เพียงแต่ตัดมือข้างหนึ่งของชางหลงเจ้าตำหนักน้ำคนใหม่เท่านั้นแต่ยังตัดเคราเขาขาดอีกด้วย
ชุดคลุมขาดที่หน้าอก ถูกโลหิตย้อมเป็นสีแดง
“เป็นไปไม่ได้!” ชางหลงร้องลั่น สีหน้าของเขาราวกับถูกผีหลอก
“เจ้าช่างเจ้าเล่ห์ไม่เบาเข้าใจหลบซ่อนตัวเป็นอย่างดี แต่ข้าขอบอกอย่างหนึ่ง ยุคสมัยของเจ้าจบลงแล้ว!” เย่ว์หยางยิ้มสดใสราวกับอาทิตย์อุทัย “และยิ่งไปกว่านั้น ชัยชนะไม่มีทางได้มาด้วยกลโกงนั่นเป็นวิธีการที่ไม่ถูกต้อง”
คนที่มีพลังแข็งแกร่งที่สุดจะต้องได้ชัยชนะขั้นสุดท้ายอย่างมิต้องสงสัย
ตรงกันข้าม ต่อให้อีกฝ่ายแม้มีวิธีการสู้ที่ดีแต่ไม่มีพลังพอเทียบได้
ในที่สุดแล้วย่อมกลายเป็นตัวตลก
เย่ว์หยางไม่ได้โจมตีซ้ำอีกครั้ง เพียงแต่มองดูชายชราที่เหมือนจิ้งจอกเจ้าเล่ห์นี้
เจ้าตำหนักน้ำชางหลงมองดูมือที่ขาดอยู่นานทันใดนั้นเขาหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “ฮ่าฮ่า ฮ่า ฮ่า ข้าผู้เป็นเจ้าตำหนักขำจริงๆ! เจ้าคิดว่าใช้พลังของสนามพลัง หรือพลังกฎสวรรค์ก็สามารถทำลายทักษะแฝงเร้นที่สองของข้าเจ้าตำหนักได้หรือ? อ่อนเดียงสาเกินไปแล้ว!”
“?” เย่ว์หยางมองชายชราข้างหน้าอย่างประหลาดใจ
“จะบอกข่าวร้ายแก่เจ้า!” เจ้าตำหนักน้ำชางหลงหัวเราะราวกับเสียงมีด เขาก้มเก็บมือที่ขาดบนพื้น แล้วต่อบนข้อมือที่ขาด มือเชื่อมกันเหมือนไม่เคยได้รับบาดเจ็บมาก่อนแผลที่หน้าอกไม่ทราบว่าสมานตัวตั้งแต่เมื่อใด แม้แต่เคราก็ค่อยๆ งอกยาวช้าๆจนเหมือนเดิม... เจ้าตำหนักน้ำชางหลงถือไม้เท้ามังกรอยู่ในมือและพูดเหมือนสั่งสอน “เด็กน้อย! อย่าคิดว่าแดนสวรรค์อ่อนแอ ต่อให้เจ้าฟันใส่กะโหลกของข้า ข้าก็ไม่ได้รับบาดเจ็บ เราไม่มีจุดอ่อนเหมือนร่างมนุษย์ของเจ้า เรามีร่างครึ่งหนึ่งเป็นพลังธาตุเป็นองค์ประกอบ เราจึงไม่มีวันตาย!”
“เจ้าไม่รู้คุณประโยชน์ที่แท้จริงของร่างกายมนุษย์ ช่างเถอะ ข้าจะไม่เถียงกับเจ้าอีกแล้ว” เย่ว์หยางไม่ต้องการเถียงกับคนแก่ ร่างมนุษย์จุดอ่อนที่สุดย่อมเป็นเรื่องแน่นอน แต่ศักยภาพนั้นทรงพลังที่สุดและเมื่อฝึกฝนจะมีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วเช่นกัน
“สามารถแทรกแซงทักษะแฝงเร้นที่สองของข้าได้ เด็กน้อย เจ้าทำได้ดี แต่ตราบใดที่เจ้ายังเป็นมนุษย์ร่างกายเจ้าอ่อนแอและน่าสมเพช โจมตีรุนแรงก็บาดเจ็บปางตายได้!” เจ้าตำหนักน้ำชางหลงควงไม้เท้ามังกรร่างของเขามีละอองหมอกสีขาวเหมือนกับมีชีวิตขยายออกไปอย่างต่อเนื่องไม่หยุดยั้ง
เย่ว์หยางพบว่าหมอกขาวแปลกประหลาดนี้ทำให้เขาหายใจลำบากมากขึ้น
แม้ว่าสิ่งนี้จะเป็นก๊าซแต่ก็มีความชื้นหนาแน่น
ความรู้สึกอึดอัดเหมือนอยู่ในน้ำไม่สามารถหายใจได้ แต่หมอกเหล่านี้ไม่ใช่น้ำ แม้จะอยู่ใต้น้ำก็หายใจไม่ได้
เจ้าตำหนักน้ำชางหลงมีความพอใจอย่างมากหมอกขาวนี้คือสนามพลังทุ่งหมอกของเขาขอเพียงอยู่ในทุ่งหมอกทุกชีวิตจะต้องรับการจัดการจากเขา
ถ้าเปลี่ยนเป็นนักสู้ปราณฟ้าธรรมดาเขาสามารถเอาชีวิตฝ่ายตรงข้ามได้ทันที
ด้วยการดูดน้ำในร่างกายของฝ่ายตรงข้ามโดยตรง
และทำให้ฝ่ายตรงข้ามแห้งเหมือนปลาตากแห้ง
อย่างไรก็ตามด้วยพลังปณิธานและพลังของเย่ว์หยางเย่ว์ไตตัน เขาไม่สามารถทำอย่างนี้ได้ คือดึงพลังชีวิตของเย่ว์ไตตันออกมาโดยตรง เขาเกรงว่าต่อให้เทพก็ยังไม่อาจทำได้ เขาไม่จำเป็นต้องเอาชีวิตโดยตรง เพราะเขาคุ้นเคยกับจุดอ่อนของร่างมนุษย์จุดอ่อนใหญ่ของร่างมนุษย์มีสามอย่างคือ หนึ่งอยู่ที่ศีรษะถูกปกป้องโดยพลังปณิธาน ไม่อาจทำร้ายได้ง่าย สองอยู่ที่หัวใจ ถ้าหัวใจไม่เต้นร่างกายที่แข็งแรงของมนุษย์จะล้มเหลวในการทำงาน และประการที่สามอวัยวะภายในโดยเฉพาะปอดซึ่งต้องรับอากาศภายนอกสื่อสารกับอากาศภายนอกดูดซับอากาศ และถ้าไม่หายใจสองสามนาที สภาพร่างกายของมนุษย์จะทรุดโทรม
เย่ว์ไตตันแข็งแกร่งมากก็จริงแต่เขาก็เป็นแค่คนแข็งแกร่งคนหนึ่ง
ถึงจะแข่งแกร่งเพียงใดก็ตาม
แต่ก็หายใจไม่ออก
สนามพลังหมอกน้ำของเจ้าตำหนักน้ำชางหลงไม่อาจดึงความชื้นในตัวของฝ่ายตรงข้ามออกมาได้ไม่อาจกันน้ำให้เข้าไปในตัวของฝ่ายตรงข้ามได้ แต่เขาสามารถกีดกันอากาศไม่ให้เข้ามาในสนามพลังและเติมช่องว่างในพื้นที่ด้วยหมอกน้ำ ตราบเท่าที่หมอกน้ำอยู่เต็มปอดของฝ่ายตรงข้าม เขาสามารถพลิกแม่น้ำคว่ำทะเลในปอดของเย่ว์ไตตันได้!
เย่ว์หยางควงดาบจันทร์เสี้ยวและฟันไปข้างหน้า
เห็นชัดๆว่าชางหลงอยู่ข้างหน้า แต่ดาบของเขาถูกเบี่ยงเบนทิศทางในหมอกขาวย้อนกลับมาหาเย่ว์หยางและลอยผ่านไปด้านหลังของเขากลายเป็นวังวนหมอกหายไป
เย่ว์หยางควงดาบฟันลงพื้นเป็นครั้งที่สอง
ตามเหตุผลพื้นควรจะเป็นรอยตัดฟันลึกพอสมควร ก็ควรมีแค่รอยขีดข่วนสีขาวบนพื้นผิ
อย่างไรก็ตามมีบางอย่างแปลกๆเกิดขึ้น ดาบจันทร์เสี้ยวในมือของเย่ว์หยางไม่ทันได้สัมผัสพื้นตัวคนก็ลอยขึ้นเหมือนอยู่ในน้ำ ในสนามพลังหมอกน้ำของเจ้าตำหนักชางหลงทุกอย่างถูกเขาจำกัดไว้ เย่ว์หยางจะโจมตีหรือหลบหนีก็ไม่สามารถทำได้
“ถ้านี่ไม่ใช่เขตคัมภีร์เทพข้าก็คงทำอะไรกับเจ้าไม่ได้ เพราะเจ้าสามารถเข้าไปซ่อนในคัมภีร์อัญเชิญได้ ข้าคงไม่อดทนรอเจ้านานมากมายขนาดนั้น” เจ้าตำหนักน้ำชางหลงพูดเหมือนชายชราใจดี แต่ขณะนี้มุมปากของเขายิ้มอย่างดุร้าย “น่าเสียดาย!ที่นี่เรียกคัมภีร์อัญเชิญไม่ได้!”
“ข้าจะตายอย่างงั้นหรือ?” เย่ว์หยางพูดด้วยสีหน้าเฉื่อยชา
“เจ้าจะตายทั้งเป็นในสนามพลังหมอกน้ำนี้ ข้ารู้ว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำให้คนอย่างเจ้าตายบางทีอาจต้องใช้เวลาหนึ่งวัน หนึ่งเดือน.. ไม่ ไม่ว่าต้องใช้เวลานานเพียงใดตราบเท่าที่มีความหวังแม้จะเป็นเวลาหนึ่งปี สิบปี ร้อยปีข้าทนรอได้” ชางหลงยิ้ม
“สนามพลังใช้ได้ แต่เจ้าไม่ต้องการรู้หรือว่าสนามพลังของข้าเป็นยังไง?” เย่ว์หยางย้อนถามปัญหานี้เขาเริ่มรู้สึกหายใจติดขัด ยากลำบากทุกขณะ
“อา..ข้าไม่จำเป็นต้องรู้ว่าสนามพลังของเจ้าเรียกว่าอะไร”ชางหลงยิ้มพร้อมกับอธิบาย “เพราะสนามคลื่นหมอกของเขาแตกต่างจากสนามพลังคนอื่นเล็กน้อย
“?” เย่ว์หยางไม่เข้าใจ
“ตราบใดที่อยู่ภายในสนามพลังคลื่นหมอกน้ำของข้า ตราบนั้นน้ำศัตรูของข้าจะไม่มีโอกาสใช้งานสนามพลังได้มันคือสนามพลังที่มีอำนาจครอบงำได้..” เจ้าตำหนักน้ำชางหลงหัวเราะ
“นี่คือสิ่งที่เจ้าตำหนักกลางสูงสุดสอนเจ้าหรือ?” ในที่สุดเย่ว์หยางก็ตื่นเต้นเล็กน้อย
“บางทีเจ้าอาจไม่รู้ แต่นี่คือทักษะที่นักรบระดับเจ้าตำหนักทุกคนต้องเชี่ยวชาญ”ชางหลงเห็นว่าเย่ว์หยางแทบไม่สามารถหายใจได้ อารมณ์ของเขายิ่งดีมากขึ้นเรื่อยๆ เขาทรมานคู่ต่อสู้อย่างที่เขาไม่เคยลองทำมาก่อนและเขาไม่เคยพอใจมากขนาดนี้ การฆ่าศัตรูคู่แค้นเก่าจะน่าพอใจเท่ากับฆ่าจักรพรรดิอวี้รุ่นใหม่ความหวังใหม่ของหอทงเทียนได้อย่างไร
“นี่เป็นจุดเริ่มต้นของการรู้แจ้งพลังกฎสวรรค์หรือไม่?” เย่ว์หยางพึมพำกับตนเองตอนนี้เขาเข้าใจขึ้นเล็กน้อย ทำไมเจ้าตำหนักสูงสุดต้องการให้เจ้าตำหนักอื่นๆเข้าใจเชี่ยวชาญ เหตุผลก็เพื่อให้บริวารของเขามีความเข้าใจมากขึ้นและก้าวหน้าขึ้นในการต่อสู้
จากสนามพลังกลายเป็นสนามพลังที่มีอำนาจครอบงำ
เลื่อนไปเป็นพลังกฎสวรรค์
เย่ว์หยางรู้สึกว่าตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ไม่มีสถานที่เหมือนกับประตูเป็นตายของหอทงเทียน แต่ไม่ต้องการให้บริวารทุกคนเดินตามแนวรู้แจ้งสุดยอดปราณราชันย์
อย่างไรก็ตามการขยายทักษะแฝงเร้นธรรมชาตินี้หรือความสามารถในสนามพลังจากนั้นยกระดับเป็นพลังเฉพาะของสนามพลังได้กลายเป็นพลังพิเศษจำเพาะ...นี่ก็เป็นความก้าวหน้าอีกรูปแบบหนึ่งเช่นกัน
แม้แต่รูปแบบเติบโตก้าวหน้าแบบนี้ก็ยังได้รับการยอมรับในแดนสวรรค์มากขึ้น
เช่นเดียวกับหอทงเทียน พวกเขาต้องอาศัยความรู้สึกเฉพาะบุคคล
ทำให้ยากเกินกว่าจะก้าวหน้าได้
หอทงเทียนเดินตามแนวทางอัจฉริยะอย่างแท้จริงหากไม่ประสบความสำเร็จ ทุกอย่างจะกลายเป็นธรรมดาตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์เดินตามเส้นทางที่ยอดเยี่ยม ถึงแม้ว่าไม่จำเป็นต้องมีอัจฉริยะถือกำเนิด แต่อย่างน้อยจะมีกองกำลังผู้มีฝีมือสูงส่งจำนวนมาก ซึ่งเป็นเรื่องจำเป็นในการรักษาอำนาจของพวกเขาไว้ เพียงชั่วขณะเย่ว์หยางก็เข้าใจความตั้งใจของเจ้าตำหนักสูงสุดและดูเหมือนคนผู้นี้มีความสามารถมากได้ใช้ความพยายามมากมายเพื่อรับรองความเป็นเลิศของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์!
“สูดหายใจเข้า สูดหายใจให้หนัก!” เจ้าตำหนักน้ำชางหลงหัวเราะลั่น “ยิ่งเจ้าหายใจมากเท่าใดน้ำก็เข้าไปอยู่เต็มปอดของเจ้าสนามพลังคลื่นหมอกน้ำของข้าไม่เพียงแต่ละลายในอากาศได้เท่านั้นแต่ยังเข้าไปรวมอยู่ในร่างของเจ้า ใช้เวลาอีกไม่นานร่างของเจ้าจะพองบวมขึ้นเหมือนศพที่ขึ้นอืดอยู่ในน้ำ”
“เจ้าบอกว่าเจ้าได้ศึกษาจุดอ่อนร่างกายมนุษย์มาเป็นอย่างดี” เย่ว์หยางพูดทำนองชื่นชมจากนั้นเปลี่ยนน้ำเสียงเป็นแค่นเยาะเย้ย “แต่ทุกอย่างมีข้อยกเว้น ร่างกายของข้าไม่ใช่ร่างที่เหมือนคนธรรมดาทั่วไปเจ้าไม่มีทางค้นพบได้ นี่คือความพลาดพลั้งครั้งใหญ่ที่สุดของเจ้า!”
เย่ว์หยางเก็บดาบจันทร์เสี้ยวและกวาดมือทั้งสองออก
กุ่ยหยินไฟก้อนหนึ่งปล่อยพลังอยู่รอบตัวเขา
สิ่งที่ทำให้เจ้าตำหนักน้ำชางหลงเห็นแล้วตกตะลึงก็คือเปลวไฟที่น่าสยดสยองเหล่านี้จะระเบิดออกมาตราบเท่าที่มีพลังงานเปลี่ยนแปลง ขณะนี้มันยังสงบนิ่งเหมือนทะเลสาบไร้ระลอกคลื่น
“ยังไม่เข้าใจอีกหรือ?” เย่ว์หยางค่อยๆ เดินเข้าหาชางหลง ไม่ว่าชางหลงจะกระตุ้นสนามพลังคลื่นหมอกน้ำเพียงไหนก็ไม่ส่งผลต่อความเคลื่อนไหวของเย่ว์หยาง ตรงกันข้ามชางหลงต้องการถอย แต่สนามพลังคลื่นหมอกน้ำกลับขัดขวางเขาไม่ให้เคลื่อนไหวโดยง่ายผู้เชี่ยวชาญในสนามพลังคลื่นหมอกน้ำในตอนนี้คือเย่ว์หยางไม่ใช่เจ้าตำหนักน้ำคนใหม่
“เป็นไปไม่ได้ นี่มันสนามพลังคลื่นหมอกน้ำของข้าชัดๆ” ชางหลงสีหน้าเปลี่ยน
“ผิดแล้ว, นี่คือสนามพลังสร้างโลกของข้า เจ้าอยู่ในความฝันตั้งแต่เจ้าสุริยาออกไปแล้วเข้าใจไหม?” เย่ว์หยางสวมกำไลแปลงธาตุก่อนที่เจ้าตำหนักน้ำใหม่จะเรียกมันว่าพลังธาตุวิบัติ “ถ้าจ้าวสุริยาไม่ไปข้าคงไม่สามารถใช้สนามพลังของข้าได้ง่ายๆ และข้าคงไม่สามารถปกปิดได้ว่าสิ่งใดจริงสิ่งใดเท็จ ความฝันทำให้ข้าได้รู้ความลับหลายอย่างในฝันของเจ้า บัดนี้ทุกอย่างจบแล้วข้ามีความสุขมากที่ได้รู้ความลับของเจ้าตำหนักสูงสุดมากมายขอบคุณเจ้าที่ให้ความร่วมมือ!”
“ต่อให้เจ้ามีกำไลธาตุวิบัติ เจ้าก็ไม่มีทางฆ่าข้าได้!” ชางหลงใช้พลังต่อต้านอย่างดื้อรั้น
“ข้าจะไม่ฆ่าเจ้า” เย่ว์หยางยิ้ม “ข้าแค่ทำให้เจ้ากลายเป็นกองไฟ ปล่อยให้เจ้าได้เผาไหม้ไปตลอดกาล ข้าคิดว่าเจ้าคงจะรู้สึกอบอุ่นดีนะ”
“ไม่!” เจ้าตำหนักน้ำชางหลงเมื่อได้ฟังเขาพูดถึงกับถอดสีหน้าเขาจ้องมองมือซ้ายของเย่ว์หยาง มิทราบว่าเพลิงอมฤตปรากฏอยู่บนของเขาตั้งแต่เมื่อใด
“เพราะเจ้าน่ากลัวเกินไปช่วงเวลาแปลงพลังงานอาจต้องใช้เวลายาวนาน ข้าหวังว่าเจ้าจะให้ความร่วมมืออย่างดี! อ้อ..อย่าคิดว่าอสรพิษลับที่มองผิวเผินเหมือนหัวมังกรบนไม้เท้ามังกรแต่เป็นอสูรพิทักษ์จะช่วยเจ้าได้ ทุกอย่างที่เจ้าเห็นเป็นเท็จแต่ก็อาจเป็นจริงได้เหมือนกัน” เย่ว์หยางดึงไม้เท้ามังกรออกมาจากมือชางหลง ขณะนั้นชางหลงเชื่อจริงๆว่าเขาติดอยู่ในกับดักความฝันของเย่ว์ไตตัน
“อภัยให้ข้าด้วย, ข้าขอยอมแพ้!” ชางหลงตะโกนประโยคนี้ออกมาในที่สุด
“ขอโทษที, ข้าไม่ได้ยินว่าเจ้าพูดอะไร, ช่วยพูดอีกครั้งได้ไหม?” หน้าของเย่ว์หยางมีรอยยิ้มที่น่ากลัวยิ่งกว่าปีศาจร้าย ชางหลงอ้าปากเตรียมพูดแต่ปากของเขากลับพ่นเปลวไฟออกมาแทน
เย่ว์หยางกับเจ้าตำหนักน้ำชางหลงเผชิญหน้ากันนานก็จริง แต่ในความเป็นจริงในสนามพลังสร้างโลกนี้เวลาผ่านไปไม่กี่วินาทีเท่านั้น
ทั้งหมดนี้ตกอยู่ในสายตาของหมิงลี่ฮ่าว
เขาเห็นเย่ว์หยางจับคอของเจ้าตำหนักน้ำชางหลงด้วยมือข้างเดียวและทำให้ตาแก่ผู้ที่ไม่มีใครฆ่าได้นี้ให้กลายเป็นกองไฟโดยตรงจากนั้นโยนทิ้งต่อหน้าเขาราวกับขยะ ในใจของเขารู้สึกหวาดกลัว นี่เป็นเรื่องที่น่าตกใจราวกับเห็นเทพโบราณจุติ“เจ้าทำได้ยังไง?”
หมิงลี่ฮ่าวรู้ว่าเย่ว์หยางสามารถเอาชนะได้ แต่ไม่เคยรู้ว่าเจ้าเด็กนี่จะเอาชนะได้ไวขนาดนี้ทั้งชนะได้อย่างหมดจดสง่างาม
เย่ว์หยางพึมพำบอก “มันเป็นความลับ!”
เย่ว์หวี่เหินร่างเข้ามาแต่ไกลนางลอบปิดปากขำขัน ความจริงเป็นเพราะร่างครึ่งหนึ่งของชางหลงเป็นองค์ประกอบธาตุถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่นเย่ว์หยางคงจะเอาชนะไม่ได้ง่ายๆ อย่างนี้ นอกจะมีข้อจำกัดของธาตุธรรมชาติแล้วยังมีการครอบงำสนามพลังด้วยเพลิงอมฤต เพลิงพิโรธบัวแดง เพลิงเมฆาเพลิงแดงศักดิ์สิทธิ์ มีกุ่ยหยินไฟเป็นพื้นฐานประกอบเข้าในสนามพลังสร้างโลกทั้งยังมีกำไลแปลงพลังซึ่งนักสู้เรียกกันว่าพลังธาตุวิบัติ ถ้าเย่ว์หยางยังไม่สามารถโค่นเจ้าตำหนักน้ำชางหลงได้อย่างนั้นเขาก็ไม่สมควรเป็นคุณชายสามตระกูลเย่ว์อีกต่อไป!
สิ่งที่สำคัญที่สุดในสนามพลังสร้างโลกแทนที่เย่ว์หยางจะใช้เวลาหลายวันเปลี่ยนชางหลงให้เป็นกองไฟ แต่เขาทำเสร็จได้ในช่วงเวลาไม่กี่วินาทีเท่านั้น
ปรากฏว่าสนามพลังสร้างโลกนั้นลึกลับยิ่งกว่าประตูเป็นตายทั้งมิติ เวลา ชีวิต พลังงาน ทุกอย่างตกอยู่ในเงื้อมมือของเย่ว์หยาง
ในสนามพลังสร้างโลกเย่ว์หยางคือพระเจ้าผู้สร้างโลกใบน้อย!
“จะจัดการกับสตรีผู้นี้อย่างไร?” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเห็นเทวีเสรีภาพนอนอยู่บนขวางอยู่บนบันไดนางมองเย่ว์หยางราวกับใช้สายตาจับผิดขโมย