ตอนที่ 983 ตัวต่อตัว
ความสามารถในการกัดกร่อนสลายอาวุธจนหายไปทั้งที่นั่นคืออาวุธระดับแพลตตินัมทักษะความสามารถเช่นนี้ทำให้เย่ว์หยางรู้สึกปวดเศียรเวียนเกล้า
เย่ว์หยางไม่ขาดแคลนอาวุธที่ดีกว่านี้ แต่เขาลังเลจะเอาออกมาใช้
ต่อให้ไม่ถูกกัดกร่อน แต่มันก็ได้รับความเสียหาย
ก็ยังเป็นเรื่องน่าเสียใจอยู่ดี!
“หมิงลี่ฮ่าว, เจ้าเป็นสหายประสาอะไร เจ้าผีแก่นี่มีความสามารถอย่างนั้นทำไมไม่บอกข้าให้เร็วกว่านี้?” นี่เป็นครั้งแรกที่เย่ว์หยางถูกทำลายอาวุธอย่างเป็นทางการเขาอดบ่นไม่ได้จึงไประบายลงกับหมิงลี่ฮ่าวที่ไม่ยอมให้ข้อมูลเขา
“ข้าไม่รู้ ข้อมูลข้าผิดพลาด!” หมิงลี่ฮ่าวพูดเบาๆ เขารู้สึกเขาเหมือนจะตายอยู่แล้วจึงคร้านทะเลาะด้วย
“โอว, อาวุธฆ่าเจ้าไม่ตายเราคุณชายจะใช้พลังลมปราณเต่าสะท้านฟ้าก็ได้!” เย่ว์หยางไม่เคยใช้พลังเต่าสะท้านฟ้า(เข้าใจว่าอ้างอิงจากเรื่องดรากอนบอลZ) แต่เป็นเรื่องง่ายกับการกลั่นควบพลังเป็นลูกกลมพลังงานขนาดใหญ่บอลพลังงานจะสามารถฆ่าเจ้าตำหนักน้ำคนใหม่ได้หรือไม่? แน่นอน เย่ว์หยางคงไม่ทำอย่างนั้น เขาคิดว่าพลังบอลพลังงานนั้นอยู่ภายใต้พลังกฎสวรรค์น้อยของเขาเปลี่ยนรูปไปเป็นดาบแพลตตินัมก่อนนั้นอย่างรวดเร็ว
ถ้าทักษะแฝงเร้นของเจ้าตำหนักน้ำคนใหม่สามารถทำลายและสลายโลหะอาวุธได้ อย่างนั้นดาบที่สร้างจากพลังงานเขาคงไม่สามารถกินได้แน่นอน
เย่ว์หยางแค่นเสียงและจำได้ว่าต้องฟันอีกครั้ง
ท่าที่สอง: ฟ้าถล่มแผ่นดินทลาย!
เมื่อดาบพลังงานฟันถึงศีรษะของเจ้าตำหนักน้ำคนใหม่ อีกข้างหนึ่งของเย่ว์หยางเงื้อขึ้นกลั่นสร้างดาบพลังงานที่สองอย่างรวดเร็ว
คมดาบพลังงานที่สองนี้มีขนาดใหญ่กว่าไวกว่าดาบแรก เมื่อก่อตัวเป็นรูปร่างมันมีพลังงานเหนือกว่าดาบพลังงานแรก นี่คือท่าดาบที่สาม ผ่าภูผามหานที
นี่คือพลังโจมตีที่ไม่ธรรมดาของเย่ว์หยางการก่อตัวของพลังงานรวดเร็วมาก นอกจากนี้ยังมีพลังกฎสวรรค์น้อยอยู่ที่แขน จ้าวสุริยาจ้องมองไม่วางตาแม้ว่ามองอย่างผิวเผินเขายังสงบอยู่ได้ แต่เขารู้สึกทึ่งในใจเด็กหนุ่มคนนี้เป็นศัตรูที่เขาเพิ่งพบเห็นในชีวิตได้จริงๆ! ต่อให้เป็นจีอู๋ลี่ผู้มีทักษะแฝงเร้นและความรู้สูงสุดในตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ยุคนี้ ก็คงทำอย่างเด็กหนุ่มนี่ในวัยเท่าเขาไม่ได้! ใครจะเชื่อกันเล่าว่านี่เป็นนักรบมนุษย์ที่มีอายุเพียงยี่สิบปีเท่านั้น ก็สามารถปะทะกับเจ้าตำหนักน้ำแห่งตำหนักกลางแดนสวรรค์ได้โดยตรงเชียวหรือ? เขาทำใหจ้าวสุริยาแห่งตำหนักเทพสุริยะต้องตกอยู่ในวิกฤติได้ขนาดนี้เชียวหรือ?
แม้ว่าการเติบโตก้าวหน้าของมนุษย์จะเร็วมาก แต่ไม่ควรจะเร็วมากขนาดนั้น
หนุ่มสาวชาวมนุษย์ในวัยยี่สิบพวกเขาทำอะไรอยู่กันแน่?
จ้าวสุริยาได้เห็นรายงานการสืบสวนของเสี่ยวโฉ่วและพบว่าก่อนการปรากฏตัวของเย่ว์หยาง นักรบมนุษย์ในวัยยี่สิบปีสามารถประสบความสำเร็จได้ที่ชั้นนักรบสามัญระดับหกต้องบอกว่าเป็นอัจฉริยะที่พบเห็นได้ยากในรอบร้อยปี ประสบความสำเร็จเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดในวัยยี่สิบปีนั่นบางทีอาจเป็นอัจฉริยะที่พบได้ยากในรอบพันปี
อย่างไรก็ตาม ขณะที่คนอื่นในหอทงเทียนยังอยู่ในระดับปราณก่อกำเนิดพวกเขาก็เหมือนกับนักสู้ปราณดินที่ต่อสู้กับระดับปราณฟ้าอย่างสิ้นหวัง
เย่ว์หยางผู้นี้ก้าวหน้าเหนือกว่าระดับปราณฟ้าเหนือกว่าระดับปราณราชันย์ และกำลังเข้าสู่ขอบเขตระดับเทพ
ทารกวัยยี่สิบปีสามารถไล่หลังเขามาได้ติดๆ
นอกจากคำว่าผิดมนุษย์
จ้าวสุริยานึกหาคำอื่นมาอธิบายไม่ได้อีกต่อไป....สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกสงสัยมากที่สุดก็คือคนแบบไหนกันถึงฝึกให้เขามีพลังฝีมือได้จนถึงระดับวันนี้?ถ้าจะกล่าวว่าเป็นเช่นนี้ตั้งแต่เกิดโดยไม่มีนักสู้ไร้เทียมทานอยู่เบื้องหลังจ้าวสุริยาไม่เชื่อเด็ดขาด คำถามก็คือผู้ยิ่งใหญ่ไร้เทียมทานนั้นอยู่ใกล้เย่ว์หยางหรือเปล่า?
ถ้าไม่มี อย่างนั้นเขาต้องฆ่าเจ้าเด็กนี่ให้เร็วที่สุด
แต่ถ้ามีเล่า เขาอยู่ที่ไหน?
นักสู้ไร้เทียมทานที่คอยปกป้องเขานั้นแข็งแกร่งเพียงไหน?
ความคิดของจ้าวสุริยาปั่นป่วนเหมือนถูกคลื่นทะเลที่ซัดสาดถาโถมเพียงแต่เวลาในโลกภายนอกผ่านไปเพียงชั่วลัดนิ้วมือ
เจ้าตำหนักน้ำคนใหม่หลอกล่อปล่อยให้เย่ว์หยางโจมตีได้สำเร็จ เพราะนอกจากเย่ว์หยางจะมีลูกไม้แปลกๆและไม่สู้ให้เป็นไปตามกฎ ไม่มีใครที่สามารถสู้แบบนั้นได้อีก ในขณะที่เจ้าตำหนักน้ำคนใหม่ยกมือขึ้นรับดาบพลังงานดาบแรกเย่ว์หยางก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวใช้ดาบพลังอีกสายหนึ่งทันที ดาบผ่านมือข้างขวาของผู้เฒ่าผ่านแนวป้องกันเฉือนเข้าที่คอของฝ่ายตรงข้ามอย่างน่าทึ่ง
เทียบกันในเรื่องวัยแล้วเย่ว์หยางไม่อาจเทียบกับเจ้าตำหนักน้ำคนใหม่ได้
อย่างไรก็ตามเขาดีกว่าในทางกลยุทธ์
คาดกันว่าในเรื่องชั้นเชิงการต่อสู้ทั้งหมดเจ้าตำหนักน้ำไม่สามารถตามจินตนาการของเย่ว์หยางได้ทัน
กลยุทธ์ส่งเสียงบูรพาตีฝ่าประจิมการโจมตีที่สองต่อเนื่องจากครั้งแรก ดังนั้นเจ้าตำหนักน้ำคนใหม่ได้แต่ดูใบมีดตัดเข้าที่คอของเขาโดยไม่มีอาการสนองตอบใดๆ
จ้าวสุริยาเกือบใช้ทักษะย้อนเวลาเพื่อสลายพลังสังหารนี้ให้กับเจ้าตำหนักน้ำคนใหม่แล้ว
อย่างไรก็ตามเมื่อเขาเห็นสีหน้าของเจ้าตำหนักน้ำคนใหม่แล้ว เขายังมีความหยิ่งและอดทน
พลังดาบทั้งสองสายฟันเข้าที่คอและมือของเจ้าตำหนักน้ำคนใหม่ติดๆกัน... ภายใต้สายตาของจ้าวสุริยาและเย่ว์หยาง พลังดาบทั้งสองสายไม่ได้สร้างจากโลหะแต่ถูกสร้างด้วยเจตจำนงและพลังของเย่ว์หยาง ไม่ช้าพลังดาบนั้นก็สลาย
หายไปไม่เหลือร่องรอย
ไม่สามารถทำอันตรายเจ้าตำหนักน้ำใหม่แม้แต่เคราเส้นเดียว
ผิวหนังที่คอยังคงเหมือนเดิมไม่เหมือนกับโดนฟันด้วยท่าที่สาม ผ่าภูผามหานที
เย่ว์หยางอึ้ง
ตาของเขาเหมือนกับเห็นผี
บ้าไปแล้ว! นี่คือสิ่งที่สร้างขึ้นจากพลังปณิธานของเขาเอง ยังถูกสลายได้อีกหรือ? ธาตุโลหะอาจบอกได้ว่าถูกกัดกร่อนได้แต่การสลายพลังงานนี่คือทักษะผีสางอันใดกัน? ยังไม่ต้องพูดถึงพลังดาบที่แฝงด้วยปณิธานปราณราชันย์!
“บัดซบจริงๆ, เทพบริษัทเกมออกแบบเกมอะไรมากันแน่น่ารังเกียจเป็นบ้า? เฮ้ย... ขอร้องเรียนหน่อยเถอะแค่กวาดล้างตัวหัวหน้าฉบับคัดลอกทำไมต้องกำหนดให้พวกนี้มีความสามารถผิดธรรมดาด้วยเล่า?ตัวข้าไม่มีเพื่อนร่วมทีมผ่านด่าน ให้เล่นอยู่คนเดียว ข้าจะผ่านด่าน (เกมส์)ได้ยังไง? ยิ่งกว่านั้นเจ้าผู้นี้ไม่ใช่ตัวหัวหน้าที่แข็งแกร่งที่สุดตัวหัวหน้าที่แข็งแกร่งที่สุดอยู่ข้างหลังเขา ทั้งยังไม่ได้ลงมือด้วยซ้ำ แล้วอย่างนี้จะให้คนมีชีวิตต่อไปได้ยังไง!” เย่ว์หยางเกือบน้ำตาร่วงเกมนี้ผ่านยากเกินไปและไม่สนุก ตัวร้ายควรจะมีตัวเดียวก็จะง่ายกว่ามิใช่หรือ?
“อะไรของมัน???” จ้าวสุริยาไม่เข้าคำบ่นเพ้อของเย่ว์หยาง แต่เขาสามารถเข้าใจได้ว่าเย่ว์หยางกำลังโมโห และคนที่โมโหมักจะพ่ายแพ้เป็นเรื่องธรรมดา
ความจริงแม้แต่เขาก็ไม่รู้จักทักษะแฝงเร้นของเจ้าตำหนักน้ำคนใหม่เช่นกัน
เขาไม่เข้าใจชัดว่าทักษะแฝงเร้นของผู้อาวุโสชางไม่ใช่อย่างนี้แต่ทำไมเขาถึงทำให้ดาบพลังงานของเย่ว์ไตตันสลายกลายเป็นหมอกไปได้?
แม้ว่าเขาจะมีทักษะแฝงเร้นเช่นนั้นแต่เขาไม่สามารถใช้ทักษะแฝงเร้นนั้นที่นี่ได้ ทำไมผู้อาวุโสชางถึงใช้ทักษะแฝงเร้นได้ภายใต้กฎสวรรค์จำกัดพลังได้? นั่นเป็นความลับบางอย่างที่ไม่สามารถอธิบายได้แน่นอน
“จ้าวสุริยา! คัมภีร์เทพเป็นของท่าน! ส่วนเด็กหนุ่มนี่ เราผู้เฒ่าจะส่งเขาเองเพื่อหลีกเลี่ยงฝันในราตรีที่ยาวนาน,จ้าวสุริยาท่านยังคงเข้าสู่ตำหนักทองให้เร็วที่สุด” เจ้าตำหนักน้ำรู้สึกภูมิใจมากรอยยิ้มที่ดูฉลาดและดูเหมือนคนใจดีปรากฏบนใบหน้า ราวกับว่าเขาคือปราชญ์ผู้รู้ในตำนานผู้สั่งสอนให้ความรู้ผู้มานับไม่ถ้วน
จ้าวสุริยาเข้าใจ
ผู้อาวุโสชางนี้ตั้งใจฆ่าเย่ว์ไตตันตามลำพังเพื่อรับความดีความชอบ
สำหรับคัมภีร์เทพตาเฒ่าเจ้าเล่ห์รู้ตัวดีว่าเขาไม่มีทางประสบความสำเร็จได้รับมาได้ ดังนั้นเขาจึงเน้นให้จ้าวสุริยาให้ความสำคัญคัมภีร์เทพส่วนตนเองเตรียมฆ่าเย่ว์ไตตัน
แน่ใจได้เลยว่านักรบในแดนสวรรค์ของตำหนักกลางยอมรับว่าชางหลงคือนักรบที่น่ากลัวที่สุดของตำหนักกลางแดนสวรรค์
จ้าวสุริยารำพึงในใจนี่เขาเชื่อมั่นตนเองขนาดนั้นเชียวหรือ?ดูเหมือนว่าพลังลับที่ซ่อนไว้ของตาเฒ่านี่ไม่เลว!
ความอยากของเขาก็ใหญ่ตามเช่นกัน!
“ขอบคุณที่ผู้อาวุโสชางช่วยเหลือข้าซาบซึ้งจริงๆ” ลึกเข้าไปในดวงตาของจ้าวสุริยามีประกายเย็นยะเยือกแฝงไปด้วยเสียงกระซิบเบา “เย่ว์ไตตันผู้นี้เก่งกาจโดดเด่น เจ้าแน่ใจหรือว่าไม่ต้องการให้ข้าผู้นี้ช่วยกวาดล้าง?”
“ท่านจ้าวสุริยาได้ทำสัญญากับคัมภีร์เทพเป็นเรื่องสำคัญที่สุด จะมัวเสียเวลาล่าช้านานเกินไปได้อย่างไร? ไม่ต้องห่วงข้างนอกเราผู้เฒ่าจะพยายามให้หนักยิ่งขึ้น!” เจ้าตำหนักน้ำตอบพร้อมกับยิ้ม เขาคาดไว้ว่าจ้าวสุริยาไม่ต้องการให้เกิดเหตุเปลี่ยนแปลงมากเกินไปในเวลานี้ ความกังวลส่วนใหญ่อยู่ที่คัมภีร์เทพ ส่วนการฆ่าเย่ว์ไตตัน ส่วนใหญ่เขาจะไม่หันมาแย่งชิงความดีความชอบนี้ นอกจากนี้หากไม่มีความสามารถเช่นนั้น จ้าวสุริยาคิดจะฆ่าเย่ว์ไตตันแม้จะมีความมั่นใจ แต่ก็ต้องใช้เวลาและคนมากมายแน่นอน เจ้าสุริยาจะเสี่ยงฆ่าตัวเองภายใต้สถานการณ์อย่างนั้นหรือไม่?
“ในกรณีเช่นนี้ จุดนี้จะเป็นก้าวแรก ข้าขอให้ผู้อาวุโสทำงานสำเร็จ” จ้าวสุริยากระซิบและจากนั้นกลายเป็นแสงสีทองพุ่งผ่านม่านพลังทองก้าวผ่านหมิงลี่ฮ่าวที่กำลังนั่งอยู่และหายวับไปในทันที
“ฮึ่ม!” เจ้าตำหนักน้ำคนใหม่ลอบแค่นเสียงเยาะเย้ย
ถ้าไม่ใช่เพราะผู้อาวุโสตำหนักสนับสนุน เจ้ายังจะได้เป็นจ้าวสุริยาอีกหรือ?
ในช่วงเวลาที่ผ่านมาเจ้าก็แค่มีทักษะแฝงเร้นที่ดีอยู่บ้าง และยังเป็นผู้ช่วยกวาดล้างให้จีอู๋ลี่เท่านั้น
แค่เพียงแต่เจ้ายังหมายคิดจะและเล็มคัมภีร์เทพหรือ? แม้แต่จีอู๋ลี่ผู้มีสายเลือดยอดเยี่ยมที่สุดมีเลือดคุณภาพดีที่สุดเป็นศิษย์ของเจ้าตำหนักสูงสุด ยังไม่กล้าพูดว่าจะทำสัญญากับคัมภีร์เทพ ผู้ช่วยที่มีสายเลือดคุณภาพชั้นสามยังกล้าและเล็มคัมภีร์เทพด้วยความหยิ่งยโสอีกหรือ? น่าขัน! กลุ่มผู้อาวุโสทำงานอย่างหนักเพื่อช่วยฝึกฝนจ้าวสุริยาจนมีชื่อเสียงโด่งดังก็จริง แต่เขาสามารถแข่งขันท้าทายเจ้าตำหนักใหญ่ชั้นในทั้งสามหรือไม่?แม้ว่าเจ้าจะไล่ตามจีอู๋ลี่ทันก็ตาม แต่อนาคตเล่า? จ้าวสุริยามีแต่จะหมดศักยภาพลงเกรงว่ายังจะเทียบกับจีอู๋ลี่ผู้มีศักยภาพไม่สิ้นสุดได้อีกหรือ?
ต้องการใช้ภูมิภาคสวนสวรรค์เพื่อกำจัดข้าหรือ
ยังอ่อนด้อยเกินไป!
นอกจากเจ้าตำหนักสูงสุดแล้วไม่มีใครต้องการได้ความภักดีตนเอง กลุ่มผู้อาวุโสผู้เฒ่าเหล่านั้น แม้จะคอยโดดขึ้นโดดลงส่งเสียงสนับสนุนเจ้าก็ยังใช้ไม่ได้! จ้าวสุริยาเจ้ามันโมฆบุรุษไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะทำสัญญากับคัมภีร์เทพจะต้องมีเงื่อนไขใด!
เจ้าตำหนักหนักน้ำใหม่ยิ้มอำมหิต เขารู้คำตอบ แต่เขาไม่พูด เมื่อเห็นคนอื่นวิ่งชนกำแพงนั่นเป็นเรื่องที่ดีที่สุดไม่ใช่หรือ?
“เจ้ามีทักษะแฝงเร้นสองอย่างใช่ไหม?” จู่ๆ เย่ว์หยางพยายามพูดบางอย่าง
“หืมม...” เจ้าตำหนักน้ำคนใหม่ไม่เข้าใจ เจ้าเด็กนี่รู้ได้อย่างไร? ตามบันทึกในตำนานพื้นที่เก็บคัมภีร์เทพนี้ ทักษะแฝงเร้นของผู้เข้ามาในพื้นที่ถูกจำกัดทั้งหมด เพื่อจะผสานพลังเข้ากับพื้นที่นี้ได้อย่างเต็มที่จะต้องมีทักษะแฝงเร้นคู่ไม่เหมือนใครในโลก...นักรบที่มีทักษะแฝงเร้นสองอย่างมาตั้งแต่แรก นับว่ามีอยู่แต่ในตำนานเท่านั้น
อย่างไรก็ตามอาจมีการฝ่าฝืนหลักการบางอย่างได้เช่นได้รับรางวัลจากเทพโบราณ
มีนักรบน้อยมากที่สามารถพัฒนาทักษะแฝงเร้นอย่างที่สองขึ้นมาได้
สวรรค์อาจเปิดทักษะแฝงเร้นอย่างที่สองที่ดูเหมือนมองอย่างผิวเผินอาจง่าย แต่ในตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์มีไม่เกินห้าคนที่มีทักษะแฝงเร้นสองอย่างทั่วทั้งแดนสวรรค์รวมทั้งอัจฉริยะจากสี่ตระกูลใหญ่ของแดนสวรรค์บน ก็ยังมีไม่เกินสิบคน
นอกเหนือจากสองประเภทนี้ที่มีทักษะแฝงเร้นสองอย่างยังมีคนอีกประเภทหนึ่ง
นั่นคือทักษะแฝงเร้นเทียมที่เจ้าตำหนักสูงสุดเปิดพลังให้เองโดยใช้พลังกฎสวรรค์
ทักษะแฝงเร้นเทียมนี้มีความใกล้เคียงกับทักษะแฝงเร้นที่สองอย่างไม่มีขีดจำกัด และเจ้าตำหนักน้ำคนใหม่ชางหลงมีความภักดีต่อเจ้าตำหนักสูงสุดจึงเป็นผู้โชคดีเพียงไม่กี่คนที่ได้รับการเปิดทักษะแฝงเร้นที่สองเพราะความภักดีของพวกเขาและเงื่อนไขเฉพาะตัว...โดยผิวเผินไม่มีใครมองเห็นได้ ไม่มีใครรู้ แต่ด้วยทักษะแฝงเร้นเทียมที่สองนี้จะช่วยให้มีความแข็งแกร่งรุดหน้าเป็นอย่างมากแน่นอน
ด้วยทักษะแฝงเร้นเทียมที่สองนี้ ผู้อาวุโสชางมักจะแข็งแกร่งคงกระพันในสภาพแวดล้อมบางอย่างได้อย่างไม่มีที่สุด
ตัวอย่างเช่นตอนนี้
คำถามก็คือเย่ว์ไตตันผู้นี้คาดเดาได้อย่างไรว่าเขามีทักษะแฝงเร้นที่สอง?
น่าแปลกเด็กคนนี้คิดได้อย่างไร? เขาฉลาดมากจริงๆหรือ? จ้าวสุริยาไม่เข้าใจสถานการณ์ว่าเจ้าเด็กนี่จะถูกทำลายหรือ?
“ข้าคาดเดาได้ถูกต้อง” เย่ว์หยางหัวเราะเมื่อเห็นสีหน้าเจ้าตำหนักน้ำชางหลง “ในเมื่อเป็นอย่างนี้ งั้นข้าก็มีวิธีแล้ว! เพียงแต่ก่อนนี้เจ้าพูดถึงข้าว่ายังไงนะ? น่ารังเกียจคือชื่อเล่นของข้า หน้าด้านคือชื่อจริงของข้าใช่ไหม? ก็ได้ข้าตัดสินใจให้เจ้าได้ดูความหน้าด้านที่แท้จริง! ถ้าจ้าวสุริยายังอยู่ตรงนั้นข้ายังไม่กล้าใช้ลูกเล่นนี้ เดี๋ยวเขาจะจับไต๋ข้าได้ แต่ตอนนี้เขาไม่อยู่ที่นี่ ข้าโล่งใจแล้ว...ตาแก่..มองลองเจอดาบของข้าก่อน เพลงดาบนี้เรียกว่าพลิกจักรวาล!”
เย่ว์หยางเรียกดาบจันทร์เสี้ยวออกมาจากในแหวนเก็บสมบัติและมองดูชางหลงเจ้าตำหนักน้ำคนใหม่
รับพลังดาบโดยตรง!
เจ้าตำหนักน้ำคนใหม่ชูมืออย่างย่ามใจเหมือนครั้งก่อนรับพลังดาบโดยตรง อย่างไรก็ตามผลที่ได้กลับแตกต่าง พอดาบฟันลงโลหิตฉีดพุ่งกระจาย เย่ว์หยางรั้งดาบกลับมือมนุษย์ข้างหนึ่งขาดตกลงพื้น...