ตอนที่ 982 ทักษะแฝงเร้นสุดยอด
จ้าวสุริยา
เขายืนสงบอยู่ต่อหน้าตำหนักทองเหมือนกับสุภาพบุรุษที่ตกลงนัดหมายกับสหายและรักษาสัญญา แม้ว่าสหายของเขาจะไม่มาเขาก็ยังตั้งใจรอคอย
หมิงลี่ฮ่าวนั่งอยู่บนบันไดตำหนักทองมือวางอยู่บนเข่าและศีรษะตก
สำหรับจ้าวสุริยา
อยู่ห่างจากตำหนักทองเพียงโล่พลังทองกั้นอยู่เท่านั้น
รัศมีบนร่างของเขาหมองลงเหมือนตะเกียงน้ำมันที่ไฟอ่อนและที่น่าประหลาดใจก็คือร่างของหมิงลี่ฮ่าวไม่มีบาดแผลแต่อย่างใด
บนบันไดไม่ไกลจากเขามีร่างคนๆ หนึ่งนอนอย่างเงียบสงบเหมือนกับเจ้าหญิงนิทราแต่นั่นคือเทวีเสรีภาพที่มาก่อน หน้าผากนางไม่มีสิ่งใดผิดปกติยกเว้นรอยนิ้วมือเปื้อนเลือดเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม ร่างกายของนางค่อยๆ จางหายไปอย่างช้าๆ เหมือนกับว่ามีพลังกำจัดจากคัมภีร์อัญเชิญกลืนกินร่างนางอย่างเงียบงัน
เย่ว์หยางเหาะถลามาจากระยะไกล
แม้ว่าเขาจะเห็นความผิดปกติของหมิงลี่ฮ่าวและเทวีเสรีภาพนานแล้ว แต่เขาไม่ถอยกลับเร่งความเร็วมากขึ้นมายืนอยู่ข้างจ้าวสุริยา
“เจ้ามาแล้วหรือ?” จ้าวสุริยาพูดเหมือนกับคุยกับสหายที่ไม่ได้พบกันมาหลายปีไม่ใช่ศัตรูคู่ปรับ
“ต้องขอโทษด้วย การจราจรติดขัด ทำให้ข้ามาสายไปหน่อย” เย่ว์หยางขอโทษอย่างจริงใจ
“ไม่เป็นไร ถ้าเจ้ามาก็นับว่าไม่เลว ถ้าข้าเป็นเจ้าข้าคงไม่กล้ากลับมาที่นี่อีก” จ้าวสุริยามองดูเย่ว์หยาง เขารู้สึกขอบคุณเล็กน้อยและถอนหายใจ“ถ้าเจ้าไม่มีความโดดเด่น ถ้าเจ้าไม่มีความกล้าถ้าเจ้าไม่ใช่จักรพรรดิอวี้รุ่นใหม่แห่งหอทงเทียนข้าเองก็อยากคบเจ้าเป็นสหายจริงๆ ในแดนสวรรค์มีศัตรูมากมาย แต่มีสหายไม่กี่คน เด็กหนุ่มที่คู่ควรแก่การเป็นสหายแต่ข้าต้องทำลายด้วยน้ำมือตนเอง แม้ว่าข้าจะไม่ใช่สตรีผู้มีอารมณ์อ่อนไหวแต่ข้าก็ยังรู้สึกเสียใจอยู่บ้าง บางทีนี่อาจเป็นโชคชะตา!”
“โชคชะตาจะเป็นเช่นไร? ก่อนความจริงจะเปิดเผยไม่มีใครรู้แน่” เย่ว์หยางหัวเราะและส่ายหน้าโต้แย้ง “ถ้าพูดให้ถูกโชคชะตาเอาแน่นอนไม่ได้และบางทีก็อ่อนไหว บางคนดูเหมือนจะยิ่งใหญ่มีพลังล้นหลาม แต่ในสุดเขาอาจประสบชะตากรรมโหดร้ายก็ได้ ใครจะรู้จนกว่าจะถึงที่สุด?”
“คนที่มีพลังใกล้เคียงกับเทพเจ้าเจ้าคิดว่าเขาจะจบอย่างไร? ถูกกำจัดหรือกำชัยชนะ?” จ้าวสุริยายิ้ม
“อย่าว่าแต่ใกล้เคียงเทพเจ้าเลย ต่อให้เป็นเทพเจ้าก็มีวันตาย!” เย่ว์หยางตอบโต้อย่างไม่ลดราวาศอก
“อย่างนั้นก็ลองดู!” จ้าวสุริยายิ้มกว้างมากขึ้นพร้อมกับแผ่รังสีฆ่าฟัน
“เล่าฮ่าว! เจ้าตายหรือยัง?” จู่ๆเย่ว์หยางตะโกนถามหมิงลี่ฮ่าวที่อยู่ข้างใน
“ใกล้แล้ว” หมิงลี่ฮ่าวขณะที่พูดก็มีเลือดทะลักออกจากปากและจมูก แต่ปรากฏประกายแสงระยิบระยับอยู่ข้างหน้าเขากฎสวรรค์ในคัมภีร์เทพกวาดสิ่งสกปรกแปลกปลอมหายไปหมดไม่เหลือร่องรอย
“ตอนแรกข้าอุตส่าห์คิดว่าเจ้ามีความสามารถมากพอคาดไม่ถึงเลยว่าสมองของเจ้ายังทื่อใช้ไม่ได้อีกด้วย” เย่ว์หยางส่ายหัว “ข้าขอให้เจ้าพาจ้าวสุริยาเข้ามา เจ้าไม่เพียงแต่ไม่ฟังคำของข้าเท่านั้นแต่ยังทำอะไรบางอย่างกับจ้าวสุริยาด้วย เล่าฮ่าว! การอวดอ้างความสามารถอย่างนั้นไม่ดีไม่ใช่หรือ? ถ้าเจ้าสามารถทำอะไรจ้าวสุริยาได้ ข้าจะต้องลงมือทำไม? แค่มองดูเจ้าแสดงฝีมือย่อมไม่ดีกว่าหรือ!”
“เจ้าเด็กบ้า,บิดาทำอย่างนั้นย่อมมีเหตุผล” หมิงลี่ฮ่าวโมโห แต่เขาไม่สามารถยืนได้ มองผิวเผินเขาไม่เป็นอันตราย แต่ความจริงอวัยวะภายในของเขาบอบช้ำสาหัส
“จ้าวสุริยา ในกรณีนี้ดูเหมือนท่านจะไม่ค่อยให้ความสนใจบ้างเลยนะ?” เย่ว์หยางหันไปมองจ้าวสุริยาและวิจารณ์
“เจ้าพูดแบบนั้น หมายความว่ากระไร?” จ้าวสุริยาถามด้วยความสงสัย
“ด้วยสถานะของจ้าวตำหนักเทพสุริยะเจ้าสู้ประลองกับหมิงลี่ฮ่าว ก็เท่ากับลดคุณค่าตัวเอง เจ้าร่วมมือกับคนอื่นเพื่อหวังผลชนะ อย่างนี้ก็เป็นได้แค่อันธพาลข้างถนน จะเป็นจ้าวสุริยาได้อย่างไร!” เย่ว์หยางแค่เสียงเยาะเย้ย
“ความจริงที่บอกว่าเป็นกลุ่มคนเป็นการพูดเกินจริงไปหน่อย เราสู้กันสองต่อสองต่างหาก” จ้าวสุริยาอธิบายด้วยเสียงราบเรียบ “หมิงลี่ฮ่าวและเทวีเสรีภาพจับกลุ่มฝ่ายหนึ่ง ข้ากับเจ้าตำหนักน้ำก็เป็นอีกกลุ่มหนึ่ง จำนวนคนเท่ากัน เงื่อนไขเหมือนกัน ข้าเพราะเห็นว่าอีกฝ่ายมีสตรีคนหนึ่งจึงยอมให้นางเคลื่อนไหวก่อน ในสนามรบจะมีนักรบสักกี่คนที่รักษาความสง่างามอยู่ได้ ข้าเชื่อว่าแม้แต่คุณชายไตตันเจ้าก็ยังทำไม่สำเร็จ”
“แน่นอนว่าคุณชายไตตันไม่อาจเหมือนจ้าวสุริยาได้แน่!” มีเสียงชายชราคนหนึ่งดังเนิบนาบขึ้นที่ด้านหลังเย่ว์หยาง เสียงของเขาเหมือนกับฟันเฟืองเหล็กที่ขึ้นสนิมมาหลายปีเป็นลักษณะที่มิอาจบรรยายออกมาได้ “ตามข้อมูลที่ข้าเจ้าตำหนักได้รับมาจากหน่วยข่าวกรอง คุณชายไตตันไม่ว่าจะอยู่ในหอทงเทียนหรือในแดนสวรรค์ สามารถอธิบายได้ด้วยประโยคเดียวน่ารังเกียจเป็นชื่อเล่นของคุณชายไตตัน หน้าด้านเป็นชื่อจริงของคุณชายไตตัน! ถ้าเทียบกันด้วยวิธีเดียวกันนี้ตามความหมายของคุณชายไตตันเจ้าก็กลายเป็นคนซื่อและใจดีไปเลย!”
มีชายชราคนหนึ่งศีรษะกลมผมสีขาวเป็นเงาประกาย และเคราของเขายาวถึงอก
ปรากฏตัวที่ด้านหลังเย่ว์หยาง
เขาถือไม้เท้าหัวมังกรสลักจากไม้จันทน์ทองสวมชุดยาวแขนกว้างปกคอเสื้อสีทอง แขนเสื้อเป็นสีม่วง และเสื้อคลุมส่วนล่างเป็นรูปเครื่องหมายเมฆสีขาว
ชายชรานอกจากบนศีรษะไม่มีผมแล้วเคราของเขายาวเหยียดตรงถึงหู ดวงตาของเขามีแววเจ้าปัญญา
ตาสีน้ำเงินเข้มเหมือนน้ำทะเล
แม้แต่เย่ว์หยางที่เพิ่งเห็นตาของคนผู้นี่ก็ยังรู้สึกประทับใจ
แน่นอนว่าพลังจากสั่งสมความรู้มานานเป็นพันปี คนเราสามารถมีดวงตาปัญญาคู่หนึ่งได้ เย่ว์หยางรู้จักยอดฝีมือในหอทงเทียนและในแดนสวรรค์ตะวันตกนับไม่ถ้วน อย่างไรก็ตามกล่าวได้ว่ามีอยู่เพียงคนเดียวเท่านั้นที่พอจะเทียบลักษณะกับชายชราข้างหน้านี้ได้
นั่นคือผู้เฒ่าหนานกง!
นอกจากนั้นผู้เฒ่าหนานกงที่ไม่ลืมถือหนังสืออ่านก่อนนอน มองดูทั่วโลกคงไม่มีใครมีปัญญาเทียบกับชายชราผู้นี้ได้
ภูมิปัญญาที่ยิ่งใหญ่อย่างนั้นอย่าว่าแต่เย่ว์หยางเลย แม้แต่คนธรรมดาก็สามารถมองออกได้
ตราบใดที่มองเห็นดวงตาของชายชราผู้นี้ก็จะไม่มีใครสงสัยถึงภูมิความรู้ในสมองของเขา
แม่เฒ่าอู่เถิงอาจารย์จิ้งจอกเฒ่าและบัณฑิตจิ้งเฉา อาจารย์ของเย่ว์หวี่และคนอื่นๆ แม้ว่าพวกเขาจะเป็นปราชญ์ผู้มีภูมิรู้มากมาย แต่เมื่อเทียบกับชายชรานี้เกรงว่ายังจะด้อยกว่า
“เจ้าตำหนักน้ำคนใหม่?” เย่ว์หยางขมวดคิ้ว เขาไม่คิดว่าเจ้าตำหนักน้ำคนใหม่จะมีลักษณะนี้ไม่คิดว่าเขาจะมาปรากฏตัวที่นี่
“อา, ไม่ใช่เจ้าตำหนักน้ำคนใหม่ แต่เป็นเจ้าตำหนักน้ำแน่นอน” ชายชราผู้มีดวงตาฉลาดคู่หนึ่งยิ้มเหมือนเป็นคนใจดีมีเมตตาเป็นผู้เฒ่าที่น่าคบหาน่าเข้าใกล้ “ข้าดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าตำหนักน้ำมาหลายพันปีแล้ว ระหว่างที่ข้าดำรงตำแหน่งอยู่นั้น ข้าทำงานให้ที่นี่และตำหนักกลาง หากเจ้ายังบอกว่าข้าเป็นเจ้าตำหนักน้ำคนใหม่แล้วงานที่ข้ารับผิดชอบเล่า? คุณชายไตตันบางทีเจ้าคงเพิ่งจะได้ยินได้ฟังเรื่องของข้าผู้เป็นเจ้าตำหนักมาไม่นาน แต่เรื่องราวทั้งหมดของเจ้าเล่า ข้าผู้เป็นเจ้าตำหนักได้ยินมานานแล้วและมักให้ความสนใจในตัวเจ้าอยู่เสมอ ก่อนนี้ข้ามักสงสัยว่าเจ้าเป็นเด็กหนุ่มแบบไหนถึงได้ฆ่าจักรพรรดินีฟ้าแห่งเผ่าเก้าแสงได้? เจ้ารู้ไหม,จักรพรรดินีฟ้าแห่งเผ่าเก้าแสงเป็นใครนางคือคนที่มีคุณสมบัติมากที่สุดต่อการท้าทายตำแหน่งจอมภพแดนสวรรค์ตะวันตก หากเจ้าเปลี่ยนเป็นจ้าวสุริยา เจ้าคงไม่สามารถพูดได้ว่าเอาชนะได้ง่าย แล้วคุณชายไตตันเจ้าล่ะ? ไม่เพียงแต่ฆ่าจักรพรรดินีฟ้าแห่งเผ่าเก้าแสงเท่านั้น แต่ยังทำลายตระกูลของนางทั้งหมดได้ ข้าผู้เป็นเจ้าตำหนักขอชื่นชมจากใจจริง หลังจากเจ้าถือกำเนิดขึ้นมานี่นับว่ายอดเยี่ยมจริงๆ”
“ข้าน่ากลัวมากมายขนาดนี้เจ้ายังกล้าเข้ามาสู้กับข้าอีกหรือ?” เย่ว์หยางยิ้ม
“อิงหลัว หรือเทวีเสรีภาพที่เจ้ารู้จักนั้นความจริงนางเป็นหลานสาวของหลานสาวข้า โชคไม่ดีเพื่อฟื้นฟูรูปแบบครอบครัว เราเจ้าตำหนักผู้นี้ต้องถ่อกระดูกผุกร่อนเดินทางมาที่นี่ เราเจ้าตำหนักและจ้าวสุริยาแม้ว่าจะอยู่ในเส้นทางเดียวกันแต่เป้าหมายไม่เหมือนกัน ความทะเยอทะยานของจ้าวสุริยาสูงส่ง เขาไล่ตามหาคัมภีร์เทพ เขาจะเป็นเจ้าตำหนักสูงสุดในอนาคต ส่วนข้าเจ้าตำหนักนี้อ่อนแอแก่แล้ว หวังแค่ปกครองภูมิภาคสวนสวรรค์พื้นที่น้อยๆนี้ได้ก็พอใจแล้ว ถ้าจะบอกว่าความพอใจเล็กๆ น้อยๆ ของข้าเจ้าตำหนักก็คือทำลายหอทงเทียนและตระกูลหมิงทั้งหมด ที่สำคัญผู้เยาว์เหล่านี้โตเร็วเกินไปบีบบังคับให้คนชราอย่างเราไม่มีที่ยืน” ชายชราผู้มีใบหน้าใจดีค่อยๆ ผายมือของเขา
“ข้าเห็นคนแก่มามาก แต่ไม่เห็นใครน่าเกลียดเท่ากับเจ้า!” เย่ว์หยางไม่อาจทนกับคนแบบนี้ได้
คนมีความสามารถแต่ไม่มีคุณธรรมเจ้าตำหนักน้ำคนใหม่เป็นเช่นนั้น
ถ้าชายชราผู้นี้ไม่มีความสามารถใดๆ อย่างนั้นก็คงไม่เป็นไร ไม่มีความสามารถฝีมือแต่จิตใจแย่ก็คงไม่เป็นอันตรายกับผู้อื่น แต่ชายชราผู้นี้มีพรสวรรค์ความสามารถ ทั้งมีจิตใจชั่วร้าย นั่นคือฝันร้าย!
สำหรับคนแบบนี้เย่ว์หยางรู้สึกว่าไร้ประโยชน์
ดีที่สุดก็คือต่อสู้
ต้องทุบจนเขาต้องร้องเรียกหาแม่ซัดให้ทรุดจนคลานกับพื้นมองหาฟันตัวเองถึงจะเหมาะสม!
เย่ว์หยางถลกแขนเสื้ออย่างโมโห อย่านึกว่าเจ้าแก่แล้วข้าจะไม่กล้าทำอะไร
“ฮ้า... คุณชายไตตัน ดูเหมือนว่าเจ้าเตรียมพร้อมประลองกับเราสองคนแล้ว” ชายชราชำเลืองมองหมิงลี่ฮ่าวที่อยู่ในโล่ม่านพลังทองและยิ้มด้วยความมั่นใจ “ข้าไม่ปฏิเสธว่าเจ้ามีความแข็งแกร่งมากพอฆ่าจักรพรรดินีฟ้าแห่งเผ่าเก้าแสงได้นั่นเป็นเรื่องที่ข้าไม่อาจเพิกเฉยได้ อย่างไรก็ตามข้าได้รวบรวมข้อมูลทั้งหมดในสวนสวรรค์ศึกษาวิจัยมานานหลายพันปีแล้วที่นี่ในพื้นที่คัมภีร์เทพ เจ้าอาจเอาชนะจักรพรรดินีฟ้าแห่งเผ่าเก้าแสงได้ทั้งอาจเอาชนะจอมภพแดนสวรรค์ได้... แต่เจ้าไม่มีทางเอาชนะข้าได้!”
“เหรอ?” เย่ว์หยางแค่นเสียงเย็นชา เขาไม่เชื่อถืออย่างที่สุด และต้องการจะแกล้งทำตัวเป็นภูตผีจากนั้นปรากฏตัว!
“หมิงลี่ฮ่าว! เจ้าจะเป็นคนต่อไป!” เจ้าตำหนักน้ำคนใหม่ใช้ไม้เท้าหัวมังกรชี้พูดด้วยความมั่นใจ
“หากผู้อาวุโสชางพลาดท่าข้าก็ยังต้องรับผิดชอบเก็บกวาดการต่อสู้เหมือนเดิม” จ้าวสุริยาดูเหมือนยมีความมั่นใจในตัวเจ้าตำหนักน้ำคนใหม่มาก แม้ว่าเขาจะคำนวณความสามารถของเย่ว์หยางอย่างรอบคอบ แต่เขากลับจับตามองเย่ว์หยางตลอดเวลากลัวว่าจะประมาทเป็นครั้งที่สอง แต่ครั้งนี้เขายินดีมอบหมายการจับตาให้กับเจ้าตำหนักน้ำคนใหม่
เย่ว์หยางได้ยินดวงตาเขายิ่งเย็นชา
เขาหายตัวไปทันที
เมื่อเขาปรากฏตัวอีกครั้งศีรษะของเจ้าตำหนักน้ำคนใหม่เปล่งประกายอยู่แล้ว
ดาบมหึมาชั้นแพลตตินัมที่เขายึดมาจากนักรบหลี่ผานแห่งเผ่าเก้าแสงที่ทรงพลังที่สุดเย่ว์หยางฟันออกด้วยท่าผ่าปฐพี พลังที่น่ากลัวคาดไม่ถึงรุนแรงพอถล่มฟ้าทลายโลก
ปราณดาบระเบิดออกในอากาศเป็นรูปมังกรฟ้า
แม้ว่าจะมีพลังกฎสวรรค์ป้องกันไว้แต่พลังทำลายของเย่ว์หยางก็น่ากลัวสร้างความแตกตื่นได้
ม่านพลังโล่ทองสั่นสะเทือนแตกร้าวรุนแรงแต่พื้นของที่นี่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเพชร อากาศมีรอยแตกลึกของมิติ
ไม่ต้องพูดถึงคนเลยต่อให้เป็นภูเขาเย่ว์หยางก็สามารถตัดขาดครึ่งได้!
ต่อให้คงกระพันแค่ไหนก็ไม่อาจต้านทานได้
เมื่อเขาฟันเสร็จสิ้น
เจ้าตำหนักน้ำคนใหม่ได้แต่รอคอยอยู่เงียบๆ
ประกายพลังสายฟ้ารอบตัวดาบที่อยู่เหนือศีรษะของเขามีสายหนึ่งอยู่เหนือศีรษะของเขาเพียงหนึ่งเซนติเมตร เขายกมือซ้ายที่ว่างอย่างสบายๆและมืออีกข้างหนึ่งถือไม้เท้ายืนหยัดหนักแน่นราวกับภูผาและมือเลือดเนื้อของเขายกขึ้นต้านพลังดาบสะท้านฟ้าสะเทือนดิน
“ตาย!” เย่ว์หยางคิดว่าถ้าชายชราผู้นี้ทำด้วยเหล็กกล้าอย่างนั้นเขาสามารถตัดร่างให้ขาดครึ่งได้
“น่าขัน” เจ้าตำหนักน้ำคนใหม่แค่นเสียงหัวเราะ เขาชูมือเฉยๆ โดยไม่ต้องใช้ท่าตามแต่อย่างใดอย่างไรก็ตามเพียงเท่านี้เขาสามารถสลายพลังโจมตีเต็มที่ของเย่ว์หยางได้ทั้งหมด พลังดาบที่สามารถถล่มฟ้าทำลายดินตัดเข้าไปในฝ่ามือของเขาสลายกลายเป็นหมอกหายไปไม่เหลือ
และในมือของเย่ว์หยางเหลือแต่มือเปล่าๆ
ดาบระดับแพลตตินัมถูกทำลายในลักษณะนี้หรือ?
นี่คือทักษะแฝงเร้นหรือ?
หรือว่านี่เป็นความสามารถในการใช้ทักษะแฝงเร้นในพื้นที่มิติเก็บคัมภีร์เทพหรือ?
เย่ว์หยางมองดูดาบที่สูญสลายหายไปในมือของเขาโดยไม่ได้ทำอะไร บัดซบ,ทักษะแฝงเร้นของตาแก่นี่แปลกเกินไปหรือเปล่า?