ตอนที่ 980 ฝ่าบาท พระองค์ตายได้แล้ว!
มิติเก็บคัมภีร์เทพ
จื่อฟง ชิงหลาง โหลวลั่วสามราชาและนักสู้ระดับปราณฟ้าร่วงลงกับพื้นทีละคน
พลังของพวกเขาโดยรวมแข็งแกร่งกว่าเสี่ยวโฉ่วที่เป็นนักสู้ปราณฟ้าระดับสี่อยู่มากแค่พลังปราณฟ้าระดับราชาก็สามารถเอาชนะเสี่ยวโฉ่วที่อยู่ข้างหน้าได้ อย่างไรก็ตามเมื่อเสี่ยวโฉ่วปล่อยพลังคลื่นสั่นสะเทือนทุกคนต่างร่วงล้มกันหมดราวกับถูกพายุหมุนกวาดนักสู้ปราณฟ้าร่วงหล่นลงพื้นยืนก็แทบไม่ได้แม้แต่สามราชาผู้แข็งแกร่งที่สุดอย่างราชาจื่อฟงราชาชิงหลางและราชาโหลวลั่วไม่มีโอกาสต่อสู้ดิ้นรน นักสู้ปราณฟ้าอื่นที่มีพลังระดับต่ำกว่ายิ่งไม่มีพลังพอจะกระดิกนิ้วมือ
ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือสูญเสียความเป็นตัวของตัวเอง
“อา.. ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้?” ราชาชิงหลางไม่เข้าใจ
“ไม่มีทาง?” ราชาโหลวลั่วเต็มไปด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ
“.....” ความจริงราชาจื่อฟงก่อนจะร่วงตกลงมาเขาพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อประคองจูกวงไว้ในอ้อมแขน เขาไม่ยอมให้นางได้รับบาดเจ็บ
“เหตุผลง่ายมาก พวกเจ้าทุกคนต้องคำสาป” เสี่ยวโฉ่วยกนิ้วชี้แล้วห้ามและหัวเราะน่ากลัว “ความจริงแผนการทั้งหมดเป็นข้าคิดขึ้นมาเองรวมทั้งการโจมตีเจ้าที่งานเลี้ยง นักรบเดนตายปล่อยคำสาป จนถึงพายุทะเลคลั่ง ทั้งหมดอยู่ในการคำนวณของข้า”
“เราได้รับบาดเจ็บที่ทะเลคลั่งเพราะคำสาปที่อยู่ในเลือดกระตุ้นใช่หรือไม่?” ราชาจื่อฟงเข้าใจทันทีว่าทำไมราชาสองหน้าและแปดขุนพลบริวารจึงไม่ฆ่าพวกเขาทันที
ก่อนนั้นเขาคิดว่าเป็นเรื่องของความโชคดี
คาดไม่ถึงว่านี่เป็นแค่แผนการของเสี่ยวโฉ่ว
เสี่ยวโฉ่วไม่เพียงแต่คำนวณเรื่องคำสาปไว้เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงผู้รอดชีวิตที่ยังมีความอยากรู้อยากเห็นเสี่ยงชีวิตเข้าสู่พื้นที่เก็บคัมภีร์เทพ
“ถูกต้อง” เสี่ยวโฉ่วไม่ปฏิเสธ เขายักไหล่และแสยะยิ้ม “ถ้าฆ่าพวกเจ้าเร็วเกินไป ด้วยพลังของข้าก็คงผ่านโล่พลังเข้าไปในพื้นที่เก็บคัมภีร์เทพไม่ได้ เพื่อให้แผนการนี้สัมฤทธิ์ผลสูงสุด ข้าตัดสินใจปล่อยให้พวกเจ้าเข้ามา เมื่อพวกเจ้าเข้ามาในนี้แล้วข้าจะฆ่าพวกเจ้าเอาเลือดบูชายัญเพื่อเปิดโล่ม่านพลังและเข้าไปในวิหารทอง”
“ทำไมต้องเป็นเรา? เราไม่มีความแค้นใดต่อเจ้า!” ราชาชิงหลางไม่เข้าใจ เขาวางแผนเล่นงานจื่อฟงทำไมต้องนับรวมเขาเข้าไปด้วย?
“จำเหตุการณ์สังหารที่หุบเขาซิ่งกู่ได้ไหม?” เสียงของเสี่ยวโฉ่วพลันดุร้าย เขาพยายามข่มความโกรธและและแค่นเสียงแหลม “1,500 ชีวิตในหุบเขา ทั้งคนชราคนพิการและคนอ่อนแอไม่มีใครรอดชีวิตเป็นฝีมือของเจ้า โหลวลั่วและว่านเจียว เป็นผู้นำในการฆ่าครั้งนี้”
“เจ้าคือเด็กที่ขาหักหรือ?”สายตาที่ราชาชิงหลางมองดูเสี่ยวโฉ่วเปลี่ยนไปราวกับว่าเขาเห็นภูตผีเห็นได้ชัดว่านั่นคือเด็กที่ขาหักสองข้าง
“เจ้า เจ้าคือเผ่าพันธุ์คนสุดท้ายนั่น....” สีหน้าของราชาโหลวลั่วเปลี่ยนไปทันที
“เห็นได้ชัดว่ามันถูกเผาตายไปแล้ว!” มีเสียงของนักสู้ปราณฟ้าอื่นร้องเตือน
“เป็นไปได้อย่างไร?”แทบทุกคนเกี่ยวข้องกับการสังหารหมู่ที่หุบเขาซิ่งกู่ในปีนั้นและพวกเขาก็ดูละอายใจเมื่อได้ยินการเผชิญหน้ากับการแก้แค้น
“ถูกแล้ว,ข้าคือหนึ่งในเผ่าพันธุ์ที่เจ้าเผาอยู่ในกองไฟนานถึงครึ่งค่อนวันก็ยังไม่ตายร่ำร้องว่าจะแก้แค้นน่ะหรือ” เสียงของเสี่ยวโฉ่เยือกเย็นขึ้นยิ่งกว่าน้ำแข็งน้ำเสียงของเขาน่ากลัวยิ่งกว่าภูตพรายกรีดร้อง“เจ้าคิดว่าเมื่อข้าบอกว่าต้องการแก้แค้น ข้าแค่พูดไปอย่างนั้นเองหรือ?” ปีแล้วปีเล่าที่ข้าเฝ้าวางแผนเพื่อวันนี้! เจ้าคิดว่าข้าเชิญเจ้าไปงานเลี้ยงของจื่อฟงเป็นเรื่องบังเอิญหรือ? ฮ่าฮ่าฮ่า นั่นเป็นการจัดการของข้าโดยเฉพาะ ข้าวางแผนจากความโลภของพวกเจ้า ต่อให้เย่ว์ไตตันไม่ปรากฏตัวต่อให้ไม่มีหยดเลือดเทพเป็นเหยื่อล่อเจ้าก็ถูกหลอกได้อยู่ดี”
“ปรากฏว่าเป็นการล้างแค้นเหตุการณ์ที่หุบเขาซิงกู่!” แววสำนึกผิดปรากฏขึ้นในดวงตาของราชาชิงหลาง “นั่นเป็นการกระทำที่บ้าคลั่งเพียงอย่างเดียวที่ข้ารู้สึกผิด....เมื่อสหายศึกของข้าฆ่าคนโดยที่ข้าควบคุมไม่ได้ข้าได้แต่เสียใจกับเหตุการณ์บ้าคลั่งที่เกิดในหุบเขาซิงกู่”
“เสียใจ, สำนึกผิด? ฮ่าฮ่าฮ่ารู้ไหมว่าข้าได้ยินเรื่องใดมา ข้าได้ยินว่าเจ้าข่มขืนและฆ่าราชินีแห่งซิงกู่แล้วเจ้ายังกล้าพูดแค่คำว่าเสียใจเองหรือ? ฮ่าฮ่าฮ่า!” เสี่ยวโฉ่วหัวเราะ
“สตรีนางนั้น ทุกสิ่งที่ข้าทำกับนางข้ารู้สึกละอายใจยิ่งนัก!” ราชาชิงหลางหัวเราะและยิ้มกว้าง “ถึงแม้ว่านางจะพูดในเวลานั้นว่านางอภัยให้ข้า แต่ข้าไม่สามารถอภัยให้ตนเอง ในเมื่อเจ้าจะแก้แค้นให้นาง อย่างนั้นข้าจะชดใช้ชีวิตให้เจ้า!”
มือที่สั่นเทาของราชาชิงหลางกลายเป็นกรงเล็บหมาป่าเขาปักกรงเล็บที่อกและควักหัวใจ
มือของเขาชุ่มไปด้วยเลือด
และส่งมอบให้เสี่ยวโฉ่ว
เสี่ยวโฉ่วแค่นเสียงเหยียดหยามไม่ยอมมองดูและใช้ขาเหยียบขยี้
ใช้เท้าข้างหนึ่งเหยียบหัวใจที่ยังเต้นอยู่จนแหลก
เลือดสาดกระจายอยู่บนพื้น...เขาไม่เพียงแต่ทำลายหัวใจของราชาชิงหลางเท่านั้นแต่ยังใช้ไม้วิเศษในมือดึงดูดรวบรวมเลือดของราชาชิงหลางก่อนเขาตายควบกลั่นเป็นบอลกลมลอยอยู่ต่อหน้าของเขาเตรียมใช้ในการบูชายัญในภายหลัง
ราชาชิงหลางเสียเลือดไปแทบไม่เหลือหน้าของเขาสั่นกระตุก “ข้าขอโทษ, แม้ว่านางจะยกโทษให้ข้าแต่สุดท้ายข้าไม่ได้กลายเป็นคนดี...ข้าไม่อาจลืมเสียงหัวเราะและเสียงร้องไห้ของเจ้าได้ข้าไม่สามารถลืมการขออภัยเจ้าได้... แต่ข้าขลาดเขลาเกินไป ในภูมิภาคสวนสวรรค์สถานที่เต็มไปด้วยคนชั่วร้าย ข้าไม่สามารถยืนหยัดเป็นคนดีอย่างกล้าหาญได้ แม้จะผ่านมาหลายปีแล้ว ท่านหญิงผู้นั้น ความจริงข้าไม่เคยลืม....ข้าเสียใจจริงๆ....”
ม่านตาของเขาเริ่มขยายไม่หยุด
เมื่อถึงจุดสุดท้ายใกล้จะตายที่หางตาของเขา มีหยาดน้ำตาปนโลหิตไหลหยดลงพื้น
ราชาโหลวลั่วเห็นราชาชิงหลางฆ่าตัวตายชดใช้ความผิดทำให้เขาหวาดกลัวจนขวัญกระเจิง เขาพยายามอย่างสุดกำลังกระโดดและบินหนีไปในอากาศ
เสี่ยวโฉ่วไล่ตามหลังเขาแล้วยิงพลังกรงเล็บสังหารออกไปราวกับสายฟ้ากรงเล็บทะลวงหลังทะลุออกทางหน้าอก กระชากหัวใจติดออกมาด้วย
ฉัวะ
ขณะที่เสี่ยวโฉ่วดึงแขนกลับเขาขยี้หัวใจของราชาโหลวลั่วอย่างอำมหิต
ราชาโหลวลั่วหนีออกไปได้ไกลสองสามกิโลเมตรขณะที่เลือดของเขาฉีดพุ่งในอากาศมองดูเหมือนรุ้งสีเลือด
เสี่ยวโฉ่วรีบกลับมาพร้อมกับใช้ไม้วิเศษรวบรวมโลหิตที่ฉีดพุ่งสร้างเป็นบอลโลหิตลูกที่สองขณะที่ร่างของราชาโหลวลั่วสูญเสียเลือดไปทั้งหมด กระเด็นลงพื้นราวกับว่าวขาดลอย
เทียบกับราชาชิงหลางผู้ตายเพราะสำนึกผิดการตายของราชาโหลวลั่วกระตุ้นให้กฎสวรรค์ในพื้นที่เก็บคัมภีร์เทพทำความสะอาดพื้นที่ร่างของเขาสลายกลายเป็นธุลีหายไปในอากาศ
ตรงกันข้ามกับราชาชิงหลางผู้ยอมตายเพื่อชดใช้บาปและตายต่อหน้าแต่ยังคงมีพลังปณิธานหลงเหลืออยู่เล็กน้อย
ร่างของเขาไม่หายไปในทันที แต่ค่อยๆละลายไป
เสี่ยวโฉ่วแค่นเสียง
สำหรับศพชิงหลางเขาขึ้นไปย่ำร่างตั้งแต่ศีรษะและส่วนอื่นอย่างหนัก
ศพกลายสภาพเป็นธุลีและสลายหายไป
อย่างไรก็ตามใต้เท้าของเสี่ยวโฉ่วมีผลึกประหลาดคล้ายกับผลึกปีศาจชนิดพิเศษที่เกิดจากการกลั่นตัวจากความรู้สึกสำนึกเสียใจ อาจกล่าวได้ว่านี่คือหัวใจแห่งความสำนึกผิด
เสี่ยวโฉ่วฆ่านักสู้ปราณฟ้าอื่นยกเว้นราชาจื่อฟงและหญิงงามจูกวงและดึงดูดเลือดมาสร้างเป็นลูกกลมขนาดต่างๆ
ราชาจื่อฟงรู้ตัวว่าแม้แต่เขาก็คงไม่ได้รับการยกเว้นแม้ว่าการเข่นฆ่าสังหารหมู่ที่หุบเขาซิงกู่เขาไม่ได้มีส่วนร่วมก็ตาม แต่เป็นไปไม่ได้ที่เสี่ยวโฉ่วจะยอมปล่อยเขาไปเขามองดูหญิงงามจูกวงในอ้อมแขนและก้มหน้าจุมพิตหน้าผากสตรีที่เขารักลึกซึ้งอย่างอ่อนโยนและทำท่าไม่ให้นางพูด มอบทุกอย่างให้นาง “เสี่ยวโฉ่ว, ข้าเข้าใจว่าเจ้าต้องการอะไร!”
เสี่ยวโฉ่วยิ้มเจ้าเล่ห์ “หมายความว่ายังไง?”
ราชาจื่อฟงถอนหายใจเล็กน้อย “เจ้าไม่ฆ่าข้าก่อน ก็เพราะต้องการทรมานข้าช้าๆและบังคับให้ข้ามอบสะเก็ดศิลาดวงดาวให้เจ้า”
เสี่ยวโฉ่วหัวเราะและชูนิ้วโป้ง “คนฉลาดย่อมดูแตกต่าง อืม.. ถ้าเจ้าไม่ต้องการเห็นการฆ่าข่มขืนสตรีผู้เป็นที่รักของเจ้าก็มอบสะเก็ดศิลาดวงดาวออกมา! ไม่มีสิ่งนั้น ข้าไม่สามารถเข้าไปยังตำหนักทองได้ เมื่อข้าไม่สามารถเข้าไปในตำหนักทองได้อารมณ์ของข้าจะไม่ดีอย่างมาก ถ้าข้าอารมณ์เสีย ข้าจะต้องหาสตรีมาระบายอารมณ์ เจ้ารักสตรีของเจ้าลึกซึ้งคงไม่ต้องการให้นางขุ่นเคืองใจในเรื่องเล็กน้อยใช่ไหม?
“ถ้าเจ้าสาบานในนามของราชินีซิงกู่และสัญญาว่าจะไม่ล่วงเกินจูกวง เมื่อข้ามอบสะเก็ดศิลาดวงดาวให้เจ้าเจ้าจะต้องปล่อยนางไปทันที มิฉะนั้นข้าจะฆ่าตัวตายเหมือนชิงหลางเมื่อข้าตาย สะเก็ดศิลาดวงดาวจะสูญหายไปตลอดกาล” ราชาจื่อฟงคิดเรื่องนี้เอาไว้แล้ว อย่างไรก็ตามเขายังมีความหวังในแผนของเสี่ยวโฉ่ว
อย่างไรก็ตามถึงแม้จะมีแต่เพียงความหวังที่ริบหรี่ แต่ราชาจื่อฟงไม่หลงตัวเอง แต่เขากลับยอมแลกเปลี่ยนกับสตรีผู้เป็นที่รักของเขา
เสี่ยวโฉ่วสาบานโดยไม่มีความลังเลใจ
เขาสัญญาว่าจะไม่ทำร้ายจูกวงแม้แต่ปลายเส้นผมทันทีที่ได้รับสะเก็ดศิลาดวงดาว เขาจะปล่อยนางไป
ราชาจื่อฟงมองดูหญิงงามจูกวงในอ้อมแขนอย่างลึกซึ้งในขณะนั้น เขาทนไม่ได้ที่จะหยุดมองนางแม้แต่วินาทีเดียว จูกวงหลั่งน้ำตาราชาจื่อฟงเช็ดน้ำตาที่ใบหน้านางอย่างอ่อนโยนและยิ้มปลอบใจนาง “น้องหญิง! เจ้าล่วงหน้าไปก่อน เจ้าต้องไปตามลำพัง ด้วยสติปัญญาที่ฉลาดของเจ้าตราบใดที่เจ้าระมัดระวังตัวเป็นอย่างดี ข้าคิดว่าเจ้าจะจากไปได้โดยไม่ลำบากอย่าร้อง, อย่าร้องเลย..จงมีชีวิตอยู่อย่างกล้าหาญ... จำเอาไว้, เจ้าจะต้องมีความสุขในอนาคตมีความสุขมากกว่าใครๆ! ข้ารักเจ้า!”
เขาลูบหน้าผากของจูกวงเบาๆและจูบด้วยความรู้สึกผูกพันลึกซึ้งอีกครั้ง
นางหลับตารับการจุมพิตจากเขา
เสี่ยวโฉ่วที่อยู่ใกล้ๆ มองดูอย่างเย็นชา
“เจ้าต้องปฏิบัติตามสัญญาของเจ้าเดี๋ยวนี้”ราชาจื่อฟงคลายมือและเช็ดน้ำตาให้หญิงงามจูกวง ทันใดนั้นเขาจ้องหน้าเสี่ยวโฉ่วอย่างจริงจัง “มิฉะนั้นราชินีซิงกู่จะสาปแช่งเจ้า”
“วางใจได้” เสี่ยวโฉ่วแสร้งจริงจัง “ข้าไม่ยอมให้คำสาบานของราชินีซิงกู่เล่นงานข้าแน่ คำสาบานมีผลอย่างแน่นอน!”
“แน่นอน ทำได้อย่างนั้นเป็นดีที่สุด” ราชาจื่อฟงเปล่งประกายผลึก
ผลึกศิลาดวงดาวนี้มีประกายมากมายกว่าผลึกธรรมดาและรัศมีประกายของมันงดงาม มีพลังมากมายกว่าผลึกทั่วไปเป็นพันๆ เท่า สะเก็ดศิลาดวงดาวแน่นอน เป็นนี่เป็นสะเก็ดศิลาดวงดาวที่สำคัญเทียบเท่ากับแกนกลาง
ราชาจื่อฟงมอบให้เสี่ยวโฉ่ว
เสี่ยวโฉ่วมีสีหน้าตื่นเต้นเล็กน้อยเขามองดูบริเวณรอบๆ ก่อน เพราะกังวลว่าจะมีคนลอบทำร้าย
เขาตรวจดูซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนกระทั่งแน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ในบริเวณนั้นจึงรีบคว้าแกนกลางสะเก็ดศิลาดวงดาวเก็บเข้าไปในแหวนเก็บสมบัติของตน ขณะที่เขาดึงมือออกเขาเตะเข้าที่หัวใจของราชาจื่อฟง
ราชาจื่อฟงดูเหมือนจะรู้ความเคลื่อนไหวนี้อยู่แล้วเขายิ้ม “แม้ว่าข้าจะซ่อนจุดอ่อนไว้อย่างดีที่สุด แต่เจ้าก็ควรรู้ว่าข้าไม่ยอมตระบัดสัตย์!”
เขารีบหันกลับมาและยิ้มให้จูกวง “น้องหญิง!, เจ้าไปเถอะ ข้าไม่อาจปกป้องเจ้าได้อีกต่อไปแล้ว
เสี่ยวโฉ่วหัวเราะลั่น
เขาหัวเราะจนน้ำตาไหล “บางทีอาจจะโหดร้ายไปบ้าง แต่ข้าจะต้องบอกความจริงช่วยให้เจ้าไม่ต้องตายอย่างพึงพอใจและงมงาย บุรุษผู้ยิ่งใหญ่ปกป้องสตรีอันเป็นที่รัก! จื่อฟง! ความจริงแล้วเจ้ามันเป็นตัวโง่งมอันดับหนึ่งในโลก! จูกวงเป็นสตรีแบบไหน? ไม่อยากหัวเราะเยาะคนตายใครเป็นคนบอกจุดอ่อนกับข้าน่ะหรือ? ก็นางไงเล่า! เจ้าคิดว่าใครเตรียมแผนการนี้ออกมา? ก็เป็นนางนั่นแหละ! เจ้าคิดว่าใครอยากเข้าไปในตำหนักทองแห่งนี้? แค่เพียงเพื่อนางเจ้าถึงกับสูญเสียความคิด นึกว่าตนเองยิ่งใหญ่เจ้าเป็นแค่คนโง่ที่อยู่ในกำมือเท่านั้น! ขอบอกเลยว่าเจ้าโง่ที่สุด เจ้าไม่มีคุณสมบัติอะไรเลย เป็นแค่ตัวโง่งมอันดับหนึ่งของโลก!”
ร่างของราชาจื่อฟงล้มลงกระแทกกับพื้น
ตาของเขามองจูกวงอย่างมุ่งมั่น บัดนี้นางเช็ดน้ำตาและลุกขึ้นยืน
“ฝ่าบาท ข้าต้องขอบคุณในความรักที่ท่านมีต่อข้าหลังจากท่านล่วงหน้าไปก่อน ข้าจะอยู่กับท่าน...” เสียงของหญิงงามจูกวงอ่อนหวานและไพเราะราวกับเสียงสวรรค์ แต่เมื่อเห็นนางลุกขึ้นยืน เสี่ยวโฉ่วรู้สึกเหมือนเห็นอสรพิษอดหลบเลี่ยงออกมามิได้
ราชาจื่อฟงเจ็บปวดจนพูดไม่ออก เขาหลับตาไม่ต้องการเห็นสตรีอันเป็นที่รักของเขาทรยศหักหลังตัวเขา
“ฝ่าบาท, จูกวงยังมีข้อคลางแคลงใจอยู่เล็กน้อยหวังว่าฝ่าบาทจะช่วยไขข้อข้องใจนั้น” หญิงงามจูกวงโน้มร่างที่งดงามและลดวงหน้าประดุจหยกงามของนางกระซิบถามราชาจื่อฟง “ฝ่าบาท, แม้ว่าจะรู้จักกับเย่ว์ไตตันไม่นาน แต่เย่ว์ไตตันเป็นผู้มีญาณพิเศษและเขาเห็นคุณค่าของฝ่าบาทและยอมรับท่าน ยิ่งกว่านั้นจิตใจที่เปี่ยมคุณธรรมของท่านทำให้มารสัมฤทธิ์ฟ้าและนักสู้คนอื่นๆยอมเป็นมิตรสหายกับท่าน ด้วยสติปัญญาและความสามารถของพวกเขา พวกเขาไม่มีเหตุผลที่จะมองดูท่านตาย ท้ายที่สุดนี้จูกวงหวังว่าฝ่าบาทจะพูดอย่างตรงไปตรงมาเหมือนแต่ก่อน เย่ว์ไตตันล่อลวงเราอยู่เบื้องหลังหรือไม่? จะมีสิ่งใดรอเราเมื่อเราเปิดทางเข้าตำหนักทองหรือไม่? ได้โปรด ถ้าท่านไม่ต้องการให้ทุกอย่างที่จูกวงทำจนกระทั่งถึงวันแต่งงานสูญเปล่าโปรดบอกความจริง!”
“ข้าไม่ทราบ” ราชาจื่อฟงถอนหายใจเล็กน้อย และเขากระอักโลหิตออกมาเป็นจำนวนมาก เขาพยายามใช้เรี่ยวแรงสุดท้ายดิ้นรน “แม้ว่าเจ้าจะทรยศข้า แต่ข้าก็ยังรักเจ้า น้องหญิง! ถ้าข้าพบเย่ว์ไตตัน ข้าจะขอร้องให้เขาละเว้นเจ้า...”
“ขอบคุณ” จูกวงดูเหมือนจะปลาบปลื้มมากนางเช็ดน้ำตาและพูดปนสะอื้น “ฝ่าบาท, พระองค์ตายอย่างวางใจได้แล้ว!”