ตอนที่ 979 เย่ว์ไตตันก็ช่วยเจ้าไม่ได้!
ในมิติเก็บคัมภีร์เทพ
ในกลุ่มราชาจื่อฟงและหญิงงามจูกวงไม่มีใครเคยได้มาในพื้นที่เก็บคัมภีร์เทพมาก่อน
ตอนนี้พวกเขาพบว่าได้ผ่านประตูเทเลพอร์ตรูนโบราณเข้ามาถึงโลกที่น่าพิศวงแห่งหนึ่งที่นี่มีม่านพลังรูปโล่สีทองคลุมอยู่ด้านบน มองไปรอบๆ มีสวนกลิ่นหอมสดชื่นอยู่ทั่วทุกที่ ตามขอบของม่านโล่พลังสีทองกินพื้นที่อย่างน้อยเกือบร้อยกิโลเมตร
ในพื้นที่เก็บคัมภีร์เทพที่กว้างใหญ่นี้ยังมีพื้นที่มิติขนาดใหญ่น้อยมากมาย
แต่ละพื้นที่คลุมไปด้วยม่านพลังสีทองขนาดเล็กกว่า
บางพื้นที่อยู่ข้างหน้า บางพื้นที่ลอยอยู่ในอากาศ
พื้นที่ค่อนข้างมีการผสานตัวสอดคล้องม่านพลังรูปโล่ทรงกลมขนาดใหญ่อยู่ตรงกลาง มีม่านพลังเล็กๆหมุนโคจรโดยรอบด้วยพลังกฎสวรรค์แปลกประหลาดอธิบายไม่ได้
อย่างไรก็ตามแม้แต่ม่านพลังรูปกลมอย่างเล็กที่สุดก็มีขนาดหลายสิบตารางกิโลเมตร
ตัวม่านพลังสีทองใส
เมื่อมองเข้าไปข้างในจะพบว่าเหมือนเป็นโลกที่มีชีวิต มีพลังในตัวเอง
ถ้ามองเข้าไปตรงกลางจะมองเห็นพวกนักสู้ปราณฟ้าอย่างเช่น ราชาจื่อฟงราชาชิงหลางและราชาโหลวลั่วเป็นต้น ไม่มีใครสามารถนึกออกว่าจะมีการสร้างสิ่งก่อสร้างใหญ่โตตระการตาระดับนี้ แดนสวรรค์มิใช่ปราศจากผู้มีความสามารถ ราชาเจ้าแคว้น และเจ้าเมืองไม่ชอบแข่งกันสร้าง พวกราชาจื่อฟงก็สามารถทำวังตำหนักอย่างนี้ได้แน่นอน เพียงแต่จะต้องใช้เวลาและพลังชีวิตไปมากมายขนาดไหน
วังหลวงในเมืองลู่หลิวสูงถึงหนึ่งกิโลเมตร
เมื่อเทียบกับตำหนักสีทองก็เหมือนกับแมลงปอที่อยู่ต่อหน้าพญาช้างสาร มิอาจเทียบกันได้อย่างสิ้นเชิง
“ข้าคิดว่าที่ตั้งตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์บนเขาแสงศักดิ์สิทธิ์ก็ยังเทียบที่นี่ไม่ได้” ราชาจื่อฟงไม่เคยไปภูเขาแสงศักดิ์สิทธิ์ ไม่เคยไปตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์เขาเพียงแต่ได้ยินเรื่องเหล่านี้จากตำนานเท่านั้นจากการอ่านและดูภาพ
เดิมทีเขาคิดว่าตำหนักกลางแดนสวรรค์นั้นเด่นที่สุดในแดนสวรรค์แล้ว
คาดไม่ถึงเลยว่ามิติเก็บคัมภีร์เทพที่ไม่รู้จักนี้เป็นวังที่มีขนาดใหญ่มโหฬารทำให้ผู้คนรู้สึกว่าตนเองตัวเล็กไม่ต่างมดแมลงเมื่อพวกเขามาอยู่... แท้จริงแล้วมีแต่เพียงตำหนังเวียงวังอย่างนั้นที่คู่ควรกับเทพเจ้า ราชาจื่อฟงไม่เคยเห็นเทพเจ้า แต่เมื่อเขาเห็นวังตำหนักซึ่งเป็นที่อยู่ของเทพเจ้าเขาตระหนักได้ทันทีถึงความห่างชั้นระหว่างตัวเขาเองกับเทพเจ้าซึ่งไม่ธรรมดาเลย
เห็บหมัดกับพญาช้างสารแตกต่างกันมากมายขนาดไหน?
อาจจะมากยิ่งกว่านั้นก็ได้!
มดคืออะไร? เมื่ออยู่ต่อหน้าเทพเจ้า คนอย่างเขาก็คือมดตัวหนึ่งอย่างมิต้องสงสัย
“ถ้าข้าเป็นเจ้าของวังนี้ได้ แม้จะเป็นแค่วันเดียว ข้าคงตกใจจนตาย” ราชาชิงหลางถอนหายใจลึก จริงๆแล้วเขาเพิ่งจะพูดว่าถ้าสามารถเข้าในดินแดนและสิ่งก่อสร้างที่รุ่งโรจน์ที่ไม่ธรรมดา เมื่อได้เห็นวังสีทองที่อยู่อาศัยของเทพนับว่าไม่มีอะไรน่าเสียใจแล้ว
“ไปต่อเถอะเจ้าต้องการหาทางเข้าข้างในพื้นที่สนามโล่พลังสีทองไม่ใช่หรือ?” ราชาโหลวลั่วค้นพบจุดหนึ่งรวมทั้งม่านพลังทองภายนอกทั้งหมดได้รับการคุ้มครองโดยพลังกฎสวรรค์มีรูปแบบอักขระรูนนับไม่ถ้วนหมุนเวียนโคจรอยู่
รวมทั้งตำหนักทอง ก็มีม่านโล่พลังสีทอง
เขาคาดว่าไม่น่าเข้าไปได้ง่ายๆ
ถ้าพบว่าเป็นพื้นที่เล็ก ก็อาจจะมีวิธี
และสิ่งที่ทำให้เขากังวลมากที่สุดก็คือจ้าวสุริยาคงต้องเข้ามาแล้ว ถ้าเขาเลือกเข้าไปในตำหนักทอง นั่นเท่ากับเข้าไปตายอย่างว่างเปล่าไม่ใช่หรือ? ไม่มีเย่ว์ไตตันใครจะเป็นคู่ต่อกรของจ้าวสุริยา?
ราชาจื่อฟงมองดูหญิงงามจูกวงเพื่อดูว่าหญิงคนที่เขารักจะมีความคิดอย่างไร?
สิ่งที่เขาต้องการที่สุดไม่ใช่เพื่อต้องการรับคัมภีร์เทพนี้
ไม่ต้องการเป็นเจ้าของที่นี่
เป็นไปไม่ได้ที่คัมภีร์เทพจะยอมรับนักสู้ปราณฟ้าธรรมดาเขารู้ตัวเองดี หลังจากเกิดเรื่องราวขึ้นมากมาย ราชาจื่อฟงเริ่มดูแคลนความทะเยอทะยาน นั่นจะได้อะไร?เมื่อเผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งอย่างจ้าวสุริยา ต่อให้เขาพยายามมาตลอดชีวิตเขาก็ยังเป็นมดแมลง แม้แต่แปดขุนพลบริวาร เขาก็ยังเอาชนะไม่ได้ อย่าว่าแต่สี่ราชา
ถ้าเขาโยนความทะเยอทะยานในโลกทิ้งไปจะเปลี่ยนแปลงไปบ้างก็คงไม่แย่ถ้ามีสตรีผู้เป็นที่รักอยู่ด้วยก็เท่ากับมีโลกทั้งใบมิใช่หรือ?
หญิงงามจูกวงยิ้มให้เขา แม้ว่านางจะอ่อนล้า แต่รอยยิ้มของนางเจือจางไปเล็กน้อย
แต่หญิงงามนั้นทำให้เขาใจสั่นสะท้าน
เขาอดโอบนางไว้ในวงแขนมิได้ ทำไมพระเจ้าไม่บันดาลให้เขาพบนางเร็วกว่านี้
“ข้าอยากไปชมดูตำหนักทองถ้าไม่เข้าไปข้างใน เราก็แค่ชมดูจากข้างนอก ได้หรือไม่?” คำพูดของหญิงงามจูกวงทำให้ราชาจื่อฟงเคลิบเคลิ้ม เขาพยักหน้าตอบรับ เพียงแต่ไม่แน่ใจว่าจ้าวสุริยาอยู่ในนั้นหรือเปล่า ต่อให้เขายืนอยู่ข้างหน้า แต่เพื่อสตรีอันเป็นที่รักแล้ว เขายินดีพานางเที่ยวชมดู ตั้งแต่ได้พบกับนาง นางไม่ค่อยได้ขออะไร เขาเป็นบุรุษและเป็นสามีนางมีหรือจะไม่พานางไปชมดูตำหนักทองเพื่อสร้างความพอใจให้นาง?
“ไปกันเถอะ!” ราชาจื่อฟงตัดสินใจพานางเข้าไปใกล้เพื่อชมดูตำหนักทองสูงตระหง่านเสียดฟ้า
“ข้าไปด้วย!” ราชาโหลวลั่วตัดสินใจไปกับเขา
“ตำหนักทองจะเข้าไปได้หรือไม่ เราไม่ต้องคิดมาก ก็แค่ต้องการไปดูเท่านั้น ฮ่าฮ่า แค่ได้เข้าไปดูใกล้ๆชีวิตไม่เสียเปล่าแล้ว!” ราชาชิงหลางหัวเราะลั่นอย่างมีความสุข แต่เพราะยังบาดเจ็บอยู่เขาไอมีเลือดปนออกมาเล็กน้อย
แปลก ที่เลือดที่กระเซ็นออกมาดูสกปรก
แทนที่จะกระเด็นลงพื้นแต่กลับหายไปกับความว่างเปล่าทันที
รอยกระเซ็นของหยดเลือดดูเหมือนจะสั่นเล็กน้อยและเหมือนกับมีมือที่มองไม่เห็นถือผ้าซับเลือดเช็ดเลือดเบาๆจนแห้งและหายไปอย่างรวดเร็ว ไม่เหลือรอยเปื้อนให้เห็น ในเวลานั้นราชาจื่อฟงจึงได้เข้าใจว่าทำไมดอกไม้ต้นไม้และพื้นข้างล่างจึงไม่มีรอยเปรอะเปื้อนที่แท้มีพลังกฎสวรรค์ที่คอยปกป้องตลอดเวลา
หญิงงามจูกวงเอื้อมมือต้องการจะเด็ดดอกไม้
ราชาจื่อฟงรู้ว่าการเคลื่อนไหวอย่างนั้นอาจทำให้เกิดอันตรายได้แต่เขาไม่สามารถห้ามนางได้
ราชาชิงหลางและนักสู้อื่นแสร้งทำเป็นไม่เห็นอย่างไรก็ตามใครจะสนใจใครได้เล่าถ้ามีคนถูกกฎสวรรค์ลงโทษ นักสูปราณฟ้าคนอื่นๆไม่พอใจราชาจื่อฟงอยู่บ้าง สตรีของเจ้าต้องการเก็บดอกไม้ ถ้ามีอันตรายจนทุกคนตกตายไปเจ้ายังจะตามใจนางอีกหรือ?
“อย่าขยับ!”
มีเสียงแปลกดังก้องทุกคนได้ยิน
ราชาจื่อฟงได้ยินอย่างชัดเจนและเขาตกใจเมื่อพบว่านั่นไม่ใช่เสียงของหมิงลี่ฮ่าว หรือของเย่ว์ไตตันและไม่มีทางเป็นเสียงของเทวีเสรีภาพ เพราะนั่นเป็นเสียงของบุรุษนอกจากหมิงลี่ฮ่าวและเย่ว์ไตตันแล้วคนนอกที่เข้าในมิติเก็บคัมภีร์เทพได้มีโอกาสเป็นศัตรูมากที่สุดแทบเป็นไปไม่ได้ว่าจะเป็นสหาย ผู้มาถึงเป็นใครกันแน่?
ทุกคนตกใจหันกลับมามอง
ที่ด้านหลังไม่มีใครเหลืออยู่
ราชาชิงหลางสนองตอบรวดเร็วที่สุด เขามองขึ้นไปด้านบนและพบว่าข้างบนสูงหลายสิบเมตร มีบุรุษผอมสูงสวมชุดแปลกประหลาดหลากหลายสีทั้งสวมหมวกกำลังลอยลงมาจากบนอากาศช้าๆ
ใบหน้าของเขาสวมหน้ากากเงินครึ่งหนึ่งร้องไห้ ครึ่งหนึ่งหัวเราะ
นั่นทำให้ผู้คนรู้สึกประหลาดใจมาก
ในมือซ้ายของบุรุษหน้ากากเงินแปลกประหลาดนี้ถือแท่งไม้เล็กๆที่เปล่งประกายระยิบระยับ แต่มือขวาโยนลูกบอลสามลูกสามสีอย่างต่อเนื่องให้ความรู้สึกว่าคนผู้นี้ไม่ใช่นักรบแต่ค่อนข้างคล้ายตัวตลกที่เปิดแสดงในงานเลี้ยง
เมื่อเห็นคนผู้นี้ราชาชิงหลางสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาโพล่งออกมา “เสี่ยวโฉ่ว? เจ้าคือเสี่ยวโฉ่วหนึ่งในแปดขุนพลบริวารรของจ้าวสุริยา!”
เสี่ยวโฉ่วควงไม้วิเศษและมืออีกด้านหนึ่งโยนบอลสามลูกต่อเนื่องใบหน้าที่สวมหน้ากากครึ่งร้องไห้ครึ่งหัวเราะหันมาทางราชาชิงหลาง “ฉลาดดีนี่..น่าเสียดายที่คนฉลาดอายุมักไม่ยืนยาว! ก่อนจะส่งเจ้าสู่เส้นทางปรภพ ข้าสงสัยจริงๆ ข้าอยากถาม พวกเจ้ารู้ว่าจ้าวสุริยาเข้ามาในมิติเก็บคัมภีร์เทพแล้วทำไมถึงกล้าเข้ามาหาที่ตาย? เบื่อหน่ายชีวิตแล้วหรือ?”
ราชาชิงหลางมองดูรอบๆและพบว่าไม่มีคนอื่นอยู่อีก นอกจากเสี่ยวโฉ่ว
ความจริงแปดขุนพลบริวารไม่อยู่ที่นั่นและสี่ราชาไม่อยู่ที่นั่น
คาดว่าคงมีการต่อสู้กับเย่ว์ไตตันที่ข้างนอก
ความมั่นใจของเขากลับคืนมา “เจ้าน่ะหรือ? เสี่ยวโฉ่ว เจ้าคือหัวหน้าของแปดขุนพลบริวาร แต่เป็นเพราะเจ้าเป็นคนฉลาดไม่ใช่เพราะความแข็งแกร่งของเจ้าเพราะเจ้ามีพลังระดับปราณฟ้าระดับสี่แต่ยังกล้ามาท้าทายเราอีกหรือ? ก่อนจ้าวสุริยาจะมาถึง เราสามารถล้มเจ้าในสิบนาที!อย่านึกว่าเจ้าเป็นขุนพลแห่งตำหนักเทพสุริยะ แล้วเจ้าจะตอแยเราได้ ข้าชิงหลางตายแล้วกลับมาได้รู้สึกไม่กลัวตายแล้ว”
“ถ้าเจ้าเป็นเย่ว์ไตตัน ข้าก็คงยอมรับได้” เสี่ยวโฉ่วหัวเราะแปลกๆ “ชิงหลาง! ลองใช้สมองเจ้าคิดดูเจ้ากล้าพูดว่าเจ้าเป็นราชาในดินแดนหนึ่ง เจ้ากล้าพูดเช่นนั้นเชียวหรือ? เจ้าไม่มีสมอง โง่เง่าถึงขนาดนี้ได้ ข้าเป็นแค่นักสู้ปราณฟ้าระดับสี่ ฮึ...ข้าอ่อนแอมาก เจ้าก็เลยจะฆ่าข้าสินะ!”
“เจ้า....” ราชาชิงหลางเฉียดตายมาหลายครั้ง แต่เขาก็ยังกลัวตายอยู่ดี
“รอเดี๋ยว...ดูเหมือนเขาเตรียมการไว้แล้ว” ราชาโหลวลั่วรีบห้ามและแนะนำราชาชิงหลางไม่ให้วู่วาม
“แน่นอนว่าเตรียมพร้อมไว้แล้ว แต่เพื่อความแม่นยำ ข้าไม่มีอะไรต้องกลัว!” ไม้วิเศษในมือของเสี่ยวโฉ่วหยุดทันทีจากนั้น แล้วจงใจชี้ไปรอบๆ “พวกเจ้าทุกคนถ้าไม่ตาบอด ข้าเชื่อว่าพวกเจ้าต้องเห็น? คัมภีร์เทพนี้เต็มไปด้วยชีวิตชีวามีกลิ่นหอมและยอมรับสีเขียว ยังมีอะไรที่ขาดหายไปอีก?”
“ยังมีอะไรขาดหายไป?...หรือว่า...” หลังจากได้ยินแล้ว ราชาจื่อฟงตกใจร้องขึ้น “เป็นนกและสิ่งมีชีวิต ไม่มีสัตว์ที่นี่!”
เขารีบเรียกคัมภีร์อัญเชิญ อย่างไรก็ตาม นั่นกลับล้มเหลว
ทันใดนั้นทุกคนถึงได้เข้าใจ
พื้นที่คัมภีร์เทพนี้มีพลังกฎสวรรค์แปลกประหลาดห้ามเรียกคัมภีร์อัญเชิญ
ถ้าไม่สามารถเรียกคัมภีร์อัญเชิญที่นี่ ก็ไม่สามารถเรียกอสูรศึกออกมาได้ ที่แย่ยิ่งกว่านั้นคือไม่สามารถใช้ทักษะแฝงเร้นได้ไม่ว่าจะเป็นราชาจื่อฟงหรือราชาชิงหลางพลังจะลดลงอย่างมาก ตอนนี้ราชาจื่อฟงและราชาชิงหลางและคนอื่นบาดเจ็บกันหมด ด้วยสภาพอาการอย่างนั้นนับว่ายากจะเอาชนะเสี่ยวโฉ่วที่มีพลังปราณฟ้าระดับสี่ได้จริงๆ
เสี่ยวโฉ่วแค่นเสียง “สำหรับวันนี้ ข้าวางแผนมานานแล้ว ข้าไม่กลัวจะบอกพวกเจ้า อย่าหวังว่าจะมีใครมาช่วยเจ้าเลยต่อให้มีเย่ว์ไตตันอยู่ด้วยก็ช่วยพวกเจ้าไม่ได้ พวกเจ้าจะต้องตายแน่นอน!”