ตอนที่ 977 คุกเข่า เจ้ามดแมลงน้อย
แท่นบูชายัญ
ปากขนาดมหึมาของพระยาราชสีห์พ่นลมกรดราชสีห์อย่างต่อเนื่องในท่ามกลางสนามพลังอธิฐานของราชาเฉินม่อ พลังลำแสงคอยช่วยเสริมพลัง สีของพลังเป็นสีทองเข้ม เหมือนกับคำสั่งนักสู้ปราณฟ้าคนใดมีระดับต่ำกว่าราชา อาจถูกฆ่าตายทันทีที่ถูกโจมตี แค่นั้นยังไม่พอ อสูรพิทักษ์วิญญาณนามว่าเคร่งครัดจะช่วยเสริมพลังทักษะแฝงเร้นและช่วยเพิ่มพลังทำลายล้างให้กับพลังลมกรดสิบเก้าราชสีห์
พลังลมกรดสิบเก้าราชสีห์โจมตีเข้าตัวของเย่ว์หยาง
ไม่มีความผิดพลาด
ปังปัง ปัง ปัง ปัง ปัง... เสียงระเบิดดังต่อเนื่อง... รอบแท่นบูชายัญแรงระเบิดฉีกพื้นที่โดยรอบ
ภูเขาในหุบเขาถล่มทลายหินก้อนใหญ่มหึมาปลิวขึ้นฟ้าจนคลุมฟ้าคลุมดิน จุดใจกลางระเบิดเหมือนกับมีดวงอาทิตย์เจิดจ้าจนไม่อาจลืมตาได้
มีลูกไฟเผาผลาญเต็มท้องฟ้าเป็นเวลานาน
ประกายไฟฟ้าราวกับงูสีทอง
หากพลังโจมตีที่น่ากลัวนี้ใช้กับคนอื่น พระยาราชสีห์ไม่สงสัยเลยว่าศัตรูของเขาจะไม่มีทางรักษาชีวิตไว้ได้ เพราะนั่นไม่ใช่เรื่องดี!
อย่างไรก็ตามพลังลมกรดสิบเก้าราชสีห์โจมตีใส่เย่ว์หยาง จักรพรรดิอวี้รุ่นใหม่ แต่พระยาราชสีห์ไม่กล้ามั่นใจเต็มร้อย สำหรับบุรุษผู้พลิกมือก็สลับพื้นฟ้าพื้นดินได้อย่างง่ายดายทำให้ท้องฟ้าเต็มไปด้วยดวงดาว เพราะจ้าวสุริยาถูกหลอกไปโดยไม่รู้ตัวทำให้เขาหลบหนีออกมาจากพื้นที่เก็บคัมภีร์เทพกลับออกมาที่ทะเลคลั่ง และหลอกราชาเฉินม่อ (ราชาเงียบ) และตัวเขา คนกลุ่มใหญ่อีกครั้งด้วยพลังลับที่ไม่รู้จักพาเทเลพอร์ตมายังหอทงเทียนและบันไดสวรรค์...เด็กหนุ่มที่ร้ายกาจอย่างนั้น ลมกรดสิบเก้าราชสีห์จะฆ่าเขาได้หรือ?
แค่ทำให้เขาบาดเจ็บสาหัสได้ก็นับว่าไม่เลวแล้ว!
พระยาราชสีห์ปลอบใจตนเอง
ถ้าไม่ใช่เพราะราชาเฉินม่อเขาพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อลากถ่วงเด็กหนุ่มนั่นไว้เขาคงไม่มีโอกาสใช้ลมกรดสิบเก้าราชสีห์แน่ โชคดีที่ลมกรดสิบเก้าราชสีห์โจมตีถูกเป้าหมาย
แม้ว่าพลังของเขาจะไม่ธรรมดา แต่ร่างของเขาก็ยังเป็นร่างมนุษย์ ตราบใดที่เป็นร่างมนุษย์ก็ไม่มีเหตุผลใดที่จะไม่ได้รับบาดเจ็บ
ร่างกายมนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่เปราะบางที่สุด
ก่อนเผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่งร่างมนุษย์มีความเปราะบาง
เย่ว์หยางผู้ถูกลมกรดสิบเก้าราชสีห์โจมตีอย่างจังเงียบไปเป็นเวลานานไม่มีเสียงแม้แต่น้อย และไม่มีความรู้สึกถึงการหายใจ หรือว่าเขาจะถูกฆ่าด้วยพลังโจมตีนี้จริงๆ?
อย่างนั้นจะเป็นไปได้อย่างไร!
พลังเทพของราชาเฉินม่อยังคงใช้ได้ดี ร่างของเจ้าเด็กนี่จะต้านทานพลังโจมตีได้หรือทั้งยังป้องกันพลังลมกรดของเขาได้หรือ นั่นจะเป็นไปได้อย่างไร?
จุดอ่อนของเขาก็คือเขาไม่สามารถต้านทานผลกระทบจากการเผาผลาญพลังงานไม่ใช่หรือ? ถ้าเป็นเช่นนั้นเจ้าเด็กนี่เอาตัวรอดจากพลังพายุสุริยะของจ้าวสุริยาได้อย่างไร?
“ตายจริงหรือ?” ราชาจินกวนและพระยาราชาสีห์มองหน้ากันเองอย่างงงงวย
ทั้งสองคนเดินขึ้นไปข้างหน้าเล็กน้อยและถูกราชาเฉินม่อผลักออก
เขาประกบมือด้วย
ฝ่ามือของเขาสร้างพลังลมรุนแรง
พลังลมกวาดไปทั่วบริเวณราวกับพายุหมุนพัดผ่าน แรงลมกวาดเอาควันและกรวดออกไปในทันทีเผยให้เห็นท่านบูชายัญว่างเปล่า
บนแท่นบูชายัญสีแดงไม่มีใคร ดูเหมือนเป็นการพิสูจน์อย่างเงียบงันกับความจริงที่ว่าเด็กหนุ่มนั่นคงถูกฆ่าแน่นอน...ผลลัพธ์เช่นนี้ทำให้พระยาราชสีห์และราชาจินกวนประหลาดใจและดีใจทั้งคู่ เหมือนฝัน นี่เป็นความจริงหรือเปล่า?
“ร่างกายมนุษย์เปราะบางเกินไปหรือเปล่า?” ราชาจินกวนตัวสั่นด้วยความดีใจ
“ไม่แน่ใจ!” พระยาราชสีห์มีความสุข แต่ยังออกปากถ่อมตัวและนั่นเป็นผลงานของราชาเฉินม่อ
ขณะที่ทั้งสองเดินขึ้นไปข้างหน้าเพื่อตรวจสอบร่องรอย ราชาเฉินม่อใจหายวูบราวกับเห็นบางอย่างที่น่ากลัว
เขาหันกลับไปช้าๆ
หน้าของเขาถอดสี
ใบหน้าของเขามีแววหวาดกลัวราวกับคนธรรมดาถูกผีหลอก
พระยาราชสีห์และราชาจินกวนเห็นท่าทีสนองตอบที่ผิดปกติของราชาเฉินม่อ พวกเขาตกใจวิ่งออกไปสองสามก้าวจากนั้นหันหลังกลับราวกับว่ามีบางคนจะโจมตีด้านหลัง
ไม่มีใครโจมตีและไม่มีมนุษย์อยู่ข้างหลัง มีแต่เพียงโลกที่ว่างเปล่า มีแต่เศษหินหักพังอยู่ทั่วทุกที่ มีความเย็นยะเยือกที่อธิบายไม่ถูกยามเมื่อสายลมพัดผ่าน
“มีสิ่งใดผิดปกติ?” พระยาราชสีห์มองไม่เห็น
“ทุกอย่างปกติ!” ราชาจินกวนมองซ้ายมองขวามแต่ไม่พบสิ่งใดผิดปกติ
“......” ราชาเฉินม่อไม่บอก แต่ทันใดนั้นเขาเตะอสูรสุนัขนำทางที่อยู่ใกล้ๆอย่างไร้น้ำใจ มันลอยคว้างและกระแทกเข้ากับภูเขาที่อยู่ห่างออกไปหลายพันเมตร
“แต่..นั่นมันอสูรสุนัขนำทางไม่ใช่หรือ?” พระยาราชสีห์รู้สึกผิดหวังกับราชาเฉินม่อ อสูรสุนัขนำทางมีแต่ระดับเจ้าตำหนักขึ้นไปเท่านั้นจึงจะได้ครอบครองเป็นเจ้าของเขาเตะมันออกไปได้ยังไง? และด้วยพลังขนาดนั้น อสูรสุนัขนำทางจะไม่ได้รับบาดเจ็บหนัก ถึงแม้ราชาเฉินม่อจะจริงจังมากเพียงไหน แต่เขาก็รักอสูรที่อยู่ในความดูแลของเขามาก และอสูรสุนัขนำทางก็เป็นอสูรที่เขารัก ไม่มีเหตุผลใดที่เขาจะต้องทำเช่นนี้ เกิดอะไรขึ้นกันแน่?
“หือ?” ราชาจินกวนตกใจอย่างหนักเช่นกัน แต่ไม่ช้าเขาก็พบปัญหา
อสูรสุนัขนำทางกระแทกเข้าไปในภูเขา
พื้นผนังหินสั่นสะเทือนภูเขาถล่มทลาย
อย่างไรก็ตามไม่มีเสียงร้องโหยหวนตามที่คาดว่าจะได้ยิน.... อสูรสุนัขนำทางไม่ส่งเสียง มันพังทลายกลายเป็นกองหิน
อสูรสุนัขนำทางที่อยู่แทบเท้าของราชาเฉินม่อกลายเป็นอสูรปลอม ถ้ามันเป็นศัตรู นั่นจะอันตรายไม่ใช่หรือ? พระยาราชสีห์และราชาจินกวนไม่เข้าใจ สิ่งมีชีวิตอย่างอสูรสุนัขนำทางเย่ว์หยางเอาหินมาเปลี่ยนแทนมันได้ออย่างไร?
อสูรสุนัขนำทางหายไปไหน?
โฮ่งโฮ่ง โฮ่ง!
มีเสียงเห่าดังขึ้นสองสามครั้ง
ภายใต้สายตาของพระยาราชสีห์และราชาจินกวนมีอสูรสุนัขนำทางอีกตัวหนึ่งมาอยู่แทบเท้าราชาเฉินม่อ
เจ้านี่ตัวจริงหรือตัวปลอม?
ราชาเฉินม่อสีหน้าเปลี่ยนเขาหงายฝ่ามือทั้งสองขึ้นและแยกออก อสูรพิทักษ์‘เคร่งครัด’รวมพลังกับเขาสร้างบอลพลังสำนึกเทพขนาดมหึมา เมื่อบอลสำนึกเทพขนาดใหญ่ถูกปล่อยออกมา มันกระแทกกับพื้นอย่างน่ากลัว พระยาราชสีห์และราชาจินกวนต่างตกใจยังไม่ต้องพูดถึงว่าศัตรูซ่อนตัวอยู่หรือไม่ แต่ตัวพวกเขาจะได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน!
ขณะที่พวกเขาเหาะหนีขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างรวดเร็วเพื่อหลบหลีกพลังแรงระเบิด
ทันใดนั้นโลกเปลี่ยนไป
เหมือนกับม่านที่ค่อยรูดเปิดฉากภาพที่ถูกปิดบังบนเวทีแสดง และเหมือนกับมีสายลมโชยพัดไล่ควันที่คลุมพื้นโลกให้กลับคืนสู่สภาพปกติอีกครา
ในช่วงเวลาสั้นๆโลกเปลี่ยนลักษณะภายนอกไปอย่างสิ้นเชิง หุบเขาที่พังทลายดั้งเดิมสายลมพัดเย็นยะเยือก และแท่นบูชายัญ รูปสลักเทพธิดาหายไป
พระยาราชสีห์พบว่าตัวเขาและสหายลอยอยู่ในอากาศ
พื้นด้านล่างเป็นทุ่งหิมะกว้างใหญ่
ดูเหมือนจะมีก้อนน้ำแข็งแปลกประหลาดมากมายลอยอยู่ในท้องฟ้าและน้ำแข็งเหล่านั้นกำลังละลายด้วยความเร็วช้าอย่างน่าเหลือเชื่อ....ราชาเฉินม่อยกแขนตนเองดูและพบว่าผิวของเขากำลังละลายต่อเนื่อง จนถึงบัดนี้เขาพบว่าร่างกายของเขากำลังถูกพลังเทพอย่างหนึ่งกลืนกินอย่างน่ากลัว
ความเร็วในการกลืนกินนี้ช้า แต่ไม่สามารถต้านทานได้
พลังงานในตัวของเขาเทียบกับมิติที่กลืนกินนี้ช่างน้อยนิดเหมือนโคดินปั้นที่ถมทิ้งทะเล
“เฉินม่อ!ข้านึกว่าใครเสียอีกที่เหิมเกริมบังอาจบุกหอทงเทียน เป็นเจ้านั่นเอง!” เสียงไพเราะราวเสียงสวรรค์ดังออกมาจากวังน้ำแข็งบนทุ่งน้ำแข็งเสียงนี้ไม่ดังมาก แต่กึกก้องไปทั่วโลกน้ำแข็งแต่ดังก้องสะท้อนไปทั่วโลกหิมะน้ำแข็ง ขณะที่ราชาเฉินม่อ,พระยาราชสีห์และราชาจินกวนกลับได้ยินชัดราวถูกค้อนสายฟ้าหวดอยู่ในหัวใจ มีความมั่นใจอย่างหนึ่งที่อธิบายไม่ถูก เหมือนกับธนูปักอยู่ในหัวใจของราชาเฉินม่อ
“......” หลังจากได้ยินเสียงนี้แล้วราชาเฉินม่อตกใจสั่นสะท้านหลั่งเหงื่อเยียบเย็นทางหน้าผาก
“เจ้าคือจื้อจุนอย่างนั้นหรือ?”พระยาราชสีห์เคยได้รับข้อมูลข่าวกรองหอทงเทียนจากเสี่ยวโฉ่ว รู้ว่าหอทงเทียนนอกจากเย่ว์หยางที่เป็นจักรพรรดิอวี้รุ่นใหม่แล้วยังมีสตรีผู้แข็งแกร่งที่สุดเรียกว่าจื้อจุน!
“รู้สึกว่าเสียงคุ้นๆ” ราชาจินกวนพยายามอย่างหนักเพื่อนึกให้ได้เขารู้สึกว่าเสียงนี้เขาคุ้นเคยว่า เคยได้ยินจากที่ไหนมาก่อน
“ข้าจะแนะนำให้เอง” เย่ว์หยางไม่ทราบว่าโผล่ออกมาจากที่ใด เขาปรบมือเรียกความสนใจให้ทุกคนมองดูเขา ใบหน้าของเขามีรอยยิ้มกวนประสาท จนคนที่เห็นนึกอยากจะทุบเขา เย่ว์หยางออกมาตามด้วยเสี่ยวเหวินหลีเธอโบกมือเบาๆ ก็โยนอสูรสุนัขนำทางลงบนพื้นหิมะ อสูรสุนัขนำทางต้องการรีบกลับไปอยู่ข้างตัวราชาเฉินม่อเจ้านายของมันทันที
อย่างไรก็ตามครั้งนี้ไม่เหมือนเหตุการณ์ที่แท่นบูชายัญอีกต่อไป
เมื่ออสูรสุนัขนำทางกระโดดขึ้นจากพื้นหิมะน้ำแข็ง
มันกลายเป็นน้ำแข็งทันที
อย่างไรก็ตามพลังการเคลื่อนไหวยังไม่เปลี่ยนแปลง
แม้แต่มันก็ตายในทันทีร่างกายเป็นน้ำแข็งแต่แรงเหวี่ยงยังคงอยู่มันปลิวกลับมาที่แทบเท้าราชาเฉินม่อเจ้านายของมันกลายเป็นตุ๊กตาน้ำแข็ง มองจากผิวน้ำแข็ง พระยาราชสีห์สามารถเห็นว่ามันยังมีสีหน้าดีใจขณะวิ่งกลับไปหาเจ้านายของมัน เขารู้สึกประหลาดใจตกใจเพราะอสูรสุนัขนำทางจะมีความคล้ายคลึงกับอสูรพิทักษ์มาก พวกมันตายยาก
แต่ตอนนี้พระยาราชสีห์มีความมั่นใจเต็มร้อยอสูรสุนัขนำทางตายแล้ว
ไม่มีทางช่วยเหลือได้แน่นอน!
มันตายภายใต้พลังกฎสวรรค์น้อย ภายใต้พลังกฎสวรรค์นี้อย่าว่าแต่อสูรสุนัขนำทางเลย ต่อให้เทวดาลงมาช่วย มันก็ยากจะรอดชีวิตได้
สิ่งที่น่าทึ่งที่สุดก็คืออสูรสุนัขนำทางที่ถูกแช่แข็งด้วยพลังกฎสวรรค์เริ่มละลายไม่ถูกแช่คงอยู่ตลอดกาล
พลังกฎสวรรค์อีกสายหนึ่งที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่ากลืนกินพลังงานในร่างของมันโดยตรง
ในกรณีนี้ทำให้มันสูญเสียพลังค้ำจุนชีวิตของมัน
ซากน้ำแข็งหายไปอย่างรวดเร็วมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ตอนแรกกลายเป็นผงธุลีและหายไปไม่เหลืออะไร เป็นการหายไปตลอดกาลอย่างแท้จริง
“อะแฮ่ม...ดูเหมือนว่าข้าจะแนะนำช้าไปเล็กน้อย แต่ไม่เป็นไร ข้าเชื่อว่าพวกเจ้าก็เห็นได้เช่นกัน ที่นี่คือมิติหลุมดำ ใช้สำหรับผนึกเทพเจ้าโบราณทุ่งหิมะน้ำแข็งข้างล่างคือที่อยู่ของนางพญาเฟ่ยเหวินหลีเพราะโลกหิมะน้ำแข็งยังสร้างไม่แล้วเสร็จ ปราสาทน้ำแข็งก็เลยสร้างอย่างง่ายๆ อย่างไรก็ตามเมื่อมีการกล่าวหาว่าข้าเป็นศิษย์ของนาง ไม่มีเหตุผลอะไรที่ข้าจะไม่ต้อนรับอาคันตุกะผู้ทรงเกียรติ...” เย่ว์หยางขออภัยอย่างจริงใจ “ที่บันไดสวรรค์ชั้นห้าข้าไม่ค่อยมีมารยาทนักข้าเพิ่งได้เป็นจักรพรรดิอวี้ได้ไม่นาน ยังไม่เข้าใจธรรมเนียมมารยาทเท่าใดนัก หวังว่าจะอภัยให้ข้าสักครั้งนะ ฝ่าบาท”
ใครไม่รู้จะคิดว่าเย่ว์หยางพูดเหมือนล้อเล่นสนุกสนาน
ความจริงใจนั่นเป็นเรื่องดี
อย่างน้อยก็ควรเป็นเช่นนี้
ราชาเฉินม่อหลั่งเหงื่อเต็มหน้าและตอนนี้เขาตระหนักถึงผลร้ายแรงของสถานการณ์
ตอนนี้ไม่ง่ายเหมือนกับสู้ตาย... ถ้านางพญาผู้พิชิตปรากฏตัวออกมาเขาเกรงว่าเขาจะไม่สามารถรักษาความลับของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ได้อย่าว่าแต่พระยาราชสีห์และราชาจินกวนเลยนางพญาผู้พิชิตเตรียมจะทำลายผนึกมิติหลุมดำ และปรากฏตัวขึ้นใหม่
เขาส่งสัญญาณมือทำลายตัวเองให้พระยาราชสีห์และราชาจินกวน
พระยาราชสีห์และราชาจินกวนตกใจอย่างหนัก
ทำลายตัวเอง
ยังไม่ทันเห็นนางพญาผู้พิชิตเลยก็คิดจะระเบิดทำลายตัวเองหรือ?
แม้ว่านางพญาผู้พิชิตนั้นจะแข็งแกร่งแต่นางสูญเสียพลังงานในพื้นที่ผนึกมิติไปแล้ว และตอนนี้บางทีนางอ่อนแออย่างมาก พวกเขาไม่เข้าใจว่าจะกลัวนางไปทำไมกัน ถึงกับต้องระเบิดทำลายตนเองอย่างไรสาระ?
“ต้องการตาย? ไม่ง่ายอย่างนั้นหรอก!”
รังสีทองฉายวาบเร็วกว่าเสียง ขณะที่คำพูดนั้นดังกึกก้องสะเทือนแก้วหูของพวกเขานัยน์พวกเขาเบิกค้างตกตะลึง พวกเขาเห็นภาพที่น่ากลัว ขณะที่ราชาเฉินม่อเตรียมจะระเบิดร่างศีรษะของเขาถูกสตรีในชุดรบเกราะแก้วผลึกกดลงไปในพื้นน้ำแข็งและเปลี่ยนสภาพกลายเป็นตุ๊กตาน้ำแข็ง สตรีนางนั้นเอาชนะราชาเฉินม่อในท่าเดียว นางค่อยๆหันหน้าเผยให้เห็นวงหน้าที่งดงามจนโลกตะลึง... ต่อให้พระยาราชสีห์และราชาจินกวนไม่รู้จักพ่อแม่ตนเองแต่พวกเขาจะต้องจำใบหน้านี้ได้ เพราะนี่คือใบหน้าของยอดฝีมือผู้สั่นสะเทือนแดนสวรรค์และเอาชนะตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ได้ เมื่อพวกเขาเห็นหน้านางหัวใจของพวกเขาสะท้านราวกับถูกสายฟ้าฟาด พวกเขาตกใจร้องอุทานพร้อมกัน“นางพญาผู้พิชิต!”
นางพญาเฟ่ยเหวินหลีกวาดตามองผ่านพวกเขาราวกับว่ากำลังมองมดแมลงน้อยสองตัว
รังสีฆ่าฟันแผ่ออกจากร่างของนาง
เสียงเยือกเย็นของนางดังขึ้น “เจ้าต้องการให้ข้าลงมือก่อนหรือเจ้าจะลงมือเอง?”
พระยาราชสีห์ขุนพลผู้แกล้วกล้าที่สุดในตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ แต่ในขณะนั้นเขากลัวจนขวัญหนีดีฝ่อแทบจะไม่มีแรงคุกเข่า เขาพยายามกลืนน้ำลายเพื่อขอความเมตตาแต่เขากลับพบว่าไม่มีเสียงออกมา
“คุกเข่า!พอข้าไม่ออกไปข้างนอกหมื่นปีพวกแมลงเล็กน้อยอย่างพวกเจ้านึกว่าหอทงเทียนไม่มีผู้คนอย่างนั้นหรือ?” นางพญาเฟ่ยเหวินหลีกริ้วมาก ผลร้ายที่ตามมานับว่าร้ายแรงจริงๆ