ตอนที่แล้วบทที่ 264 เจ้าคือนางสนมคนไหน?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 266 ฉู่หลิงฉวนผู้ไม่ยอมรับความพ่ายแพ้

(ฟรี) บทที่ 265 ความคิดของฉู่หลิงฉวน


ฉู่หลิงฉวนจ้องเขม็งใส่เขา

พูดอย่างมีเหตุผล ด้วยพละกำลังของนาง ไม่ว่านางจะดื่มไปมากเพียงใด นางก็ไม่ควรถูกหลี่หรานแตะต้อง

นางไม่อยากจะเชื่อเลย

ใครจะคิดว่าผู้ชายคนนี้กล้าแตะต้องนางจริงๆ

หลี่หรานไม่คิดมาก

เขาจะรู้ได้ยังไงว่าฉู่หลิงฉวนเป็นใคร?

นี่คือพระราชวังจักรพรรดิ ไม่มีการเคลื่อนไหวใดที่สามารถรอดพ้นสายตาของเซิงเย่ไปได้ ผู้หญิงที่สาปแช่งเซิงเย่ตรงหน้าเขาคนนี้ไม่ใช่ว่ากำลังแสวงหาความตายหรือไง?

หลี่หรานไม่สนใจว่านางจะตายหรือมีชีวิตอยู่ แต่เขาไม่ต้องการสร้างปัญหา

ดวงตาของฉู่หลิงฉวนลุกไหม้ขณะที่นางพูดด้วยความโกรธ “เจ้ากล้าแตะต้องข้าคนนี้เหรอ? เจ้าอยากตายหรือไง?”

หลี่หรานขมวดคิ้ว

ผู้หญิงคนนี้สติไม่ดีหรือเปล่า?

เขาหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดมือและพูดอย่างไม่พอใจ “คิดว่าข้าอยากสัมผัสเจ้าหรือไง?”

ฉู่หลิงฉวนกัดฟัน “เจ้า!”

“มีอะไร?” หลี่หรานพูดอย่างเย็นชา “ถ้าจะตายก็อย่าลากคนอื่นลงไปด้วย! เจ้ารู้หรือไม่ว่าคำพูดเพียงคำเดียวของเจ้าอาจทำให้สาวใช้ในวังทั้งหมดตายได้?”

สำหรับมนุษย์ธรรมดา เซิงเย่คือสวรรค์และสิ่งมีชีวิตบนจุดสูงสุด

ถ้าใครกล้าสาปแช่งเขาในพระราชวังจักรพรรดิและมีคนได้ยิน ทุกอย่างจะจบลง

ฉู่หลิงฉวนเยาะเย้ย “คนจากนิกายปีศาจอย่างเจ้าสนใจชีวิตของผู้อื่นด้วย? เจ้าก็แค่กลัวเซิงเย่!”

หลี่หรานส่ายหัว เขาคร้านเกินกว่าจะพูดเรื่องไร้สาระกับนางและกำลังจะจากไป

ร่างของฉู่หลิงฉวนสว่างวาบและขวางหน้าเขาไว้

หลี่หรานพยายามเบี่ยงตัวหลบ และฉู่หลิงฉวนก็ขวางเขาไว้อีกครั้ง

“……” หลี่หรานลูบหน้าผากของเขา “เจ้าต้องการอะไร?”

ฉู่หลิงฉวนพ่นลมอย่างเย็นชา “เจ้าแตะต้องข้า เจ้าต้องขอโทษข้าก่อน”

“ข้าขอโทษ”

“???” ฉู่หลิงฉวนมองเขาด้วยความสับสน

นี่คือปีศาจบุตรศักดิ์สิทธิ์ในตำนาน?

เขาคุยด้วยง่ายเกินไป!

หลี่หรานไม่อยากยุ่งกับนาง ดังนั้นเขาจึงเดินผ่านนางไป

ฉู่หลิงฉวนมองตามหลังและดวงตาของนางก็กระพริบเล็กน้อย จากนั้นนางก็เดินตามเขาไปโดยเอามือไพล่หลัง

หลี่หรานขมวดคิ้ว “เจ้าตามข้ามาทำไม?”

ฉู่หลิงฉวนพ่นลม “พระราชวังแห่งนี้ไม่ใช่ของเจ้าเสียหน่อย เจ้าจะสนใจว่าข้าเดินไปไหนทำไม?”

“ข้าก็ไม่สนใจจริงๆนั่นแหละ”

หลี่หรานก้มหัวลงและมองไปที่นาง “แต่เจ้าไม่มีเงินซื้อรองเท้าหรือไงถึงเดินเท้าเปล่าแบบนี้?”

“……” ฉู่หลิงฉวนแทบจะกระอักเลือดออกมา

ผู้ชายคนนี้ไม่รู้วิธีพูดดีๆหรือไง?!

นางกัดฟันและพูดว่า “ข้ารู้สึกถึงชีพจรของโลก เจ้าจะไปรู้อะไร!”

หลี่หรานยิ้มและพูดว่า “รู้สึกถึงชีพจรของโลก? แล้วชีพจรของโลกรู้สึกถึงเจ้าหรือเปล่า?”

“……”

นางไม่รู้ว่าทำไม แต่หลังจากคุยกับผู้ชายคนนี้ นางอยากที่จะทุบตีเขาอย่างบอกไม่ถูก

‘แน่ใจหรือว่าเจ้าคือศิษย์ของนังปีศาจเย็นชานั่น? บุคลิกมันต่างกันเกินไป!’

‘กล้าดียังไงมาปิดปากข้า! ถ้าไม่ใช่เพราะมีเจตนาดีข้าคงตัดหัวเจ้าทิ้งไปแล้ว!’

ถึงจริงๆแล้วนางจะ‘ไว้หน้า’เหลิงอู่เหยียนเป็นหลัก... ไม่ใช่ว่านางกลัวหรืออะไรหรอกนะ...

ระหว่างทาง ฉู่หลิงฉวนจ้องมองเขาอย่างเงียบๆ

หลี่หรานรู้สึกหวาดกลัวกับสายตานั้นเล็กน้อย “เลิกมองข้าสักทีได้ไหม? เจ้าไม่เคยเห็นคนหล่อหรือไง?”

“ข้าแค่ไม่เคยเจอใครหน้าด้านขนาดนี้มาก่อน” ฉู่หลิงฉวนไม่สนใจคำพูดของเขาและพยายามหาข้อบกพร่อง

มันคงเป็นไปไม่ได้ที่จะฝึกฝนศิษย์ที่เหนือกว่าหลี่หราน เพียงแค่พรสวรรค์ระดับนักบุญของเขาก็ไร้ที่เปรียบแล้ว

นางจึงต้องใช้วิธีอื่นอย่างการค้นหาจุดอ่อนของเขา

“ดูจากภายนอกแล้วเขาแข็งแกร่งมาก ระดับที่ว่าข้าไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต”

“ร่างกายมีตราประทับแห่งเต๋าโดยกำเนิดและเต็มไปด้วยพลังวิญญาณ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือพลังปราณและเลือดของเขาแข็งแกร่งมาก เขาเป็นผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้ระดับสูง!”

กระดูกของหลี่หรานนั้นสมบูรณ์แบบและไร้ที่ติ นางไม่พบข้อบกพร่องใดๆ

“มีร่างกายแบบนี้อยู่ในโลกจริงๆ? ไม่น่าแปลกใจที่เขาสามารถบ่มเพาะได้ทั้งเต๋าและศิลปะการต่อสู้!”

ศิลปะการต่อสู้และเต๋าเป็นสองขั้วที่ตรงข้ามกัน

ผู้บ่มเพาะเต๋ามุ่งเน้นไปที่การสื่อสารกับสวรรค์และโลก สัมผัสความลับของสวรรค์ และควบคุมเต๋าด้วยจิตวิญญาณที่แข็งแกร่ง

สำหรับผู้บ่มเพาะศิลปะการต่อสู้ พวกเขาต้องใช้ความมุ่งมั่นและมุมานะของตัวเองเพื่อดึงศักยภาพออกมาและใช้ศิลปะการต่อสู้ที่บริสุทธิ์เพื่อรวบรวมพลังแห่งสวรรค์และโลก

ไม่ใช่ว่าไม่มีผู้ฝึกตนที่บ่มเพาะทั้งเต๋าและศิลปะการต่อสู้ แต่ส่วนใหญ่คนเหล่านั้นจะจบลงด้วยการเป็นผู้ฝึกตนทั่วๆไป

เหตุผลนั้นง่ายมาก เพราะพรสวรรค์พวกเขาไม่เพียงพอ

ในช่วงแรกมันยังไม่เป็นไร ตราบใดที่พวกเขาทำงานหนัก พวกเขาจะสามารถพัฒนาทั้งสองสายไปพร้อมกันได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อพวกเขาไปถึงขอบเขตถัดไป พวกเขาจะพบว่ามันไปต่อได้ยากมาก

ไม่เหมือนกับหลี่หราน นางไม่เคยเห็นเต๋าและศิลปะการต่อสู้อยู่ร่วมกันในขอบเขตการบ่มเพาะที่สูงเช่นนี้

พูดง่ายๆคือต้องมีพรสวรรค์ของหลินหลางเยว่และเยว่เจียนหลี่ในเวลาเดียวกัน จากนั้นก็พัฒนามันขึ้นอีกหลายๆครั้ง

“น่าเสียดายที่เขาไม่ใช่ศิษย์ของข้า...” ฉู่หลิงฉวนแอบพึมพำอยู่ในใจ

ทั้งสองคนเดินมาจนถึงตำหนักมังกรนที

หลี่หรานหยุดเดินและหันไปมองนาง “เจ้าตั้งใจจะเข้าไปกับข้าด้วย?”

ฉู่หลิงฉวนกลับมามีสติและเงยหน้าขึ้นมองป้ายของตำหนักมังกรนที นางส่ายหัวและพูดด้วยรอยยิ้ม “ข้าก็สงสัยอยู่ว่าทำไมเจ้าถึงมาที่พระราชวัง มันกลับเป็นการเข้าเฝ้าองค์หญิง?”

หลี่หรานจ้องมองนาง “เจ้าเคยเห็นการเข้าเฝ้าที่เป็นส่วนตัวแบบนี้ไหม?”

หลังจากนั้นเขาก็เดินเข้าไป

ฉู่หลิงฉวนพ่นลมและเดินตามหลังเขา

ภายในห้องนอน เซิงจื่อเซี่ยนอนบนตักเซิงอันอวี่และพึมพำ “พี่สาว ท่านคิดว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์หลี่จะมาหรือเปล่า?”

เซิงอันอวี่ส่ายหัว “ข้าจะไปรู้ได้ยังไง?”

“ข้าคิดว่าเขาน่าจะมาที่นี่ เขาสัญญากับข้าเมื่อวานนี้”

“แต่บุตรศักดิ์สิทธิ์หลี่ดูเหมือนจะยุ่งมาก...”

“ใช่ ดูเหมือนเขาจะมีสตรีรายล้อมมากมาย...”

สองสาวมองหน้ากันแล้วถอนหายใจ

เมื่อวานนี้ในตระกูลหลี่ มีอัจฉริยะสามคนจากนิกายระดับสูงสุด นอกจากนี้พวกเขาทั้งหมดเป็นศิษย์สายตรงของนิกาย และความสัมพันธ์ของพวกเขาก็ดูใกล้ชิดกับหลี่หรานมาก

หลี่หรานจะยังมีเวลามาหาพวกนางอีกหรือ?

เซิงอันอวี่รู้สึกซับซ้อนเล็กน้อยซึ่งแตกต่างจากน้องสาวของนาง

นางต้องการพบหลี่หราน แต่นางก็อายเกินกว่าจะพบเขา ท้ายที่สุดแล้วเขามี‘ความลับ’ของนาง

‘ทั้งหมดเป็นความผิดของจื่อเซี่ย การบันทึกภาพเหล่านั้นไว้ช่างเลวร้ายจริงๆ!’ เซิงอันอวี่ใบหน้าร้อนผ่าว

ในขณะนั้นเอง เสียงฝีเท้าดังขึ้นจากด้านนอก

เซิงจื่อเซี่ยขมวดคิ้วและถามอย่างสงสัย “ใคร?”

นางส่งสาวใช้ในวังออกไปอยู่ด้านนอกแล้ว ใครจะเข้ามาได้อีก?

เสียงชายคนหนึ่งดังมาจากข้างนอก “ข้าเอง”

เมื่อทั้งสองได้ยินเช่นนั้นก็ตกตะลึง จากนั้นความตื่นเต้นก็ฉายชัดในดวงตาของพวกนาง

มันคือหลี่หราน!

พวกนางลุกขึ้นจากเตียง จัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อยและรีบเดินออกจากห้องนอน

“บุตรศักดิ์สิทธิ์หลี่ เจ้ามาแล้ว!” ทั้งสองคนมีรอยยิ้มที่สดใสบนใบหน้า แต่เมื่อพวกนางเห็นสตรีที่อยู่ข้างหลังหลี่หราน พวกนางก็อดไม่ได้ที่จะผงะ

เซิงจื่อเซี่ยสับสน “ผู้หญิงคนนี้คือ?”

หลี่หรานขมวดคิ้ว “เจ้าเองก็ไม่รู้จักนาง?”

ทั้งสองส่ายหัวพร้อมกัน “ข้าไม่รู้จักนาง ข้าไม่เคยเห็นนางมาก่อน”

“……”

หลี่หรานหันไปมองนางด้วยความตกใจ “เจ้าบุกรุกเข้ามาในพระราชวัง?”

/////