ตอนที่ 973 พลัดพรากตลอดกาล
ทะเลคลั่ง
ราชาสองหน้าพบว่าเขาไม่ต้องลงมือเองจักรพรรดิฟู่โฉวและจักรพรรดิเฟิ่นนิ่วถูกพระยาราชสีห์และราชาจินกวนกดดันจนต้องถอยหลัง
จักรพรรดิเฟิ่นนิ่วยังไม่เป็นไรสามารถสู้กับพระยาราชสีห์ได้โดยไม่คำนึงถึงระดับที่แตกต่าง จักรพรรดิเฟิ่นนิ่วถอยส่วนใหญ่เป็นเพราะความจริงที่ว่าพลังโจมตีของพระยาราชสีห์รุนแรงเกินไปและเขาไม่ต้องการรับภาระหนัก อีกทั้งยังมีราชาเฉินม่อสังเกตการณ์อยู่ด้านข้างทำให้ใจของเขาไม่สามารถรับการท้าทายอย่างเป็นสมาธิเต็มที่ อย่างไรก็ตามสถานการณ์หนักหนากว่าแต่ก่อนมากจักรพรรดิฟู่โฉวได้รับบาดเจ็บสาหัสเขาไม่สามารถเป็นคู่ต่อสู้ของราชาจินกวนได้อีกต่อไป จากนั้นสถานการณ์ย่ำแย่อย่างหนัก
จักรพรรดิฟู่โฉวทำให้ราชาจินกวนได้เปรียบเรื่อย
การพ่ายแพ้เป็นเรื่องของเวลา
มีราชาเฉินม่ออยู่ด้วยชีวิตของจักรพรรดิฟู่โฉวอาจกล่าวได้ว่าไม่มีลางรอดที่ดีคนเดียวที่สามารถหลบหนีได้ก็คือจักรพรรดิเฟิ่นนิ่วซึ่งสามารถปกป้องตนเองได้อย่างเต็มกลืนขึ้นอยู่กับว่าถ้าราชาเฉินม่อไม่ทุ่มเทพลังโจมตี เขาถึงจะหนีไปได้
“ปลาเล็กกุ้งน้อยเหล่านี้ให้พวกเจ้าจัดการ” ราชาสองหน้าบอกซือเหรินให้ถ่ายทอดคำสั่งบอกแปดขุนพลให้ล้อมฆ่านักสู้ปราณฟ้าอย่างราชาจื่อฟงเป็นต้น
“ขอรับ” ความจริงพวกเขาเข้าใจว่าราชาจื่อฟงราชาชิงหลางและคนอื่นๆ เป็นเชลยของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์นานแล้วต่อให้ปล่อยพวกเขาไป พวกเขาไม่สามารถหลบหนีไปได้ เหตุผลที่ราชาจื่อฟงและนักสู้คนอื่นไม่ยอมฆ่าตัวตายก็เพราะพวกเขารอปาฏิหาริย์พวกเขาหวังว่าเย่ว์หยางเย่ว์ไตตันจากหอทงเทียนจะสามารถเอาชนะจ้าวสุริยาและกลับออกมาเอาชนะราชาเฉินม่อช่วยชีวิตทุกคนไว้ได้
นี่อาจจะเป็นไปได้หรือ?
เป็นไปไม่ได้เหมือนที่จู่ๆก็มีซาลาเปาหล่นลงมาจากฟากฟ้า!
แม้ว่าด้วยความช่วยเหลือของหมิงลี่ฮ่าวกับเทวีเสรีภาพคุณชายไตตันยังจะเป็นคู่ต่อสู้ของจ้าวสุริยาได้หรือ?
แม้ว่าเขาโชคดีพอหลบหนีไปต่อหน้าของจ้าวสุริยาแต่เขาจะกล้าหยุดและเอาชนะราชาเฉินม่อช่วยเหลือนักสู้ปราณฟ้าและนักสู้ระดับราชาเหล่านี้ที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกันได้หรือ?
อย่างไรก็ตามที่สำคัญคือนี่คือความหวังหนึ่งตราบใดที่ในใจยังมีประกายแห่งความหวัง ไม่ว่าจะริบหรี่เพียงไหน ทุกคนก็จะไม่ยอมแพ้นี่คือธรรมชาติของมนุษย์ ขณะอยู่ในห้วงวิกฤติเป็นตายไม่มีทางรอดทุกคนได้แต่หวังว่าจะมีวีรบุรุษมาช่วย และถ้ายังมีความหวัง ใครเล่าจะยอมตาย
ราชาสองหน้าไม่ต้องการแข่งกับพระยาราชสีห์หรือราชาจินกวน
จักรพรรดิฟู่โฉวจักรพรรดิเฟิ่นนิ่วเป็นของพวกเขา ถ้าเขาสอดมือเข้าไปยุ่งพระยาราชสีห์และราชาจินกวนคงจะไม่ยอมพูดด้วยเป็นแน่ ราชาสองหน้าไม่ยอมแย่งความดีความชอบจนต้องทะเลาะกันโดยไม่จำเป็น
เพราะในโลกศิลาหรือทางผ่านมิติยังมีนักรบหอทงเทียนอีกสามคนรอให้เขาไปกำจัด
พวกเขาไม่อาจเทียบกับสามจักรพรรดิได้ แต่ความดีความชอบที่ได้ก็ไม่น้อย
ที่สำคัญที่สุดก็คือนักรบของหอทงเทียนทั้งสามดูผิวเผินยังยืนหยัดอยู่ได้ แต่ราชาสองหน้ารู้ว่านี่ก็แค่เพียงลักษณะที่แสดงออก
การสู้รบอย่างนี้หากมีความกดดันอยู่ตลอด ทำให้อีกฝ่ายหนึ่งกัดฟันยืนหยัดต้านทานครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งตราบใดที่คนพวกนี้ผ่อนคลายเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะลุกขึ้นมาอีกเพราะร่างกายของพวกเขาถูกใช้งานเกินกำลังอย่างหนัก พอจิตวิญญาณพวกเขาผ่อนคลายพวกเขาแทบจะไม่มีแรงลุกกลับขึ้นมายืนได้อีก...ราชาสองหน้ารู้จักปรากฏการณ์ในการต่อสู้มาทุกชนิดและเห็นนักรบตายมาทุกประเภทเขารู้สึกว่าเขาเป็นผู้เหมาะที่สุดในการกวาดล้างสามนักรบหอทงเทียน
เขาคาดว่าสภาพมารสัมฤทธิ์ฟ้าในปัจจุบันนี้สามารถลุกขึ้นยืนในสภาพที่ใกล้ตายอย่างภาคภูมิใจหลังจากหัวใจหยุดเต้นก็ยังไม่ยอมแพ้ใช้กระแสไฟฟ้ากระตุ้นหัวใจให้ลุกขึ้นยืนได้ต่อบางทีตอนนี้เขาอาจล้มลงตายไปแล้วก็ได้
ไม่มีแรงกดดันหนุนเสริมคนอย่างนั้นไม่อาจยืนได้ต่อไป
“หึ หึ หึ ....”ราชาสองหน้าหัวเราะอย่างชั่วร้ายพลางถือเคียวปีศาจเหินฟ้าเหมือนกับค้างคาวหายเข้าไปในช่องทางผ่านมิติ
ไม่มีใครอยู่ในทางผ่านมิติ
มารสัมฤทธิ์ฟ้าหลบหนีไปโดยไม่ทิ้งร่องรอยอะไรหรือ?ราชาสองหน้าคาดไม่ถึง
หลังจากเข้าสู่โลกศิลาราชาสองหน้าพบว่ามารสัมฤทธิ์ฟ้าและพวกกำลังนั่นอยู่หน้าศิลาแดนดาวเขาถอนหายใจโล่งอก
ปรากฏว่ามารสัมฤทธิ์ฟ้าและสหายอีกสองคนล้มลงที่นี่...จ้าวสุริยากับเย่ว์ไตตันเล่าเป็นยังไงบ้าง? ทำไมพวกเขาหายไป? หรือว่า.... ราชาสองหน้ามองดูร่างเทพและพบว่าว่างเปล่า มีวงเวทอักขระรูนอยู่ภายใต้กำลังเปล่งแสงกระพริบเห็นได้ชัดว่าจ้าวสุริยาต้องไล่ตามเย่ว์ไตตันเข้าไปในพื้นที่เก็บคัมภีร์เทพ
สมกับเป็นจักรพรรดิอวี้รุ่นใหม่แห่งหอทงเทียนจริงๆ
ฉลาดไม่เบา!
แม้จะอยู่ภายใต้เงื้อมมือของนักสู้อย่างจ้าวสุริยาเขาก็ยังหาเส้นทางหลบหนีสุดท้ายได้...อย่างไรก็ตาม จ้าวสุริยาไล่ตามเย่ว์ไตตันและด้วยความดีความชอบเล็กน้อยนี้ เขาจะฆ่านักรบหอทงเทียนที่ได้รับาดเจ็บสาหัสและต้องเยียวยารักษากับที่ คาดว่าน่าจะยากพอๆกับฆ่าไก่สามตัว
“โฮ่ง, เมี้ยววว” ทั้งโลกคงจะมีหมาเฝ้าบ้านเพียงตัวเดียวเท่านั้นที่ร้องภาษาสัตว์อื่นได้ นั่นก็คือฮุยไท่หลาง
“เจ้าหมาราคาถูก!” ราชาสองหน้าพบว่าพบว่าฮุยไท่หลางมีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์กำลังยืนอยู่ด้านหลังของเขา มันมีท่าทางเหมือนกับเพิ่งกินอาหารอิ่มทำให้เขาอดสบถเพราะอารมณ์เสียมิได้
“โฮ่ง!”ฮุยไท่หลางยิ้ม เป็นยิ้มเหมือนหมาโง่หน้าโง่ๆ ของมันเหมือนจะบอกว่า ‘จะขายเจ้าและขายเอาเงิน’
อีกฟากหนึ่งของทะเลคลั่ง
การต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไป
“จักรพรรดิเฟิ่นนิ่ว! เจ้าเป็นคนที่น่าเกลียดชังและเป็นคนที่ข้าเกลียดชังที่สุดในชีวิตข้า ข้าหวังว่าจะได้กินเนื้อของเจ้า ดื่มเลือดสดเจ้าและนอนบนหนังที่ถลกจากตัวเจ้าในยามราตรี ข้าไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งจะต้องมาต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับขยะอย่างเจ้า ถ้าเจ้ามีสำนึกสักเล็กน้อย เจ้าก็ควรตายได้แล้ว!” จักรพรรดิฟู่โฉวพลาดถูกฝ่ามือหนักหน่วงของราชาจินกวนกระเด็นไปหนึ่งกิโลเมตรหล่นลงไปในทะเลคลั่งเขากระอักโลหิตเป็นทางยาวแต่นัยน์ตาของเขาฉายประกายเจิดจ้าเหมือนเป็นชัชวาลย์สุดท้ายก่อนมอดดับลง“แต่ช่วงเวลาสุดท้ายนี้ ข้าไม่ยอมให้เจ้าเห็นข้าตายหรอกเจ้ากำจัดข้าที่นี่เดี๋ยวนี้ และไม่จำเป็นต้องมาตายที่นี่ข้าไม่ต้องการให้คนอย่างเจ้าถูกฝังร่วมกับข้า”
“เด็กน้อย! ก็แค่เป็นเพราะเจ้าทำอะไรข้าไม่ได้” จักรพรรดิเฟิ่นนิ่วแค่นเสียงหนักหน่วง
ความจริงแล้วการแสดงออกของจักรพรรดิเฟิ่นนิ่วเกินกว่าที่ทุกคนคาดหมายไว้
ทุกคนคิดว่าเมื่อเขาออกไปเขาจะหนีไปทันที
และที่ทำให้ทุกคนรู้สึกประหลาดใจมากก็คือจักรพรรดิเฟิ่นนิ่วนี้สามารถรุกไล่พระยาราชสีห์ได้ แม้ว่าเขาจะมีโอกาสหลบหนีหลายครั้งในท่ามกลางเขาไม่ทำเช่นนั้น
ถ้าเขาจะลังเลก็เป็นเพราะกังวลเกี่ยวกับกับดักที่ราชาเฉินม่อวางไว้
จากนั้นสองสามครั้งต่อมา
ก็ยังมีโอกาสที่ดีอีก ทำไมเขาไม่ฉวยโอกาสหลบหนี?
คนอย่างจักรพรรดิเฟิ่นนิ่วไม่ใช่คนประเภทที่เสียสละเพื่อคนอื่น จักรพรรดิเฟิ่นนิ่วแม้ว่าจะเหยียดหยามจักรพรรดิฟู่โฉว แต่ก็ปฏิเสธจะจากไปทำให้ทุกคนรู้สึกว่าคนผู้นี้ไม่เห็นแก่ตัวหรือไร้น้ำใจเหมือนอย่างที่ตำนานว่าไว้ ในบางเรื่องจักรพรรดิเฟิ่นนิ่วกระทำไปเพราะเข้าใจผิดเพราะได้รับความกระทบกระเทือนใจ ในอีกมุมหนึ่งจักรพรรดิเฟิ่นนิ่วเป็นคนที่ทำให้เกิดโศกนาฏกรรมนี้แต่เขาเองไม่มีความคิดจะทำเช่นนั้นจริงๆ
ความจริงจักรพรรดิเฟิ่นนิ่วไม่ใช่คนบ้าคลั่ง
เขาเป็นคนที่ช่างหวาดระแวงจนทำให้เกิดความโชคร้ายตลอดชีวิต
เขาฆ่าภรรยาและลูกสาวที่รักด้วยมือตนเองกลายเป็นหนอนที่น่าสมเพชทำลายชีวิตตนเองทั้งที่เขาเป็นผู้แสวงหาความสมบูรณ์
“เจ้ามีกำลังน้อย ไม่สามารถป้องกันตนเองได้!”
พระยาราชสีห์คำราม
คัมภีร์อัญเชิญลอยอยู่ในกลางอากาศลำแสงพลังงานพุ่งขึ้นท้องฟ้ามีภาพราชสีห์ทองลอยครอบคลุมเต็มท้องฟ้า นอกจากราชาเฉินม่อ ทุกคนตกอยู่ภายใต้แรงกดอัดของพระยาราชสีห์หัวหน้าจินฟันทองและพ่อบ้านเย่ว์แม้แต่นักสู้ปราณฟ้าที่ไม่แข็งแกร่งถึงกับหมดสติไปโดยตรง
กลุ่มเมฆสิงห์ทองขนาดใหญ่ลอยลงมาจากอากาศคลุมทั้งท้องฟ้าและภาคพื้น
เป็นพลังงานองค์ประกอบธาตุล้วนๆ
จากองค์ประกอบสามอย่างคือทองไฟ และลม
เมฆสิงห์ทองนี้แข็งแกร่งกว่าพระยาราชสีห์ตัวจริงเสียอีก ยิ่งมีขนาดใหญ่ ยิ่งมีพลังศักดิ์สิทธิ์
จากนั้นเขาปล่อยให้เมฆลงมา ทะเลคลั่งยกตัวสูงขึ้นจากนั้นถูกพลังเมฆสิงห์ทองกดราบเรียบเหมือนกระจก นักสู้ปราณฟ้าที่ต่ำกว่าระดับสามถูกกดลงพื้นอย่างช่วยไม่ได้ แม้แต่ราชาจื่อฟงชิงหลางและนักสู้ปราณฟ้าระดับราชาอื่นๆ ก็รู้สึกอึดอัดหายใจไม่ออกพากันก้มลงคุกเข่ายอมจำนนต่อเมฆสิงห์ทอง
เมฆสิงห์ทองใหญ่กว่ายักษ์หมื่นเท่าอย่างไม่ต้องสงสัย
มันสามารถแปลงสภาพจากลมเป็นไฟและจากไฟกลายเป็นทองได้
กรงเล็บสายหนึ่งโจมตีใส่จักรพรรดิฟู่โฉวจากด้านบนโดยตรงจักรพรรดิฟู่โฉวทุ่มสุดตัวใช้ดาบแสงต้านรับในขณะนั้น แต่พลังโจมตีระลอกสองก็มาถึง
เปลวเพลิงในเมฆสิงห์ทองแผดเผาน้ำในทะเลคลั่งระเหยเป็นไอมากมายนับไม่ถ้วน
จักรพรรดิฟู่โฉวอยู่ในศูนย์กลางไอระเหย
และควบแน่นเป็นของแข็ง
เมื่อจากพรรดิเฟิ่นนิ่ววิ่งเข้ามาช่วยดวงตาของพระยาราชสีห์เป็นประกายอำมหิตเขายกกรงเล็บขนาดยักษ์และพยายามใช้พลังทำลายภูผาและสายน้ำ อัดกระแทกอย่างรุนแรงใส่หน้าอกของจักรพรรดิฟู่โฉวจักรพรรดิฟู่โฉวกระอักโลหิตพุ่งเป็นลำยาว ร่วงหล่นราวกับดาวตก...แต่ในอีกด้านหนึ่งเมฆสิงห์ทองอสูรพิทักษ์ของพญาราชสีห์แปลงเป็นกรงเล็บทองมีเปลวไฟลุกโพลงกำลังรอตะปบใส่ร่างที่กำลังร่วงหล่นของจักรพรรดิฟู่โฉวอีกครั้ง
จักรพรรดิฟู่โฉวร่างหมุนคว้างหล่นลงไปในทะเลคลั่ง
น้ำทุกหยดที่กระเด็นกระจายผสมกับเลือดของจักรพรรดิฟู่โฉว
พอดีกับที่จักรพรรดิเฟิ่นนิ่วมาถึง
ร่างของจักรพรรดิฟู่โฉวถึงขีดจำกัดแล้วและกำลังจะตาย
กะโหลกศีรษะกระดูกหน้าอก กระดูกสันหลังของเขาแตกหักผิดรูปบางส่วนทิ่มแทงทะลุผิวหนังจนเห็นได้ชัด
“ไม่ โอว..ไม่!” จักรพรรดิเฟิ่นนิ่วไม่มีเวลาช่วยเหลือ และภาพที่เห็นทำให้เขาทรุดตัวลงด้วยความเจ็บปวดจักรพรรดิฟู่โฉวร่างเต็มไปด้วยเลือด เลือดของเขาย้อมทะเลจนแดง เขายื่นมือออกไปและดูเหมือนต้องการจะรับร่างที่บาดเจ็บของจักรพรรดิฟู่โฉว คนเลือดร้อนเจ้าโทสะอย่างเขาหลั่งน้ำตาในท่ามกลางทะเลคลั่ง “อย่าทำแบบนี้ ยืนขึ้น ข้ารู้ว่าเจ้าเกลียดข้า ข้ารู้ว่าเจ้าต้องการล้างแค้น ยืนขึ้น มาสู้กับข้าอีก เจ้าได้ยินหรือเปล่า? เด็กน้อยอย่างเจ้า จะมาล้มตายต่อหน้าต่อตาคนแก่อย่างข้าได้ยังไง?เจ้ามันอ่อนแอเกินไปจนทนรับพลังโจมตีนี้ไม่ได้หรือ? เจ้า เจ้าต้องการแก้แค้นให้แม่เจ้าไม่ใช่หรือ?ลุกขึ้น..มาสู้กับข้าอีก”
ในท่ามกลางแสงสีเลือดสลัวมองเห็นบุรุษวัยกลางคนมีสีหน้าเจ็บปวดมองดูร่างของจักรพรรดิฟู่โฉวที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส
พระยาราชสีห์ยังไม่หยุด
เขาใช้พลังหมัดโจมตีใส่ด้านบนของจักรพรรดิเฟิ่นนิ่วอย่างดุเดือด
จักรพรรดิเฟิ่นนิ่วไม่ได้ป้องกันตัวที่ศีรษะของเขาหลั่งโลหิตเปื้อนมาถึงหน้าผาก ไหลผ่านคิ้วตาย้อมแก้มของเขาผสมกับน้ำตาแล้วหยดลงในทะเล
“ไป... ข้าไม่ต้องการความเห็นใจจากท่าน...” จักรพรรดิฟู่โฉวเม้มปากและฝืนใจพูดอย่างอ่อนล้า
เสียงของเขาเบาลงทุกขณะ
ในที่สุดก็เบาขาดห้วง เห็นได้ชัดว่าเขาไม่เหลือแม้แต่พลังจะพูด
จักรพรรดิเฟิ่นนิ่วต้องการยื่นมือออกไปรับและประคองจักรพรรดิฟู่โฉว แต่พระยาราชสีห์ปัดมือของจักรพรรดิเฟิ่นนิ่ว และราชาจินกวนลอบใช้ฝ่ามือทำร้ายเขาในความมืด จักรพรรดิเฟิ่นนิ่วกระอักโลหิต ราชาเฉินม่อยืนอยู่ในที่ห่างออกไปเขาหิ้วคอจักรพรรดิเสิ่นกวงมองดูอยู่เงียบๆ โดยไม่เคลื่อนไหว
จักรพรรดิฟู่โฉวมองดูจักรพรรดิเฟิ่นนิ่ว
แม้ว่าในใจยังปฏิเสธจะยกโทษให้คนผู้นี้
อย่างไรก็ตามไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงหลั่งน้ำตาปนสายเลือดหยดลงพื้นทะเล
บุรุษผมงูถอนหายใจเบาๆ “ดีแล้วเจ้าสามารถตายร่วมกับคนสายเลือดเดียวกันที่รักเจ้า ฟู่โฉว เจ้าไม่มีอะไรต้องเสียใจ!”
พระยาราชสีห์ยกมือขึ้นอีกครั้ง
เมฆสิงห์ทองอสูรพิทักษ์ของเขากลายเป็นพายุเต็มท้องฟ้า
บนพื้นผิวทะเลคลั่งซึ่งถูกเมฆสิงห์ทองกดจนราบเรียบเหมือนกระจกพลันอ้าปากและกลืนกินทุกสิ่งอย่างดุดันราวกับจะทำลายโลกและสวรรค์
จักรพรรดิฟู่โฉวบุรุษผมงู ราชาจื่อฟง และราชาชิงหลางทุกคนหลับตา พลังโจมตีเช่นนั้นไม่มีทางเอาชีวิตรอดไปได้แน่นอน ในช่วงชีวิตไม่กี่อึดใจ
ความแค้นความชังทุกอย่างจะจบลง
ลาก่อนสหาย!
ลาก่อนคนรัก...ลาก่อนพวกพ้องที่รัก!
อย่างไรก็ตามขณะที่เมฆสิงห์ทองกำลังกลืนกิน ทันใดนั้นจักรพรรดิเฟิ่นนิ่วเอื้อมมือกอดจักรพรรดิฟู่โฉวไว้ในอ้อมแขน ทะเลแสงโลหิตรอบตัวเขาครอบคลุมทั้งตัวของจักรพรรดิฟู่โฉว จากนั้นฉีกมิติขาดเขาเก็บจักรพรรดิฟู่โฉวไว้ในมิติที่ว่างเปล่า..เขาไม่รู้ว่าจักรพรรดิฟู่โฉวที่รับบาเจ็บสาหัสจะอยู่รอดในรอยแตกมิติได้หรือไม่อย่างไรก็ตามจักรพรรดิเฟิ่นนิ่วหวังว่าเขาจะสามารถทำให้สายเลือดสุดท้ายของคนรักของเขา(เหลน) แม้ว่าจักรพรรดิฟู่โฉวจะไม่รู้สึกก็ตาม
“ข้าเคยทำผิดพลาดมาก่อน หวังว่าเจ้าจะมีชีวิตอยู่รอดปลอดภัยนั่นคือสิ่งที่สำคัญเหนืออื่นใด!” จักรพรรดิเฟิ่นนิ่วผู้ไม่เคยยอมรับความผิดพลาดของตนเองกล่าวขอโทษญาติเพียงคนเดียวของเขาที่อาจจะไม่ยกโทษให้เขาเป็นครั้งแรก จักรพรรดิฟู่โฉวตอนนี้ได้แต่ก้มหน้า
“เป็นครอบครัวที่น่าซาบซึ้งใจ! งั้นข้าจะส่งพวกเจ้าเข้าสู่เส้นทางปรภพด้วยกัน!” แขนขวาของราชาจินกวนเปลี่ยนเป็นดาบศักดิ์สิทธิ์สีทองทันที
จากนั้นแทงจากด้านหลังของจักรพรรดิเฟิ่นนิ่วทะลุออกทางหน้าอก
ปลายนิ้วยังคงแทงลึกไปถึงปากแผลที่หน้าอกของจักรพรรดิฟู่โฉวจักรพรรดิเฟิ่นนิ่วไม่สามารถต้านทานปลายแหลมยาวไม่ให้ทิ่มแทงไปถึงหัวใจของจักรพรรดิฟู่โฉวได้!
ราชาจินกวนไวกว่าพระยาราชาสีห์อ้าปากและยิงพลังลมกรดราชสีห์เข้าไปในรอยแยกมิติที่จักรพรรดิเฟิ่นนิ่วเปิดไว้เพื่อกำจัดความหวังสุดท้ายไม่ยอมให้จักรพรรดิฟู่โฉวหลบหนีได้
อ๊าคคคค!
จักรพรรดิเฟิ่นนิ่วคำรามด้วยความกราดเกรี้ยวภาพมารโลหิตฉายขึ้นเหนือศีรษะของเขา
เมฆราชสีห์ทองที่ครอบคลุมกลืนพื้นผิวของทะเลคลั่งภายใต้พลังกราดเกรี้ยวของพลังมารโลหิต ถูกยิงทะลุเป็นรูขนาดใหญ่ร่างฉายของมารโลหิตหงายหลัง แสงสีเลือดฉายออกจากใบหน้าที่บิดเบี้ยวน่ากลัวความเศร้าโศกและพลังกฎสวรรค์ฉายออกมาพร้อมกันนักสู้ปราณฟ้าทุกคนรู้สึกได้ถึงความโกรธและความสิ้นหวังของจักรพรรดิเฟิ่นนิ่วในเวลานั้น
“อา...”
จักรพรรดิเฟิ่นนิ่วถูกความเศร้าโศกครอบงำจนขาดสติอย่างสิ้นเชิง
เขาหันกลับไปที่ราชาจินกวนและตัดแขนขวาของเขาที่แปลงเป็นดาบทองศักดิ์สิทธิ์
เสียงคำรามของจักรพรรดิเฟิ่นนิ่วกึกก้องไปทั้งฟ้าเป็นเวลานาน ผิวทะเลคลั่งไม่ทราบว่ากลายเป็นทะเลเลือดกราดเกรี้ยวตั้งแต่เมื่อใดมันระเบิดพลังทำลายล้างไม่จำแนกว่าเป็นฝ่ายไหน ล้วนอยู่ในสภาพหยกศิลาล้วนแหลกราญ