ตอนที่ 969 เห็นจุดอ่อน?
เหนือศีรษะของเย่ว์หยางมิทราบว่ามีนาฬิกาสุริยะปรากฏตั้งแต่เมื่อใด
แทบจะเหมือนของจริง
ความแตกต่างกันก็คือมีขนาดเล็กกว่ามากดูไม่ทรงพลังนัก มันดูเล็ก เสี่ยวเหวินหลียืนอยู่ด้านหลังเย่ว์หยางนัยน์ตาของเธอเป็นประกายดุจดวงดาว ดูเหมือนเธอจะชอบนาฬิกาสุริยะแบบนี้ แน่นอนว่านาฬิกาแบบนั้นไม่มีความสัมพันธ์กันแม้แต่น้อย สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือความสามารถ นี่ดูเหมือนนาฬิกาสุริยะ มีความสามารถย้อนเวลา
ในรัศมีร้อยเมตรจากร่างเย่ว์หยาง หมิงลี่ฮ่าวและคนอื่นกระโดดลุกขึ้นและรู้สึกว่ากำลังกายของพวกเขาคืนกลับมาและมีพลังเต็มเปี่ยมทันที
อย่างไรก็ตามร่างที่ห่างจากเย่ว์หยางเกินร้อยเมตรนักสู้ปราณฟ้าสองสามคนที่ต้องการหลบหนี ต่างตายไปแล้ว
ศพของพวกเขาแห้งทันที
“เจ้ามีนาฬิกาสุริยะด้วยหรือ?” หมิงลี่ฮ่าวตะลึงและรู้สึกว่าตนเองสมองยังไม่เพียงพอ
“ไม่ ไม่ นี่เป็นไปไม่ได้!” คนของฝ่ายตรงข้ามตะโกนอย่างบ้าคลั่ง
“เงาปีศาจ?” บัณฑิตซือเหรินที่ใจเย็นที่สุดเห็นความผิดปกติเล็กน้อย
“ไม่ใช่เงาปีศาจ นั่นคือตัวจริง!” ราชาสองหน้าแค่นเสียง ถ้าเป็นเงาปีศาจเป็นไปไม่ได้ที่จะคืนสภาพให้หมิงลี่ฮ่าวและคนอื่น นาฬิกาสุริยะเป็นของปลอมแน่ แต่การย้อนเวลาเป็นของจริง
จ้าวสุริยายังดูเยือกเย็น เขาจ้องมองเย่ว์หยางอยู่นาน
ความรู้สึกนั้นเหมือนกับสิงโตมองดูสิงโตหนุ่มเติบโตและท้าทายสถานะของมัน
นอกจากความอิจฉาและความโกรธจากก้นบึ้งหัวใจ เขาไม่ยินยอมพร้อมใจมาหลายปีแล้ว...เขาต้องใช้ความเพียรพยายามมากมายเพียงไหนจึงจะมีความสำเร็จในวันนี้ และเจ้าเด็กนี่เพิ่งรุ่งเรืองขึ้นมาเพียงไม่กี่ปีกลับไล่ตามเขาได้ทัน ผู้เยาว์อย่างนี้ถ้าไม่ฆ่าให้ตายเสียก่อน อีกหน่อยในอนาคต เขาจะมองเห็นหลังเจ้าเด็กนี่ได้อีกหรือ?
เย่ว์หยางมองผิวเผินนั้นดูผ่อนคลายมาก แต่ในใจไม่เป็นเช่นนั้น
แม้ว่าจะสลายเวลาจากนาฬิกาสุริยะของฝ่ายตรงข้ามได้และสนามพลังได้รับการคลี่คลายชั่วคราว แต่นี่เป็นแค่หนึ่งในหลายร้อยวิธีโจมตีของจ้าวสุริยา
การโจมตีระลอกต่อไปของจ้าวสุริยา
จะมีทั้งการย้อนเวลาและการหน่วงเวลาหรือไม่?
หมิงลี่ฮ่าวยื่นมือออกไปแตะนาฬิกาสุริยะที่เหนือหัวเย่ว์หยาง และมีสีหน้าประหลาดใจ “ของจริงหรือนี่? ไม่ใช่เงาปีศาจหรือ?” หมิงลี่ฮ่าวตื่นเต้น แม้แต่จักรพรรดิฟู่โฉวก็ยังมึนงงสงสัย ไม่มีเหตุผลเย่ว์หยางมีอสูรเหมือนกับอสูรพิทักษ์ของจ้าวสุริยาได้อย่างไร? หรือว่านี่คือทักษะแฝงเร้นลอกเลียนของเจ้าเด็กนี่? แม้ว่าจะลอกเลียนลักษณะมาได้แต่เป็นไปไม่ได้ที่จะเลียนแบบความสามารถของนาฬิกาสุริยะที่แท้จริงได้!
“พวกเจ้าล้วนแต่สมองหมูกันทั้งนั้น!” เย่ว์หยางชูนิ้วกลางแค่นเสียงใส่ทุกคน
“เฮอะ!” จักรพรรดิเฟิ่นนิ่วและจักรพรรดิเสิ่นกวงโมโห นอกจากเย่ว์หยางแล้วไม่เคยมีใครกล้าดูหมิ่นเกียรติของพวกเขา ในมุมมองของเย่ว์หยางนี่คือการช่วยเหลือ และจ้าวสุริยากำลังจับตามอง พวกเขาได้แต่อดกลั้น
“ข้าบอกไปแล้วว่าจ้าวสุริยาไม่ใช่ผู้ควบคุมเวลา ถ้าเขาควบคุมเวลาในมือได้ เราตายไปนานแล้วเขาสามารถฆ่าเราเมื่อใดก็ได้ เช่นก่อนที่เราเข้ามา หลังเราจากไปหรือเมื่อใดก็ได้ที่เรายังอยู่ในเกาะกลาง ถ้าจ้าวสุริยาคุมเวลาได้จริง ไม่ว่าเราทำอะไรก็ไม่มีความหมาย เขาไม่ตั้งใจสู้กับเรา เขาต้องการบีบบังคับให้เรารั้งอยู่ที่นี่ และทำการกวาดล้างเรารวดเดียวเห็นได้ชัดว่าจ้าวสุริยาไม่ได้ควบคุมเวลา แต่เป็นพื้นที่เล็กๆ บวกกับทักษะแฝงเร้นคืนสภาพของเขาและอสูรพิทักษ์นาฬิกาสุริยะของเขา สนามพลังกาลเวลาที่สร้างขึ้น เป็นสนามพลังพิเศษและเขายังมีความเข้าใจสนามพลังกาลเวลาเป็นอย่างดี” เย่ว์หยางอธิบายอย่างไม่เกรงใจ “พวกท่านให้ความสำคัญกับสิ่งที่ตาเห็นมากเกินไปนักสู้ที่แท้จริงจะต้องมีปณิธานที่มั่นคงเมื่อต้องเผชิญหน้ากับปริศนาความลึกลับ จะต้องรักษาความเป็นตัวของตัวเองเอาไว้ สำรวจความเป็นจริงของสิ่งต่างๆโดยตรง แต่ดูเหมือนพวกท่านเอาแต่ตื่นตระหนก บุคลิกนักสู้หายไปไหนกันหมด?”
“ปณิธานมั่นคงไม่หวั่นไหว รักษาความเป็นตัวของตัวเองหรือ?” หมิงลี่ฮ่าวมีสีหน้าผ่องใส
“ในหอทงเทียน มีประตูเป็นตายอยู่แห่งหนึ่งนักรบทุกคนที่ผ่านการฝึกฝนที่นั่น จะต้องมีความเข้าใจว่า สิ่งใดจริง สิ่งใดลวงตาความจริงวัฏจักรของทุกอย่างในโลกนี้รวมทั้งเวลามีความสัมพันธ์กับตัวเองยังไงบ้าง? นักสู้ทั่วไป นักสู้ปราณราชันย์ นักสู้เทียมเทพดำรงอยู่ระหว่างฟ้ากับดิน พวกเขามองดูสรรพสิ่ง ความเป็นความตาย รุ่งเรืองตกยากแล้วมันเกี่ยวอะไรกับเรา?” เย่ว์หยางตะโกนใส่หมิงลี่ฮ่าว
“เข้าใจแล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าเข้าใจแล้ว!
หมิงลี่ฮ่าวตะโกนก้องท้องฟ้า
หมัดคู่กระแทกใส่โลกศิลาจนสั่นสะเทือนแทบพังทลาย
พลังแสงเข้มข้นดุจดวงอาทิตย์ระเบิดออกจากร่างของเขาร่างของเขาเป็นสีทองสว่างเจิดจ้าสูงสิบเมตรดูราวกับขุนเขา ลำแสงพลังงานพุ่งขึ้นท้องฟ้าออกทางเหนือศีรษะราวกับมังกรทะยาน... ใครก็ตามที่เห็นหมิงลี่ฮ่าวจะรู้สึกว่าหมิงลี่ฮ่าวไม่เพียงแต่ไม่ตกต่ำเพราะความพ่ายแพ้ครั้งก่อน แต่ภายใต้การรู้แจ้งจากการชี้แนะของเย่ว์หยางทำให้เขาคืนสู่สภาพสุดยอดที่สุดพร้อมต่อสู้อีกครา
แม้แต่จ้าวสุริยาก็ยังรู้สึกว่าหมิงลี่ฮ่าวอยู่ในสภาพสุดยอดและไม่อาจเทียบเหมือนเมื่อก่อนได้แม้แต่น้อย
ภายใต้การกระตุ้นเปิดเผยของเย่ว์หยางทำให้หมิงลี่ฮ่าวยกระดับพลังได้
ดวงตาของจักรพรรดิฟู่โฉวเริ่มสว่างขึ้นๆพลังปราณระเบิดออกมาจากร่างของเขา จากนั้นเขาหัวเราะ “ใช่แล้วข้าไม่สามารถเปลี่ยนเวลาของนาฬิกาสุริยะได้ แต่ปณิธานของข้าจะไม่แตกดับ และยังปกป้องรักษาตนเองได้ต่อเนื่องอย่างไม่เป็นปัญหา แค้นของข้ายังไม่จบ ข้าไม่อาจตายได้! วันนี้ได้เผชิญหน้ากับนักสู้ผู้แข็งแกร่งอย่างจ้าวสุริยา ข้าต้องล้างแค้นให้จบ!”
แสงสีเงินกระจายเต็มร่างของจักรพรรดิฟู่โฉว..
อีกทางด้านหนึ่งแสงสีเงินของจักรพรรดิฟู่โฉวมีคลื่นแสงที่ไวกว่า กว้างกว่า และเป็นคลื่นทะเลเลือดก่อตัว
ยกเว้นแต่จักรพรรดิเสิ่นกวงที่ไม่ตอบสนองยอมรับหมิงลี่ฮ่าว จักรพรรดิฟู่โฉวและจักรพรรดิเฟิ่นนิ่วก็รู้แจ้งบ้างภายใต้การแนะนำของเย่ว์หยางและพวกเขาเป็นอิสระจากสนามพลังของจ้าวสุริยา
“ข้าคิดผิด ข้าไม่ควรปล่อยให้หมิงลี่ฮ่าวจักรพรรดิฟู่โฉว และจักรพรรดิเฟิ่นนิ่วเข้ามาด้วย หากไม่ใช่เพราะต้องการรวบปลาไว้ในแหเดียวกันตอนที่เจ้าไปเมืองลู่หลิวและข้าลงมือตอนนั้นก็คงจะไม่มีผลลัพธ์ออกมาเช่นนี้ จ้าวสุริยาหายใจลึกสงบอารมณ์และถอนหายใจด้วยความเสียใจ”ตอนนี้,ข้าเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้ว เย่ว์หยางเย่ว์ไตตัน เจ้าเป็นอัจฉริยะที่ผิดธรรมดาที่เติบโตขึ้นมาจากการต่อสู้ หากเจ้าเติบโตในที่สงบสุขในสภาพแวดล้อมที่มีแต่สันติภาพ เจ้าจะไม่มีทางประสบความสำเร็จ แต่ถ้าเป็นการต่อสู้ที่ยากลำบากซ้ำแล้วซ้ำเล่าก็จะเป็นการกดดันกระตุ้นให้เจ้าเติบโตก้าวหน้านี่คือชะตากรรมที่อันตรายผลักดันเจ้าสู่ความก้าวหน้าที่รวดเร็วและบ้าคลั่ง! ในทุกการต่อสู้เจ้าจะเติบโต และหลังจากการต่อสู้แต่ละครั้ง เจ้าจะบรรลุพลังระดับใหม่ ข้าไม่ควรส่งเสริมให้จักรพรรดินีฟ้ารุกรานหอทงเทียนเลย ถ้าข้ากำจัดสิ่งที่เป็นอุปสรรคขัดขวางของเจ้าในหอทงเทียนให้หมดในกรณีนี้เจ้าคงจะเติบโตได้น้อยกว่านี้ ไม่ก้าวหน้าในขอบเขตเหมือนอย่างทุกวันนี้! ผิดไปแล้ว ข้าเข้าใจผิดไป เจ้าแข็งแกร่งขึ้นเพราะการต่อสู้มันอยู่ในสายเลือดของเจ้า ข้า..จ้าวสุริยาจะทุ่มเทราคาคุณค่าทั้งหมดข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้ามีชีวิตเงียบๆ ต่อไป จงเอาข้อมูลเหล่านี้กลับไปรายงานกลุ่มผู้อาวุโสและเจ้าตำหนักใหญ่ตงฟาง ถ้าข้าไม่สามารถฆ่าเย่ว์หยางได้ ข้าจะใช้ชีวิตข้าผนึกเขาไว้ในโลกศิลาแห่งนี้ เมื่อข้าผนึกเขาได้จะไม่มีใครเข้าใกล้เขาได้อีก อย่าให้โอกาสเจ้าเด็กนี่ได้ต่อสู้และเติบโตต่อไป”
“......” หลังจากราชาเฉินม่อได้ยินเขาคุกเข่าลงช้าๆ
ราชาสองหน้าและแปดขุนพลบริวารที่ทำการกวาดล้างในระยะห่างออกไปก็คำนับให้จ้าวสุริยา
เพื่อเป้าหมายกำจัดผู้เยาว์ฝ่ายตรงข้าม จ้าวสุริยายอมสละทุกอย่างแม้แต่ชีวิต แนวคิดของเขาทำให้หมิงลี่ฮ่าวตกใจ
จริงหรือที่เจ้าเด็กเย่ว์หยางคุกคามตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ได้
แม้แต่ยอดฝีมืออย่างจ้าวสุริยายังยอมสละชีวิตเพื่อผนึกเขาไว้?
นี่คือการเผชิญหน้าที่แม้แต่จอมภพแดนสวรรค์ก็คงไม่สนุกด้วย! ระดับการคุกคามของเจ้าเด็กนี่ยังยิ่งกว่าจอมภพแดนสวรรค์อีกหรือ?
ราชาเฉินม่อหมอบกราบสามครั้ง
เขามองเย่ว์หยางอย่างลึกซึ้งเหมือนต้องการจะประทับภาพของผู้เยาว์รุ่นหลังนี้ตลอดไปจากนั้นลุกขึ้นช้าๆ เตรียมออกจากโลกศิลาและกลับไปรายงานที่ตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ จักรพรรดิฟู่โฉวชักดาบศักดิ์สิทธิ์เหาะเข้าไปหาเขา“ข้าไม่อาจเอาชนะจ้าวสุริยาได้ แต่ถ้าจะหยุดเจ้า ก็คงไม่เป็นไร รับมือ!”
ราชาสองหน้าไม่ทันมีเวลาขัดขวางจักรพรรดิฟู่โฉวสนามพลังทะเลแสงโลหิตของจักรพรรดิเฟิ่นนิ่วก็ปกคลุมเหนือศีรษะของเขา
หมิงลี่ฮ่าวจ้องมองจักรพรรดิเสิ่นกวง
ตอนนี้มีเพียงคนผู้นี้ไม่มีอาการสนองตอบแต่อย่างใด ยังคงมองดูการต่อสู้อย่างเงียบงันราวกับว่าต้องการจะอยู่ให้ไกลที่สุด
ราชาเฉินม่อไม่ได้หันกลับมามองเขาก้าวออกไปทีละก้าว
หลังจากนั้นจักรพรรดิฟู่โฉวใช้ดาบแสงศักดิ์สิทธิ์ฟันใส่ศีรษะของราชาเฉินม่อ เขาใช้ดาบในมือขวาต้านรับ จักรพรรดิฟู่โฉวเซถอยหลังพร้อมกับกระอักโลหิต ราชาเฉินม่อไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใดมือทองที่ข้างขวาของเขาไม่ได้รับความเสียหาย และฝีเท้าไม่ได้ตกลง... หมิงลี่ฮ่าวถลึงตามอง ต่อให้เขาทุ่มเทกำลังทั้งหมดสู้ก็ไม่น่าจะทำร้ายจักรพรรดิฟู่โฉวจนกระอักโลหิตได้! ไม่ต้องพูดถึงราชาเฉินม่อผู้นี้ ขณะที่เดินเขายังป้องกันตนเองได้ สามารถเอาชนะจักรพรรดิฟู่โฉวได้ ร่างกายของเขาไม่เสียหายเลยหรือ?
หรือว่าคนไหนคือจ้าวสุริยา?
จักรพรรดิฟู่โฉวเต็มไปด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ!
หมิงลี่ฮ่าววิ่งเข้ามาสมทบใช้หมัดทุบอย่างแรง ทั่วทั้งโลกศิลาสั่นสะเทือนด้วยหมัดระเบิดของเขา ราชาเฉินม่อเพียงแต่หยุดยืนเฉยไม่หันกลับมาเขาใช้มือขวารับหมัดที่ต่อยเต็มพลังของหมิงลี่ฮ่าว
แรงปะทะนี้ทำให้ราชาเฉินม่อถลาไปสามก้าว
หมิงลี่ฮ่าวถอยไปก้าวใหญ่หนึ่งก้าว
แรงระเบิดกวาดไปทั่วโลกศิลาสะเทือนฟ้าทลายดินทำลายได้ทุกสรรพสิ่ง
เข็มของนาฬิกาสุริยะของจ้าวสุริยาย้อนกลับไปสามวินาทีและใจของหมิงลี่ฮ่าวและราชาเฉินม่อไม่มีความเคลื่อนไหว แต่พลังงานหายไปทันทีเหมือนกับว่าไม่มีการเผชิญหน้ากัน บนพื้นมีเพียงรอยเท้าสามก้าวของราชาเฉินม่อและรอยก้าวถอยหลังก้าวใหญ่ของหมิงลี่ฮ่าว... เทียบกับพลังของราชาเฉินม่อหมิงลี่ฮ่าวเหนือกว่าเล็กน้อย ไม่สามารถหยุดเขาไม่ให้จากไปได้
ไม่มีทางขัดขวางราชาเฉินม่อได้แม้แต่น้อย!
หมิงลี่ฮ่าวมองเย่ว์หยางทำนองว่าจะเอายังไง?
“ปล่อยเขาไป เราไม่สามารถควบคุมชีวิตน้อยๆ ของเราได้ แล้วยังจะไปควบคุมหน่วยข่าวกรองข่าวสารได้ยังไง” เย่ว์หยางมองดูจ้าวสุริยาอยู่ตลอดเวลา และจ้าวสุริยายังคงจ้องมองเย่ว์หยางโดยไม่สนใจว่ารอบๆ ตัวจะเกิดอะไรขึ้น
“ก็ได้อย่างนั้นข้าจะทำหน้าที่นำทางแทนเจ้า” หมิงลี่ฮ่าวตวาดลั่น เสียงกึกก้องไปทั้งโลกศิลา
เขาเลิกขัดขวางราชาเฉินม่อและวิ่งเข้าหาจ้าวสุริยาแทน
หมิงลี่ฮ่าวสลัดตัวออกจากสนามพลังและกฎสวรรค์แห่งกาลเวลาและตัดสินใจหยั่งฝีมือของจ้าวสุริยา อย่างโชคร้ายที่สุดก็ช่วยให้เย่ว์หยางได้มีโอกาสเห็นว่าเขามีจุดอ่อนข้อบกพร่องอะไร.....จักรพรรดิฟู่โฉวก็มีความคิดเช่นเดียวกับหมิงลี่ฮ่าว ทั้งสองเป็นสุดยอดนักสู้พลังหมัดและดาบแสงศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาฉีกมิติรอบด้านขาดกระจายมุ่งโจมตีจ้าวสุริยาที่กำลังจ้องมองเย่ว์หยาง
จ้าวสุริยาจ้องมองเย่ว์หยาง
ร่างของเขาดูเหมือนสั่นเล็กน้อย
หมิงลี่ฮ่าวรู้สึกว่ามีพลังยิ่งใหญ่ที่ไม่สามารถต้านทานได้พุ่งผ่านอกและท้องร่างของเขาหมุนคว้างและร่วงลงพื้น
ขณะที่เท้าของเขากดจมลงในพื้นเพื่อตั้งหลักเขาเงยหน้าเห็นจักรพรรดิฟู่โฉวโจมตีตามหลังเขาถูกจ้าวสุริยาใช้มือข้างเดียวกดกระแทกจมลงไปในพื้นโลกศิลา ไม่สามารถสู้ต่อได้
หมิงลี่ฮ่าวโมโหต้องการสบถด่า แต่พลันลำคอของเขามีโลหิตฉีดพุ่งเป็นลำ..นี่คือพลังที่แท้จริงของจ้าวสุริยา!
“เจ้าเห็นจุดอ่อนหรือยัง?” นัยน์ตาของเขายังคงจ้องมองเย่ว์หยางอย่างไม่คลาดสายตาแม้แต่เสี้ยววินาทีในใจของเขามีแต่เพียงเด็กหนุ่มข้างหน้าเท่านั้นที่เป็นคู่ต่อสู้ที่แท้จริงของเขา!