ตอนที่ 966 นาฬิกาสุริยะ ทักษะย้อนเวลา
“หนีไปซะ, ข้าเล่าฮ่าวจะทุ่มเททุกอย่าง ใครให้ข้าคบสหายผิดโดยไม่ตั้งใจเล่า?”หมิงลี่ฮ่าวรู้ว่าเขาไม่สามารถเอาชนะจ้าวสุริยาได้ แต่เพื่อไม่ให้ถูกกำจัดทั้งหมดและรักษาความหวังเอาไว้เขาตัดสินใจทุ่มเทสุดกำลังเสียสละตนเองเพื่อให้เย่ว์หยางจากไปด้วยศักยภาพของเย่ว์หยางเมื่อหนีพ้นจากสถานการณ์ในวันนี้และเติบโตในอนาคตบวกกับนางพญาผู้พิชิตและหมิงเยี่ยกวงน้องสาวของเขา เย่ว์หยางคงจะตามหาจ้าวสุริยาแก้แค้นในวันนี้ได้แน่นอน
“จิตวิญญาณแห่งการเสียสละยิ่งใหญ่มาก”จ้าวสุริยายิ้มและหันไปถามจักรพรรดิเฟิ่นนิ่วและจักรพรรดิเสิ่นกวง“พวกเจ้าเล่า? ตัดสินใจยังไง?”
“ข้าเป็นพี่น้องร่วมสาบานกับหมิงลี่ฮ่าว...”
ความสัมพันธ์ระหว่างจักรพรรดิเฟิ่นนิ่วกับหมิงลี่ฮ่าวแย่ลงทุกระดับแม้แต่คนหูหนวกก็ยังทราบ
แต่ถึงเขาพูดเช่นนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกแม้แต่น้อย อย่างไรก็ตามคาดไม่ถึงเลยว่าจักรพรรดิเฟิ่นนิ่วพูดต่อ “หมิงลี่ฮ่าว ข้าจะฆ่าเขาด้วยตัวเอง แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าข้าจะมองเขาถูกท่านฆ่าแม้ท่านจะเป็นเจ้าตำหนักเทพสุริยะแห่งตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ก็ตาม”
แม้แต่เย่ว์หยางได้ยินแล้วก็ยังรู้สึกสับสนเล็กน้อย
แต่เมื่อไตร่ตรองมากขึ้น
เขารู้สึกผ่อนคลาย
จักรพรรดิเฟิ่นนิ่วผู้เป็นพี่รองคือต้นเหตุแห่งโศกนาฏกรรมในปีนั้น เขาเป็นคนจิตใจคับแคบปากแข็งและเกลียดหมิงลี่ฮ่าวน้องสามของเขา
หรืออาจกล่าวได้ว่าจักรพรรดิเฟิ่นนิ่วเกลียดทุกคนในเวลานั้นเขารู้สึกว่าเขาเป็นผู้เคราะห์ร้ายอย่างที่สุดและรู้สึกว่าเขาก่อโศกนาฏกรรมทั้งหมด เป็นเพราะตอนแรกทุกคนหลอกลวงเขาคนที่แต่งงานด้วยไม่ใช่คนรักแท้ๆ ของเขา อย่างไรก็ตาม จักรพรรดิเฟิ่นนิ่วเกลียดหมิงลี่ฮ่าวอีกครั้งต้องการฆ่าหมิงลี่ฮ่าว เขาไม่ยอมถูกกันเอาไว้ในฐานะคนนอก เขาเกลียดหมิงลี่ฮ่าวต้องการจะฆ่าหมิงลี่ฮ่าวและทุกคนที่ทำให้เกิดโศกนาฏกรรมทั้งหมด แต่นี่คือน้องร่วมสาบานของเขา ในห้วงเวลาคับขันที่ทุกคนตกอยู่ในอันตรายของชีวิตจักรพรรดิเฟิ่นนิ่วเลือกจะน้องชายที่เคยสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันมาในอดีตแน่นอน แม้ว่าจะมีความเกลียดและแค้นอยู่ในใจก็ตาม แต่ความไว้วางใจนั้นยังห่างไกลจากจ้าวสุริยาของฝ่ายศัตรู
ดูเหมือนว่าจ้าวสุริยาจะรู้แล้วว่าจักรพรรดิเฟิ่นนิ่วจะพูดเช่นนั้น นั่นไม่ใช่การตอบสนองที่ผิดปกติ
ส่วนจักรพรรดิเสิ่นกวงหลังจากคิดแล้ว
เขาคำนับแสดงความเคารพจ้าวสุริยา “จ้าวสุริยา!ตราบที่ท่านสนับสนุนข้าเสิ่นกวงให้ครองภูมิภาคสวนสวรรค์ เสิ่นกวงยินดีทุ่มเทพลังสู้กับพวกโจรเหล่านี้”
จ้าวสุริยาเห็นจักรพรรดิเสิ่นกวงแสดงความภักดีก็ส่ายหน้าเล็กน้อย “ข้าสามารถโกหกเจ้าได้ว่าจะสนับสนุนเจ้าขึ้นสู่ตำแหน่งจักรพรรดิแดนดินกลายเป็นเจ้าเหนือหัวที่แท้จริงของที่นี่ ทั้งยังสามารถโกหกเจ้าว่าจะให้เลือดเทพกับเจ้าเพื่อให้เจ้าเป็นบริวารที่มีความสามารถ อย่างไรก็ตาม ข้าไม่สามารถทำเช่นนี้ได้และข้าไม่ต้องการทำเพราะข้าไม่ต้องการปล่อยอันตรายแฝงไว้ต่อหน้าคุณชายไตตัน เว้นแต่คนไว้วางใจที่สนิทที่สุดของข้า ไม่อย่างนั้นใครก็ตามที่ไปจากที่นี่ข้าจะรู้สึกไม่วางใจเจ้าคงไม่รู้หรอกว่าการฆ่าคุณชายไตตันยากเย็นเพียงไหน เขาสร้างปาฏิหาริย์ที่เหลือเชื่อได้หลายต่อหลายครั้ง เพื่อทำลายคู่ต่อสู้ที่มีศักยภาพอย่างคุณชายไตตันได้อย่างเด็ดขาด ข้ายอมสละผลประโยชน์ทั้งหมดรวมทั้งจักรพรรดิเสิ่นกวงเจ้าที่พร้อมจะกลายเป็นคนฝ่ายของข้าด้วย”
ลมหายใจของจักรพรรดิเสิ่นกวงสับสนทันที เขารู้สึกเหมือนถูกทำร้ายจิตใจอย่างหนัก
แต่เสิ่นกวงยังคงนิ่งเฉย
เหมือนเมื่อก่อน
แต่ทุกคนรู้สึกแตกตื่นและโกรธจักรพรรดิเสิ่นกวง
แม้ว่าเขาต้องการจะกลายเป็นหมากชิ้นหนึ่ง แต่คาดไม่ถึงเลยว่าภายใต้การจับตามองของผู้คนมากมาย จ้าวสุริยากลับปฏิเสธโดยตรงทั้งยังบอกว่าเขาไม่ต้องการโกหก
ในเรื่องนี้เห็นได้ชัดว่าจ้าวสุริยามุ่งมั่นจะฆ่าเย่ว์หยางให้ได้ แม้ว่าจักรพรรดิเสิ่นกวงยินดีอาสาแต่เขาปฏิเสธอย่างระมัดระวัง จะฆ่าเย่ว์หยางไม่ต้องมีจักรพรรดิผู้ทรงพลังดีกว่า... เมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้วฆ่าผิดคนพันคนยังดีกว่าพลาดหลุดลอดไปหนึ่งคน
“ถ้าเจ้าต้องการมีชีวิตรอดอย่างนั้นก็ต้องร่วมมือกับเล่าฮ่าว” หมิงลี่ฮ่าวแค่นเสียงด้วยความโกรธ
“เฮอะ!”
จักรพรรดิเสิ่นกวงไม่ยอมตอบสนองตามคำพูดของหมิงลี่ฮ่าวไม่ร่วมมือกับหมิงลี่ฮ่าวโจมตี นอกจากนี้ยังหนีออกไปที่ช่องว่างนอกโลกศิลา ขณะที่หมิงลี่ฮ่าวโจมตี ไม่ว่าจ้าวสุริยาจะแข็งแกร่งขนาดไหนก็ไม่สามารถหยุดยั้งไม่ให้เขาจากไปได้ ราชาเฉินม่อเป็นคู่ต่อสู้จักรพรรดิเฟิ่นนิ่ว ขณะที่ราชาสองหน้าเพิ่งตะเกียกตะกายออกมาจากซากหักพังเขาจำเป็นต้องจับตามองคุณชายไตตัน
คู่ต่อสู้ของเขามีเพียงแปดขุนพลเท่านั้น
อาศัยคนเพียงแค่นี้เขายังไม่สามารถจากไปได้หรือ?
เขาลอยตัวออกไปเหมือนลำแสง
เขารวดเร็วเหลือเชื่อไม่ถึงเศษเสี้ยวเวลากระพริบตาครั้งหนึ่ง จักรพรรดิเสินกวงก็เหาะไปถึงปากทางประตูมิติแล้ว
ไม่น่าแปลกใจที่ความเร็วในการหลบหนีจะเร็วกว่าเล็กน้อยที่สำคัญนั่นคือการหลบหนี! แต่ที่ทำให้นักสู้ปราณฟ้าที่เหลืออยู่ไม่สามารถเข้าใจได้ก็คือหมิงลี่ฮ่าวที่อยู่ในสภาพปลดปล่อยพลังสูงสุดดูเหมือนจะช้าเป็นทากคลานขณะวิ่งเข้าหาจ้าวสุริยา
เป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร?
“สนามพลังกาลเวลา”บุรุษผมงูที่ยังอยู่ในเงื้อมมือของจ้าวสุริยาฝืนยิ้ม
“มีกฎสวรรค์แห่งกาลเวลา...” ไม่ทราบว่าจักรพรรดิฟู่โฉวฟื้นตั้งแต่เมื่อใดเขาถอนหายใจอย่างอ่อนล้า
ภายใต้อิทธิพลสนามพลังและกฎสวรรค์แห่งกาลเวลาของจ้าวสุริยา จักรพรรดิเสิ่นกวงที่กำลังหลบหนีไม่สามารถควบคุมความเร็วที่เพิ่มขึ้นเป็นพันเท่าโดยอัตโนมัติ ขณะที่หมิงลี่ฮ่าวช้าลงถึงพันเท่า! ผลร้ายแรงที่ตามมาจากการเพิ่มความเร็วหรือลดความเร็วในระดับที่ไม่สามารถควบคุมได้ ทุกคนรู้ได้ทันทีว่าจักรพรรดิเสิ่นกวงเป็นเหมือนแมลงวันตาบอดกระแทกเข้ากับทางเข้ามิติ แต่หมิงลี่ฮ่าววิ่งไปได้ครึ่งทางและปล่อยให้ราชาเฉินม่อที่ยืนคุ้มกันอยู่ข้างจ้าวสุริยากระแทกกระเด็นกลับมาอย่างง่ายดาย
ถึงตอนนี้แม้แต่คนตาบอดก็มองออก
การต่อสู้ครั้งนี้ไม่สามารถเอาชนะได้เลย
จ้าวสุริยาเข้าใจเรื่องความเร็วเป็นอย่างดี ตราบใดที่สนามพลังกาลเวลาของเขายังไม่หายไปตราบใดที่กฎสวรรค์แห่งกาลเวลายังคงทำงาน ไม่ว่าเป็นการโจมตีหรือหลบหนีล้วนเป็นเรื่องตลก
“ให้ข้าลองเอง!” จักรพรรดิเฟิ่นนิ่วตวาดลั่นเสียงดังราวกับฟ้าฟาด
ร่างของเขาปล่อยพลังแสงสีเลือดเป็นพันสาย
และก่อตัวเป็นทะเลแสงสีเลือด
ทะเลแสงโลหิต
พอวัสดุจากโลกศิลาสัมผัสทะเลแสงสีเลือดจะแตกเป็นผุยผง
จักรพรรดิเฟิ่นนิ่วตวาดลั่นสนามพลังทะเลแสงโลหิตขยายตัวปะทะกับสนามกาลเวลา ทะเลเลือดยังคงเป็นทะเลเลือด ความเร็วของกาลเวลาไม่อาจเปลี่ยนทักษะแฝงเร้นคลื่นความโกรธของจักรพรรดิเฟิ่นนิ่วได้ นี่คือความโกรธเกลียดที่คงอยู่มาเป็นเวลานาน!
หมิงลี่ฮ่าวกลับมาอยู่ที่ข้างตัวเย่ว์หยางและคว้าคอเสื้อเขาไว้“หนีไปซะ, เจ้ายังจะรออะไรอยู่อีก?”
เย่ว์หยางไม่แสดงอารมณ์ใดๆ และไม่ส่งเสียง
ราชาเฉินม่อยังนิ่งอยู่กับที่ไม่ได้ไล่ตามเพียงแต่มองอย่างเย็นชา
จ้าวสุริยาที่หิ้วร่างบุรุษผมงูและจักรพรรดิฟู่โฉวยังคงยิ้ม เขาไม่ได้เคลื่อนไหวมือแต่อย่างใด ทันทีที่เขาคิดก็มีคัมภีร์อัญเชิญชั้นศักดิ์สิทธิ์ปรากฏขึ้นพลิกเปลี่ยนหน้าปรากฏอสูรพิทักษ์ที่เหมือนกับดวงอาทิตย์ลอยอยู่เหนือศีรษะของเขา
แต่พูดให้ถูก
นี่ไม่ใช่ดวงอาทิตย์
อสูรนี้เป็นนาฬิกาที่คล้ายกับดวงอาทิตย์
แสงของมันสว่างเจิดจ้ามีเข็มและตารางบอกเวลาบนพื้นผิวซึ่งตอนนี้บอกเวลา 0.55.35
“เมื่อข้ายังอายุเยาว์ข้าทำสัญญากับคัมภีร์อัญเชิญได้สำเร็จ ใจของข้ารู้สึกตื่นเต้นมาก แต่อสูรพิทักษ์ของข้ากลับเป็นนาฬิกาเรือนหนึ่งทักษะแฝงเร้นก็คือฟื้นฟู กลับกลายเป็นที่เยาะเย้ยขบขันของมิตรสหาย ทักษะแฝงเร้นที่ไร้ประโยชน์อ่อนแอเกินกว่าจะเคลื่อนย้ายหินก้อนโต อสูรพิทักษ์ของข้า เอาไว้ใช้ดูเวลาเท่านั้น เรื่องนี้ทำให้ข้าในช่วงที่อายุน้อยต้องทนทรมานจากการเย้ยหยัน”
ขณะที่จ้าวสุริยากล่าวเวลาในนาฬิกาสุริยะที่ลอยอยู่ในอากาศยังคงเดินต่อไปและเย่ว์หยางยิ่งมีสีหน้าบิดเบี้ยวเหยเกขึ้นทุกที
จ้าวสุริยาส่ายหน้าและยิ้มอีกครั้ง “อย่างไรก็ตามข้าเคยอ่านหนังสือจากหอทงเทียนที่ซึ่งมีนักสู้คนหนึ่งกล่าวถึงทฤษฎีที่กระตุ้นความสนใจข้าอย่างหนึ่ง เขาบอกว่า ไม่มีอสูรสวะอยู่ในโลก ไม่มีทักษะแฝงเร้นใดที่ไร้ประโยชน์มีแต่คนเท่านั้นที่ไร้ประโยชน์ หลังจากอ่านหนังสือนี้แล้วข้าได้รับแรงบันดาลใจเป็นอย่างมาก ข้าตัดสินใจทำตัวเองให้มีประโยชน์อย่างแท้จริง ข้ามุมานะอย่างหนักเพื่อเปลี่ยนตัวเองให้เป็นคนที่มีประโยชน์จริงๆ ในที่สุดข้าสามารถเปลี่ยนอสูรศึกของข้าและทักษะแฝงเร้นที่ไร้ประโยชน์ของข้าให้เป็นอสูรศึกที่ดีที่สุดและเป็นความสามารถที่ดีที่สุด...ต่อมา ข้าประสบความสำเร็จกลายเป็นจ้าวสุริยาแห่งตำหนักเทพสุริยะ”
“เจ้าหมายความว่ายังไง?” จักรพรรดิเฟิ่นนิ่วยังคงคิดว่าจ้าวสุริยากำลังใช้ความสามารถผลสำเร็จของตนเองสั่งสอนเขา
“ไม่,ข้าแค่ต้องการบอกเจ้าว่าข้ามาถึงระดับนี้ได้ ไม่ว่าจะเป็นทักษะแฝงเร้นอะไรก็ตามไม่ว่าจะเป็นอสูรศึกใดล้วนทรงพลังทั้งนั้น เมื่อลงมือกับศัตรูที่มีพลังอ่อนกว่าข้าก็จะไม่มีการต่อต้าน” จ้าวสุริยาพูดอธิบายราวกับครูอนุบาลสอนเด็กว่าเมื่อ 1+1 ย่อมได้ผลลัพธ์เป็น2
จ้าวสุริยาพูดจบ
นาฬิกาสุริยะอสูรพิทักษ์ชนิดพิเศษที่อยู่เหนือศีรษะของเขาเข็มบอกเวลาย้อนกลับทันที
ทะเลแสงโลหิตที่ครอบคลุมโลกศิลาครึ่งหนึ่งอย่างรวดเร็วมองเห็นด้วยตาเปล่า
หดกลับเข้าไปในร่างของจักรพรรดิเฟิ่นนิ่ว
รอสักครู่เข็มก็ย้อนกลับมาที่เวลานาทีแรก
จักรพรรดิเฟิ่นนิ่วตกใจเมื่อพบว่าทะเลแสงโลหิตกลับเข้ามาในร่างของเขาและตำแหน่งยืนก็กลับไปอยู่ที่ช่วงเวลาก่อนเขาปล่อยพลังแสง ศิลาที่ถูกบดป่นโดยทะเลแสงโลหิตกลับฟื้นฟูคืนสภาพเหมือนเดิม
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือหมิงลี่ฮ่าวที่กำลังจับคอเสื้อเย่ว์หยางบินกลับมาที่ตำแหน่งเดิม
จักรพรรดิเสิ่นกวงที่กำลังหนีอยู่อีกด้านหนึ่งไปถึงทางเข้าที่พังทลายด้วยความเร็วสูง เมื่อเวลาของนาฬิกาสุริยะกลับไปที่ 0.5 นาทีทุกอย่างกลับคืนสู่สภาพเดิม หินศิลามิได้ถูกบดขยี้ ทางเข้ามิติยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์หมิงลี่ฮ่าวที่ถูกราชาเฉินม่อใช้หมัดโจมตีรอยฟกช้ำหายไปกลับไปสู่สภาพและในตำแหน่งเดิม
“สนามพลังกาลเวลา” บุรุษผมงูที่ถูกจ้าวสุริยาหิ้วตัวฝืนยิ้มกล่าว “และกฎแห่งกาลเวลา...” จักรพรรดิฟู่โฉวที่ยังหลับตาอยู่ลืมตาขึ้นดูเหมือนว่าเขาเพิ่งจะฟื้น เขาถอนหายใจอย่างอ่อนแรงก่อนจะเอ่ยปาก
ขณะนั้นเข็มนาฬิกาสุริยะ
เริ่มเดินอีกครั้ง
จักรพรรดิเสินกวงที่ตอนแรกหลบหนี หยุดการกระทำที่ไร้ประโยชน์ หมิงลี่ฮ่าวที่ถูกโจมตีกระเด็นกลับมาก็หยุดโจมตีจ้าวสุริยาเช่นกัน
ทุกคนเข้าใจเป็นอย่างดีถึงสาเหตุที่เย่ว์หยาง คุณชายไตตันไม่หนีไป
เหตุผลก็คือด้วยนาฬิกาสุริยะทักษะแฝงเร้นย้อนเวลา สนามพลังกาลเวลาและกฎแห่งกาลเวลา มีแต่จะถูกเล่นงาน! ไม่ต้องพูดถึงการโจมตีทำร้าย แม้แต่จะหนีก็หนีไม่ได้ ไม่เลยแม้เมื่ออยู่ต่อหน้าจ้าวสุริยาการฆ่าตัวตายก็ยังเป็นไปไม่ได้ ไม่ได้รับการยินยอมจากเขาการฆ่าตัวตายเป็นเรื่องตลกที่สุด
ตุ้บ
จ้าวสุริยาโยนบุรุษผมงูลงบนพื้น
เข็มของนาฬิกาสุริยาย้อนกลับไปหนึ่งวินาที บุรุษผมงูกลับมาอยู่ในเงื้อมมือของจ้าวสุริยาอีกครั้ง
ตุ้บ
และถูกโยนอีกครั้ง
เข็มนาฬิกาย้อนกลับ...ตุ้บ....เข็มนาฬิกาย้อนกลับ
บุรุษผมงูอดร้องไม่ได้ “พอได้แล้ว จะฆ่าก็ฆ่าเลย จะทรมานข้าทำไม!”
หน้าของจ้าวสุริยายังสงบเรียบเฉยเขามองเย่ว์หยางและพูดอย่างจริงจัง “เป็นยังไงบ้าง, คุณชายไตตันเจ้าเห็นข้อบกพร่องหรือยัง?”
บัดซบ!
เย่ว์หยางอดชูนิ้วกลางให้เจ้าผู้นี้มิได้