ตอนที่ 20 ขายยันต์ไฟ
ตอนที่ 20 ขายยันต์ไฟ
ตลอดทั้งวันทั้งคืนที่ผ่านมาลีโอได้สร้างยันต์ไฟอย่างต่อเนื่องและระมัดระวังในทุกขั้นตอน เพราะไม่ต้องการจะสูญเสียหมึก กระดาษยันต์และเวลาไปอย่างเสียเปล่า
เมื่อรู้ว่าพลังจิตของตนเองหมดลีโอก็หยุดการเขียนยันต์และไปพักทันที
พลังจิตของหมอผีฝึกหัดระดับ 1 ขั้นต้นที่มีรูนจิตเพียง 1 นั้นไม่ได้มากมายจนสามารถสนับสนุนการเขียนยันต์จำนวน 10 แผ่นได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะลีโอที่พอเห็นทุกสิ่งผ่านดวงตาผนึกเทพก็ยิ่งทำให้เขาใช้พลังจิตที่มากขึ้นไปอีกในการปรับปรุงจุดผิดพลาดในอักขระวิญญาณ เขาจึงใช้เวลามากขนาดนี้
แต่ว่าทุกอย่างที่ลีโอลงไปนั้นคุ้มค่า เพราะเขาสามารถเปลี่ยนกระดาษยันต์จากทั้งหมดที่มี 10 แผ่นให้กลายเป็นยันต์ไฟได้สำเร็จ 9 แผ่น
ยันต์ไฟจำนวน 8 แผ่นวางอยู่เบื้องหน้าของลีโอ ถ้ารวมกับ 1 แผ่นที่ทดลองไปก็นับว่ามี 9 แผ่น
“น่าเสียดายที่ทำเสียไปแผ่นหนึ่ง”
ตอนที่ลีโอเขียนแผ่นที่ 5 เพราะความประมาทและรีบร้อนจนเกินไปทำให้ลายเส้นหมึกเกิดความเสียหาย ส่งผลให้อนุภาควิญญาณหลุดออกไป อักขระวิญญาณจึงกลายเป็นอักขระวิญญาณที่เสียหาย
หลังจากนั้นลีโอก็ได้บทเรียนและเตือนตนเองว่าอย่าให้ความสำคัญต่อโครงสร้างแห่งจิตของอักขระวิญญาณจนละเลยลายเส้นของอักขระวิญญาณ
ลายเส้นอักขระวิญญาณนั้นเป็นสิ่งที่เขียนขึ้นมาจากหมึกพิเศษ ซึ่งด้านในมีโครงสร้างอักขระวิญญาณอยู่ ถ้าลายเส้นเสียหาย ต่อให้โครงสร้างอักขระวิญญาณจะดีหรือสมดุลแค่ไหนก็ถูกทำลายได้
นี่คืออีกเหตุผลที่มีการสร้างกระดาษยันต์ที่ทนทานต่อ ไฟ น้ำและการฉีกขาดขึ้นมา
“อัตราความสำเร็จของข้าคือ 90 เปอร์เซ็นต์ แต่ถ้าไม่นับรวมการประมาทในเรื่องลายเส้นไป ข้าก็จะมีความสำเร็จที่ 100 เปอร์เซ็นต์”
“จะให้ใครรู้อัตราความสำเร็จนี้ไม่ได้”
ลีโอเตือนตัวเอง ถ้ามีใครรู้คงจะโดนสงสัยแน่นอน เนื่องจากอัตราความสำเร็จของสมบูรณ์แบบมากเกินไปหมอผีผู้จารึกโดยทั่วไปจะมีอัตราความสำเร็จในการเขียน ยันต์ระดับ 0 อยู่ที่ 4 ใน 10 ส่วนเท่านั้น
“ข้าควรจะเอายันต์เหล่านี้ไปขาย เพราะอีกแค่ 5 วันก็ต้องจ่ายค่าที่พัก 20 ดากาซแล้ว ถ้าจ่ายไม่ทันคงได้นอนตามทางเดินแน่”
ตั้งแต่ที่ลีโอเข้ามาที่สถาบันเอลาเดียแห่งนี้ก็จะครบ 1 เดือนแล้ว ตอนนี้เขากลายเป็นหมอผีฝึกหัดระดับ 1 แล้วและก็ยังเป็นผู้จารึกระดับ 0 แล้วด้วย ถึงจะจารึกได้แค่อักขระวิญญาณไฟเท่านั้นก็เถอะ
ลีโอเก็บยันต์ไฟ 4 แผ่นไว้ในโลกมิติดวงตาผนึกเทพและเอายันต์ไฟที่เหลือ 4 แผ่นไว้กับตัว ก่อนจะตรงออกจากห้องเพื่อไปขายยันต์
...
“ศิษย์พี่ข้าต้องขายของ” ลีโอกล่าวกับศิษย์พี่หน้าแหลม
“เจ้าอีกแล้ว คิดจะมาขายอะไร บอกไว้ก่อนว่าที่ร้านของสถาบันให้ราคากลางก็จริง แต่ก็หมายถึงของที่อยู่ในระดับมาตรฐานเท่านั้น ถ้าของที่มีตำหนิหรือเสียหายเจ้าเอาไปหลอกขายแบบส่วนตัวกับคนอื่นจะดีกว่า เพราะคงได้ราคามากกว่าที่ร้านค้าของสถาบันจะซื้อ” ศิษย์พี่หน้าแหลมกล่าวด้วยน้ำเสียงเหมือนจะดูแคลน แต่ก็เป็นคำแนะนำที่ตรงไปตรงมา
“ข้ารู้ศิษย์พี่ ท่านดูนี่ก่อน” ลีโอเอายันต์ไฟออกมา 1 แผ่น
“ยันต์ไฟ เจ้าไปได้มายังไง” ศิษย์พี่หน้าแหลมถามด้วยความสงสัย
“ข้าเป็นผู้จารึกแล้ว ดังนั้นก็ต้องเขียนขึ้นมาด้วยตนเองสิ” ลีโอตอบด้วยรอยยิ้ม แต่ใบหน้าของศิษย์พี่หน้าแหลมกลับบึ้งตึงทันที
“เจ้าไปลงทะเบียนผู้จารึกยังไม่ถึงสัปดาห์ แต่กลับเขียนยันต์ไฟได้แล้ว เจ้าคิดว่าข้าโง่เหรอ” ศิษย์พี่หน้าแหลมพูดด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว
“ข้าพูดจริง นี่ข้ายังมีอีก 3 แผ่น” ลีโอหยิบยันต์ไฟออกมา
ศิษย์พี่หน้าแหลมคว้ายันต์ในมือของลีโอมาดู พอมองแล้วทุกแผ่นนั้นมีลายเส้นเหมือนกันไม่มีผิด มันชัดเจนว่าถูกเขียนขึ้นโดยผู้จารึกคนเดียวกัน
“เจ้าพูดจริง” ศิษย์พี่หน้าแหลมไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เห็น
“จริงแท้แน่นอน” ศิษย์พี่หน้าแหลมตอบกลับ
“ลายเส้นน่าเกลียดนัก แต่ก็ดีที่ยันต์นี้ยังทำสำเร็จ” ศิษย์พี่หน้าแหลมกล่าวอย่างไม่ไว้หน้า ก่อนจะวางยันต์ลงอย่างระวังรวมกับอีกแผ่น
ลีโอไม่ได้โกรธ เขารู้ว่าศิษย์พี่หน้าแหลมผู้นี้คงพูดชมใครตรง ๆ ไม่เป็น จึงใช้คำพูดแรง ๆ มากลบเกลื่อนก็เท่านั้น อีกอย่างลายมือในการเขียนภาษาสากลอวกาศของลีโอก็แย่จริง ๆ แม้จะมีความทรงจำด้านภาษาของลีโอคนก่อน แต่ลีโอคนก่อนก็ไม่เคยเขียนภาษาสากลอวกาศด้วยมือ
เพราะส่วนใหญ่ถ้าไม่สั่งด้วยเสียงก็พิมพ์ด้วยมือ ทำให้ไม่เคยเขียนหนังสือจริง ๆ มาก่อน
สุดท้ายลีโอจึงต้องมาฝึกเขียนด้วยมือเอง ยิ่งใช้พู่กันด้วยก็ยิ่งทำให้ดูเละ ๆ เข้าไปอีก แต่อย่างที่อาจารย์หมอผีไบรเซนเคยกล่าวไว้ ‘ไม่ว่าจะเขียนด้วยภาษาใด ถ้าโครงสร้างแห่งจิตที่เจ้าใช้พลังจิตเขียนไว้เป็นไฟ มันก็จะเป็นอักขระวิญญาณไฟ’ ดังนั้นต่อให้อักขระของลีโอจะน่าเกลียดก็ยังเป็นอักขระไฟ
“ถ้าอย่างนั้นนี่คือสิ่งที่เจ้าต้องการจะขายให้กับข้า ถ้าอย่างนั้นข้าจะซื้อมันที่ 50 ดากาซ 4 แผ่นก็ 200 ดากาซ” ศิษย์พี่หน้าแหลมบอกราคากับลีโอ
“ศิษย์พี่ทำไมไม่ได้ 60 ดากาซละ” ลีโอกะพริบตาถามด้วยความไม่เข้าใจ ราคากลางของยันต์ไฟนั้นคือ 60 ดากาซแต่ศิษย์พี่หน้าแหลมกลับบอกแค่ 50 ดากาซเท่านั้น
“เพราะร้านค้าของสถาบันต้องไปขายต่อเพื่อทำกำไรอีก 10 ดากาซยังไงละ ที่จริงแล้วข้าอยากจะหักอีกสัก 2 ดากาซ เพราะลายอักขระของเจ้านั้นน่าเกลียดเกินไป มันคงขายยากถ้าไม่ลดราคา แต่เห็นแก่ว่าเจ้าพึ่งเขียนยันต์สำเร็จเป็นชุดแรกดังนั้นข้าจะอนุโลมให้ในครั้งนี้ก็แล้วกัน” ศิษย์พี่หน้าแหลมกล่าวด้วยความเข้มงวด
“อืม ก็ได้ ข้าตกลงขายในราคานี้ ศิษย์พี่ข้าต้องการแลกดากาซพวกนี้เป็นหมึกพิเศษ 5 ขวดและกระดาษยันต์ 50 แผ่น” ลีโอกล่าว
“เจ้าจะเอาไปทำอะไรตั้ง 50 แผ่น ช่างเถอะเงินของเจ้าก็เรื่องของเจ้า” ศิษย์พี่หน้าแหลมเดินไปหยิบของให้ลีโอทันที
กระดาษยันต์ทั้ง 50 แผ่นนั้นถูกบรรจุอยู่ในกล่องไม้ที่สวยงาม ส่วนหมึกพิเศษ ที่ร้านก็มีขายอยู่แค่คุณภาพเดียว คือคุณภาพที่ต่ำที่สุด เพราะพวกเขาขายให้กับผู้จารึกระดับ 0 เท่านั้น
“กระดาษยันต์ราคาแผ่นละ 1 ดากาซ ส่วนหมึกขวดละ 10 ดากาซ รวมแล้วก็150 ดากาซ เงินที่เหลือของเจ้าคือ 90 ดากาซ” ศิษย์พี่หน้าแหลมส่งของและเงินให้กับลีโอ
“ขอบคุณท่านมาก ถ้าอย่างนั้นศิษย์พี่ข้าขอตัวก่อน” ลีโอกล่าวจบก็รีบหอบเอาของทั้งหมดกลับไปที่ห้องในทันที
...
หลังจากลีโอจากไปไม่นานศิษย์พี่หน้าแหลมก็เอายันต์ไฟของลีโอมาวางขายในชั้นเดียวกับยันต์ไฟราคามาตรฐานที่มีราคา 60 ดากาซ
“ข้าต้องการซื้อยันต์ไฟระดับ 0 ของผู้จารึกเอลม่า 4 แผ่น” หมอผีฝึกหัดร่างใหญ่ผู้หนึ่งเดินเข้ามาหาศิษย์พี่หน้าแหลม
“ราคาแผ่นละ 80 ดากาซ 4 แผ่นก็ 360 ดากาซ” ศิษย์พี่หน้าแหลมหยิบยันต์ไฟของผู้จารึกเอลม่าออกมา
“ทำไมราคาถึงแพงแบบนี้” หมอผีร่างใหญ่ถามออกมา
“ราคาขึ้นอยู่กับความต้องการ มีคนต้องการยันต์ของผู้จารึกเอลม่ามาก เนื่องจากยันต์ไฟของเอลม่าจัดเป็นยันต์ไฟชั้นสูง เจ้าจะเอาไม่เอา ไม่เอาข้าจะไว้ขายให้ผู้อื่น” ศิษย์พี่หน้าแหลมกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ
“เอาก็ได้ แต่แค่ 2 แผ่นพอ แล้วก็เอาของธรรมดามาอีก 2 แผ่น” หมอผีร่างใหญ่พูดอย่างไม่มีทางเลือก เขามีเงินไม่พอซื้อยันต์ระดับ 0 ของเอลม่า
“รอสักครู่”
ศิษย์พี่หน้าแหลมเดินเอายันต์ไฟสองแผ่นไปเก็บและถือโอกาสนี้เอายันต์ไฟของลีโอออกมาขายให้กับหมอผีร่างใหญ่
“ทำไมลายเส้นยันต์สองแผ่นนี้ถึงน่าเกลียดแบบนี้” หมอผีร่างใหญ่ถามด้วยความไม่พอใจ
“เจ้านี่เรื่องมากจริง ๆ ยันต์ก็ขายตามคุณภาพ สองแผ่นนี้ข้าขายให้แค่ 58 ดากาซก็แล้วกัน เอาไม่เอา” ศิษย์พี่หน้าแหลมถามย้ำด้วยน้ำเสียงบีบคั้น
หมอผีร่างใหญ่รู้สึกว่าตัวเองนั้นกำลังโดนหลอกให้ซื้อของมีตำหนิโดยการใช้วิธีลดราคาเข้าล่อ แต่ในเมื่อเขามีเงินไม่มากอยู่แล้วจึงตอบตกลงซื้อ เพราะอย่างไรร้านค้าสถาบันก็ไม่มีทางเอาของเสียหายมาขายแน่นอน
“ก็ได้”
“ทั้งหมด 256 ดากาซ”
ศิษย์พี่หน้าแหลมกล่าวพร้อมกับรับเงินมาอย่างรวดเร็วและส่งของให้กับหมอผีร่างใหญ่ด้วยความเร็วสูง ทำเอาหมอผีร่างใหญ่ถึงกับเดินออกจากร้านอย่างงุนงงกับความเร็วของศิษย์พี่หน้าแหลม
...
สองวันต่อมาหมอผีร่างใหญ่กลับมาอีกครั้งด้วยท่าทางรีบร้อน
“ศิษย์พี่ยันต์อีกสองแผ่นนั้นขายไปหมดหรือยังข้าต้องการซื้อ” หมอผีร่างใหญ่ถามด้วยความกระตือรือร้นและพยายามกวาดตามอง
“หมดแล้ว ทำไมอย่างนั้นเหรอ” ศิษย์พี่หน้าแหลมถามด้วยความสงสัย
หมอผีร่างใหญ่ลังเลว่าจะบอกดีหรือไม่
“บอกมาบางทีข้าอาจจะหาให้เจ้าได้อีก” ศิษย์พี่หน้าแหลมกล่าวขึ้นมา
พอได้ยินแบบนั้นหมอผีร่างใหญ่ก็เลือกจะบอกทันที
“ยันต์สองแผ่นที่ลายเส้นมันน่าเกลียดนั่น ข้าลองเอาไปใช้ในภารกิจมาเมื่อวานนี้ ปรากฏว่าอานุภาพของมันนั้นเทียบเท่ากับยันต์ระดับ 0 ชั้นสูงเลย”
ศิษย์พี่หน้าแหลมรู้สึกประหลาดใจที่ได้ยินแบบนั้น
“เจ้าแน่ใจ” ศิษย์พี่หน้าแหลมถามย้ำ
“แน่ใจสิ เมื่อวานข้าใช้ยันต์สองแผ่น หนึ่งคือของผู้จารึกเอลม่า กับอีกแผ่นคือยันต์ลายเส้นน่าเกลียดนั้น ปรากฏว่ายันต์ลายเส้นน่าเกลียดนั้นกลับแสดงพลังออกมาได้สูงกว่ายันต์ไฟของผู้จารึกเอลม่าอยู่นิดหน่อย ดังนั้นมันต้องเป็นยันต์ชั้นสูงในหมู่ยันต์ระดับเดียวกันแน่นอน”
การแบ่งชั้นของยันต์ คือ การเปรียบเทียบพลังที่ปลดปล่อยออกมาว่าได้มากแค่ไหนในยันต์ระดับเดียวกัน โดยมีแค่ 3 ชั้นคือ
ชั้นมาตรฐานหรือเรียกว่าทั่วไป
ชั้นกลาง
ชั้นสูง
ยันต์ในชั้นสูงนั้นมีราคาแพงและเป็นที่ต้องการ เพราะมันสามารถปลดปล่อยพลังออกมาได้มากกว่ายันต์ชั้นทั่วไปถึงเกือบเท่าตัวเลยทีเดียว แต่ว่าการแบ่งนี้ไม่ได้เป็นทางการนัก เพราะผลของยันต์จะวัดตอนที่ยันต์แสดงออกไปแล้วเท่านั้น
ส่วนใหญ่จึงขึ้นอยู่กับชื่อเสียงของผู้จารึกที่เขียนยันต์ขึ้นมาจะเป็นมาตรฐานบ่งชี้ชั้นของยันต์ชนิดนั้น ๆ ขึ้นมา
“ศิษย์พี่ผู้จารึกคนนี้คือใคร ข้าขอรู้ชื่อของเขาได้หรือไม่” หมอผีร่างยักษ์เอ่ยถามด้วยความสนใจ
“ไว้ข้าจะถามให้ถ้าเขาอยากจะบอกละนะ” ศิษย์พี่หน้าแหลมกล่าว
“ขอบคุณท่านมาก ที่จริงถ้ามียันต์ของเขามาอีกข้าขอซื้อในราคาพิเศษได้ไหม” หมอผีร่างใหญ่ถามอย่างคาดหวัง
ศิษย์พี่หน้าแหลมไม่ได้ตอบ แต่กลับหรี่ตามองและยิ้มออกมา
หมอผีร่างใหญ่รู้คำตอบทันที จึงเดินกลับไปอย่างเสียดายที่ตอนนั้นทำไมตนเองไม่ซื้อยันต์ของผู้จารึกคนนั้นอีก 2 แผ่นมาด้วยกันนะ