ตอนที่ 18 สร้างยันต์ไฟ
ตอนที่ 18 สร้างยันต์ไฟ
ภายในห้องเรียนนั้นไม่ต่างจากที่ลีโอมาครั้งก่อนมากนัก เมื่อเข้ามาลีโอก็เปิดดวงตากวาดมองไปรอบ ๆ เพื่อดูว่าอาจารย์หมอผีไบรเซนได้อยู่ที่นี่หรือไม่
และก็เป็นอย่างที่ลีโอคาดการ เขาเห็นอาจารย์หมอผีไบรเซนใช้อักขระวิญญาณลวงตาหลบซ่อนจากสายตาของหมอผีฝึกหัดยืนอยู่ใจกลางห้องในตำแหน่งเดิม ลีโอไม่ได้มองไปตรง ๆ เพราะกลัวว่าอาจารย์หมอผีไบรเซนจะเห็นเขา
แต่ว่าทันทีที่ลีโอเข้ามาอาจารย์หมอผีไบรเซนก็รู้สึกประหลาดใจอยู่ไม่น้อยที่เห็นลีโอในคาบเรียนนี้ เนื่องจากลีโอนั้นเป็นยิ่งกว่ามือใหม่ เป็นเพียงหมอผีฝึกหัดระดับ 1 เท่านั้น มีที่นี่อีก
‘เด็กคนนี้แปลกนัก เป็นหมอผีระดับ 1 แต่ยังมาเรียนการจารึกในอักขระวิญญาณไฟหรือว่าเขาเข้าใจโครงสร้างแห่งจิตของอักขระวิญญาณไฟแล้ว...ไม่น่าจะเป็นไปได้? เด็กนี่พึ่งเรียนคาบแรกกับข้าเมื่อสี่ห้าวันที่แล้วเท่านั้น แถมยังเป็นแค่หมอผีฝึกหัดระดับ 1 ที่มีพรสวรรค์เพียงระดับ 2 เท่านั้น’
‘ระดับ 2 หืม...ความเร็วในการเป็นหมอผีฝึกหัดของเด็กคนนี้น่าสนใจไม่น้อย ดูเหมือนเขาจะฝึกได้เร็วกว่าศิษย์ที่มีพรสวรรค์ระดับ 2 ด้วยกันเอง ถ้าอย่างนั้นการไม่แจ้งเรื่องที่ตนเองเป็นหมอผีเพื่อเอาผ้าคลุมก็คงเพราะเขาฝึกเร็วเกินไปสินะ หรือว่าเด็กคนนี้จะมีสายเลือดของผู้สื่อวิญญาณ แต่ในครั้งที่ดูข้อมูลของเขาก็คงธรรมดา คงต้องตรวจสอบทีหลัง ถ้าเขามีสายเลือดของผู้สื่อวิญญาณจริง ๆ ข้าจะรับเขาเป็นศิษย์ส่วนตัวทันที’
‘ศิษย์ที่มีสายเลือดผู้สื่อวิญญาณ’ อาจารย์หมอผีไบรเซนคิดและหรี่ตาลงด้วยความคาดหวัง
ลีโอไม่รู้เลยว่าเขากำลังโดนเพ่งเล็งจากอาจารย์หมอผีไบรเซน ซึ่งก็เป็นเช่นเดียวกับที่อาจารย์หมอผีไม่รู้ว่าลีโอนั้นได้แอบศึกษาอักขระวิญญาณลวงตาของตนเช่นกัน
คาบเรียนก่อนลีโอยังไม่อาจจะมองโครงสร้างของอักขระวิญญาณลวงตาออกทั้งหมด ลีโอจึงไม่อยากพลาดโอกาสในการศึกษาโครงสร้างอักขระวิญญาณลวงตาที่อยู่ตรงหน้า
อาจารย์หมอผีไบรเซนเห็นว่าทุกคนเข้ามาจนครบแล้วเขาก็ทำการเปิดตัวเหมือนเช่นเคย จากนั้นก็กล่าวทักทาย แต่ไม่มากมายเหมือนคาบเรียนแรก เพราะหมอผีฝึกหัดที่เข้ามาเรียนส่วนใหญ่นั้นต่างก็คุ้นหน้าคุ้นตากันอยู่แล้ว
“พวกเจ้าทั้งหมดนี้คงเข้าใจเรื่องของอักขระวิญญาณไฟมาบ้าง ดังนั้นข้าจะเข้าไปที่เรื่องของการสร้างยันต์ไฟเลยก็แล้วกัน ในหมู่ของพวกเจ้าใครรู้บ้างว่ายันต์ไฟคือสิ่งใด?” อาจารย์หมอผีไบรเซนเปิดประเด็นด้วยคำถาม
“ท่านอาจารย์ข้าพอทราบ ยันต์ ก็คือคำเรียกของวิธีการจารึกอักขระวิญญาณไฟลงในกระดาษ เพื่อให้ผู้อื่นที่ไม่ใช่ผู้จารึกสามารถใช้งานได้” หมอผีฝึกหัดระดับ 3 ยกมือตอบคำถาม
อาจารย์หมอผีไบรเซนพยักหน้าให้ด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะพูดต่อว่า “ดีมาก เจ้าคือลูกศิษย์ของเปาคาลสินะ”
“ใช่ขอรับ ข้านามว่า ซานเดอร์ ศิษย์ส่วนตัวของท่านอาจารย์เปาคาล” ซานเดอร์กล่าวแนะนำตัวเองอย่างนอบน้อม
“เปาคาลมีลูกศิษย์ที่ดี ไม่เพียงเป็นอัจฉริยะด้านปรุงยา ยังเรียนรู้ด้านจารึกด้วย” อาจารย์หมอผีไบรเซนกล่าวชื่นชมออกหน้า
“ขอบคุณท่านอาจารย์หมอผีไบรเซนที่กล่าวชม” ซานเดอร์ขอบคุณด้วยความยินดี การได้รับคำชมของอาจารย์หมอผีไบรเซนมีความหมายกับเขามาก
ลีโอฟังการสนทนาเงียบ ๆ เขาเคยได้ยินชื่อของอาจารย์หมอผีเปาคาล เขาคือหนึ่งในหมอผีนักปรุงยาที่สำคัญของสถาบันเอลาเดีย
และยังเคยเห็นชื่อของซานเดอร์ศิษย์ส่วนตัวที่เป็นหมอผีฝึกหัดด้วย เพราะมีข่าวลือว่าคนผู้นี้เก่งกาจมาก มีพรสวรรค์ระดับ 5 มีฉายาว่านักปรุงยาอัจฉริยะและยังเก่งกาจในการต่อสู้ด้วยน้ำมนต์และวิชาดาบอาคม
แถมยังมีใบหน้าและรูปร่างที่หล่อเหลาเป็นอย่างยิ่ง ขนาดที่สามารถเป็นดาราในระดับอวกาศได้เลยด้วย
‘ดูเหมือนคำเล่าลือจะยังน้อยไป เขายังเก่งกาจในด้านผู้จารึกด้วย คนผู้นี้มีความสามารถยิ่งกว่าฟลอยด์ซะอีก’ ลีโอมองไปยังซานเดอร์ เหมือนที่หมอผีคนอื่น ๆ มอง
อาจารย์หมอผีไบรเซนกล่าวต่อว่า
“ยันต์คือการเขียนอักขระวิญญาณไฟลงไปในกระดาษ แต่ว่ามันไม่เพียงเพื่อให้ผู้อื่นใช้ แต่ยังรวมถึงหมอผีผู้จารึกอย่างเราใช้งานด้วย เพราะไม่ต้องมาคอยเขียนยันต์ใหม่ เพียงหยิบมาใช้พลังจิตกระตุ้นก็ใช้งานได้เลย”
“คำถามของเจ้าควรที่ถามต่อมาว่า ทำอย่างไรจึงจะสามารถใส่อักขระวิญญาณลงในกระดาษหรือวัตถุได้จริงไหม”
ทุกคนพยักหน้าเฝ้ารอคำตอบของคำถาม
ลีโอเองก็อยากจะรู้ เพราะว่าหลังจากที่เขียนอักขระวิญญาณไฟแล้วมันก็จะทำงานในทันที ซึ่งเขาคิดถึงปัญหานี้อยู่เหมือนกัน
อาจารย์หมอผีไบรเซนอธิบายในข้อสงสัยต่อ
“เมื่อได้โครงสร้างแห่งจิตของอักขระวิญญาณสำเร็จแล้ว พวกเจ้าจะต้องทำการสร้างสมดุลแห่งจิตขึ้นมาในอักขระวิญญาณ แบบนี้ก็จะทำให้อักขระวิญญาณไม่ทำงาน เมื่อมีพลังจิตมากระตุ้นอักขระวิญญาณของยันต์อาคมก็จะทำงานด้วยตัวของมันเอง แต่ว่าสิ่งสำคัญนั้นคืออย่าให้อักขระวิญญาณสูญเสียอนุภาควิญญาณไป เพราะเมื่อใดที่อักขระวิญญาณเสียอนุภาควิญญาณไปมันก็จะเป็นแค่เพียงของที่เสียหาย”
อาจารย์หมอผีไบรเซนเดินไปยังหน้าโต๊ะโลหะที่มีอุปกรณ์จารึกวางอยู่ เขาเริ่มอธิบายถึงของแต่ละชิ้น
“อุปกรณ์ที่อยู่บนโต๊ะเป็นอุปกรณ์ผู้จารึก สิ่งแรกคือพู่กัน พู่กันนั้นคล้ายกับอาวุธอาคมตรงที่ตัวของมันมีส่วนผสมของโลหะสื่อวิญญาณอยู่เล็กน้อย ดังนั้นการเขียนยันต์ที่มีระดับสูงขึ้นไปก็ควรจะหาพู่กันที่มีโลหะสื่อวิญญาณมากขึ้น เพื่อให้การส่งพลังเป็นไปได้อย่างราบรื่น แต่ในระดับ 0 พวกนี้เพียงพอแล้ว” อาจารย์หมอผีไบรเซนหยิบพู่กันมาวางด้านหน้า ก่อนจะยื่นมือไปหยิบของต่อไป
“กระดาษยันต์ ที่จริงแล้วสามารถใช้อะไรก็ได้มารองรับโครงสร้างแห่งจิตของอักขระวิญญาณ แต่ว่าที่ผู้จารึกนิยมใช้กระดาษยันต์นั้นเพราะพกพาและใช้งานได้สะดวก เมื่อก่อนจะเป็นกระดาษทั่ว ๆ ไป แต่เดียวนี้มีการพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์เข้ามาใช้ในศาสตร์แห่งหมอผี จึงมีการผลิตกระดาษยันต์ที่ทนทานมากขึ้นไม่ว่าจะน้ำ ไฟหรือการฉีกขาดก็ยากจะทำให้เสียหาย” อาจารย์หมอผีไบรเซนวางกระดาษยันย์สีเหลืองทองตรงหน้า
“ต่อไปหมึก หมึกเหล่านี้คือหมึกพิเศษที่ผสมกับเลือดของสัตว์และยื้อของต้นสมุนไพรที่ชื่อว่าบัวดาราทมิฬ ทำให้หมึกนี้ทนทาน ตามทฤษฎีลายหมึกที่เขียนลงไปสามารถอยู่ได้พันปี”
“ส่วนสุดท้ายคือ แผ่นโลหะพิธีกรรม ในขั้นตอนเขียนยันต์จะไม่ใช้พวกมัน แต่จะใช้ในการจารึกอักขระวิญญาณลงอาวุธอาคมที่ต้องใช้ในการประกอบพิธีกรรม”
อาจารย์หมอผีไบรเซนวางแผ่นโลหะพิธีกรรมแยกออกไปข้าง ๆ
“ข้าจะทำการเขียนยันต์ไฟระดับ 0 โดยใช้อักขระวิญญาณไฟเขียนยันต์ไฟให้พวกเจ้าทุกคนได้ดูก่อน”
มือของอาจารย์หมอผีไบรเซนหยิบพู่กันขึ้นมาจุ่มลงไปในหมึกก่อนจะเริ่มลากเส้น ทุกคนใช้จิตสัมผัสถึงอนุภาควิญญาณและการเปลี่ยนแปลงในลายเส้น ถึงโครงสร้างแห่งจิตของอักขระวิญญาณไฟ
ด้านในเต็มไปด้วยโครงสร้างแห่งจิตของอักขระวิญญาณไฟ ยังไม่ทันที่จะได้เริ่มทำตามรูปแบบของมัน ก็ถูกยับยังด้วยการใช้พลังจิตที่เข้าไปรักษาสมดุลได้อย่างง่ายดาย พริบตานั้นโครงสร้างแห่งจิตก็มั่นคง
ลีโอในตอนนี้เขาเพ่งสมาธิทั้งหมดไปที่ขั้นตอนนี้ การรักษาสมดุลและการควบคุมพลังจิตในระดับที่ละเอียดอ่อนที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมาเลย
พลังจิตของอาจารย์หมอผีไบรเซนเป็นเหมือนเข็มขนาดเล็กนับพันนับหมื่นที่เคลื่อนเข้าหาโครงสร้างแห่งจิตที่ไม่สมดุล เข็มเหล่านั้นเข้าไปปิดและปรับเปลี่ยนจุดตำหนิเหล่านั้นให้สมดุลมาสมดุล
ทำให้โครงสร้างเหล่านั้นกลับมามั่นคงได้อย่างรวดเร็ว เรียกได้ว่าสมบูรณ์และหมดจด
‘สามารถใช้พลังจิตทำเช่นนี้ได้ด้วยเหรอ สมแล้วที่เป็นหมอผีแท้จริง’ ลีโอรู้สึกเหมือนได้เปิดโลกอีกครั้ง เขาจดจ้องอย่างหลงใหลในการควบคุมพลังจิตของอาจารย์หมอผีไบรเซน
เพียงไม่กี่นาทีอาจารย์หมอผีไบรเซนก็เขียนยันต์ไฟก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว
“ที่คือยันต์ไฟที่เสร็จสมบูรณ์ โดยปกติแล้วอัตราความสำเร็จในการเขียนยันต์ไฟของผู้จารึกระดับ 0 จะอยู่ที่ 4 ใน 10 ครั้ง และยันต์ไฟไม่ต้องผ่านพิธีกรรมใด ๆ” อาจารย์หมอผีไบรเซนอธิบายให้ฟังพร้อมกับหยิบยันต์ไฟขึ้นมาให้ทุกคนได้มองดู
ทุกคนจ้องมองด้วยความรู้สึกตื่นเต้น
“เอาละข้าทำให้ดูแล้วพวกเจ้าลองทำดู ในระหว่างนี้ข้าจะคอยให้คำแนะนำพวกเจ้าด้วยตนเอง”
“ขอรับท่านอาจารย์”
ทุกคนขานรับด้วยความกระตือรือร้น พากันหยิบจับเอาอุปกรณ์จารึกของตนเองออกมาจัดเรียงที่โต๊ะด้านหน้าของตน จากนั้นก็ลงมือเขียนยันต์อย่างตั้งอกตั้งใจ
อาจารย์หมอผีไบรเซนก้าวเดินอย่างช้า ๆ คอยกวาดสายตาและมองดูเหล่าลูกศิษย์ เขายังคงให้คำแนะนำเล็ก ๆ น้อย ๆ แก่ศิษย์
“โครงสร้างของเจ้าผิดพลาด ปรับเปลี่ยนมันก่อนแล้วค่อยลงมือเขียน”
“โครงสร้างแห่งจิตของเจ้าก็ไม่สมบูรณ์ ไฟ นั้นคือแผดเผา อย่างได้เอาโครงสร้างแห่งจิตของอักขระวิญญาณไม้มาเกี่ยวข้อง”
“หมึกของเจ้าลงหนักไป”
“พลังจิตของเจ้ายังไม่ละเอียดพอ อย่าฝืนไม่อย่างนั้นหน้าเจ้าอาจจะมีแผลเป็นของไฟได้”
อาจารย์หมอผีไบรเซนแนะนำจุดผิดพลาดของแต่ละคนอย่างตั้งใจ ในตอนนี้ยังไม่มีใครเขียนยันต์ได้สำเร็จสักคนเดียว ซึ่งแสดงให้เห็นว่าแม้จะรู้หลักการและวิธี แต่พอลงมือปฏิบัตินั้นกลับยากยิ่ง ต้องอาศัยทั้งประสบการณ์ ความชำนาญและความรู้ จึงจะสามารถเขียนยันต์ออกมาได้
อาจารย์หมอผีไบรเซนเดินมาถึงซานเดอร์ก็กล่าวแนะนำอย่างใจเย็น
“อืมดีมาก พลังจิตของเจ้านั้นละเอียดอ่อนมากจริง ๆ สามารถรักษาสมดุลของโครงสร้างแห่งพลังจิตได้ดีมาก แต่ว่าตัวของโครงสร้างแห่งจิตของอักขระวิญญาณในยันต์ของเจ้านั้นยังไม่ดีมากนัก มันจะทนไม่ได้จนถึงขั้นตอนที่เสร็จสิ้น เจ้าต้องเริ่มจากทำให้โครงสร้างแห่งจิตของยันต์สมบูรณ์ก่อนแล้ว”
“ขอบคุณท่านอาจารย์หมอผีไบรเซน ข้าจะลองเริ่มใหม่อีกครั้ง”
ซานเดอร์ตอบกลับและหยุดมือ เขาเริ่มทำความเข้าใจถึงจุดผิดพลาดของอักขระวิญญาณไฟของตนเอง จากนั้นก็แก้ไขโดยไม่ลังเลใด ๆ
อาจารย์หมอผีไบรเซนพยักหน้าอย่างพอใจต่อซานเดอร์ที่กล้ายอมรับข้อผิดพลาดของตนและไม่ลังเลที่จะแก้ไขในความผิดนั้น ๆ ทันที สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ทำให้ซานเดอร์นั้นกลายเป็นคนที่ประสบความสำเร็จได้ถึงทุกวันนี้
“หืม เด็กนั้นยังไม่ลงมือเขียน” อาจารย์หมอผีไบรเซนเหลือบไปเห็นว่าลีโอนั้นยังคงนั่งนิ่งดวงตาทั้งสองนั้นปิดลง ใบหน้าเต็มไปด้วยความตึงเครียดราวกับว่าเขากำลังเจอกับปัญหาที่ยากจะแก้ไข