ตอนที่ 965 ข้าก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน
หน้าของเย่ว์หยางปรากฏรอยยิ้มที่ผิดไปจากธรรมดา
เขาไม่เพียงแต่ยิ้มเท่านั้นแต่ยังปรบมืออีกด้วย
เขาปรบมือถอนหายใจ “เป็นครั้งแรกเชียวนะที่ข้าพบว่ามีคนใส่ใจถึงข้า เข้าใจข้าเพียงนี้แต่น่าเสียดายจริงถ้าเจ้าเป็นสุดยอดหญิงงาม นั่นจะเป็นเรื่องยอดเยี่ยมเพียงไหน!” หมิงลี่ฮ่าวแทบจะทรุดลงกับพื้น นี่เขายังพูดถึงเรื่องพรรค์นั้นอยู่อีกหรือ? ลูกพี่! ศัตรูมาเคาะประตูถึงหน้าบ้านแล้วนี่เขายังคิดถึงเรื่องผู้หญิงงาม เรื่องปล้ำผู้หญิงอีกหรือ? สมองของเขามีแต่เรื่องนี้หรือยังไง?
นอกจากหมิงลี่ฮ่าวเตรียมตัวตายแล้วคนอื่นๆ อย่างเช่นจักรพรรดิเฟิ่นนิ่วและจักรพรรดิเสิ่นกวงตกใจกับสถานะของเย่ว์หยาง
คิดไม่ถึงเลยว่าจ้าวสุริยาไม่ยอมแม้แต่จะมองดูหมิงลี่ฮ่าว แต่เขากลับให้ความสนใจคุณชายไตตันผู้ไร้ชื่อเสียง!
เด็กคนนี้คือจักรพรรดิอวี้รุ่นใหม่แห่งหอทงเทียนหรือ? เขาเอาชนะซิวคงและจิ่วเซียวในสามจอมภพแดนสวรรค์ได้หรือ? เขาได้รับตกทอดของวิเศษจากจักรพรรดิอวี้หรือ? ทั้งยังเป็นศิษย์ของนางพญาผู้พิชิตจริงหรือ?
ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะจ้าวสุริยานั่นนับเป็นเรื่องคาดไม่ถึงจริงๆ!
เด็กคนนี้เก็บซ่อนสถานตัวตนไว้อย่างมิดชิดมากพอ!
จงกวนและผู้คุ้มกันคนอื่นรู้สถานะของเย่ว์หยางแต่ก็ยังรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่สำคัญพวกเขาไม่รู้ว่าเย่ว์หยางเป็นศิษย์ของนางพญาผู้พิชิตและไม่ค่อยเห็นเย่ว์หยางใช้ของวิเศษสามอย่างที่ได้รับตกทอดจากจักรพรรดิอวี้ จะมีก็เคยเห็นแต่ดาบเทพจักรพรรดิอวี้ในมือขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน สำหรับผู้ที่เพิ่งเข้ามาร่วมงานอย่างฟงจีและจินหวินถึงกับตะลึงทำอะไรไม่ถูก คุณชายไตตันผู้นี้แข็งแกร่งผิดธรรมดาจริงๆจ้าวสุริยาแห่งตำหนักสุริยเทพถึงกับต้องมาด้วยตนเองอย่างคาดไม่ถึง ทั้งไม่กล้าลงมือในทันที ข่าวบ้าๆ เช่นนี้นับว่าพิเศษสุดจริงๆ?
จักรพรรดิอวี้รุ่นใหม่แห่งหอทงเทียนอย่างนั้นหรือ?สมองของหัวหน้าจินฟันทองและหัวหน้าพ่อบ้านเย่ไม่สามารถรับแรงกระทบกระเทือนจากความจริงสะท้านโลกนี้ได้ พวกเขานัยน์ตาเหลือกขาวหมดสติล้มลงทันที
ราชาชิงหลางและคนอื่นๆ ขยี้เท้าขัดใจพวกเขาอยากจะรวมอยู่ในกลุ่มของเด็กหนุ่มผู้ไม่ธรรมดานี้
ช่างโง่เหลือเกินที่พวกเขาไม่รู้อะไร
ความจริงแม้แต่จอมหักหลังผู้เฒ่าเครายาว บัณฑิตซือเหรินและคนอื่นที่เข้าร่วมในแผนการก็ดูสับสนเล็กน้อยเช่นกัน พวกเขารู้จักจักรพรรดิแดนดินทั้งสาม แต่ไม่คิดเลยว่าเป้าหมายที่แท้จริงของจ้าวสุริยาต้องการตกปลาใหญ่อย่างเย่ว์หยาง...อะไรนะ... จักรพรรดิอวี้รุ่นใหม่ ศิษย์ของนางพญาผู้พิชิต ที่เคยบุกมาแดนสวรรค์น่ะหรือ? นอกจากนี้ยังมีหมิงลี่ฮ่าวผู้แข็งแกร่งอยู่ข้างตัวเขา
ถ้าไม่ใช่เพราะมีจ้าวสุริยามานั่งสั่งการด้วยตนเอง ต่อให้มีราชาเฉินม่อ พระยาราชสีห์ ราชาจินกวน และราชาสองหน้าพลังของสี่ราชาอาจไม่พอสู้ได้เช่นกัน
โชคดีที่มีจ้าวสุริยาที่ฉลาดและแข็งแกร่งมากกว่ามาด้วยตนเอง
บัณฑิตซือเหรินและแปดขุนพลบริวารก็รู้สึกเช่นนั้นพวกเขาอดร้องหวาดเสียวในใจไม่ได้
“ตราบเท่าที่คุณชายไตตันยินดีไปเป็นอาคันตุกะของตำหนักเทพสุริยะของข้าข้าเชื่อว่าแม้แต่ตงฟางแห่งตำหนักใหญ่ก็คงยินดีต้อนรับ” จ้าวสุริยาเปิดโอกาสเล็กน้อย
“ในทางกลับกันถ้าจ้าวสุริยายินดีไปเป็นอาคันตุกะของหอทงเทียนเรานางพญาเฟ่ยเหวินหลีจะปฏิบัติต่ออีกฝ่ายเหมือนอย่างอาคันตุกะผู้ทรงเกียรติเช่นกัน” เย่ว์หยางหัวเราะลั่นพลางกล่าว“ตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ ข้าอยากไปมานานแล้ว แต่ข้ายังไม่ได้เตรียมของขวัญไว้ให้พร้อม จักรพรรดิอวี้รุ่นใหม่แห่งหอทงเทียนไม่อาจมีมือเปล่าไปแสดงความจริงใจได้! จะเป็นยังไงถ้าพวกเจ้าชาวดินแดนชั้นบนหัวเราะเยาะเราชาวบ้านนอกว่าไม่รู้มารยาทธรรมเนียม? ต้องทราบไว้นะว่าแม้ว่าชาวชนบทอย่างเราจะยากจนแต่ก็มิกล้าอาจเอื้อมขึ้นไปดื่มกินให้รกนัยน์ตาของพวกเจ้าเสียเปล่าๆ นอกจากนี้สภาพแวดล้อมดั้งเดิมกำลังเป็นที่นิยมในขณะนี้ ทำไมเจ้าถึงไม่ละทิ้งความหน้าซื่อใจคดและความยุติธรรมจอมปลอมน่าเบื่อหน่ายของพวกเจ้าไปเที่ยวดินแดนของเราเล่า เราเปลี่ยนแปลงปฏิรูปและเปิดประเทศมาหลายปีแล้ว ตอนนี้ชนบทประเทศข้างเคียงเกิดขึ้นใหม่มีการเปลี่ยนแปลงมากมาย และที่สำคัญก็คือ คุกจองจำของเรามีการพัฒนาก้าวหน้าเจ้าลองไปใช้ชีวิตสักครั้งรับรองจะติดใจจนลืมหน้าที่การงานบ้านเก่า จนไม่อยากจะกลับบ้านอีกต่อไป!”
“ไม่เลว ไม่เลว ข้าจะหาเวลาไปเยี่ยมชมในภายหลัง”จ้าวสุริยาไม่โกรธราวกับว่าไม่ได้ยินคำถากถางของเย่ว์หยาง
“ที่แท้เจ้ามาจากหอทงเทียนนี่เอง แค่ก แค่ก...” จู่ๆคุณชายฉางฟงที่ใกล้จะตายเอ่ยปากขึ้น
“แล้วเจ้าเล่า?” เย่ว์หยางขมวดคิ้วทำเป็นพยายามนึกถึงสถานะของอีกฝ่าย
“เขาคือคุณชายฉางฟงที่เจ้าอ้างว่าเป็นสหายกับเขาไงเล่า” หมิงลี่ฮ่าวไม่สามารถทนดูการอวดดีสุดโต่งของเจ้าสวะนี่มิได้ เขาอธิบายให้กับเย่ว์หยางในลักษณะคนที่ร่วมมือกัน แต่เพราะเป็นบทใจร้ายเกินไปเขาจึงรู้สึกหดหู่และเจ็บปวด
“อ๊า...” เย่ว์หยางนึกได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้นเขาพยักหน้าจากนั้นส่ายศีรษะ และพูดอย่างมั่นใจ “เป็นไปไม่ได้ ข้ารู้จักแต่ชายหล่อหญิงงามเท่านั้น!”
“พูดอย่างนี้ค่อยเหมือนคนขึ้นมาบ้าง” หมิงลี่ฮ่าวเห็นด้วยกับคำพูดเย่ว์หยางเป็นครั้งแรก
จงกวนที่หวาดกลัวจนหัวหด ค่อยกล้ายืดอก
ทุกคนแม้จะไม่หวีสาง
พอส่องมองดูในกระจก
ทุกคนส่องดูหน้าตัวเองก็เข้าตัวเองว่าเช้านี้หล่อมากสวยมาก
ตรงกันข้ามบุรุษผมงูตู๋กูฉางฟงที่อยู่ในเงื้อมมือของจ้าวสุริยาพยายามกล้ำกลืนเขาไอเล็กน้อยก่อนจะสบถด่า “ข้าไม่ใช่สวะริมทาง คุณชายอย่างข้ามองดูเหมือนคนรูปงามไหมเล่า? ไปตายเสียให้หมดอย่านึกว่าเจ้าพูดเรื่องไร้สาระจะขจัดความสัมพันธ์ของเราได้ จ้าวสุริยาเป็นใคร? เจ้าโง่ ไม่ว่าเจ้าจะพูดยังไงก็ตามคุณชายอย่างข้าจะต้องตายวันนี้แน่นอน มีแต่เจ้าที่ยังโง่อยู่!”
คำพูดประโยคสุดท้ายของบุรุษผมงูมีเสียงไอปะปนเล็กน้อย
เขาไม่คิดว่าในเวลานี้เย่ว์หยางต้องการใช้วิธีผูกมัดแย่ๆเพื่อช่วยเขาเอง...เขารู้ว่านี่เป็นไปไม่ได้ จ้าวสุริยาไม่ใช่คนที่เปลี่ยนใจได้ง่าย ไม่สำคัญว่าจะมีความสัมพันธ์เช่นไร เมื่อปรากฏตัวที่นี่ก็ต้องตายทั้งหมด
อย่างไรก็ตามการที่เย่ว์หยางเคลื่อนไหวเช่นนั้นแม้ว่าจะเป็นกลยุทธอุบายที่ไม่เข้าท่า แต่ก็ทำให้เขาซาบซึ้งใจเล็กน้อย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขามีคุณสมบัติใดที่จะเป็นสหายกับเด็กน้อยนี่ก่อนตาย?
จ้าวสุริยาได้ยินคำพูดของตู๋กูฉางฟงแล้ว
สีหน้าของเขายังคงสงบ
ไม่โกรธแม้แต่น้อย
เขาพยักหน้าพร้อมกับยิ้ม “เมื่อข้ามองหาสิ่งหนึ่งอยู่ การเปลี่ยนใจไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนตอนที่ข้าสงสัยคุณชายไตตันข้าต้องใช้เวลาหลายปีกว่าจะได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนลงแรงมหาศาล และเนื่องจากความเพียรและอดทนที่เพียงพอจนกระทั่งได้เวลาเก็บเกี่ยวดอกผลครั้งสุดท้าย”
“ดูเหมือนว่าเจ้าจะมั่นใจนักใช่ไหม?” เย่ว์หยางวกกลับเข้าประเด็นหลักข้อสนทนาและถามอย่างลี้ลับ “เมื่อเจ้ามั่นใจนัก จะยืนเฉยอยู่ทำไม?”
“จะจัดการกับคู่ต่อสู้ที่ยากลำบากอย่างเจ้า ผู้ที่แพ้เจ้าเกือบทั้งหมดมีโอกาสชนะเจ้าและมีกำลังมากกว่า เป็นเพราะความประมาทมองข้ามรายละเอียดบางอย่างและข้อบกพร่องถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดจึงสูญเปล่า ข้าเห็นเรื่องเช่นนี้มาหลายครั้ง พลาดท่าเพียงครั้งเดียวอาจต้องเสียใจอย่างยาวนานไม่อาจกอบกู้ได้อีก สิ่งที่เกิดขึ้นครั้งเดียวไม่อาจย้อนกลับไปทำได้อีก ดังนั้นไม่ว่าข้าจะมั่นใจแค่ไหนข้าจะต้องระมัดระวังพยายามอย่างเต็มที่ตรวจสอบอย่างรอบคอบเพื่อให้แน่ใจว่าชัยชนะสุดท้ายจะไม่พลาดล้มเหลว นอกจากนี้ตามข้อมูลข่าวกรองของข้าคุณชายไตตันเจ้า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องพลัง, ความคิด หรือโชค เจ้าคือผู้เชี่ยวชาญศัตรูที่ทรงพลังหลายคนต้องตายไปภายใต้พลังของเจ้าหรือไม่ก็ล้มเหลวจากการคำนวณของเจ้าแม้ว่าเจ้าจะมีคู่ต่อสู้ที่คำนวณคาดการณ์ได้ยากขนาดไหนอย่างเช่นจักรพรรดินีฟ้าแห่งเผ่าเก้าแสง เจ้าก็ยังมีโชคดีพอส่งนางลงสู่ก้นบึ้งแห่งความล้มเหลวได้”
“ดังนั้นข้าจะประมาทคู่ต่อสู้อย่างเจ้าได้อย่างไร!”
คำพูดของจ้าวสุริยาพูดออกมาจากใจจริง
อาจกล่าวได้ว่าเปิดใจพูด
อย่างตรงไปตรงมา
อย่างไรก็ตามหมิงลี่ฮ่าวได้ยินแล้วกลับหลั่งเหงื่อเต็มหน้าผาก ตัวต่อตัว... บัดซบ...โลกมียอดฝีมือที่แข็งแกร่งเกินไปอย่างจ้าวสุริยาได้ยังไง? ทั้งพลังทั้งความคิดคู่ต่อสู้ของเขายังจะมีชีวิตรอดอยู่ได้อย่างไร?
บุรุษผมงูยิ้มมุมปากอย่างขมขื่น เมื่อเทียบกับจ้าวสุริยาแล้วเขาซึ่งเป็นลูกหลานจากแดนสวรรค์บนกลายเป็นเด็กไปทันที
ไม่มีทางจะเอาชนะได้!
จักรพรรดิเฟิ่นนิ่วและจักรพรรดิเสิ่นกวงยืนอยู่ใกล้จ้าวสุริยา ยังคงมีความรู้สึกในใจเล็กน้อย
เย่ว์หยางยังคงยิ้มเหมือนเดิม เพียงแต่รอยยิ้มของเขาฝืดเล็กน้อย
เขาพยายามผ่อนคลายมืออย่างดีที่สุด
ไม่กล้าแม้แต่จะกำหมัด
เพราะเขากลัวว่าถ้าเขากำหมัด คงจะอดสั่นไม่ได้
ถ้านางพญาเฟ่ยเหวินหลีหรือจื้อจุนอยู่ที่นี่เย่ว์หยางคงจะร้องโวยวายออกมาแน่นอน เทพเจ้าตนใดหนอกออกแบบเกมแบบไหนมาให้เขาเล่นโดยไม่เหลือความสนุกให้เขาบ้างเลย เราคุณชายอุตส่าห์ยกระดับเป็นผู้เล่นระดับสูงภายในไม่กี่วันแต่ก็ยังห่างไกลจากพลังเต็มพิกัด ถ้าต้องตายแล้วยังจะมีนักบวชหลายร้อยคนมาช่วยให้คืนชีพหรือไม่? เฮ้อ...นี่มันเรื่องคอขาดบาดตาย..แต่นางพญาเฟ่ยเหวินหลียังออกมาจากผนึกหลุมดำไม่ได้ จื้อจุนก็ไม่อยู่ที่นั่น แค่มีสักคนก็ไม่ตายแล้วและเย่ว์หยางก็เข้าใจขึ้นมาบ้าง จักรพรรดิอวี้เศร้าใจแค่ไหนเมื่อต้องตายตามลำพัง!
ถ้ามีความสามารถแบกรับภาระได้เขาจะไม่ทำเช่นนั้น
เย่ว์หยางควรจะออกไปทันทีแต่ทำไม่ได้ ตอนนี้สถานการณ์ไม่อนุญาตให้เย่ว์หยางจากไปได้ เขาไม่มีทางรอดพ้นจากการโจมตีของจ้าวสุริยาได้ เพราะคนผู้นี้จับตามองเขามาตลอดในช่วงไม่กี่ปีนี้แค่ลับมีดรอคอย คิดจะหนีไปไม่ใช่เรื่องง่าย
“ไป หนีไปซะ” จู่ๆหมิงลี่ฮ่าวยิ้มและตบไหล่เย่ว์หยาง พลังของเขาแทบทำให้เย่ว์หยางทรุด “ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้นหนีไปทันที ไปหาที่ซ่อนตัว รอจนแข็งแกร่งเพียงพอค่อยกลับมาแก้แค้นให้เราสุดท้าย..ถ้าเจ้ากล้ารังแกน้องสาวข้า ข้าไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่!”
“หนีไปคุณชาย! เราเป็นแค่มดแมลง!” จงกวนและผู้คุ้มกันชั้นล่างๆ รวมทั้งฟงจีและจินหวินที่เพิ่งเข้ามาร่วมงานพวกเขาไม่ลังเลเช่นกัน
“เราตายที่นี่ ไม่มีอะไรต้องเสียใจ เราได้เห็นร่างเทพสมใจแล้ว”ฮัวปันและเฟยหวงพูดเสริม
“จำเอาไว้ ขอให้คงประเพณี (รับน้อง) ดีๆ เอาไว้แม้ว่าเราจะเสียเปรียบ แต่นั่นเป็นประเพณีที่ดีจริงๆ” ไป๋หม่า เฮยถูยังติดใจชื่นชมประเพณีรับน้องใหม่
“หุบปาก พวกเจ้าช่างน่ารำคาญขัดหูขัดตาข้ายิ่งนัก ข้ายังไม่ทันพูดอะไรเลย พวกเจ้าก็เอาแต่ผายลมให้ข้าฟัง” เย่ว์หยางล้วงเข็มทิศสามพิภพออกมาวางข้างหน้าหมิงลี่ฮ่าว “อย่ามอง! ฝ่ายตรงข้ามคำนวณจุดนี้ไว้แล้ว ตอนนี้มีพลังกฎสวรรค์ป้องกันการเทเลพอร์ตไว้ เจ้าหนีไปได้ไหม? ถ้าเจ้าหนีไปได้ข้าจะไม่พูดเรื่องไร้สาระอะไรของเจ้าอีกเลย!”
“ข้ามักจะรู้สึกว่าคุณชายไตตันจะมีอุบายความคิดที่น่ากลัวที่ยังไม่ได้ใช้ออกมาไม่อย่างนั้นคงสงบใจไม่ได้แน่นอน” จ้าวสุริยายิ้มทันที “ข้าเดาไม่ออกความมั่นใจสุดท้ายของคุณชายไตตันคืออะไรแต่นั่นไม่ใช่ของหลอกลวงแน่นอน นั่นคือเหตุผลที่ข้าต้องระมัดระวัง!”
“ถ้าเจ้าปล่อยให้เราคุณชายจับได้ข้าจะเฉือนเนื้อเจ้าทีละชิ้นๆ” เย่ว์หยางไม่เคยโกรธจัดมาก่อนในชีวิต
“ข้าก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน....” จ้าวสุริยายืนยัน และเสริมต่อ “ข้าก็ต้องการทำอย่างนี้กับเจ้าเหมือนกันนับตั้งแต่ได้รู้จักเจ้า”