ตอนที่ 964 จ้าวสุริยา
ในท่ามกลางพายุทะเลคลั่ง
การต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไป
เลือดฉีดพุ่งจากร่างของสองพี่น้องกระทิงเถื่อนเปรอะเปื้อนตามร่างของพวกเขาและถูกคลื่นทะเลคลั่งซัดหายไป จักรพรรดิมังกรเหยียดมือออกอย่างไม่มีเรี่ยวแรงนอกจากต้องคอยรักษาอาการบาดเจ็บให้พวกเขาก็ต้องต้านไม่ให้คลื่นทะเลคลั่งกระหน่ำใส่ทั้งต้องคอยจับประคองสองสหายศึกที่ร่วมต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันและไม่ยอมพ่ายแพ้ ในช่วงเวลาคับขันที่ได้รับบาดเจ็บเลือดโชกทั้งตัวฮุยไท่หลางเข้ามารับเอาสองพี่น้องกระทิงเถื่อนที่ไม่เหลือเรี่ยวแรงต่อสู้และตกอยู่ในอาการสาหัสเก็บเข้าไปพักในโลกคัมภีร์ของมันอีกทางหนึ่งมันใช้ตัวประคองร่างของจักรพรรดิใต้พิภพซึ่งกำลังกระอักโลหิตให้กัดฟันลุกขึ้น
ในบรรดาคนที่เผชิญหน้าต่อสู้ในศึกนี้มีแต่เพียงมารสัมฤทธิ์ฟ้าที่ยังยืนหยัดอยู่ได้
ตั้งแต่จักรพรรดิฟู่โฉวต่อสู้
พระยาราชสีห์และราชาจินกวนต่อสู้เป็นช่วงเวลาหนึ่งและยังจะเป็นกำลังหลักของกลุ่มในการต่อสู้
จักรพรรดิฟู่โฉวเมื่อเจอศัตรูแข็งแกร่งที่สุดมาถึงก็พ่ายแพ้ในทันที เขาล้มลงกับพื้นและอยู่ในสภาพไม่ได้สติ บางทีพวกเขาไม่มองมารสัมฤทธิ์ฟ้าและคนอื่นอาจเป็นเพราะพวกเขาไม่เห็นมารสัมฤทธิ์ฟ้าและคนอื่นอยู่ในสายตาหรือเห็นว่าไม่คู่ควรต่อการลงมือ หรืออาจมีอย่างอื่นศัตรูที่ทรงพลังที่สุดนั้นเพียงแต่จากไปพร้อมกับร่างจักรพรรดิฟู่โฉวและไม่ได้ลงมือโจมตีมารสัมฤทธิ์ฟ้ากับพวกอีก
อย่างไรก็ตามนี่ไม่ได้หมายความว่ามารสัมฤทธิ์ฟ้ากับพวกจะมีสภาพที่ดี
ศัตรูทรงพลังที่สุดจากไปแล้ว แต่พระยาราชสีห์และราชาจินกวนที่เป็นบริวารยังคงเหลืออยู่คำสั่งของบุรุษผู้นั้นก็คือ ขุดรากถอนโคน อย่าให้เหลือใคร
แค่พระยาราชสีห์มนุษย์หัวสิงห์ก็เพียงพอจะฆ่ามารสัมฤทธิ์ฟ้าและคนอื่นที่บาดเจ็บไปก่อนหน้านั้นอย่าว่าแต่ยังมีราชาจินกวนที่กำลังจับตามองก็พร้อมจะลงมือได้ทุกเมื่อ
“เจ้าไม่มีทางเอาชนะได้ จงยอมแพ้ซะ เจ้ามีฝีมือที่ไม่เลวเมื่อมีเวลาเจ้าจะมีความสำเร็จที่ไม่ด้อยไปกว่าเรา”
พระยาราชสีห์หยุดโจมตีและยื่นข้อเสนอเป็นครั้งที่สาม ในสายตาของเขาคุณสมบัติของมารสัมฤทธิ์ฟ้าและจักรพรรดิมังกรกับคนอื่นนับว่าไม่เลว
ไม่ต้องพูดถึงกระทิงเถื่อนสองพี่น้อง แค่อสูรเทพที่ยังไม่ผ่านการทำสัญญาอาวุธเทพร่างอสูร นั่นคุ้มค่าต่อการขัดคำสั่งเดิมที่ให้กำจัดทั้งหมด ที่สำคัญคือพวกมันมีพรสวรรค์ที่หาได้ยาก บางครั้งศัตรูก็อาจเปลี่ยนไปได้และกลายเป็นสหายหรือเป็นได้กระทั่งบริวารผู้ภักดี ในฐานะเจ้านายเขาต้องมีจิตใจที่กว้างขวางและอดทน
“มีแต่ตายในการต่อสู้เท่านั้นข้ามารสัมฤทธิ์ฟ้าไม่มีวันยอมแพ้!” ทัศนคติของมารสัมฤทธิ์ฟ้า ง่ายและชัดเจน ยอมตายแต่ไม่ยอมแพ้
“ก็ได้, อย่างนั้นข้าจะส่งเสริมเจ้าเอง!” ประกายตาของพระยาราชสีห์มีแววชื่นชม
อย่างไรก็ตาม ความชื่นชมเป็นความรู้สึกส่วนตัวที่ไม่ขวางการกระทำของเขา
เขาชื่นชมความคิดยืนกรานของศัตรู
ชื่นชมความซื่อสัตย์ของศัตรู
แต่ในการเผชิญหน้ากับศัตรูด้วยความคิดที่แตกต่าง เขาจะไม่มีทางปล่อยให้หลุดมือไป เพราะในความเชื่อของเขาคือ นอกจากฝ่ายตัวเองนอกนั้นคือศัตรู ตราบใดที่เป็นศัตรูผลลัพธ์ที่ดีที่สุดคือ ความตาย ไม่ว่าเขาจะเป็นใครก็ตามถ้าไม่ใช่ฝ่ายตนเอง อย่างนั้นก็ต้องตาย
พระยาราชสีห์แหงนหน้าคำรามขึ้นฟ้า และพายุทั่วทะเลพลันสงบเงียบอย่างลึกลับ
พายุทะเลคลั่งเหมือนถูกหยุดเอาไว้
ทุกอย่างหยุดทั้งหมด
เมื่อพื้นผิวทะเลเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง มารสัมฤทธิ์ฟ้าและพวกตกใจเมื่อพบว่าพื้นผิวของทะเลคลั่งขยายตัวกว้างอย่างน่าทึ่งราวกับปากสิงโตตัวของมารสัมฤทธิ์ฟ้าและพวกพ้องเหมือนยืนอยู่บนปลายลิ้นของสิงโต
ในทันใดนั้นกระแสคลื่นรุนแรงซัดกลืนเข้ามาเหมือนปากสิงโต
จะต้านทานพลังโจมตีนี้ได้อย่างไร
พลังที่ยิ่งใหญ่ของพระยาราชสีห์ส่งผลต่อความผันผวนในทะเลคลั่งอย่างคาดไม่ถึงด้วยหรือ?
พระเจ้า
ก่อนที่พลังทำลายล้างจะกลืนกินร่างเขามารสัมฤทธิ์ฟ้ารู้สึกว่าตนเองมีพลังน้อยนิดเป็นครั้งแรก
อันตรายไม่เพียงมีอยู่ที่ด้านนอกพายุทะเลคลั่งเท่านั้นแต่ภายในทางผ่านเข้ามิติก็มีเช่นกัน แม้ว่าจะไม่มีการต่อสู้ แต่อันตรายทวีคูณเป็นพันเท่า
เย่ว์หยางเชื่อมาตลอดว่าสถานะของเขาถูกปกปิดไว้เป็นอย่างดีไม่มีใครสามารถเห็นสถานะที่แท้จริงของเขาได้ แต่ดูเหมือนคนธรรมดาที่ไม่ธรรมดาทั้งสองคนนี้ มุ่งมั่นมาตรวจสอบเขา
พวกเขาไม่มองหมิงลี่ฮ่าวแม้แต่คนเดียว
คนที่แบกจักรพรรดิฟู่โฉวและบุรุษผมงูไม่สนใจปฏิกิริยาของทุกคนแต่เดินตรงไปที่เย่ว์หยาง
เขาค่อยๆ วางบุรุษผมงูลงเบาๆ และจ้องมองตาเย่ว์หยางด้วยตาพิเศษ เขาจ้องตาเย่ว์หยางเป็นเวลานานและพยักหน้าเล็กน้อยกล่าวอย่างหนักแน่น “เป็นอัจฉริยะที่หายาก อัจฉริยะที่ไม่ธรรมดาและไม่มีใครเทียบได้!”
“ท่านคือจ้าวสุริยาหรือ?” เย่ว์หยางรู้สึกเหมือนว่ากำลังจ้องมองสัตว์ร้ายเป็นช่วงเวลาวิกฤติที่เขาไม่เคยพบเจอมาก่อน
“ข้าเริ่มพูดก่อน ย่อมมิอาจเป็นราชาเฉินม่อ(เงียบ)ได้” แม้ว่าบุรุษคนนั้นจะพูดอย่างนั้น แต่เย่ว์หยางไม่ปักใจเชื่อเต็มร้อยว่าผู้นั้นคือจ้าวสุริยา จักษุทิพย์ของเขามองไม่เห็นบุรุษที่อยู่ข้างหน้านี้และเฉินม่อ มีอะไรที่แตกต่างกันจ้าวสุริยามีพลังเพียงพอกำจัดคนอื่น แล้วยังจะซ่อนจากสายตาของเขาได้หรือ? ราชาเฉินม่อกับราชาสองหน้าอยู่ในระดับเดียวกันเขายังจะทรงพลังเท่ากันจ้าวสุริยาเจ้านายของพวกเขาได้หรือ? เป็นไปไม่ได้ ต้องมีบางอย่างผิดปกติเขาต้องสงบสติอารมณ์มองหาข้อบกพร่องของศัตรู มิฉะนั้นการต่อสู้ครั้งนี้ เขามีแต่จะพ่ายแพ้!
หมิงลี่ฮ่าวเห็นเย่ว์หยางถูกข่มในใจของเขารู้สึกมืดมนและหนาวยะเยือก
แต่สถานการณ์ไม่ยอมให้เขาถอยอีกต่อไป
เขาต้องสนับสนุนเจ้าผู้เยาว์นี้ให้เต็มที่
มิฉะนั้นไม่เพียงแต่เย่ว์หยางเท่านั้น แม้แต่ตัวเขาเองก็อาจได้รับเกียรติถูกจ้าวสุริยาสังหารก็ได้!
เขายืนตัวตรงอย่างสง่างามคอยป้องกันอยู่หน้าเย่ว์หยาง ราชาสองหน้าคิดว่าเขายืนอยู่ข้างตัวเย่ว์หยางคอยคุ้มกันเขาลอยตัวเข้าหาหมิงลี่ฮ่าวราวกับสายฟ้าเคียวดำปีศาจเงื้อฟันใส่คอของหมิงลี่ฮ่าว เขายิ้มเหี้ยมเกรียม “คนตัวใหญ่! นี่เป็นการสนทนาของคนระดับสูง ไม่ใช่เรื่องของเจ้า อยากจะเล่นสนุกก็มาตรงนี้ได้เลยตราบเท่าที่เจ้าไม่รบกวนการสนทนาของผู้ใหญ่ ข้าน้อมสนองเสมอ!”
หมิงลี่ฮ่าวแผ่รัศมีเจิดจ้าราวกับสายฟ้า
สายฟ้าหลายพันสายเป็นประกายอยู่รอบตัวเขาร่างขนาดใหญ่ของเขาเปล่งรัศมีราวกับร่างเทพแสงสว่างเจิดจ้ายิ่งกว่าดวงอาทิตย์
ราชาสองหน้าตะลึงไม่เคยคิดว่าจะมียอดฝีมือที่ไม่ธรรมดาซ่อนตัวอยู่ที่นี่ เขาควงเคียวปีศาจระดับเตรียมเทพโจมตีอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตามเคียวดำปีศาจไม่สามารถทลายปราการป้องกันของหมิงลี่ฮ่าวได้ แต่หมิงลี่ฮ่าวหมุนตัวกลับมากระแทกร่างราชาสองหน้ากระเด็นออกไปสิบกิโลเมตรเคียวดำปีศาจกระแทกพื้นหินด้านล่างจมลึกลงไปร้อยเมตร พวกนักสู้ปราณฟ้าตกตะลึงตาค้างเมื่อได้ยินเสียงราชาสองหน้ากระเด็นผ่านพวกเขาไป
พลังคลื่นอัดกระแทกของหมิงลี่ฮ่าวมีความเร็วมากกว่าเสียง
กวาดไปทั่วโลกศิลาทันที
นักสู้ปราณฟ้าทุกคนอดนึกถึงภาพว่าโลกกำลังถูกทำลายไม่ได้ ถ้าไม่ใช่เพราะที่นี่อยู่ในมิติแดนดาวเกรงว่านักสู้ปราณฟ้าที่มีระดับต่ำกว่าชั้นราชาคงถูกแรงคลื่นอัดกระแทกร่างเป็นผุยผงไปแล้ว
ราชาชิงหลางและนักสู้ปราณฟ้าอื่นตกใจ แม้แต่จักรพรรดิเฟิ่นนิ่วและจักรพรรดิเสิ่นกวงที่อยู่ในใจกลางโลกศิลาก็ยังยืนไม่ติด
คลื่นแผ่นดินไหวขยายออกไปหลายร้อยเมตร
ไม่ใช่เป็นการโจมตีโดยตรง
และด้วยพลังที่น่าสะพรึงกลัวอย่างนี้เหมือนกับว่าราชาสองหน้าถูกต่อยที่ท้องและอก ไม่...หมิงลี่ฮ่าวผู้นั้นแค่ผลักมือออกมา คลื่นอัดกระแทกแทบจะทำลายโลกศิลาทั้งหมด และทุกอย่างหยุดนิ่งในทันทีเหมือนกับผิวแม่น้ำ ผิวทะเลกลับคืนสู่ความสงบ
รัศมีที่แผ่ออกจากร่างของหมิงลี่ฮ่าวเหมือนกับดวงอาทิตย์ทำให้ยากจะมองบุรุษผู้เป็นเหมือนเทพเจ้าโดยตรงได้ หมิงลี่ฮ่าวก้าวเท้ายาวท่ามกลางสายตาที่แตกตื่นตกใจของคนที่เห็นร่างที่สูงสิบเมตรมีรัศมีสว่างเจิดจ้าสาดแสงไปทั่วโลกเดินเข้ามาบดบังร่างเล็กของเย่ว์หยาง หมิงลี่ฮ่าวยกมือและชี้ไปทางจ้าวสุริยาและตวาดลั่น “เลี่ยฉางคงเจ้ามาหาข้าเล่าฮ่าวไม่ใช่หรือ? แผนของเจ้าร้ายกาจจริงๆ ความจริงถ้าเจ้าต้องการกวาดล้างตระกูลหมิงของข้า ก็บอกมาตรงๆ ทำไมต้องแอบซ่อนด้วย”
จ้าวสุริยาที่ดูเหมือนคนทั่วไปยืนอยู่ต่อหน้าหมิงลี่ฮ่าวและภายใต้แรงกดดันของฝ่ายตรงข้าม เขาก็ยังไม่เคลื่อนไหวอะไร
เขายิ้มราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น “ทางตำหนักกลางมักส่งเสริมสามจอมภพเสมอมา ตระกูลหมิงเป็นพันธมิตรที่ซื่อสัตย์มาโดยตลอดแล้วเราจะดำเนินแผนกับตระกูลหมิงได้อย่างไร? ท่านหมิงลี่ฮ่าวเข้าใจผิดแล้ว ความจริงเลี่ยฉางคงมาที่นี่ในวันนี้ก็ต้องการพบกับสหายเก่าเหมือนกัน อย่างไรก็ตามหมิงเยี่ยกวงหนึ่งสามจอมภพแดนสวรรค์หลุดพ้นออกมาจากผนึกกลับสู่แดนสวรรค์ได้แล้ว ทางตำหนักกลางนอกจากร่วมยินดีแล้วจะทำอะไรได้ อย่างไรก็ตามที่สำคัญยิ่งกว่าการร่วมยินดีต่ออิสรภาพของสหายเก่าข้ายินดีต้อนรับการมาเยือนแดนสวรรค์ของจักรพรรดิอวี้รุ่นใหม่จากหอทงเทียน ขอต้อนรับจักรพรรดิอวี้รุ่นใหม่เย่ว์หยางหรือเย่ว์ไตตัน แม้ว่าเลี่ยฉางคงจะไม่ใช่เจ้าบ้านในภูมิภาคสวนสวรรค์ แต่ก็ขอต้อนรับด้วยความจริงใจ!”
จ้าวสุริยาพูดประโยคสุดท้ายตรงกับที่หมิงลี่ฮ่าวกลัว
เขาอดรู้สึกตกใจไม่ได้
เขารู้ว่าจ้าวสุริยาไม่ได้มาหาตัวเขาเป้าหมายหลักก็คือเจ้าเด็กเย่ว์หยาง
เหตุผลที่เขารีบออกตัวขัดขวางเย่ว์หยางก็เพื่อพยายามค้นดูว่าจ้าวสุริยามีข้อมูลมากน้อยเพียงไหนเพื่อหลีกเลี่ยงความพ่ายแพ้ของตนเอง
สิ่งที่ทำให้หมิงลี่ฮ่าวคิดไม่ถึงก็คือจ้าวสุริยาไม่เพียงแต่เห็นแผนการที่เขากับเย่ว์หยางวางไว้ แต่ยังเข้าใจถึงสถานะของเย่ว์หยางเต็มที่ เย่ว์หยางมาจากหอทงเทียนเติบโตเป็นจักรพรรดิอวี้รุ่นใหม่เรื่องลับของเย่ว์หยางเขายังรู้จัก แล้วเรื่องอื่นมีหรือที่เขาจะไม่รู้
หัวใจของหมิงลี่ฮ่าวตกวูบ...ขณะนั้นเองเขานึกถึงสิ่งที่หมิงเยี่ยกวงน้องสาวของเขาเคยพูดครั้งหนึ่ง ในตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์รองจากเจ้าตำหนักสูงสุด เจ้าตำหนักใหญ่ตงฟางฉลาดที่สุดเจ้าตำหนักศักดิ์สิทธิ์จีอู๋ลี่ทรงพลังมากที่สุดและจ้าวสุริยาเลี่ยฉางคงเป็นคู่ต่อกรที่ยากจะรับมือที่สุดของทั้งสอง!
“ความจริงแล้ว เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมาเลี่ยฉางคงได้ยินชื่อของเย่ว์หยางแล้ว ไม่ได้มีสองชื่อเหมือนตอนนี้ การต่อสู้ครั้งแรกของคุณชายไตตันเป็นที่รู้จักกันดีว่าเกิดในวังของจักรพรรดิอวี้ ในเวลานั้นด้วยพลังของเขาเองเขาสามารถทำลายผนึกของวิหารเทพจักรพรรดิอวี้ได้ทั้งยังได้รับสืบทอดเจตจำนงและสมบัติวิเศษของจักรพรรดิอวี้ได้ทั้งหมด มีความแข็งแกร่งมากกว่าสองจอมภพแดนสวรรค์อย่างจิ่วเซียวและซิวคงจนสองคนนี้ยังต้องเผ่นหนีเช่นกัน ในเวลานั้นข้าเลี่ยฉางคงได้ยินข่าวก็แปลกใจเหมือนกัน คิดว่ามีผู้เยาว์รุ่นหลังที่มีพลังเอาชนะผู้ยิ่งใหญ่แห่งแดนสวรรค์ได้นั่นเป็นพลังที่น่าตื่นตระหนกสร้างความตกใจให้กับแดนสวรรค์ เพื่อจะรวบรวมข้อมูลของคุณชายไตตัน ข้าเลี่ยฉางคงพยายามอย่างดีที่สุดได้ส่งเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองออกมาหาข่าวนับครั้งไม่ถ้วนแต่ผลตอบรับที่ได้กลับมามีน้อยมาก คุณชายไตตันไม่ว่าจะเป็นปณิธาน สมบัติวิเศษและทักษะแฝงเร้นดูเหมือนยังมีพลังเหนือกว่านางพญาผู้พิชิตและจักรพรรดิอวี้ เป็นเรื่องที่ยากอธิบายที่เหล่าเทพได้ปิดเส้นทางไปมาระหว่างหอทงเทียนกับแดนสวรรค์ไปแล้ว แต่เจ้าก็ยังปรากฏตัวในแดนสวรรค์ใต้แดนสวรรค์ตะวันตกเป็นครั้งคราว ทุกครั้งที่เจ้าปรากฏตัวพลังฝีมือของเจ้าจะก้าวหน้าแบบก้าวกระโดดนั่นทำให้ข้าเลี่ยฉางคงรู้สึกประหลาดใจยิ่งนัก แม้แต่จักรพรรดินีฟ้าแห่งเผ่าเก้าแสง กรีฑากองทัพของเผ่าพันธุ์นางบุกเข้าหอทงเทียนก็ยังถูกคุณชายไตตันกวาดเรียบไม่มีเหลือ ปาฏิหาริย์ที่เหลือเชื่อนั้นบีบบังคับทำให้ข้าเลี่ยฉางคงต้องปรับเปลี่ยนแผนการครั้งแล้วครั้งเล่า จนกระทั่งฉางฟงลูกหลานจากสี่ตระกูลใหญ่ปรากฏตัว คุณชายฉางฟงกับคุณชายไตตันตกลงนัดพบกันที่เมืองไป๋เหอภูมิภาคสวนสวรรค์ คุณชายฉางฟงที่ลำบากมาตลอดในอดีตที่ผ่านมาและบังเอิญที่คุณชายไตตันได้รับจดหมาย อุตส่าห์ยอมสละไม่เข้าดินแดนมิติฝึกฝีมือไม่กลัวต่อการเดินทางไกล วันนี้นับว่าได้เห็นจักรพรรดิอวี้รุ่นใหม่ คุณชายไตตัน มีฝีมือแน่นอน และเมื่อเวลาผ่านไปจะไม่มีใครในโลกสู้ได้ต่อให้ชนชั้นสูงในสวรรค์บนก็ตาม ในวันนั้นซิวคงและจิ่วเซียวไม่ได้กังวลอย่างไร้เหตุผล ความเร็วในการพัฒนาก้าวหน้าในฝีมือของคุณชายไตตัน ถ้าทอดเวลายาวนานเกินไป อย่าแต่ข้าและพวกเลยแม้แต่เจ้าตำหนักสูงสุดก็คงถูกท้าทายจนได้”
“และสุดท้าย ขอถามคุณชายไตตัน ต่อมานางพญาผู้พิชิตจะปรากฏตัวออกมาหรือเปล่า? ตามที่สันนิษฐานไว้ สหายเก่าได้ทำลายผนึกและฟื้นฟูอิสรภาพหรือยัง?” จ้าวสุริยายังคงยิ้มใจดี เหมือนอาจารย์หมอคุยต้อนรับถามหาสหายเก่า
หลังจากจ้าวสุริยาพูดจบหมิงลี่ฮ่าวสีหน้าเปลี่ยนไปถึงสามครั้ง
เจ้าผู้นี้พูดเปรียบเทียบได้น่ากลัวยิ่งกว่าน้องสาวของเขาเสียอีก!
เขาจะทำอย่างไรดี?
หมิงลี่ฮ่าวตระหนักว่าเขาไม่สามารถต่อกรกับเจ้าสุริยาผู้นี้ได้ไม่ว่าทั้งในแง่ความคิดหรือพลังของเขา สิ่งเดียวที่เขาทำได้ตอนนี้ก็คือมองดูเย่ว์หยาง เขาหันกลับไปมองเย่ว์หยางอย่างคาดหวัง...เจ้าเด็กนี่ไม่ธรรมดา ดูว่าเขาจะจัดการรับมือเรื่องนี้อย่างไร?
……