ตอนที่ 963 บุรุษผู้น่ากลัว
จ้าวสุริยายังไม่มา แต่พระยาราชสีห์และราชาจินกวน(มงกุฎทอง) ในสี่ราชาและแปดขุนพลมาถึงแล้ว
เว้นแต่ราชาเฉินม่อ(ใบ้)และเสี่ยวโฉ่วบริวารของจ้าวสุริยามาแทบจะครบแล้วนี่เห็นได้ว่าตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ให้ความสำคัญกับการครอบครองเป็นเจ้าของคัมภีร์เทพ
หมิงลี่ฮ่าวให้ข้อมูลเย่ว์หยาง
บรรดาราชาบริวารทั้งสี่นั้นราชาเฉินม่อเป็นตัวแทนความเคร่งครัด
กล่าวกันว่าราชาเฉินม่อในระหว่างสี่ราชาบริวารมีศรัทธาแก่กล้าเป็นทักษะแฝงเร้นและมีสนามพลังอธิษฐาน พลังของเขาไม่ด้อยกว่าเจ้าตำหนักศักดิ์สิทธิ์ชั้นนอก หมิงลี่ฮ่าวบอกเป็นนัยว่าถ้าเย่ว์หยางต้องสู้กับราชาเฉินม่อที่แข็งแกร่งที่สุดเขาไม่สามารถเอาชนะได้ง่ายๆ ราชาเฉินม่อที่ยังไม่ปรากฏตัว แตกต่างจากพระยาราชสีห์ ราชาจินกวนและราชาสองหน้า ขณะที่จ้าวสุริยาเติบโตราชาเฉินม่อก็เติบโตมาพร้อมกับเขาในฐานะผู้รับใช้ เขาเป็นเสาหลักที่ทรงพลังที่สุดของจ้าวสุริยา
ตามช่วงเวลาของการเข้าร่วมเป็นบริวารของจ้าวสุริยานั้น พระยาราชสีห์ราชาจินกวนว่ากันในเรื่องศักดิ์ศรีเกียรติยศ มีคุณสมบัติดีกว่าราชาสองหน้าซึ่งเข้าร่วมอย่างเป็นทางการเมื่อแปดพันปีที่แล้ว
ในเรื่องพลังเกรงว่าทั้งสองราชายังเหนือกว่าราชาสองหน้าเล็กน้อย
“สิงโตน้อย, มงกุฎทอง (จินกวน) และคนถือเคียวพวกเจ้าจะขู่ขวัญเราหรือ?” จักรพรรดิเฟิ่นนิ่วหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
“วิทยายุทธของจักรพรรดิเฟิ่นนิ่วแข็งแกร่งไร้เทียมทาน แม้ว่าเราจะมีจำนวนคนมากกว่าแต่เราไม่กล้าเอาชนะท่าน” ราชาสองหน้าฝืนยิ้ม “ข้ามีข้อเสนอที่ดีไม่ทราบว่าจักรพรรดิเฟิ่นนิ่วจะรับพิจารณาไหม?จักรพรรดิเสิ่นกวงไม่เพียงแต่ขัดแย้งกับท่านเท่านั้น ทั้งสองฝ่ายต่างมีความคิดกำจัดฝ่ายตรงข้ามเมื่อมีโอกาสดีวันนี้เป็นเวลาที่ดีที่สุด ถ้าจักรพรรดิเฟิ่นนิ่วยินดียอมรับ ข้าจะช่วยท่านฆ่าจักรพรรดิเสิ่นกวน ตราบเท่าที่จ้าวสุริยาได้คัมภีร์เทพร่างเทพต่อให้ยกให้ท่านจักรพรรดิเฟิ่นนิ่ว ท่านก็ไม่มีอะไรจะทำได้ เงื่อนไขอย่างนี้ท่านเห็นว่าเป็นยังไงบ้าง?”
“บังอาจ!” จักรพรรดิเฟิ่นนิ่วตวาดลั่น “ข้ากับจักรพรรดิเสิ่นกวงและจักรพรรดิอีกคนหนึ่งเป็นศัตรูที่ร่วมโลกกันไม่ได้ แต่ไม่จำเป็นต้องยืมมือคนอื่น เรามีความหยิ่งในตัวเองสามารถจัดการเรื่องของเราเองได้ แผนอย่างนี้ไร้สาระเกินไป”
“จักรพรรดิเฟิ่นนิ่ว, อย่างนั้นท่านจะปฏิเสธใช่ไหม?” ราชาสองหน้าย้อนถามโดยไม่ลังเล
“คงมีแต่คนโง่ที่ยอมรับเงื่อนไขที่น่าขันของพวกเจ้า ต่อให้ข้าร่วมมือกับพวกเจ้าฆ่าจักรพรรดิเสิ่นกวงพวกเจ้าก็เหมือนกับนั่งบนภูดูเสือกัดกัน พวกเจ้าไม่ต่างอะไรกับชาวประมงที่เอาเปรียบข้าเห็นลูกไม้ที่น่าขันของพวกเจ้าตั้งแต่ต้นแล้ว พวกเจ้าคิดจะหลอกข้าใช่ไหม? ฝันไปเถอะ” จักรพรรดิเฟิ่นนิ่วขณะตวาด เขาระเบิดพลังจากร่างร่างของเขาเปล่งรัศมีสีแดงมองดูเหมือนคลื่นสีแดงที่น่ากลัว
“อย่างนั้น, จักรพรรดิเสิ่นกวงท่านเล่าคิดยังไง? ถ้าท่านยอมรับเงื่อนไข เราจะผนึกกำลังกันฆ่าจักรพรรดิเฟิ่นนิ่ว ในเงื่อนไขเดียวกันเทพโบราณผู้ยิ่งใหญ่เหนือข้าจะไม่ว่าอะไร มิฉะนั้นคงจะต้องคำสาปเทพไปแล้ว!” ราชาสองหน้าหันไปถามจักรพรรดิเสิ่นกวงอย่างไร้ยางอาย
“เจ้าคิดว่าข้าเหมือนคนโง่หรือ?”จักรพรรดิเสิ่นกวงเปล่งแสงศักดิ์สิทธิ์และย้อนถาม
“ไม่เหมือนจริงๆ!” ราชาสองหน้าถอนหายใจเบาๆ
“ไม่คล้ายแน่นอน แต่ข้าก็เป็นอย่างนั้น!” จักรพรรดิเสิ่นกวงยังพูดไม่จบประโยค บอลแสงที่มีพลังเทียบเท่าดวงอาทิตย์เขาผลักออกและโจมตีไปที่แขนของจักรพรรดิเฟิ่นนิ่ว
“ถ้าเจ้าเสาะหาสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เจ้าจะตายโดยไร้ที่กลบฝัง” จักรพรรดิเฟิ่นนิ่วระเบิดอารมณ์โกรธและเขาไม่ยอมถอยเช่นกันเขารับบอลแสงพลังงานไว้และผลักกลับไปที่จักรพรรดิเสิ่นกวง
“คนตายจะมีแต่เจ้า ข้าได้ทำความตกลงลับๆ กับจ้าวสุริยาแล้ว” จักรพรรดิเสิ่นกวงได้ยินเสียงเยาะเย้ยซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ราชาสองหน้าเข้าร่วมต่อสู้ด้วยทันที
เขาร่วมมือกับจักรพรรดิเสิ่นกวง
ร่วมกันโจมตีจักรพรรดิเฟิ่นนิ่ว
ส่วนคนอื่นเช่น บัณฑิตซือเหรินคนเถื่อน คนอ้วน ผู้เฒ่าเครายาว จอมหักหลังและโนม ฯลฯ แปดขุนพลยืนล้อมเย่ว์หยางราชาชิงหลางและคนอื่นๆ เป็นรูปครึ่งวงกลม ในใจของพวกเขา คนพวกนี้มีบทบาทเล็กน้อยถ้าจำเป็น ก็เพียงแต่มีผลสำหรับใช้เลือดบูชายัญเพื่อเปิดทางเข้าถึงคัมภีร์เทพมิฉะนั้นก็ต้องสังหารทิ้ง
แน่นอนว่ามีไม่กี่คนที่มีทัศนคติต่อเย่ว์หยางคุณชายไตตันแตกต่างออกไปเล็กน้อย
ที่สำคัญคุณชายผู้นี้มาจากตระกูลมีชื่อเสียง
ดีที่สุดคือฆ่ากวาดล้างให้หมดมิฉะนั้นจะเป็นตัวยุ่งยากให้เกิดปัญหาจริงๆก่อนที่จ้าวสุริยายังไม่สามารถเข้าไปเอาคัมภีร์เทพได้ ไม่อาจฆ่าคุณชายผู้นี้และเขามีพลังอ่อนแอขนาดนั้น ไม่จำเป็นต้องฆ่า เขาก็ทำอะไรไม่ได้
นักสู้ปราณฟ้าทุกคนที่ยังโชคดีรอดชีวิตอยู่ได้ต่างซ่อนตัวอยู่พื้นที่ศิลาแดนดาว
ข้างนอกโลกศิลา
จักรพรรดิเฟิ่นนิ่วและจักรพรรดิเสิ่นกวงและราชาสองหน้าต่อสู้จนพื้นที่พังทลาย
โชคดีที่โลกศิลาภายนอกจะถูกทำลายอย่างไรก็ตามก็ไม่มีร่องรอยพลังหลุดเข้ามาในมิติแดนดาว
ที่ทางเข้าออกของผนังศิลาแดนดาวภายใต้พลังแรงทำลายสะท้านฟ้าสะเทือนดิน ที่นี่คือรากฐานของโลกศิลาจะไม่พังทลายจนกว่าโลกศิลาจะถูกทำลาย ต่างจากการต่อสู้ของจักรพรรดิแดนดินที่น่ากังวลภายนอก เทวีเสรีภาพไม่ได้กังวลถึงคนอื่นนางหลั่งน้ำมองดูร่างเทพข้างหน้า
“นางคือมารดาท่าน?” เย่ว์หยางไม่พลาดถาม
“เป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร?” หมิงลี่ฮ่าวไม่อยากให้เทพีเสรีภาพตอบคาดว่านั่นอาจทำให้เขาหมดสติ
“ถ้าอย่างนั้นท่านร้องไห้โศกเศร้าเช่นนี้ทำไม?” เย่ว์หยางไม่เข้าใจ เทพธิดาเสียสละเพื่อคนอื่นอย่างยิ่งใหญ่มากมายนางควรจะมีความสุขที่ได้เห็น นางร้องไห้ได้ยังไง? ทั้งเป็นการร้องไห้เศร้าโศกอีกด้วย?
เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เทวีเสรีภาพมีความรู้สึกอยากบีบคอเย่ว์หยาง
เจ้าจะต้องยุ่งเรื่องของคนอื่นด้วยหรือ
แม้แต่ร้องไห้ก็ทำไม่ได้หรือ?
นอกจากนี้ยังเดาสาเหตุส่งเดชอย่างนี้นับว่ามากเกินไป!
โชคดีที่เทวีเสรีภาพควบคุมตนเองได้ดีมาโดยตลอดนางเป็นคนใจดีมีเมตตา จึงไม่ถือสาเจ้าเด็กนี่เปลี่ยนคนอื่นบางอาจจะผิดหวังกับการกระทำของเย่ว์หยางก็ได้
พระยาราชสีห์และราชาจินกวนสองราชาบริวารพูดคุยกันโดยไม่เห็น อย่างไรก็ตามเย่ว์หยางพบทันทีว่าคนที่สะดุดตาที่สุดมีสองคนพวกเขาแต่งตัวธรรมดาเดินเข้ามาข้างใน
สองคนนี้ดูธรรมดาขนาดไหน?
เหมือนก้อนหินที่อยู่ริมทาง
แม้ว่าต่อให้เคยเห็นมาแล้วถ้าเป็นความทรงจำของหัวหน้าพ่อบ้านเย่ และหัวหน้าจินฟันทอง หากสองคนนี้เคยผ่านท้องถนนเมืองลู่หลิวหัวหน้าพ่อบ้านเย่หรือหัวหน้าจินฟันทองก็จำเขาไม่ได้เป็นความรู้สึกเหมือนคนเดินสวนทางกันธรรมดาไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันกับพวกเขาพวกเขาจะไม่เป็นจุดสนใจแม้แต่น้อย ต่อให้เคยเห็นก็จะลืมไปอย่างรวดเร็ว
ที่สำคัญที่สุด บุรุษทั้งสองแต่งตัวคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันทีเดียว แต่ในสายตาของเย่ว์หยางยากจะมองเห็นความแตกต่าง
ไม่ใช่ไม่ธรรมดา
แต่ธรรมดามากเกินไป
อย่างที่ทราบกันเย่ว์หยางมีจักษุญาณทิพย์มองเห็นความจริงในโลกได้
ตอนนี้จักษุทิพย์ของเขามองไม่เห็นความแตกต่างของสองคนนี้ เย่ว์หยางมองไม่เห็นความผิดปกติใดๆ ไม่ต้องพูดถึงคนอื่น...รูปร่างของทั้งสองคนไม่สูงและมองดูธรรมดามาก
สวมชุดสมถะเรียบง่าย
ตั้งแต่หัวจรดเท้าไม่มีที่ใดต้องมองซ้ำ
คนแบบนี้ไม่สะดุดตายิ่งกว่าก้อนหินที่อยู่ริมทางเหมือนเป็นส่วนประกอบเล็กน้อยที่อยู่ริมถนนในสายตาคนทั่วไป
อย่างไรก็ตามนั่นเป็นเรื่องธรรมดาเช่นกันคนทั่วไปนี้เหมือนชาวนาชราที่เห็นตามทุ่งนา เขาเดินอยู่ในโลกศิลาที่มีการต่อสู้สะท้านฟ้าสะเทือนดินอย่างสงบเหมือนกับว่าการต่อสู้ของจักรพรรดิแดนดินทั้งสองและราชาสองหน้าไม่ได้มีอยู่เลย พลังงานอัดกระแทกจากการต่อสู้ไม่มีอยู่เลยรอจนนักสู้ปราณฟ้าอื่นมองเห็นสองคนนี้ ทุกคนตะลึงเล็กน้อย แม้กระทั่งบางคนก็หมดสติไปด้วย ทั้งสองไม่ธรรมดาจริงๆ
เพราะมีคนผู้หนึ่งอยู่ในเงื้อมมือของคนธรรมดาด้านซ้ายมือ
จักรพรรดิฟู่โฉว
สภาพของจักรพรรดิฟู่โฉวในปัจจุบันไม่มีทางจัดการกับรุมล้อมของมารสัมฤทธิ์ฟ้ากับพวกได้แน่
เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส ดวงตาปิดอกเป็นรอยยุบแขนขาห้อยตกไม่มีแรง และมีเลือดซึมผ่านตามปากและหยดลงพื้น
จักรพรรดิเฟิ่นนิ่วและจักรพรรดิเสิ่นกวงและราชาสองหน้าหยุดสู้กันเพราะการปรากฏตัวของคนธรรมดาสองคนนี้
“พวกเขา คนไหนคือจ้าวสุริยา?” เย่ว์หยางสีหน้าเปลี่ยน เขารีบถามหมิงลี่ฮ่าวนี่เป็นครั้งแรกที่ตาทิพย์ของเขาไม่สามารถเห็นร่างที่แท้จริงของศัตรูได้
“ข้าไม่รู้!” หมิงลี่ฮ่าวส่ายศีรษะจนใจ
แม้ว่าเขาพยายามจะผ่อนคลายร่างกายให้มากเท่าที่เป็นไปได้ แต่เขาก็ยังเครียดโดยไม่รู้ตัว
เขาแทบไม่สามารถเก็บงำพลังปราณไว้ได้ถ้าไม่ใช่เพราะสนามพลังสร้างโลกของเย่ว์หยางช่วยบดบังไว้เกรงว่าพลังของเขาคงรั่วไหลออกไปทำให้ศัตรูรู้ว่าหมิงลี่ฮ่าวแฝงตัวอยู่ในกลุ่มผู้คน นอกจากนี้หมิงลี่ฮ่าวยังงอเอวหลับตาและไม่กล้าใช้สายตามองคนธรรมดาทั้งสองนั้นเขาเกรงว่าจ้าวสุริยาจะรู้สึกตัวและพบตัวเขาได้
จ้าวสุริยาคงจะมาถึงแล้ว เย่ว์หยางและหมิงลี่ฮ่าวคาดเดาไว้เช่นนั้น
สิ่งที่เขาไม่เคยคิดไว้ก็คือ
จ้าวสุริยาผู้นี้มาถึงเร็วยิ่งนัก!
ไม่มีใครรู้ตัวเรื่องนี้และไม่มีใครรู้แม้แต่หมิงลี่ฮ่าว ทำไมจ้าวสุริยาปรากฏตัวเร็วนัก?
เขาไม่ควรจะเปิดเส้นทางมิติเข้าถึงคัมภีร์เทพได้ง่ายๆแต่พอหลังจากจักรพรรดิเฟิ่นนิ่วและจักรพรรดิเสิ่นกวงเสี่ยงชีวิตสู้เอาเป็นเอาตายเขาจึงค่อยโผล่ออกมาอย่างนั้นหรือ?
ผิดปกติเกินไป
“เรามาถึงในช่วงเวลาพบปะของครอบครัวนับว่าเป็นเวลาดีจริงๆ เราไม่ต้องการจะรบกวนกิจกรรมของทุกท่านเร็วเกินไป แต่อย่างไรก็ตามเพื่อสนองตอบความต้องการของสหายที่ดีของเราเราจึงต้องมาให้เร็วเท่าที่จะทำได้ รบกวนไปบ้าง อย่าถือสาข้าเลย” คนธรรมดาที่มีหิ้วคอจักรพรรดิฟู่โฉวที่หมดสติและอีกคนที่กำลังจะตายอธิบายและขออภัยกลุ่มคนในที่นั้นอย่างสุภาพ
อีกคนหนึ่งไม่น่าตกใจมากนักเพราะพวกเขาไม่รู้จัก แต่เย่ว์หยางถึงกับม่านตาหดลีบ
คนผู้นี้กำลังจะตาย
เป็นเพราะนั่นคือคุณชายฉางฟงบุรุษผมงูจากหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่แห่งแดนสวรรค์ที่เชิญเย่ว์หยางมายังเมืองไป๋เหอ
แววตาของเย่ว์หยางเย็นยะเยือกลงทันที
เย็นยะเยือกจนแทบเป็นน้ำแข็ง
ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าไม่ใช่แต่เพียงเขาเท่านั้นที่กำลังจับเหยื่อ แต่ยังมีเจ้าตำหนักเทพสุริยะอย่างจ้าวสุริยาอีกด้วยที่ทำเหมือนกัน
บุรุษที่ธรรมดาดูน่ากลัวนี้คือศัตรูที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของเขาอย่างแน่นอน อาจจะน่ากลัวยิ่งกว่าจีอู๋ลี่ ที่สำคัญจีอู๋ลี่ไม่ตระหนักถึงการมีอยู่ของเขา แต่จ้าวสุริยาปรากฏอยู่ข้างหน้าเขาเอง
จุดอ่อนของคนผู้นี้อยู่ตรงไหน?
ตอนนี้เย่ว์หยางยังไม่เข้าใจ
อย่างไรก็ตามสิ่งที่แน่นอนก็คือจ้าวสุริยาไม่เพียงแต่มุ่งหวังคัมภีร์เทพเท่านั้น แต่ยังจับจ้องมองมาที่เขา!