ตอนที่ 962 ถ่วงเวลาไว้ จ้าวสุริยาจะมาในอีกไม่ช้า?
ขณะที่ทุกคนตะลึงสงสัยว่าเย่ว์หยางทำได้อย่างไรเย่ว์หยางก็ออกมาอีกครั้ง
และบอกกับทุกคนตามตรง“เป็นร่างเทพแน่นอน ดูเหมือนจะเป็นร่างเทพธิดา แต่ข้าไม่เห็นมีอะไรเลย” หลังจากหยุดเล็กน้อยเขาพูดต่อ “นึกไม่ถึงเลยว่ากระโปรงยาวที่ยาวถึงเข่ายังมีกางเกงชั้นในยาวเท่ากันอีกผู้นี้เตรียมตัวป้องกันไว้เป็นอย่างดี!
ทุกคนที่อยู่ในที่นั้นพากันเงียบกริบทันที
พวกเขาไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี
หลังจากราชาชิงหลางสับสนอยู่ครู่หนึ่งเขาค่อยนึกได้ว่า คุณชายไตตันมีความสามารถนี้อยู่จริงๆ
ก่อนหน้านี้มีเหตุลอบโจมตีที่บึงหยุดลมเขาใช้ทักษะแฝงเร้นเงาเสมือนเพื่อหลอกทุกคน ตอนนี้มิใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะใช้เงาปีศาจเข้าไปในพื้นที่มิติแดนดาวเพียงแต่สิ่งที่ราชาชิงหลางและคนอื่นสงสัยก็คือทำไมคุณชายไตตันเข้าไปแล้วจึงออกมาอีก?
เห็นได้ชัดว่าเขาสามารถเข้าไปข้างในคนเดียวได้
ตอนนี้เขาออกมาอีกครั้ง
นอกจากเปิดกระโปรงร่างเทพธิดาแล้วเขาไม่ได้ทำอะไรอื่น
คุณชายไตตันผู้นี้ฉลาดเกินไป...เท่าที่มองเห็นเขาผิดธรรมดาเกินไป ไม่เพียงแต่ราชาชิงหลางเท่านั้นที่รู้สึก แม้แต่ศัตรูอย่างจอมหักหลังและบัณฑิตซือเหรินกับพวกเค้นสมองคิดให้ตายก็ไม่สามารถเข้าใจได้
จอมโฉดต้องการจะลงไปจับเย่ว์หยางแต่บัณฑิตซือเหรินที่ปลอมตัวเป็นจักรพรรดิฟู่โฉวก่อนนั้นรีบห้ามทันที
สามารถออกมาได้ ก็กลับเข้าไปได้อีกครั้ง
ถ้าจะเริ่มทำอะไรกับคุณชายไตตันก็เท่ากับผลักดันเขาเข้าไปในพื้นที่แดนดาวได้?
ดีที่สุดก็คือแกล้งทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่ว่าเขาจะทำอะไรที่ต้องการก็ปล่อยให้ทำไป ถ้าเขาชอบเข้าไปเขาสามารถอยู่กับทุกคนข้างนอกได้ ไม่ควรทำให้คุณชายผู้นี้ขุ่นเคือง ตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์สามารถกวาดแดนสวรรค์ล่างได้ทั้งหมด แต่แดนสวรรค์บนเขาไม่กล้าพูดเช่นนี้ มีบางอย่างที่เขาทำไม่ได้และไม่กล้าลงมือทำอะไรเกินเลย!
“เจ้ามานี่ก่อน” เทวีเสรีภาพหงุดหงิดเล็กน้อยกับการกระทำของเย่ว์หยางสำหรับนางแล้ว เย่ว์หยางเป็นเด็กดี เขาทำแบบนี้ได้ยังไง?
นางตัดสินใจอบรมสั่งสอนเย่ว์หยาง
แน่นอนว่ามีแต่เย่ว์หยางที่นางคู่ควรให้นางอบรมสั่งสอน
ถ้าเป็นคนอย่างราชาชิงหลางหรือจอมหักหลังทำแม้ว่านางจะโกรธ แต่นางจะไม่พูดอะไรสักคำแน่นอน
เหตุผลง่ายๆ
ในใจของเทวีเสรีภาพเย่ว์หยางสมควรได้รับการแก้ไข ขณะที่คนอื่นที่อยู่ในนี้จิตใจเสียหายไปแล้วเกินครึ่ง เป็นสภาพจิตใจที่มิอาจเยียวยารักษาได้
เย่ว์หยางเดินเข้าไปหานางอย่างอารมณ์ดี แต่ในที่สุดเขาก้มหน้ายอมรับคำแนะนำสั่งสอนจากนาง
ดูจากท่าทางเขาก่อนนี้แนวคิดคุณธรรมยังไม่ได้อบรมมาอย่างดี
ผ่านไปแล้วก็ต้องเรียนบทใหม่
ขณะที่เย่ว์หยางถูกอบรมสั่งสอนในโลกศิลามีคนเพิ่มเข้ามาอีกสองคน
ทั้งสองคนนี้ให้ความรู้สึกถึงพลังของพวกเขาเองได้โดยไม่ต้องมอง ราชาชิงหลางและนักสู้ปราณฟ้าคนอื่นไม่สามารถมองเห็นภาพเลือนลางของพวกเขาได้ด้วยตาตนเอง นอกจากนี้นี่ยังตัดสินได้ถึงพลังของอีกฝ่ายหนึ่งว่ามีมากมายเหลือเฟือการปรากฏร่างของทั้งสองนั้นคล้ายกัน แต่รัศมีที่เปล่งออกมาจากร่างกายนั้นต่างกันร่างหนึ่งเป็นสีทองดูศักดิ์สิทธิ์ ขณะที่อีกร่างหนึ่งเป็นสีแดงฉานกราดเกรี้ยว บุรุษผู้มีรัศมีประกายศักดิ์สิทธิ์ถืออาวุธยาวไว้ในมือแต่มองไม่ออกว่าเป็นพลองหรือหอก ดูมีแสงสว่างเจิดจ้า
ส่วนบุรุษที่มีรัศมีแดงกราดเกรี้ยวห้อยกระบี่เล่มหนึ่งที่เอว
ปลายกระบี่เหมือนจะมีเลือดหยาดหยด
นอกจากนี้ขณะที่คนผู้นี้ก้าวย่างแต่ละก้าว ทุกๆ ย่างก้าวดูเหมือนจะมีรอยเท้าสีเลือด
แม้ว่าคนทั้งสองจะเข้ามาในเวลาเดียวกันแต่พวกเขาก็เดินแยกกันคนละด้าน ในทุกๆฝีก้าวดูเหมือนว่าพร้อมจะโจมตีคู่ต่อสู้ได้ทุกเวลา ความโกรธเกลียดและจิตสังหารแบบนั้นแม้แต่งูที่จำศีลอยู่ในฤดูหนาวก็ยังสะดุ้งตื่นขึ้นและเผ่นหนีทันที
ความเกลียดชัง
ความโกรธเกลียดชังเข้ากระดูกดำ
จุดจบชีวิตของคนทั้งสองแน่นอนว่าจะมีตายเพียงหนึ่งรอดเพียงหนึ่ง
“เจ้ายังไม่พบสะเก็ดศิลาดวงดาวหรือ? ช่างเถอะ, ข้ารอไม่ไหวแล้ว มันไม่สำคัญข้ามีเลือดของนักสู้ปราณฟ้าระดับเจ้าเมืองในเขตแดนของจักรพรรดิแดนดินมากถึงร้อยแปดคน ดูเหมือนว่าน่าจะพอ” บุรุษคนซ้ายมือที่มีแสงศักดิ์สิทธิ์กล่าว
“บังเอิญข้าก็รวบรวมเลือดของนักสู้ปราณฟ้าระดับเจ้าเมืองไว้มากกว่าสองร้อยคนอยู่ในมือเช่นกัน” บุรุษผู้เหมือนมีอารมณ์โกรธอยู่ตลอดเวลาตวาด
“.....” ราชาชิงหลางและคนอื่นๆ กลัวจนขนลุก
พวกเขาจำได้ว่าสองคนนี้เป็นใคร
คนหนึ่งคือจักรพรรดิเสิ่นกวง(แสงเทพ)เจ้านายใหญ่สุดของพวกเขา และอีกคนหนึ่งคือศัตรูที่แท้จริงของพวกจักรพรรดิเฟิ่นนิ่ว (พิโรธ)จักรพรรดิเฟิ่นนิ่วเป็นที่เกลียดชังยิ่งกว่าจักรพรรดิฟู่โฉว (แค้น)จักรพรรดิฟู่โฉวถ้าไม่พบพวกเขาอาจไม่หาโอกาสฆ่า แต่ถ้าเป็นจักรพรรดิเฟิ่นนิ่วนั้นแตกต่างกัน เขาเกิดมาเพื่อฆ่าจักรพรรดิเสิ่นกวงและทำร้ายจักรพรรดิเสิ่นกวง เว้นแต่จักรพรรดิเฟิ่นนิ่วตายเขาจะไม่มีวันปล่อยจักรพรรดิเสิ่นกวงและเจ้าตำหนักน้ำรุ่นใหม่ไปขณะที่จักรพรรดิฟู่โฉวก็จะไม่ปล่อยเขาไว้เช่นกัน
บัณฑิตซือเหรินและคนเครายาวตัวแทนกองกำลังของฝ่ายตนเองคำนับจักรพรรดิแดนดินทั้งสอง
พิธีกรรมเป็นการกระทำที่ทำเหมือนกันทุกคนด้วยทัศนคติแสดงความเคารพอย่างเดียวกัน ไม่มีใครสามารถจับผิดกันได้
แต่จักรพรรดิแดนดินทั้งสองยังคงอยู่ในอารมณ์ที่โกรธ
จักรพรรดิเสิ่นกวงแค่นเสียงเล็กน้อยพยายามระงับความโกรธในใจ
แต่จักรพรรดิเฟิ่นนิ่วระงับความโกรธไม่ได้เขาตบบัณฑิตซือเหรินกระเด็น “ไสหัวไปให้พ้น, พวกเจ้าไม่ได้มีความเคารพที่แท้จริงแม้แต่น้อย ถ้าไม่ใช่เพราะราชาสองหน้าเชิญมาและสัญญาว่าจะให้ร่างเทพที่เหลือและเลือดเทพหลายหยดกับข้าข้าจะไม่มีทางร่วมมือกับพวกเจ้า”
จักรพรรดิเสิ่นกวงหัวเราะลั่น“ไม่จำเป็นต้องร่วมมือกับสุนัขบ้าก็ได้ตราบเท่าที่พวกเจ้ามอบร่างเทพให้กับข้าผู้เป็นจักรพรรดิข้าจะช่วยพวกเจ้ากำจัดสุนัขบ้า นอกจากนี้ข้ายังจะสละไม่เข้าร่วมทำสัญญากับคัมภีร์เทพได้อย่างไม่เห็นแก่ตัว ข้าผู้เป็นจักรพรรดินี้รู้ว่าจ้าวสุริยาราชาผู้ยิ่งใหญ่ของพวกเจ้าต้องการคัมภีร์เทพ ไม่เป็นไรคัมภีร์เทพยกให้เขาไป แต่ต้องสัญญากับข้าว่าจะต้องฆ่าเจ้าสุนัขบ้านี้ในโลกศิลาแห่งนี้! ภูมิภาคสวนสวรรค์มีจักรพรรดิแดนดินได้เพียงคนเดียว และที่สำคัญก็คือข้ามีคุณสมบัติ มีความแข็งแกร่งและเป็นไปตามกฎก็คือ เป็นบุตรชายของจักรพรรดิเสิ่นกวงคนเก่าจะต้องได้รับตกทอดดินแดนของเขา”
ชายชราเครายาวพยักหน้าแสดงว่าเขาเห็นด้วยกับเงื่อนไขของจักรพรรดิเสิ่นกวง
ตรงกันข้ามกับบัณฑิตซือเหริน ความเคลื่อนไหวของเขากลับตรงกันข้าม
แม้ว่าใบหน้าของเขาจะบวมแต่เขาก็ยังถามจักรพรรดิเฟิ่นนิ่วอย่างสุภาพ “ท่านจะสละประตูทางเข้าแดนศิลาดวงดาวหรือไม่?”
“ข้ากำลังสู้กับคนป่าเถื่อนและข้าจะสู้อยู่ที่นี่ ถ้าเจ้าเปิดประตูแดนดาวได้ ก็จงเข้าไปข้างในและมองหาร่องรอยของคัมภีร์เทพ ถ้าไม่อย่างนั้นก็จงไสหัวไปซะราชาสองหน้าพาจ้าวสุริยามาแล้ว ร่างเทพจะเป็นของข้า ถ้าพวกเจ้ากล้ามีความคิดแบ่งและเล็ม พวกเจ้าจะต้องตายโดยไร้ที่กลบฝัง” จักรพรรดิเฟิ่นนิ่วโบกมืออย่างเย็นชา
ทันใดนั้นดาบของเขาโจมตีใส่จักรพรรดิเสิ่นกวงด้วยความหนักหน่วงและรุนแรง
ประกายดาบเหมือนกับทะเลโลหิต
ราชาชิงหลางและคนอื่นแทบจะอาเจียนเมื่อเห็นทีแรก
พวกเขาเคยฆ่าคนเหมือนผักปลาแต่ไม่รู้สึกรังเกียจ แต่ตอนนี้เมื่อพวกเขามองเห็นแสงทะเลโลหิตพวกเขาอดรู้สึกกลัวไม่ได้
จักรพรรดิเสิ่นกวงเห็นว่าหลายคนที่อยู่ในที่นั้นเป็นบริวารของตนเองในมือของเขามีสมบัติวิเศษชนิดหนึ่ง เขากลายเป็นกลุ่มแสงสีทองวิ่งเข้าปะทะแสงสีแดงและถูกกระแทกกระเด็นชนเข้าไปในโลกศิลายุบเข้าไปเป็นโพรงราวกะอุกกาบาตพุ่งชน
ไม่ทราบว่าบัณฑิตซือเหรินและคนเครายาวเอาเลือดนักสู้ปราณฟ้าสองถังออกมาตั้งแต่เมื่อใด
ผลึกปีศาจระดับปราณฟ้านับไม่ถ้วนและเลือดนักสู้ปราณฟ้าถูกอัดและฉีดเข้าไปในช่องสำหรับวางสะเก็ดศิลาดวงดาว
แต่อีกสามคนจอมหักหลัก, คนเผ่าโนมน้อยและเจ้าอ้วนใส่สะเก็ดศิลาดวงดาวอีกสามชิ้นในเบ้าที่ยังว่างอยู่
แสงสว่างเจิดจ้าฉายต่อเนื่องราวกับน้ำตก
โลกศิลาถูกแสงท่วมทับจมหายไปในพริบตา
นอกจากเสียงคำรามของจักรพรรดิเฟิ่นนิ่วและจักรพรรดิเสิ่นกวงที่เล็ดลอดออกมาเล็กน้อยแล้วทั่วทั้งโลกศิลากลายเป็นทะเลแสงสว่าง และเย่ว์หยางพบว่ายากจะมองเห็นได้ แสงสว่างเจิดจ้าไม่มีที่สิ้นสุดและมีความรู้สึกแปลกประหลาดในท่ามกลางแสงนั้นเสี่ยวเหวินหลียืนอยู่ข้างเขาอย่างเงียบงันทำให้ศัตรูที่คิดจะเข้ามาใกล้เขาต้องล้มเลิกความคิด...แสงสว่างเจิดจ้าไม่ส่งผลต่อพลังต่อสู้ของเธอ แม้ว่าเธอจะมีทักษะแฝงเร้นพันธนาการ แต่เธอก็ถนัดในด้านการควบคุมกลั่นพลังบริสุทธิ์ ผนึก ถ้าเธอต้องการแม้แต่แสงก็ไม่สามารถเล็ดลอดออกไปจากผนึกได้ของเธอได้
นอกจากเย่ว์หยางแล้วพื้นที่โดยรอบยังมีอีกกลุ่มหนึ่ง
ทุกคนสามารถรู้สึกได้
ประตูเข้าพื้นที่แดนดาวถูกเปิดเรียบร้อยแล้ว
ร่างเทพอยู่ข้างหน้าห่างออกไปร้อยเมตร ตราบเท่าที่เข้าไปถึง ก็สามารถสัมผัสได้ใครเล่าจะไม่ตื่นเต้น
เมื่อบัณฑิตซือเหริน,ผู้เฒ่าเครายาว คนเถื่อน คนอ้วน โนมและคนอื่นๆ เริ่มการเข่นฆ่าสังหารราชาชิงหลางหลบท่าสังหารได้และวิ่งเข้าไปที่ร่างเทพอย่างไม่คิดชีวิต คัมภีร์เทพ จ้าวสุริยา จักรพรรดิเสิ่นกวงจักรพรรดิเฟิ่นนิ่วอะไรนั่น เขาไม่คิดถึงทั้งนั้น เขามีความคิดอยู่อย่างเดียวก็คือ คว้าร่างเทพให้ได้และจากนั้นเข้าไปซ่อนตัวอยู่ในโลกคัมภีร์
เขาจะซ่อนตัวอยู่ด้วยความกลัวร้อยปีหรือพันปีโดยไม่ออกมา
มันคุ้มค่า
ราชาโหลวลั่วก็มีความคิดแบบเขาเช่นกัน
อย่างไรก็ตามราชาชิงหลางมีความเร็วมากที่สุด
ขณะที่ราชาชิงหลางเอื้อมมือเตรียมคว้าเอาร่างเทพ ราชาสองหน้าไม่ทราบว่ามายืนอยู่ต่อหน้าร่างเทพเมื่อใดเขาตัดมือข้างขวาของราชาชิงหลางและฟันซ้ำตามอีกหนึ่งเคียว ขณะที่ราชาชิงหลางพยายามหลบอย่างสุดความสามารถเคียวได้ตัดขาข้างหนึ่งของราชาโหลวลั่ว เคียวดำปีศาจฟันออกครั้งที่สามตัดศีรษะนักสู้ปราณฟ้าที่ไล่ตามมาสองสามคน “ไม่ต้องห่วงถ้าทุกคนฉลาดก็จงอย่าแตะต้องร่างเทพ เพราะในร่างของนางเป็นทางเข้าสู่โลกคัมภีร์เทพ หลังจากตรวจสอบแล้ว ในฐานะตุลาการ ข้าไม่ให้พวกเจ้ารุมแย่งสมบัตินี้”
ที่ด้านนอกกำแพงแดนดาวจักรพรรดิเสิ่นกวงและจักรพรรดิเฟิ่นนิ่วหยุดสู้กันกะทันหัน
ต่างคนต่างยืนคุมเชิงซ้ายขวา
แต่ขณะเดียวกันพวกเขาจงใจถามพร้อมกัน “ราชาสองหน้า,ภายใต้ร่างเทพธิดาเป็นทางเข้าโลกคัมภีร์เทพในตำนานจริงหรือ?”
“เป็นความจริงในตำนานข้าเคยได้ยินเรื่องเหล่านี้ เทพธิดาผู้ยิ่งใหญ่ตั้งเป้าหมายให้อนุชนรุ่นหลังได้เข้าสู่โลกคัมภีร์เทพทำสัญญาได้สำเร็จ นางได้ใช้ชีวิตและพลังเทพเปิดทางผ่านเอาไว้แม้ว่าจะต้องเสียสละตนเอง แต่ก็เพื่ออนุชนรุ่นหลัง วันนี้ในที่สุดก็รวบรวมสะเก็ดศิลาดวงดาวได้หลังจากบูชายัญด้วยเลือด โลกแดนดาวจึงถูกเปิดออก เห็นได้ว่าเทพธิดานี้ควรแก่การเคารพจริงๆ สำหรับทางเข้าก็ย่อมมีแน่นอนแม้จะไม่แน่ใจว่าเป็นทางเข้าที่เก็บคัมภีร์เทพหรือไม่จักรพรรดิเสิ่นกวงและจักรพรรดิเฟิ่นนิ่ว ข้าเสียใจจริงๆ นี่คือผลแห่งความพยายามของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ของเขาหลังจากจ้าวสุริยานายของเราได้คัมภีร์เทพแล้วร่างเทพนี้จะมอบให้กับท่านอย่างไม่เห็นแก่ตัว เนื่องจากท่านยอมสละสะเก็ดศิลาดวงดาวให้สี่ชิ้นจึงถือได้ว่าท่านมีส่วนร่วม มีความดีความชอบด้วย ร่างเทพนี้จะมอบให้แก่ท่านท่านจะแบ่งกันเอง หรือให้มีคนอื่นร่วมด้วย นั่นไม่เกี่ยวกับเรา ตอนนี้เชิญออกไปก่อนทั้งคู่จ้าวสุริยานายของเราจะให้ความเป็นธรรมแก่ท่านแน่นอน ราชาสองหน้าเชิญทั้งสองออกไปจริงๆเป็นเรื่องที่ทุกคนคาดไม่ถึง
“แน่นอนว่าพอเจ้าเห็นร่างเทพแล้ว เจ้าถึงได้แสดงธาตุแท้ออกมา” จักรพรรดิเสิ่นกวงไม่โกรธ แต่ยิ้มแทน
“ถ้าเจ้าคิดว่ามีบริวารสวะอยู่สองสามคนและต้องการจะล้มข้าผู้เป็นจักรพรรดิขอบอกว่านั่นเป็นเรื่องน่าขัน!” จักรพรรดิเฟิ่นนิ่วโกรธจัด ร่างของเขาเป็นสีแดงอีกครั้ง
“แน่นอนว่าเราคงไม่โง่พอ...จ้าวสุริยาบอกว่าภูมิภาคสวนสวรรค์ฟอนเฟะมาอย่างยาวนาน ถ้าจะขจัดความยุ่งเหยิงไม่มีอะไรจะทำได้ ดังนั้นข้าจึงต้องลงมืออีกครั้ง พวกเจ้าทุกคนจะต้องถูกกำจัด ไม่เพียงเจ้าเท่านั้น แต่จักรพรรดิฟู่โฉวที่อยู่ข้างนอกด้วย”ราชาสองหน้าหัวเราะ
“พระยาราชสีห์, ราชาจินกวน (มงกุฎทอง) ในสังกัดของจ้าวสุริยาจะมาพบท่านจักรพรรดิทั้งสองที่นี่”
“ข้าไม่ต้องการยกเว้นอยู่เรื่อย นอกจากจักรพรรดิแดนดินทั้งสองแล้วที่มีโอกาสเลือกจะออกไปได้แล้วคนอื่นๆข้าเสียใจที่จะต้องบอกว่าจะต้องอยู่เป็นเครื่องบูชายัญก่อนที่จ้าวสุริยาจะได้รับคัมภีร์เทพ แน่นอนว่าจักรพรรดิทั้งสองคงจะไม่ยอมจากไปแน่ ข้าคิดจะตัดศีรษะของพวกเจ้ามานานแล้วนี่เป็นเกียรติยศที่ข้าหลงใหลมานาน ภูมิภาคสวนสวรรค์ บึงหยุดลม จะกลายเป็นสุสานฝังสามจักรพรรดิแดนดินผู้ยิ่งใหญ่นี่เป็นเรื่องที่น่ายินดีจริงๆ!”
ในที่ข้างนอกห่างออกไปมีเสียงคนสองคนที่แทบจะไม่มีความสำคัญดังเล็ดลอดเข้ามา
หมิงลี่ฮ่าวได้ยินแล้วเขาลอบเข้าไปถึงตัวเย่ว์หยาง
เขาพยายามจะบอกว่าจ้าวสุริยาเป็นสุดยอดนักสู้ผู้แข็งแกร่งที่ไม่ธรรมดาเขาเตรียมจะลงมือแล้ว เย่ว์หยางจะต้องระวังอย่าเปิดโอกาสให้จ้าวสุริยาแม้แต่เล็กน้อย!
เมื่อเห็นหมิงลี่ฮ่าวที่มีพลังถึงขั้นปราณราชันย์ระดับแปดทำตัวเหมือนเต่าหดหัวในเวลานี้ เย่ว์หยางอดหรี่ตามองไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจ้าวสุริยา เขาไม่กลัว ถ้าเจ้าผู้นี้ระดับเดียวกับจีอู๋ลี่จริงๆ จะเกิดอะไรขึ้น?