ตอนที่ 960 แปดขุนพลบริวาร?
เมื่อเสี่ยวเหวินหลีปรากฏตัวหวีเฉาตัวปลอมสีหน้าเปลี่ยนทันที
ด้วยพลังของเขาเขาทำได้แค่แผดเสียงใส่ราชาจื่อฟงและราชาชิงหลาง และนั่นเป็นเพราะเขามีตัวประกัน
ความจริงแม้ว่าเย่ว์หยางจะไม่เรียกเสี่ยวเหวินหลีออกมาสู้ก็ตาม เขาก็ยังไม่กล้าโจมตีเย่ว์หยางได้ง่ายๆ เพราะคุณชายไตตันมาจากตระกูลมีชื่อของแดนสวรรค์บน
ที่สำคัญคนจากแดนสวรรค์บนต่อให้เป็นตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่เว้น นั่นไม่ต่างอะไรกับการบี้มดแมลง
บุรุษชุดทองยื่นมือออกมากันหวีเฉาตัวปลอมไว้
พฤติกรรมของเขาดูเหมือนโดดเด่นและเหมาะสมกว่าคนในกลุ่ม เขากล่าวอย่างเยือกเย็น “เราต้องไม่สร้างศัตรูเพิ่ม! คุณชายไตตันเป็นแค่อาคันตุกะ!”
เย่ว์หยางเมื่อได้ยินก็คัดค้านขึ้นทันที “นั่นไม่ใช่อาคันตุกะหรือศัตรู ก่อนหน้านี้เจ้าลอบสังหารข้า ข้ายังไม่ได้คิดบัญชีกับเจ้า”
สีหน้าของบุรุษชุดทองยังคงสงบเหมือนก่อน “การลอบสังหารทำไม่สำเร็จ ก็ถือว่าไม่เป็นการลอบสังหาร”
เย่ว์หยางพบว่าเขาเป็นนักแสดงจริงๆเมื่อเจอคนแบบนี้เขาถึงกับพูดไม่ออก
ถ้าไม่มีการลอบฆ่าที่สำเร็จ ถึงจะนับเป็นการลอบฆ่านั่นอยู่ในงานเลี้ยงไม่ใช่หรือ? เขาต้องหลบหนีการลอบสังหารด้วยฝีมือของตนเองไม่ใช่ว่ามือสังหารจะไม่มีพิษสง ในเมื่อพวกเขาลงมือกันทั้งหมดนั่นยังไม่ใช่เป็นการลอบสังหารอีกหรือ? ไม่สมควรจะแก้แค้นหรือ? นี่มันแนวคิดบ้าอะไรกัน? เขาเริ่มเข้าใจเพิ่มอีกเล็กน้อยพฤติกรรมการทำงานของพวกตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ช่างแตกต่างกันจริงๆ
บุรุษชุดทองหยุดคิดเล็กน้อยและเขาตัดสินใจทันที “ถ้าคุณชายไตตันยินดีจากไป อย่างนั้นข้าจะคืนหยดเลือดเทพให้กับท่าน”
เย่ว์หยางแก้ไข “ไม่ใช่หยดเลือด แต่พวกเจ้าขโมยเลือดเทพของข้าไปหนึ่งขวด!”
ทุกคนหลั่งเหงื่อพรั่งพรู
ฝ่ายตรงข้ามยินดีจะคืนหยดเลือดเทพก็นับว่าไม่เลวแล้ว
ต้องการหนึ่งขวดหรือ? นี่เขาคิดว่าเลือดเทพคือน้ำต้มหรือ? รีบรับเลือดเทพและรีบจากไปย่อมดีที่สุด
บุรุษชุดทองจักรพรรดิฟู่โฉวตัวปลอมไม่พูดอีกต่อไป แต่หันไปหากลุ่มของตนเอง ดูเหมือนว่าเย่ว์หยางจะตัดสินใจเช่นนั้นแล้ว
ที่ด้านนอก มารสัมฤทธิ์ฟ้าจักรพรรดิมังกร สองพี่น้องกระทิงเถื่อนและฮุยไท่หลางยังคงล้อมต่อสู้กับจักรพรรดิฟู่โฉว
เพื่อความแม่นยำ พวกเขาต้องล้อมไว้เพราะพวกเขาต้องทุ่มพลังสู้เต็มที่ ถ้ามีใครผ่อนกำลังแม้แต่เล็กน้อย คาดว่าจักรพรรดิฟู่โฉวจะพบเจอข้อผิดพลาดและสังหารคนผู้นั้น
ที่ท้ายทางผ่านมิติ มีความผันผวนของพลังและมีการระเบิด
รูปประตูมิติค่อยๆ ก่อตัวขึ้น
ฐานของประตูนี้ประกอบด้วยลวดลายของอักขระรูนสวรรค์หลากหลายรูปแบบเปล่งแสงเงินแสงทองเจิดจ้ามองดูลึกลับ
“นี่คือประตูดวงดาวหรือ?” เย่ว์หยางหันไปให้ความสนใจประตู เสี่ยวเหวินหลียังไม่ทันลงมือโจมตีก็กลับมาอยู่ข้างตัวเย่ว์หยางคอยคุ้มกันเขาเงียบๆ ขณะเดียวกับที่เธอกลับมาอยู่ข้างตัวเย่ว์หยางมีเงาสองสามสายลอบเข้ามาเงาเหล่านี้ไม่ทราบว่าหลบรอดความสนใจจากจักรพรรดิฟู่โฉวผ่านทะเลคลั่งเข้ามาในทางผ่านมิติได้อย่างไร
ผู้นำคนแรกคือคนเถื่อนร่างกำยำเต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อแข็งแรงเหมือนวัว
ที่ปากมีเขี้ยวงอกโง้วเหมือนดาบ
กายท่อนบนเปลือยเปล่าผิวสีกากีสักเป็นรูปลวดลายแปลกประหลาดรอบเอวพันด้วยเอ็นสัตว์ร้อยห้อยด้วยศีรษะของคนที่ตายอย่างอยุติธรรม
คนเถื่อนกระหายเลือดถือกระบองด้วยมือซ้ายมือขวาถือเนื้อดิบของสัตว์ชนิดหนึ่ง เขากำลังแทะกินอย่างมูมมาม
แค่ดวงตาและท่าทางที่น่ากลัวทำให้คนที่พบเห็นตอนแรกรู้สึกแข้งขาอ่อนทันที!
ที่ตามข้างหลังคนเถื่อนมาติดๆเป็นบุรุษสูงถึงสิบเมตร เขาเตี้ยกว่าพวกเผ่าโนม (ยักษ์ชนิดหนึ่ง) เพียงครึ่งเมตรแต่เขาเป็นเผ่าโนมอยู่ดี
โนมน้อยนี้สวมใส่เสื้อผ้าเรียบร้อย
บนศีรษะสวมหมวกสูงกว่าความสูงของตนอย่างน้อยครึ่งหนึ่ง
ต่างจากคนเถื่อนผู้ดูโหดอำมหิต โนมน้อยผู้นี้ยิ้มดูเหมือนกำลังอารมณ์ดี
ด้านหลังโนมน้อยเขาเป็นเป็นชายชราศีรษะโล้น สีหน้าของเขาเหมือนกับว่าผู้คนทั้งโลกติดหนี้เขา นอกจากมีรูปหน้าที่ดูเหมือนโลงศพแล้วเขามีเครายาวสีขาว ชายชราดูเหมือนไม่มีอะไรแตกต่าง แน่นอนว่าตราบเท่าที่เป็นนักสู้ปราณฟ้า ก็สามารถมองออกได้ง่ายว่าชายชราหน้าเหมือนโลงศพแข็งแกร่งทรงพลังมากกว่าคนเถื่อนอำมหิตและคนเผ่าโนมที่มาถึงก่อนมากมายหลายเท่าเทียบกับสองคนแรกแล้ว ปีศาจเฒ่าน่ากลัวกว่า
เบื้องหลังชายชราหัวล้านเป็นบุรุษร่างอ้วนใหญ่
คนอ้วน ทุกคนเคยเห็นมาแล้ว
แต่คนอ้วนลักษณะอย่างนี้ไม่เคยเห็นมาก่อนจริงๆ คนอ้วนผู้นี้ไม่ต่างไปจากลูกชิ้นเนื้อขนาดใหญ่ แม้แต่นิ้วก็ยังอวบอ้วน ใบหน้าอวบอ้วนจนแทบลืมตาไม่ขึ้นมองเห็นแต่เส้นโค้งเบาบาง ถ้าต้องการมองดูตาคนอ้วนผู้นี้คาดว่าต้องแล่ไขมันที่หนังตาของเขาออกหลายๆ ชั้นจึงจะเจอได้
อย่างไรก็ตาม คนอ้วนก็ยังมีเท้า
ทั้งยังสามารถเดินได้
แค่เพียงมองดูเขาเดินทุกคนยังรู้สึกอึดอัดและเหนื่อยแทน
ทุกคนที่เห็นคนอ้วนผู้นี้อดคิดไม่ได้ว่า“ถ้าเขาเปลี่ยนจากเดินเป็นกลิ้งไปแทน คาดว่าจะไปได้รวดเร็วกว่า”
แม้จะไม่ใช่ระยะไกลออกไปแต่คนอ้วนใช้เวลาเดินสิบนาทีกว่าจะเดินผ่านทางเดินมิติตรงไปที่หญิงงามจูกวงที่กำลังจะตาย เขามองดูอัญมณีประดับหน้าผากของหญิงงามจูกวงและหรี่นัยน์ตาเป็นประกายมองดูเหมือนรูเข็มสำหรับร้อยด้าย “โอว...นี่ นี่มันลูกปัดอธิษฐานไม่ใช่หรือนี่! ของดีแท้ๆ นางงามน้อย ถ้าเจ้ายินดีจะยกให้ข้าข้ายอมรับปากเจ้าทุกอย่าง รีบถอดออกมา ข้าอยากได้ ข้าชอบมันมาก เอามาให้ข้า!”
“ถ้าข้ายกให้ท่านท่านจะไว้ชีวิตข้าหรือไม่?” หญิงงามจูกวงหอบหายใจถามอย่างอ่อนแรง
“ไม่ได้, นั่นเป็นไปไม่ได้ ถ้าเจ้าไม่อยากส่งมาให้ด้วยตนเอง อย่างนั้นข้าจะหยิบเองแม้ว่าข้าจะไม่ชอบทำอย่างนั้นก็ตาม” บุรุษอ้วนอ้าปากหอบหายใจ พูดตามตรง
“นั่นคือสินสงครามของข้า ไสหัวไปไกลๆ เลยเจ้าอ้วน!” หวีเฉาตัวปลอมโมโห
“เจ้ากับข้าเป็นพี่น้องกันไม่ใช่หรือ เจ้ากำลังยุ่งมากข้าจะช่วยเก็บไว้ให้ก่อน” คนอ้วนหัวเราะอย่างไม่อาย
“อะไรนะ? ข้ากับเจ้าเป็นพี่น้องกันหรือ อย่างเจ้าน่ะหรือ? เจ้าเกี่ยวอะไรด้วย?” หวีเฉาตัวปลอมกระชากมือของคนอ้วนที่ต้องการจะหยิบอัญมณีจากหน้าผากของหญิงงามจูกวง
“โอวแน่นอน มันเป็นของข้าเองและน้องข้าข้าเองก็ต้องจัดการให้!”คนอ้วนพูดไม่ทันจบก็หวีเฉาตัวปลอมเตะกระเด็นหลังจากหวีเฉาตัวปลอมเตะคนอ้วนกระเด็นแล้วเขารีบวิ่งไปที่ประตูทางเข้ามิติและแค่นเสียงตะโกน “เจ้าโง่! เจ้าไม่มีส่วนกับเรื่องในวันนี้ไม่ใช่หรือ?ประตูแดนดาวกำลังจะเปิดอยู่แล้ว ถ้าเจ้าต้องการมีส่วนร่วมด้วย ทำไมเจ้าไม่เข้ามา?”
“ข้าคร้านจะปีนป่ายขึ้นไป....”ยังมีร่างเงาอีกร่างหนึ่งอยู่ภายในทางเข้าประตูมิติ ซึ่งมองดูเหมือนงูตาย เขาหลับอย่างเกียจคร้านไม่ต้องการจะเคลื่อนไหว
เย่ว์หยางสงสัยเป็นกำลัง ขณะที่ทุกคนไม่ทันระวังพวกเขาพบว่าคุณชายวิ่งออกไปแล้ว
ในมือถือกิ่งไม้ที่ไม่มีใครรู้จัก
เขาวิสาสะจับบุรุษผู้เกียจคร้านบนพื้นพลิกซ้ายพลิกขวา แต่บุรุษผู้นั้นก็ไม่ยอมเคลื่อนไหวเหมือนกับคนตายเย่ว์หยางเอากิ่งไม้ในมือแหย่ คนเกียจคร้านผู้นี้เพียงแต่พลิกตัวบ่นพึมพำ “ข้ายังไม่ตาย แต่ขี้เกียจขยับตัว”
ทุกคนหลั่งเหงื่อเยียบเย็น
ไม่ง่ายนักที่จะเจอคนเกียจคร้านระดับนี้ได้...อย่างไรก็ตามคนอยากรู้อยากเห็นและกล้าหาญอย่างคุณชายไตตันหาได้ยากยิ่งกว่า!
จงกวนรีบเข้าเข้ามาคุ้มกันเย่ว์หยางทันที ตอนนี้ราชาจื่อฟงเป็นเพราะหญิงงามจูกวงทำให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสอาศัยแค่จงกวนคงไม่มีกำลังมากพอต้องมีราชาโหลวลั่วและราชาว่านเจียวผนึกกำลังคุ้มกันความปลอดภัยของคุณชายไตตัน แน่นอนว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือยังมีปีศาจอสรพิษน้อยเสี่ยวเหวินหลี ถ้าเธอไม่อยู่ที่นั่นอย่างนั้นทุกคนคงจะยอมแพ้อย่างง่ายดาย เป็นไปไม่ได้ที่จะสู้กับศัตรูผู้ทรงพลังมากมาย
หมิงลี่ฮ่าวยังนิ่งเหมือนคนตายไม่ส่งเสียงอะไร
ราชาชิงหลางมีสีหน้าจริงจัง เขาจำสถานะของคนเหล่านี้ได้
ถ้าคนเหล่านี้มาเพียงคนหรือสองคนอย่างนั้นราชาชิงหลางอาจจะจำไม่ได้ แต่มามากขนาดนั้นนับว่ามีความชัดเจน เว้นแต่เขาเป็นคนตาบอด ไม่มีเหตุผลใดที่เขาจะจำไม่ได้
เมื่อเย่ว์หยางกลับมาราชาชิงหลางกระซิบบอกเขา “คุณชายไตตัน! คนเหล่านี้ความจริงก็คือแปดขุนพลบริวารของเจ้าสุริยา หวีเฉาตัวปลอมน่าจะเป็นจอมหักหลัง(ต้าวต้าวหนาน) ที่มีชื่อเสียงทางด้านทรยศหักหลัง เขาเก่งในเรื่องปลอมตัวเป็นคนอื่นและหลอกลวง สู้กันครั้งต่อไปเขาอาจจะปลอมตัวเป็นคนอื่นได้ ต่อไปท่านจะต้องระมัดระวัง ถ้าท่านไม่คุ้นเคยก็ต้องจดจำให้ได้เร็วๆ มิฉะนั้นอย่าไว้วางใจใครในนั้นอย่างง่ายดาย
“อาจจะเป็นร่างแปลงโฉมของจอมหักหลังต้าวต้าวหนานได้”
“แล้วจักรพรรดิฟู่โฉวตัวปลอมเล่า?” เย่ว์หยางรู้สึกว่าที่นี่มีอยู่สามคนที่แข็งแกร่งที่สุด และจอมหักหลังเก่งที่สุดในสามคนนี้เพียงแต่จักรพรรดิฟู่โฉวตัวปลอม ชายชราเครายามและคนเกียจคร้าน
“เขาน่าจะเป็นหนึ่งในแปดขุนพลนามว่าบัณฑิตซือเหริน” ราชาชิงหลางคาดเดา
“ถ้าจอมหักหลังคือตัวแทนของการทรยศหักหลังอย่างนั้นบัณฑิตซือเหรินก็เป็นตัวแทนของความรู้และเหตุผล คนเถื่อนเป็นตัวแทนของความบ้าคลั่งกระหายเลือดเจ้าคนเผ่าโนมเป็นตัวแทนของความมั่งคั่งและสมบัติ อดีตชอบกินคนเขาเป็นคนโหดร้ายและโลภมากเก่งกาจเรื่องปล้นตีชิงเมื่อเขาลงมือแล้วต้องได้สิ่งที่เขาต้องการ บุรุษอ้วนเป็นตัวแทนของความโลภและปล้นชิง เขาจะไม่ยอมปล่อยผลประโยชน์ใดๆ ให้หลุดมือเด็ดขาด ส่วนชายชราเครายาวนั้นเป็นตัวแทนของความดื้อรั้นมีความเคร่งครัด เขาเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดในแปดขุนพล ส่วนคนเกียจคร้านที่อยู่หน้าท่านความจริงเป็นคนโง่มีพลังยากจะหยั่งถึง” ราชาโหลวลั่วรีบแนะนำเย่ว์หยางอย่างกระตือรือร้นและรวดเร็ว
“จ้าวสุริยามีแปดขุนพลเป็นบริวารไม่ใช่หรือ?” เย่ว์หยางงอนิ้วนับ และถามเหตุผล“อีกคนหนึ่งอยู่ที่ไหน? หรือว่า....”
เขามองไปที่ราชาสองหน้าที่กำลังถือเคียวปีศาจ
ราชาชิงหลางลดเสียงตนเองลงและเหลือบมองไปทางราชาสองหน้า “มีอีกคนหนึ่งเรียกว่าเสี่ยวโฉ่ว (ตัวตลก)ซึ่งเป็นตัวแทนของความชั่วร้ายและอำมหิตเลือดเย็น เป็นคนที่ลึกลับที่สุดไม่มีใครเคยเห็นสถานะของเสี่ยวโฉ่ว อาจอยู่ไกล หรืออยู่ใกล้ก็ได้ใครจะรู้”
ความหมายของราชาชิงหลางคาดการณ์ไปทางราชาสองหน้า
แต่เย่ว์หยางรู้ดี
ราชาสองหน้าก็คือราชาสองหน้า เสี่ยวโฉ่วก็คือเสี่ยวโฉ่ว
แปดขุนพลบริวารของจ้าวสุริยามาเจ็ดคน ดังนั้นเสี่ยวโฉ่วหายไปเป็นเวลาหลายปี?
เสี่ยวโฉ่วยังไม่ปรากฏ เขาทำอะไรอยู่ มีสามราชาที่มีพลังระดับเดียวกับราชาสองหน้าและจ้าวสุริยาผู้ทรงพลังที่แม้แต่หมิงลี่ฮ่าวก็ยังซ่อนพลังจากคนอื่น เขาอยู่ไหนกัน?
เย่ว์หยางมีลางสังหรณ์ว่าศัตรูใกล้ปรากฏ ดังนั้นต่อไปก็ควรเปิดเผยขั้นตอนของแผนการทั้งหมด