ตอนที่ 956 ความลับและความจริงมาจากมนุษย์?
สำหรับตุลาการแล้วทุกคนที่อยู่ข้างหน้าเขาไม่มีอะไรรวมทั้งราชาจื่อฟงนี้ก็ไม่เป็นที่รู้จัก
อย่างไรก็ตามเย่ว์หยางตั้งข้อสังเกต
หลังจากที่เทวีเสรีภาพเห็นตุลาการผู้นี้นางมีสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย
ดูเหมือนว่านางจะรู้จักว่าคนผู้นี้เป็นใครแต่นางไม่เอ่ยปาก บางทีนางไม่ยินดีจะพูดถึงคนผู้นี้ แต่เมื่อเขากวาดตามองทุกคนสายตาของเขาหยุดดูที่ร่างเทวีเสรีภาพนานที่สุด แม้ว่าช่วงเวลาจะน้อยมากไม่ทันได้สังเกตรายละเอียดรวมทั้งหมิงลี่ฮ่าว แต่ด้วยจักษุญาณทิพย์ของเย่ว์หยางเขาสามารถเห็นทั้งหมดได้ในคราวเดียว
เจ้าคนที่อ้างตัวว่าเป็นตุลาการกับเทวีเสรีภาพรู้จักกันแน่นอน
ตอนนี้เรื่องเดียวที่เย่ว์หยางประหลาดใจก็คือเทวีเสรีภาพรู้จักคนของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างไร? จะต้องมีความลับอยู่ในระหว่างนี้เป็นแน่!
“เล่าฮ่าว!เจ้าผู้นี้เป็นใคร?” เย่ว์หยางลองถามดูเผื่อว่าหมิงลี่ฮ่าวจะรู้จักคนผู้นี้
“ข้าไม่เคยเห็นมาก่อนแต่เคยได้ยินคนพูดถึงคนผู้นี้น่าจะเป็นหนึ่งในสี่ราชาบริวารของจ้าวสุริยาจากตำหนักเทพสุริยะแห่งตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์‘ราชาสองหน้า” หมิงลี่ฮ่าวลอบส่งข้อมูลให้เย่ว์หยางเงียบๆขณะที่ตุลาการผู้นั้นลอยตัวเข้ามาหาราชาจื่อฟง
“จ้าวสุริยาแห่งตำหนักเทพสุริยะคือใคร?” เย่ว์หยางเพียงแต่ได้ยินมาว่าตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์มีสามตำหนักใหญ่แยกกันปกครองคือตำหนักศักดิ์สิทธิ์ ตำหนักมังกร ตำหนักโลหิตก่อนนี้เขาพบเห็นว่าจีอู๋ลี่มีความแข็งแกร่งเคยทำสงครามกับหมู่บ้านฝังดาบเขากับเทียนอี้อาจารย์ของเขาชิงเกราะศักดิ์สิทธิ์ของวิเศษชิ้นที่สี่ในหกของวิเศษไปได้และกลายเป็นเจ้าตำหนักศักดิ์สิทธิ์ในตอนนี้นอกจากสามตำหนักใหญ่ศักดิ์สิทธิ์แล้ว เย่ว์หยางเคยได้ยินชื่อเจ้าตำหนักแสงนามว่าจงหัวเจ้าตำหนักมืดว่านหมอและเจ้าตำหนักไฟหลานฟงรวมทั้งคนอื่นซึ่งมีพลังน่าเกรงขามมาก ขณะที่จ้าวสุริยาแห่งตำหนักเทพสุริยะรวมทั้งสี่ราชาบริวารของเขาและราชาสองหน้าเย่ว์หยางไม่เคยได้ยินมาก่อน
“แตกต่างจากสามตำหนักใหญ่ ที่มีกำลังผู้อาวุโสอยู่ในมือ” หมิงลี่ฮ่าวเดินตามเย่ว์หยางขณะลอบส่งข้อมูลให้เขา
“ขอรายละเอียดเพิ่มอีก” เย่ว์หยางให้ความสนใจ
“เมื่อเทียบกับจีอู๋ลี่ที่เจ้ารู้จักนั้นจ้าวสุริยาไม่ด้อยกว่าเท่าใดเลย เขาเป็นบุคคลสำคัญคอยให้การฝึกฝนผู้อาวุโสของตำหนักกลางใหญ่เพื่อต่อกรกับผู้ปกครองสูงสุดของตำหนักกลางได้ แม้ว่าเป็นไปไม่ได้ที่จ้าวสุริยาจะมีพลังเทียบกับผู้ปกครองสูงสุด แต่แน่นอนว่าจีอู๋ลี่อยู่ในระดับนั้นเพราะเขามีพลังน่าเกรงขาม จึงมีเหล่าผู้อาวุโสให้การสนับสนุนแน่นอนว่าเขาถือได้ว่าเป็นผู้ที่มีอิทธิพลอยู่ในตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ จ้าวสุริยามีบริวารระดับราชาอยู่สี่คนและระดับขุนพลอีกแปด พวกเขาได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีจากผู้อาวุโสของตำหนักกลางเป็นเวลาหลายพันปี แม้ว่าพลังความแข็งแกร่งจะยังไม่เทียบเท่ากับอีกสามตำหนักใหญ่แต่เมื่อเทียบกับตำหนักชั้นนอกดิน น้ำ ลม ไฟ มืด สว่างเป็นต้นก็ยังไม่ห่างกันเท่าใด นอกจากนี้เจ้าตำหนัก รองเจ้าตำหนัก ผู้อาวุโสตำหนักรอบนอกต่างๆ ตำแหน่งผู้อาวุโสหลายตำแหน่งที่มีพวกเขาแทรกอยู่ในนั้น เจ้าตำหนักสูงสุดกุมอำนาจอยู่ในมือ 100% เต็มแค่เพียงสามตำหนักหลักคือ ตำหนักศักดิ์สิทธิ์ ตำหนักมังกรตำหนักโลหิต” หมิงลี่ฮ่าวคุ้นเคยกับข้อมูลของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ คาดว่าต้องใช้ความพยายามมากในการรวบรวมข้อมูลข่าวสาร
“บางทีอันดับต่ำลงมาจากเจ้าตำหนักสูงสุดมีเจ้าตำหนักใหญ่ผู้ลึกลับ อาจมีระดับพลังเหนือกว่าจีอู๋ลี่ก็ได้กระมัง?” เย่ว์หยางยังคงถามต่อ
“ถูกแล้วเจ้าตำหนักใหญ่นั้นมีอิทธิพลมากเป็นลำดับที่สามในตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์” หมิงลี่ฮ่าวพยักหน้ายืนยัน
“ดูเหมือนว่าตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์จะไม่เป็นปึกแผ่นเป็นอันเดียวกัน” เย่ว์หยางรู้สึกดีใจ
“แน่นอนว่าไม่ได้เป็นปึกแผ่นอันเดียวกันทุกคนต้องการพลังอำนาจ เพียงแต่เจ้าตำหนักสูงสุดแข็งแกร่งเกินไปสามารถปราบปรามข่มสถานการณ์ทั้งหมดได้อยู่หมัด เจ้าตำหนักสูงสุดไม่เพียงแต่ต้องบอกว่า คนผู้นั้นไม่ใช่ผู้ที่เราสามารถท้าทายได้ นอกจากนี้เขายังอุทิศตนเองให้กับการศึกษาวิทยายุทธการต่อสู้ขั้นสุดยอดเรื่องราวภายนอกที่ทำให้เขากังวลได้นั้นมีอยู่น้อยนัก ดูเหมือนว่าชื่อเดิมของเจ้าตำหนักใหญ่จะชื่อว่าตงฟาง เขาเป็นศัตรูตัวร้ายของหอทงเทียน กล่าวกันว่าเขาเป็นนักรบจากตระกูลที่หักหลังหอทงเทียน แต่ก็ไม่เลวสำหรับแดนสวรรค์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตระกูลในแดนสวรรค์บนเรียกเขาว่าเจ้าตำหนักใหญ่ผู้เมตตา พวกจีอู๋ลี่ไม่ได้เรียกว่าเขาเจ้าตำหนักใหญ่ รวมทั้งเจ้าตำหนักศักดิ์สิทธิ์ เจ้าตำหนักมังกรไม่เรียกเขาว่าเจ้าตำหนักใหญ่ แต่เรียกว่าเจ้าตำหนักผู้เมตตาคาดกันว่าเทียบกับเจ้าตำหนักสูงสุด เขามีพลังต่ำกว่าหนึ่งขั้น เจ้าตำหนักเมตตานี้ไม่ค่อยจัดการเรื่องนอกตำหนัก เขาคอยจัดการกิจการภายในต่างๆและเจรจาต่อรองในตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ เขาได้รับความนิยมนับถือเพราะประสานผลประโยชน์ตั้งแต่แดนตะวันออกจนถึงตะวันตกเจ้าตำหนักใหญ่ตงฟาง เขายินดีต้อนรับเรา สำหรับเราแล้วนั่นเป็นการรวมกลุ่มที่ไม่เลว! แน่นอนว่าทัศนคติที่เขามีต่อหอทงเทียนไม่ใช่เรื่องดี เข้าขั้นเกลียดชังเขาเป็นหนึ่งในกำลังหลักยกระดับสงครามกับหอทงเทียน ข้าสงสัยจริงว่าการสู้กับจักรพรรดิอวี้คงเป็นเขากับเจ้าสุริยาร่วมมือกันโจมตีใส่จักรพรรดิอวี้แน่ มิฉะนั้นจักรพรรดิอวี้ที่มีของวิเศษสามอย่างเราคงจัดการไม่ได้ง่ายๆ” หมิงลี่ฮ่าวอธิบายอย่างละเอียด
“พลังของเจ้าตำหนักสูงสุดเป็นยังไงบ้าง?” เย่ว์หยางถามคำถามสุดท้าย
“ข้าไม่ทราบเพราะไม่มีคนนอกได้พบเขามาเกือบหมื่นปีแล้ว มีแต่จีอู๋ลี่ผู้เป็นเจ้าตำหนักใหญ่ ผู้อาวุโสระดับศักดิ์สิทธิ์ไม่กี่คน เจ้าตำหนักสูงสุดเป็นพวกบ้าวิชาคลั่งไคล้กับการฝึกฝนมาหลายพันปีเพื่อไล่ตามขีดจำกัดไม่มีใครรู้ว่าเขามีแข็งแกร่งเพียงไหนแต่ที่แน่นอนก็คืออยู่ในระดับเทพแล้ว...” หมิงลี่ฮ่าวยังรายงานไม่จบ เย่ว์หยางพูดขัดจังหวะ “เหลวไหล!”
ถ้าเจ้าตำหนักสูงสุดไม่เหนือกว่านักสู้ระดับเทพไม่มีพลังระดับเทพ เขาจะสามารถข่มตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดได้หรือ?
หนึ่งในสามบริวารเจ้าตำหนักใหญ่จีอู๋ลี่ก็ยังมีพลังใกล้ระดับเทพแล้ว
เย่ว์หยางไม่ต้องการเข้าใจความแข็งแกร่งของเจ้าตำหนักสูงสุดอย่างแท้จริง
นั่นไม่ใช่เรื่องที่หมิงลี่ฮ่าวสามารถเข้าใจได้อย่างแน่นอน เย่ว์หยางแค่ต้องการรู้ว่าเจ้าตำหนักสูงสุดใช่คนที่ชิงสมบัติวิเศษชิ้นที่สี่เกราะศักดิ์สิทธิ์ไปหรือไม่ เทียนอี้เป็นอาจารย์ของจีอู๋ลี่ถ้าตาเฒ่านี่ยังไม่ตายบางทีตอนนี้อาจกลายเป็นเจ้าตำหนักสูงสุดก็ได้ แน่นอนว่าความจริงแล้วเรื่องราวภายในยังไม่ชัดเจนไม่สามารถตัดสินใจได้เต็มที่ ขณะนี้ได้แต่เพียงสงสัยเท่านั้น
ไม่ว่าเทียนอี้จะเป็นเจ้าตำหนักสูงสุดหรือไม่ เย่ว์หยางยังไม่จำเป็นต้องคิดเรื่องนี้
ยังเอาชนะไม่ได้แน่
ก่อนที่จะท้าทายเขา เขาต้องฆ่าคนที่มีฝีมือต่ำกว่าระดับหนึ่งให้ได้เสียก่อนนั่นคือจีอู๋ลี่
เย่ว์หยางยังไม่ผ่านมิติทดสอบทั้งสิบด่านก็คงไม่กล้าไปท้าทายคนที่บ้าการฝึกฝนวิทยายุทธมาถึงหมื่นปีแน่ถ้าเขายังไม่ผ่านด่านทดสอบสิบด่านชนะได้รางวัล เรื่องนั้นยังไกลเกินไป
จากนั้นก็ต้องรอให้นางพญาเฟ่ยเหวินหลีออกมาก่อนได้รับคัมภีร์เทพ ให้แม่เสือสาว สาวหิมะแข็งแกร่งมากขึ้นกว่านี้อีกสักเล็กน้อย
คาดว่าน่าจะลองได้!
ตอนนี้เขายังคงเร่งยกระดับพลัง ไม่จำเป็นต้องกังวลมากเกินไป “เจ้ารู้จักเสี่ยวโฉ่วโจรตัวตลกบ้างไหม?” เย่ว์หยางนึกถึงปัญหาบางอย่างได้
“ถ้าเจ้าพูดถึงตัวตลกร่างผอมชอบแต่งหน้าด้วยสีสันจัดห้าสีหน้าตาบูดบึ้งราวกับกินน้ำครำข้าบอกเจ้าได้เลยว่ารู้จักแน่นอน! คนผู้นี้เก่งในเรื่องการวางแผนเมื่อตอนที่เขายังไม่แข็งแกร่งมากเขาได้รับการส่งเสริมจากผู้อาวุโสตำหนักเป็นหนึ่งในแปดขุนพล ในเวลานั้นเขาคือคนจากตระกูลที่ทรยศหอทงเทียนเขาวางแผนการร้ายต่อหอทงเทียนได้อย่างน่ากลัว ข้าไม่รู้รายละเอียดของเรื่องโดยเฉพาะ อย่างไรก็ตามเขาคือหนึ่งในแปดขุนพลของจ้าวสุริยา นั่นเป็นเรื่องที่แน่นอน” หมิงลี่ฮ่าวยิ้มทันทีและชี้ไปที่ราชาสองหน้าที่กำลังลอยอยู่ข้างหน้า เขากระซิบเย่ว์หยาง “เจ้าไม่คิดหรือว่าเสี่ยวโฉ่วคล้ายกับคนผู้นี้?”
“ก็แค่ต้นแบบ!” เย่ว์หยางพยักหน้าแน่ใจ
“พวกเขาน่าจะมีสัมพันธ์เป็นศิษย์กับอาจารย์ ข้าจำได้ว่าเสี่ยวโฉ่วอ่อนแอมากพวกผู้อาวุโสคงต้องใช้ความสามารถมากมายเพื่อฝึกเขาขึ้นมาจ้าวสุริยาได้มอบหมายให้หนึ่งในสี่ราชาสอนเขาเป็นพิเศษ ข้าไม่รู้จักว่าเขาเป็นใครวันนี้ข้าแน่ใจว่าเจ้าผู้นี้คงเป็นราชาผู้ได้รับมอบหมายจากจ้าวสุริยาให้ทำหน้าที่เป็นอาจารย์ของเสี่ยวโฉ่ว” หมิงลี่ฮ่าวเล่าเรื่องราวในอดีตของเสี่ยวโฉ่วให้เย่ว์หยางฟัง
เย่ว์หยางรู้ว่าเสี่ยวโฉ่วเคยมีพลังปราณฟ้าระดับสามมาก่อน
สามารถได้รับพลังจากผู้อาวุโสตำหนักกลางและจ้าวสุริยานับว่าไม่ง่ายเลยจริงๆ
แต่สิ่งที่ทำให้เย่ว์หยางสงสัยก็คือพลังของเสี่ยวโฉ่วนั้นไม่ถือว่าแข็งแกร่ง ดังนั้นหลังจากผ่านไปหลายปีในฐานะหนึ่งในแปดขุนพล ทำไมเขาไม่ได้รับการฝึกฝนหรือ? เสี่ยวโฉ่วในมุมมองของเย่ว์หยางมีพลังปราณฟ้าระดับสี่ แม้แต่ขอบเขตปราณราชันย์ก็ยังไม่ใกล้เคียง ห่างไกลจากราชาสองหน้าผู้เป็นอาจารย์และมีพลังปราณราชันย์ระดับหกเป็นอย่างน้อยห่างไกล...แน่นอนว่าศักยภาพของเขามีข้อจำกัด จะต้องมีความลับบางอย่างเกี่ยวกับเสี่ยวโฉ่วที่เขาคิดไม่ถึง ไม่ง่ายเหมือนกับที่เห็นเป็นแน่
ถ้าเพียงแต่เขาเห็นได้ในตอนนี้ก็คงจะดี
ตอนนี้เขาจะสามารถเข้าใจความลับของเสี่ยวโฉ่วได้ทั้งหมดหรือไม่? เย่ว์หยางลอบถอนหายใจ ครั้งต่อไปเมื่อพบเสี่ยวโฉ่วเขาจะต้องใช้ความพยายามทุกวิถีทางเพื่อฆ่าเจ้าผู้นี้ซึ่งมีความเจ้าเล่ห์ชั่วร้ายอยู่เต็มหัว
เจ้านั่นฉลาดเกินไปไม่อาจปล่อยให้เขามีชีวิตยาวนานเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านหลังของเขายังมีตำหนักกลางคอยส่งเสริม!
ราชาสองหน้าผู้ถือเคียวยมทูตอยู่ในมือขณะที่เขาลอยตัวอยู่ในใจกลางทะเลสันติ พื้นที่โดยรอบสงบเงียบ เขาหยุดรอคอยราชาจื่อฟงและคนอื่นๆค่อยๆ ตามกันมา
เขาพลิกมืออย่างลึกลับ
เคียวดำยมทูตของวิเศษชั้นเตรียมเทพตัดมิติพื้นที่รอบตัวทะเลสันติซึ่งสงบอย่างจำกัดแต่เดิม ถูกตัดเหมือนกับชิ้นเต้าหูเป็นรูปกลมแสงรัศมีสายหนึ่งฉายเป็นรูปเหมือนประตูที่เปิดออกเชื่อมเป็นทางเดินผ่านราชาจื่อฟงและพวกมองอย่างตกตะลึง ทรงพลังเหลือเกินตัดทะเลสันติภาพให้แยกจากกันโดยไม่ก่อให้เกิดการระเบิดของพลังได้หรือนี่?
นี่เป็นพลังควบคุมแบบไหน?
มารสัมฤทธิ์ฟ้า จักรพรรดิมังกรจักรพรรดิใต้พิภพมองดูเย็นชา ด้วยพลังควบคุมของเขา เป็นไปไม่ได้ที่จะทำอย่างนี้!
หมิงลี่ฮ่าวขมวดคิ้วเล็กน้อยตัดทะเลสันติสำหรับเขาถือว่าไม่ยากเกินไป แต่ยังคงสภาพรอยแยกไว้ได้นานเป็นเรื่องยากสำหรับทุกคนที่เข้ามา ที่สำคัญคือ ถ้าไม่มีพลังพิเศษการจะทำได้เช่นนี้เป็นเรื่องที่ยากมาก
เขามองดูเย่ว์หยางเด็กน้อยเจ้าเป็นตัวอะไร? มีความสำเร็จระดับไหน?
เย่ว์หยางยักไหล่
แต่ไม่ตอบ
เขามีอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญเทเลพอร์ตผ่านพื้นที่มิติ แต่เขาจำเป็นต้องบอกด้วยหรือ?
หมิงลี่ฮ่าวเห็นท่าทางเจ้าเด็กนี่แล้วอยากทุบแต่คิดได้ว่าเจ้าเด็กนี่เป็นตัวประหลาดอย่างแท้จริง ไม่ธรรมดาเขาเองแทบไม่อยากจะยอมรับ
“เข้ามาให้หมด ระวังลมหายใจด้วยอย่าใช้พลังเพื่อสัมผัสสิ่งใดเด็ดขาด” ราชาสองหน้าเตือนเสียงราบเรียบเหมือนกับเตือนกลุ่มมดแมลงไม่ให้ล้ำเขตแดน ทำให้ราชาจื่อฟงรู้สึกอึดอัดมาก แต่พลังระดับราชาไม่อาจเทียบนิ้วเท้าของคนอื่นได้ช่างยากทนทานจริงๆ การสัมผัสทะเลสันติแม้แต่คนโง่ก็ยังไม่กล้าทำ
เดินผ่านทางเดินเข้าไปใจกลางทะเลสันติตอนนี้เย่ว์หยางพบว่าตนเองกำลังผ่านเส้นทางเทเลพอร์ตผ่านมิติพื้นที่ซึ่งแปลกประหลาด
ทางผ่านนี้ตั้งอยู่ในใจกลางทะเลสันติไม่ใช่ที่อื่น
พื้นที่ไม่ใช่เล็กน้อย
ประมาณว่าสนามฟุตบอลสิบสนามต่อกัน
ที่ตอนท้ายเส้นทางผ่านมีหญิงงามจูกวงที่ถูกจับเป็นเชลยกลุ่มนักฆ่า จักรพรรดิฟู่โฉวตัวปลอมมีนักสู้ปราณฟ้าสิบกว่าคนที่เย่ว์หยางไม่รู้จัก ถ้าพูดถึงความแข็งแกร่งไม่นับตัวเขาเองกับหมิงลี่ฮ่าว ฝ่ายตรงข้ามสามารถเอาชนะราชาจื่อฟงได้ทั้งนั้น..ในเมื่อมีพลังแข็งแกร่งเหนือกว่าก็สมควรบุกเข้ามาสู้ได้โดยตรงทำไมต้องวางแผนซับซ้อนมากมาย? เย่ว์หยางคิดยังไง ก็คิดไม่ออก เขาได้แต่เพียงคาดเดาเมื่อพวกเขาวางแผนจัดการราชาจื่อฟงและคุณชายไตตัน ต้องมีเป้าหมายอื่นแน่นอน คงไม่ใช่กลุ่มง่ายๆ อย่างที่เห็น!
ในไม่ช้าการคาดเดาที่ชัดเจนของเย่ว์หยางได้รับการยืนยันบางส่วน
บุรุษคนที่สามเดินเข้าไปในเส้นทางผ่านไม่มีใครสนใจ แม้แต่ราชาสองหน้าก็แค่ชำเลืองมอง จากนั้นตรงเข้าไปหาเทวีเสรีภาพ เขาเข้าไปหาทำไม?