ตอนที่ 3 ดวงตาผนึกเทพ
ตอนที่ 3 ดวงตาผนึกเทพ
‘ดวงตาผนึกเทพเข้ามาแทนที่ดวงตาของข้า’ อยู่ ๆ ในความคิดของลีโอก็ปรากฏชื่อของดวงตาสีฟ้านี้ขึ้นมา
ณ ตอนนี้ดวงตาข้างขวาของเขาเป็นสีฟ้าและดวงตาข้างซ้ายนั้นเป็นสีแดง มันทำให้เขามีดวงตาสองสี ลีโอกำลังคิดว่ามันจะมีปัญหาหรือไม่ แต่แล้วตอนนั้นดวงตาข้างขวาก็เปลี่ยนเป็นสีแดง
“เอ๊ะ หายไปแล้ว” ลีโอกล่าวอย่างประหลาดใจ
“อะไรหายไป”
แต่แล้วตอนนั้นเองก็มีเสียงพูดขึ้นมาจากทางหน้าต่าง เสียงนั้นทำให้ลีโอตกใจ เขาหันหน้าไปมองก็พบว่าไม่ใช่กัส แต่เป็นบุคคลปริศนาผู้หนึ่งที่สวมเสื้อฮู้ดปิดหน้าตาไว้อย่างชัดเจน
สายตาของเขาเหลือบไปมองหน้าต่างด้านหลัง ตอนแรกมันล็อกไว้อยู่ แต่ตอนนี้มันเปิดค้างไว้ ชัดเจนว่าบุคคลปริศนามีวิธีการเปิดมันจากด้านนอก
ลีโอพึ่งคิดขึ้นได้กำลังจะใช้มือปิดดวงตาขวาของตนเอง แต่เขานึกขึ้นได้ว่าดวงตาของเขานั้นกลับมาเป็นปกติแล้ว เขาจึงไม่ขยับตัวให้มีพิรุธ
ถึงอย่างนั้นหัวใจของลีโอเต้นแรงเป็นกลองศึก เพราะกลัวว่าบุคคลปริศนาผู้นี้จะเห็นเหตุการณ์ก่อนหน้าและมาควักลูกตาของเขา
“ท่านเป็นใคร?” ลีโอถามอย่างระวัง เขาคาดการว่าชายปริศนาอาจจะเกี่ยวข้องกับเรื่องของผีร้ายและกัส เพราะไม่อย่างนั้นเขาจะมาปรากฏตัวที่นี่ทำไม
“ผีร้ายที่เข้ามาที่นี่เมื่อครู่มันหายไปไหนแล้ว หรือมันจะหนีไปแล้ว” บุคคลปริศนาไม่คิดจะตอบคำถามของลีโอ แถมยังถามกลับมา
‘เป็นอย่างที่คิด’ ลีโอพูดในใจ เขาพยายามทำให้ตัวเองใจเย็นเข้าไว้
“ข้าไม่รู้” ลีโอแกล้งตอบไป อันที่จริงเขาอยากจะบอกว่ามันหนีไปแล้ว แต่กลัวว่าจะโกหกไม่เนียน ดังนั้นจึงปฏิเสธไม่รู้ไม่เห็นไปเลย
“มันคงสัมผัสได้การมาของข้าและรีบหนีไป” ชายคนนั้นเหมือนจะสรุปไปเองอย่างรวดเร็ว
บุคคลปริศนาเลิกคิดเรื่องการหนีไปของผีร้ายและหันมาสนใจลีโอ
เขาจ้องมาที่ลีโอและพูดว่า “มีล่องลอยของอนุภาควิญญาณในนี้ ถ้าอย่างนั้นเจ้าคือ เด็กข้ามาได้รับรายงานให้มาตรวจสอบ เพราะสงสัยว่าจะเกี่ยวข้องกับวิญญาณร้ายสินะ ไม่คิดว่าจะยังฟื้นขึ้นมาได้จริง ๆ บางทีตายไปตั้งแต่แรกจะทรมานน้อยกว่าที่ต้องมาโดนฆ่าอีกครั้ง”
“ท่านกำลังพูดเรื่องอะไร หรือว่าเงาที่ทำร้ายข้ามันคือผี” ลีโอแกล้งทำเป็นสงสัย เขาไม่ได้ปิดบัง เพราะดูเหมือนว่าบุคคลผู้นี้จะรู้เรื่องราวการโจมตีของกัส
“สิ่งนั้นเรียกว่า ผี เป็นหนึ่งในสิ่งมีชีวิตที่เกี่ยวกับวิญญาณชนิดหนึ่งอย่างภูติผีปีศาจ ตอนนี้เจ้าเห็นมันแล้ว นั้นหมายความว่ามันก็เห็นเจ้าเช่นกัน ตัวที่มาในวันนี้เป็นแค่จุดเริ่มต้น หลังจากนี้มันจะมาหาเจ้าเรื่อย ๆ จนกว่าเจ้าจะตาย ถ้าไม่อยากตายก็ฟังให้ดี ๆ พรุ่งนี้จะมีเจ้าหน้าที่มาหาเจ้า ถ้าเขายื่นข้อเสนออะไรมาก็ให้ตอบตกลงพวกเขาไป นี่เป็นทางรอดเดียวของเจ้า”
หลังจากพูดจบอยู่ ๆ บุคคลปริศนาคนนั้นก็หันหลังกระโดดออกจากหน้าต่างห้องของเขาไป
ลีโอรีบลุกขึ้นจากที่นอนและตามไปดู ก็พบว่าบุคคลปริศนานั้นหายไปในความมืดแล้ว
“ปิดหน้าต่าง” ลีโอรีบสั่งให้ระบบจัดการห้องปิดหน้าต่างและตนก็กลับมานั่งอยู่ที่เตียง
เขาเริ่มคิดเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น บุคคลปริศนานั้นดูเหมือนจะไม่ใช่พวกเดียวกับกัส ท่าทีและการพูดของเขาเหมือนพวกนักล่าค่าหัวมากกว่า และที่เขามาที่นี่เพราะรายงานเกี่ยวกับเรื่องที่ลีโอโดนผีร้ายของกัสโจมตี
“ใครกันที่รายงานเรื่องของเราไปยังชายคนนี้ ไม่น่าจะใช่ท่านพ่อ อาจจะเป็นคนอื่น”
ลีโอนึกถึงความเป็นไปได้ ก่อนที่เขาจะคิดว่ามีเพียงคนเดียวนั้นคือหมอที่มาคอยรักษาเขา ลีโอจำสายตาสุดท้ายที่หมอคนนั้นมองมาได้
“ไม่ผิดแน่ หมอคนนั้นคือคนที่รายงานไป แต่นั่นไม่สำคัญเพราะเขาบอกว่าพรุ่งนี้จะมีคนมาหาและให้ตอบตกลงในข้อเสนอไป”
“ข้าเห็นผี ผีพวกนั้นก็เห็นข้า มันจะมาตามล่าข้าอีกเรื่อย ๆ” ลีโอขมวดคิ้วอย่างกังวล ถ้าคำพูดของบุคคลปริศนาเป็นจริง เขาก็ไม่มีทางเลือกเลย เพราะถ้าไม่ตกลงก็เท่ากับรอให้ผีมาฆ่า
“จริงด้วยดวงตาผนึกเทพ” ลีโอโยนเรื่องที่คิดก่อนหน้าไว้ค่อยตัดสินใจอีกทีในตอนเช้าและหันมาสนใจเรื่องของดวงตาผนึกเทพที่กลายมาเป็นตาขวาของเขา
“ดวงตาผนึกเทพพึ่งจะดูดเอาผีร้ายตัวนั้นเข้าไป ไม่รู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า” ลีโอต้องระวังในเรื่องนี้ เพราะดวงตาผนึกเทพเป็นดวงตาขวาของเขา ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาเขาอาจจะตายได้
ลีโอมองไปที่กระจกและพยายามเรียกให้ดวงตาผนึกเทพปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง ซึ่งก็ปรากฏขึ้นมาจริง ๆ และไม่ได้ยากอย่างที่เขาคาดคิด
ดวงตาสีฟ้าอ่อนสะท้อนอยู่ในแววตาของลีโอ เขากำลังมองเพื่อค้นหาคำตอบของมัน แต่แล้วอยู่ ๆ ลีโอก็รู้สึกเหมือนโดนดูดเข้าไปในดวงตาผนึกเทพ กว่าจะรู้ตัวลีโอก็มาปรากฏตัวอยู่ที่มิติสีขาวที่ดูเหมือนจะว่างเปล่าไร้ขอบเขต
เบื้องหน้าของลีโอมีผีร้ายลอยอยู่
ลีโอรู้สึกตกใจ ก่อนจะค้นพบว่าผีร้ายตัวนี้มันติดอยู่ในผลึกก้อนหนึ่ง
“ดวงตาผนึกเทพได้ทำการผนึกผีร้ายที่โดดดูดเข้ามา หรือว่าความสามารถของมันคือการผนึกภูติผีปีศาจ” ลีโอรู้สึกยินดี เขารีบเดินรอบก้อนผลึกใสที่มีผีร้ายอยู่
“ข้าคงไม่ต้องห่วงเรื่องผีตัวนี้แล้ว แต่ว่าที่นี่คืออะไร มันคือมิติภายในดวงตาผนึกเทพอย่างนั้นเหรอ มันคงเหมือนกับคุกที่ใช้กักขังสินะ”
“แย่ละสิ ถ้านี่คือคุกของแล้วข้าจะออกยังไง”
ลีโอพูดอย่างตกใจ แต่ว่าพอเขาคิดว่าอยากออกไปก็ได้ออกไปในทันที ลีโอปรากฏตัวขึ้นมาในห้องนอนอีกครั้ง ดูเหมือนว่าดวงตาผนึกเทพจะตอบสนองตามความคิดของเขา
เมื่อออกมาด้านนอกได้แล้วลีโอก็ทดลองเข้าและออกอีกหลายครั้ง มันไม่ได้มีข้อจำกัดอะไร เขายังคงลองเอาสิ่งของอื่น ๆ อย่างเช่นผ้าห่มเข้าไปด้วย และก็เป็นอย่างที่คิด ของสามารถเอาเข้าไปไว้ในมิติของดวงตาผนึกเทพได้
ดวงตาไม่ได้ผนึกของเหล่านั้น ดูเหมือนว่ามันจะตอบสนองต่อพวกวิญญาณผีเป็นพิเศษ
หลังจากพอใจต่อการทดลองเขาก็ปิดไฟและนอนอีกครั้ง แต่ดูเหมือนว่าลีโอจะข่มตาหลับต่อไม่ลง เพราะกลัวว่าจะมีผีโผล่มาอีก
แต่ด้วยความเพลียเขาจึงหลับไปอย่างไม่รู้ตัวและตื่นขึ้นมาอีกในตอนเช้า
...
เช้าวันใหม่ลีโอตื่นขึ้นมาก็พบว่าอลิซนั้นมารออยู่แล้ว นางเข้ามาช่วยลีโอการแต่งตัว เขาไม่คุ้นเคยกับการปฏิบัติแบบนี้สักเท่าไหร่ จึงให้อลิซไปรอด้านนอก
หลังจากแต่งกายเสร็จแล้วลีโอก็วางแผนว่าจะไปเดินเล่นสักหน่อย เขาอยากจะออกไปสูดอากาศด้านนอก เพราะอยู่แต่ในห้องมันอุดอู้มันน่าเบื่อเป็นอย่างมาก
“นายน้อยท่านฟื้นตัวน่าจะพักอีกสักสองสามวันก่อน” อลิซสาวใช้กล่าวแนะนำ
“ข้าหายดีแล้ว เราไปกันเถอะ” ลีโอเดินนำไปทันที
สาวใช้อย่างอลิซไม่มีทางขัดคำสั่งได้ นางจังรีบเดินตามไปอย่างว่าง่าย
ลีโอเดินไปตามความทรงจำและมองดูคฤหาสน์หลังนี้ เป็นคฤหาสน์ที่ผสมกับความเป็นโมเดิลและความล้ำยุคเข้าไป โครงสร้างเป็นโลหะซะส่วนใหญ่ ตกแต่งและประดับด้วยงานศิลปะเชิงโลหะและการเล่นกับมิติแสงเงา
โทนสีออกไปทางสีเทาและแดง ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของพื้นผิวดาวอังคารที่มีเหล็กและนิกเกิลเป็นส่วนผสม รอบ ๆ มีต้นไม้หลากหลายชนิดปลูกไว้ตามจุดต่าง ๆ ทำให้ไม่รู้สึกแห้งแล้งจนเกินไป
ที่จริงแล้วสภาพอากาศและฤดูของดาวอังคารนั้นใกล้เคียงกับโลกมาก อีกทั้งในช่วงหลายร้อยปีที่ผ่านมาดาวอังคารถูกปรับสภาพให้เหมาะกับการอยู่อาศัยของมนุษย์ ต้นไม้และพืชก็อยู่รอดได้เช่นกัน
เขาเดินออกมาที่สนามหญ้าหน้าบ้านสูดอากาศเข้าไปอย่างผ่อนคลาย
ตอนนั้นเองก็มีพ่อบ้านผู้หนึ่งเดินเข้ามา อลิซก้มหัวทำความเคารพตามมารยาท
“นายน้อย นายท่านมาเชิญให้ท่านไปรับประทานอาหารเช้า”
ลีโอหันไปมองเขาจดจำได้ว่าชายคนนี้คือพ่อบ้านประจำตระกูลเบลซ ชื่อว่า บาสเตียน เขาเป็นคนที่ใจเย็นและละเอียดรอบคอบ จึงได้รับความไว้วางใจจากริชาร์ทเป็นอย่างมาก
แม้แต่ลีโอก็ยังเคารพพ่อบ้านบาสเตียนผู้นี้เป็นเหมือนญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง
“ข้าเข้าใจแล้วลุงบาสเตียน” ลีโอพูดไปตามความทรงจำและไปรับประทานอาหารกับริชาร์ทที่รอเขาอยู่ที่โต๊ะอาหารอยู่แล้ว
อย่างที่บอกว่าตระกูลเบลซนั้นเหลือเพียงริชาร์ทและลีโอ ทำให้การรับประทานอาหารนั้นดูเงียบเหงาไปซะหน่อย ที่จริงแล้วด้วยสถานะอย่างริชาร์ทเขาสามารถหาภรรยามาเพิ่มและมีทายาทได้ แต่ด้วยความรักที่มีต่อภรรยาเก่า ผู้เป็นมารดาของลีโอ ทำให้ริชาร์ทปฏิเสธเรื่องนี้มาตลอด
อลิซเริ่มจัดแจงการอาหารให้กับลีโอมันเต็มไปด้วยอาหารมากหน้าหลายตา
ขณะนั้นริชาร์ทก็ถามลีโอขึ้นมาว่า “เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง รู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า ถ้าไม่สบายก็บอกมาได้เลย พ่อจะตามหมอมาตรวจเจ้าอีกครั้ง”
ริชาร์ทยังไม่วางใจเรื่องอาการของลีโอ จึงได้ถามย้ำอย่างเป็นห่วง
“ท่านพ่อ ข้าสบายดีแล้ว วันนี้ก็รู้สึกสดชื่นกว่าทุกครั้งมาก” ลีโอกล่าวด้วยรอยยิ้มอ่อน ในความรู้สึกที่ริชาร์ทมีให้ทำให้เขาเริ่มจะเปิดใจและยอมรับชายตรงหน้าในฐานะบิดามากขึ้น
“อืม มากินอาหารเช้ากันเถอะ” ริชาร์ทพยักหน้าพอใจและบอกให้เริ่มมื้ออาหารเช้า
ลีโอเริ่มกินอาหารเช้า วันนี้ไม่ใช่อาหารรสอ่อนเหมือนเมื่อวาน แต่เป็นอาหารตามปกติ รสชาตินั้นดีเป็นอย่างมาก แม้หลายจะแปลกตาแต่ก็คุ้นเคยจากความทรงจำของเขา
ขณะที่รับประทานอาหารบนโต๊ะที่มีขนาดใหญ่กันอยู่สองคน ตอนนั้นบาสเตียนเหมือนจะได้รับการแจ้งเตือนเขาเปิดดูข้อความจากปลอกแขนที่เป็นเหมือนกับอุปกรณ์สื่อสารที่เชื่อมต่อระบบการดูแลของคฤหาสน์หลังนี้ไว้
หลังจากอ่านข้อความที่ส่งมาแล้วก็เดินเข้ามากระซิบบอกกล่าวกับริชาร์ท
“พาเขาไปยังห้องรับรองก่อน ไว้หลังเสร็จมื้ออาหารแล้วข้าจะไป” ริชาร์ทกล่าวกับบาสเตียน
บาสเตียนพยักหน้าเข้าใจและสั่งการผ่านปลอกแขนไป
“ท่านพ่อมีอะไรหรือเปล่า” ลีโอถามด้วยความสงสัยใคร่รู้
“มีตำรวจมาที่บ้านแจ้งเรื่องผลการสอบสวนเรื่องคนที่ทำร้ายเจ้า” ริชาร์ทกล่าวอย่างเคร่งขรึม