ตอนที่ 11 ดอกลำโพงแห่งเสียงโหยหวน
ตอนที่ 11 ดอกลำโพงแห่งเสียงโหยหวน
วันต่อมาลีโอกลับเข้ามาที่โลกมิติดวงตาผนึกเทพอีกครั้งและก็ต้องพบกับความประหลาดใจ เมื่อเห็นว่าต้นดอกลำโพงแห่งเสียงโหยหวนได้เติบโตขึ้นจนมีความสูงเกือบ 1.5 เมตร ต้นของมันคล้ายกับเถาวัลย์น้ำตาลที่พันกันเป็นเกลียวตั้งตรง
ที่ต้นนั้นไม่มีใบไม้แม้แต่ใบเดียวนอกจากลำต้นเถาวัลย์ แต่ว่าที่ลำต้นของเถาวัลย์มีดอกไม้สีเหลืองสดอยู่บนเถาวัลย์พวกนั้น ซึ่งนับดูแล้วมีต้นละ 3 ดอกพอดี
ลีโอเรียบเดินเข้าไปดูมันใกล้ ๆ อย่างตื่นเต้น
พอเข้าไปใกล้เขาก็ได้ยินเสียงเบา ๆ ดังขึ้นมาจากดอกไม้เหล่านั้น ลีโอย่อตัวลงเอาหูเข้าไปแนบ ทำให้เขาได้ยินเสียงร้อยโหยหวนดังออกมาจากดอกไม้ ทำเอาลีโอรู้สึกขนลุกอย่างบอกไม่ถูก
“นี่คงทำให้มันได้ชื่อว่า ดอกลำโพงแห่งเสียงโหยหวน ดอกพวกนี้สามารถเก็บเกี่ยวได้แล้ว ดูเหมือนว่าข้าไม่จำเป็นต้องปลูกนานนับปี แต่สามารถใช้วิธีการบีบเอาอนุภาคพลังงานมาหล่อเลี้ยงพวกมันได้โดยตรง เพียงแต่จะทำได้ต้องรอให้งอกออกมาก่อนก็เท่านั้น” ลีโอยื่นมือไปเพื่อจะเตรียมเก็บพวกมัน
การเก็บนั้นไม่ยากก็แค่เด็ดออกมา เพียงแต่ว่าหลังจากเก็บเกี่ยวทั้ง 3 ดอกแล้วนั้นต้นดอกลำโพงแห่งเสียงโหยหวนจะตายลงในทันที ดังนั้นจะต้องเก็บแค่ 2 ดอกเท่านั้นและปล่อยอีกดอกหนึ่งไว้ พอผ่านไปครบ 1 ปีก็จะมีดอกใหม่งอกออกมาอีก 1 ดอก พอเป็นแบบนี้ก็จะเก็บสลับกันไปได้เรื่อย ๆ
ลีโอเก็บดอกลำโพงแห่งเสียงโหยหวนต้นละ 2 ดอกเมื่อรวมกับ 8 ต้นทำให้เขาสามารถเก็บดอกลำโพงแห่งเสียงโหยหวนได้ถึง 16 ดอก
“ดอกลำโพงแห่งเสียงโหยหวน 1 ดอกสามารถขายได้ 10 ดากาซ จำนวน 16 ดอกก็มากถึง 160 ดากาซ” ลีโอมองดอกลำโพงแห่งเสียงโหยหวนตรงหน้าอย่างตื่นเต้น
เงิน 160 ดากาซนั้นมากกว่าที่เขาใช้เงิน 15 ล้านเครดิตแลกมาซะอีก
“ดูเหมือนว่าข้าจะคิดถูกที่เอาพวกมันมาปลูกในนี้”
แต่ว่าลีโอก็พบกับปัญหานั้นคือเขาไม่สามารถเอาดอกลำโพงแห่งเสียงโหยหวนเหล่านี้ไปขายได้โดยตรง เพราะแบบนั้นคงจะโดนที่ร้านสงสัยแน่นอน
ลีโอขมวดคิ้วคิดหนัก เขาเก็บดอกลำโพงแห่งเสียงโหยหวนไว้ในโลกมิติดวงตาผนึกเทพก่อนจะออกไปด้านนอก เพื่อไปลองหาที่ปล่อยพวกมันโดยที่ไม่โดนสงสัยดู
ขณะที่ลีโอเดินออกไปนอกห้องก็พบว่าเหล่าลูกศิษย์ที่เข้ามาที่สถาบันเอลาเดียพร้อมกับเขานั้นกำลังยืนพูดคุยกันอยู่ตรงทางเดิน ส่วนใหญ่เป็นเรื่องความคืบหน้าการฝึกฝนของตนเอง
ตอนนั้นก็มีคนพูดขึ้นมาเสียงดังเป็นการชักชวนอย่างชัดเจน
“เฮ้พวกเจ้ารู้ไหมว่าตอนนี้ท่านฟลอยด์ ผู้ที่มีพรสวรรค์ระดับ 5 ในรุ่นของพวกเราเพียงคนเดียวได้กลายเป็นหมอผีฝึกหัดระดับ 1 แล้ว ที่จริงแล้วพวกเจ้าน่าจะได้ยินข่าวมาบ้างแล้ว แต่ว่าข้าไม่ได้มาที่นี่เพราะเรื่องพวกนี้ ที่ข้ามาที่นี่เพราะว่าตอนนี้ท่านฟลอยด์คิดว่าจะเปิดสอนพวกเจ้าในการฝึกเทคนิคสามขั้นตอนนั้น โดยตั้งราคาแค่ 3 ดากาซต่อคาบเท่านั้น ถูกใช่ไหมล่ะ ที่ท่านฟลอยด์ทำแบบนี้เพราะรู้ว่าพวกเจ้าต้องประหยัดดากาซกันมาก ท่านจึงอยากจะช่วยเหลือพวกเจ้า ถ้าใครสนใจก็มาลงชื่อตรงนี้ได้เลย ท่านฟลอยด์จะเปิดสอนแค่ 2 คาบเท่านั้น” ผู้ที่มาชักชวนในครั้งนี้คือหนึ่งในพวกผู้มีพรสวรรค์ระดับ 3 ที่เข้ามารุ่นเดียวกับลีโอมีชื่อว่า เด็ต
ชายคนนี้กลายเป็นคนติดตามของฟลอยด์ไปแล้ว แต่ว่าใครบ้างที่ไม่ต้องการเป็นคนติดตามของผู้มีพรสวรรค์ระดับ 5 แถมยังเป็นศิษย์ของหมอผีแท้จริงอีก
ลีโอเฝ้ามองดูพวกศิษย์ที่มีพรสวรรค์ระดับ 1 และ 2 คนเหล่านี้แทบจะทุกคนนั้นมีการฝึกหยุดอยู่ที่ขั้นจิตสัมผัสกันแทบทุกคน นั้นเพราะพวกเขามีพรสวรรค์ที่ต่ำ แถมไม่มีอาจารย์หมอผีมาคอยชี้แนะด้วย
และอย่างด้วยพรสวรรค์ที่ย่ำแย่ตระกูลจึงไม่ได้สนับสนุนคนเหล่านี้มากนัก เพราะในแต่ละตระกูลก็มีทรัพยากรที่จำกัดตระกูลหมอผีส่วนใหญ่จึงเลือกจะสนับสนุนคนที่มีพรสวรรค์มากกว่าแทน
ทำให้พวกมันไม่มีทางเลือกมากนัก บางคนไปหางานในสถาบันทำ ซึ่งในสถาบันจะไม่ให้คนธรรมดาเข้ามาดังนั้นในสถาบันจึงมีงานมากมายให้กับเหล่าลูกศิษย์ได้เลือกทำ เพียงแต่ว่าเงินที่ได้ก็น้อยนิดมาก ตามที่ลีโอเคยไปสอบถามมางานส่วนใหญ่อยู่ที่วันละ 1 ดากาซเท่านั้น
ในโลกภายนอกถ้าแลกเป็นเครดิตอาจจะมาก แต่ในนี้มันน้อยมาก แค่ค่าที่พักหนึ่งเดือนและอาหารเดือนละ 20 ดากาซก็เกือบจะหมดแล้ว ส่วนอีก 10 ดากาซก็แทบจะสนับสนุนการฝึกไม่ได้ด้วยซ้ำ
โชคดีที่ลีโอนั้นมีดวงตาผนึกเทพทำให้เขามีวิธีหาเงินได้อยู่ไม่อย่างนั้นคงไปจบลงเหมือนคนเหล่านี้
“เฮ้เจ้านะคิดอะไรอยู่ข้าเรียกตั้งนานแล้วไม่ได้ยินเหรอ”
ตอนนั้นเด็ตคนที่กลายเป็นคนติดตามของฟลอยด์จะตะโกนเรียกลีโอ เพราะเขาเป็นเพียงคนเดียวที่ยังยืนนิ่งอยู่
“มีอะไร” ลีโอถามด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“เจ้าสนใจไหม ท่านฟลอยด์จะลงมาสอนด้วยตัวเอง มันเป็นความรู้ที่อาจารย์หมอผีเธมบีเซ่สอนท่านฟลอยด์มาเองกับมือ ท่านฟลอยด์บอกว่าจะถ่ายทอดสิ่งที่อาจารย์หมอผีเธมบีเซ่สอนให้คนที่ลงเรียน โอกาสหายยากมากเลยว่ายังไง”
เด็ตโฆษณาออกมาไม่หยุด แต่ลีโอยังยืนมองด้วยแววตานิ่งเฉย
สุดท้ายลีโอทนไม่ไหวเพราะเขาอยากจะไปหาที่ขายดอกลำโพงแห่งเสียงโหยหวนของตนจึงได้พูดขัดขึ้นมาว่า
“ทำไมต้องเรียนกับเขาด้วย ในเมืองไปเรียนกับทางหมอผีของโรงเรียนได้” ลีโอกล่าวกลับไป ทำให้เด็ตถึงกับผงะไปเพราะไม่คิดว่าจะได้คำตอบแบบนี้
เด็ตขมวดคิ้วมองลีโออย่างไม่สบอารมณ์ แต่ก็ยังพูดต่อ “เจ้าอาจจะยังไม่รู้อะไร ถ้าไปเรียนเสียค่าเข้าเรียน 1 คาบ ใช้ 10 ดากาซเชียวนะ แต่กับท่านฟลอยด์นั้นใช้เพียงแค่ 3 ดากาซ”
“ไม่สนใจ ขอตัวละ” ลีโอบอกปัดและเดินเบี่ยงตัวออกมาในทันที
“บัดซบ พรสวรรค์กระจอกแล้วยังจะมาหยิ่งอีก” เด็ตพ่นลมหายใจอย่างไม่พอใจและไม่สนใจลีโออีก
...
ลีโอไม่สนใจคำพูดลอย ๆ ของเด็ต สำหรับลีโอคนในสถาบันแห่งนี้ไม้ต่างจากคนแปลกหน้า ดังนั้นใครจะทำอะไรก็เรื่องของพวกเขา ลีโอเพียงก้าวเดินต่อไปตามทางเดินของตนเอง แต่พอเดินมาได้สักพักลีโอก็เหมือนจะฉุกคิดถึงวิธีการขายดอกลำโพงแห่งเสียงโหยหวนขึ้นมาได้
เขากลับเข้าไปในโลกมิติและเอาดอกลำโพงแห่งเสียงโหยหวนกลับออกมา 3 ดอก ก่อนจะไปยังชั้นสองทันที
ตามปกติแล้วการซื้อขายของในสถาบันจะผ่านหน้าร้านของสถาบัน มันเป็นที่นิยมเพราะว่ามีการรับรองว่าเป็นของแท้และราคาจะอยู่ที่ราคากลางไม่สูงหรือถูกเกินไป
แต่ว่าก็ยังมีการติดต่อซื้อขายกันเอง อาจจะให้สูงกว่าหรือถูกว่าก็ได้ แน่นอนว่าการซื้อขายแบบนี้ก็ต้องระวัง เพราะอาจจะโดนขายของปลอมมาก็ได้
มันถูกเรียกว่าการขายแบบส่วนตัว ซึ่งไม่ผิดกฎของสถาบัน แม้แต่ความรู้แบบที่ฟลอยด์ให้เด็ตมาประกาศก็จัดอยู่ในประเภทนี้ แค่คนซื้อพอใจราคา คนขายพอใจที่จะขายก็ขายกันได้เลย
“ข้าต้องไปหาคนที่ซื้อขายแบบส่วนตัว แต่ว่าการขายนั้นไม่ยาก การหาลูกค้านั้นยากกว่า” ลีโอขมวดคิ้ว ก่อนจะตัดสินใจไปเฝ้าดูก่อน
เบามายังชั้นสองของหอคอย สถานที่ย่านการค้าที่เต็มไปด้วยร้านค้าและร้านอาหาร
ลีโอมองดูอยู่เกือบ ๆ ชั่วโมง ก่อนจะพบว่าการซื้อขายส่วนใหญ่นั้นจะทำกันที่สวนสาธารณะ เขาเห็นว่ามีคนเอาของมาตั้งขาย แต่ราคานั้นถูกกว่าหน้าร้านอยู่เล็กน้อย เช่นของที่มีราคา 10 ดากาซอาจจะอยู่ที่ 8-9 ดากาซถ้ามาซื้อที่นี่ และบางอย่างก็ถูกกว่านั้น
ส่วนคนที่มาขายนั้นแทบจะทั้งหมดเป็นหมอผีฝึกหัดระดับ 2 เพราะของที่มาขายจะเป็นของที่ได้มาจากภารกิจด้านนอก พวกเขาแต่ละคนมีเหตุผลต่างกันไปที่ไม่เอามาขายที่ร้านค้าของทางสถาบัน
“เฮ้ ถ้าไม่ซื้อก็อย่ามายืนขวางหน้าร้าน” หมอผีฝึกหัดระดับ 3 กล่าวขึ้นมาด้วยความไม่พอใจที่เห็นว่ามีเด็กหนุ่มมายืนขวางหน้าร้านของต้นเอง
“ที่ตรงนี้ว่างไหม” ลีโอชี้ไปยังข้าง ๆ
“ว่าง” หมอผีคนนั้นตอบและมองลีโออย่างสงสัย เพราะจากชุดที่ลีโอแต่งแล้วยังไม่เป็นแม้แต่หมอผีฝึกหัดด้วยซ้ำ
ลีโอนั่งลง ก่อนจะหยิบเอาห่อผ้าขึ้นมา พอเปิดออกด้านในก็มีดอกลำโพงแห่งเสียงโหยหวน 3 ดอกวางอยู่และป้ายที่เขียนว่า “ราคา 8 ดากาซต่อดอก ต้องการซื้อจำนวนมากคุยกันก่อนได้”
ราคาปกติคือ 10 ดากาซ แต่ลีโอตั้งใจว่าจะขายถูกลงมาหน่อย แถมเขายังอยากจะหาลูกค้าประจำ
คนขายข้าง ๆ มองไปที่ลีโอและไม่ได้พูดอะไร เพราะลีโอนั้นไม่ได้ขายของแบบเดียวกับเขา
ลีโอนั่งรอไม่นานก็มีค้นเข้ามาสอบถามเขา อาจจะด้วยราคาที่ถูกกว่าราคากลาง 2 ดากาซจึงค่อนข้างดึงดูดใจพอสมควร
คนที่เข้ามาสอบถามลีโอเป็นชายหนุ่มร่างท้วมผิวขาวเนียนที่สวมชุดของหมอผีฝึกหัดระดับ 3 ในมือยังคงถือของกินและเดินมาด้วยท่าทางเหนื่อยเล็กน้อย
“เจ้าขาย 2 ดากาซจริงเหรอ” ชายคนนั้นถามด้วยความอยากรู้
“จริง” ลีโอตอบกลับไป
“ถ้าซื้อมาก ๆ ก็ราคาเดียวกันไหม” ชายร่างท้วมจ้องไปลีโอ
“ราคาเดียวกัน” ลีโอตอบ
“เราไปคุยกันที่อื่นได้ไหม” ชายร่างท้วมมองไปรอบ ๆ และกระซิบบอกกับลีโอ
“ก็ได้” ลีโอตอบตกลง โดยส่วนใหญ่แล้วพวกเขาก็ไม่อยากให้คนอื่นมาได้เห็นการซื้อขายของตนเองสักเท่าไหร่ ลีโอก็ไม่ต่างกัน
ลีโอเก็บของและหาที่เงียบ ๆ นั่งคุยราคากับชายร่างท้วม
“ให้ข้าเรียกศิษย์พี่ว่าอะไร”
“เรียกข้าว่าลูคัสก็ได้”
“ข้าลีโอ”
ทั้งสองแนะนำตัวกันง่าย ๆ ก่อนที่ลูคัสจะรีบสอบถามลีโอถึงดอกลำโพงแห่งเสียงโหยหวน