ตอนที่แล้ว939 - บดขยี้สิ่งมีชีวิตโบราณ 
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป941 - เผชิญหน้าราชวงศ์โบราณ 

940 - คัมภีร์สุริยัน 


940 - คัมภีร์สุริยัน

แปดวันต่อมา สิ่งมีชีวิตโบราณทั้งสองที่ยอมตายไม่ยอมจำนนก็ถูกเย่ฟ่านขังไว้ในถ้ำพร้อมกับซ้อมทรมานเพื่อให้พวกมันอ่านตัวอักขระที่เขียนอยู่ในน้ำตาเทียนซึ่งมีลักษณะเป็นสีทอง

แผ่นหนังสัตว์สีทองนี้เย่ฟ่านได้มาจากรังของอีกาในสุสานเซียนมันถูกซ่อนอยู่ใต้ไข่ของอีกาทอง และทุกครั้งที่เย่ฟ่านสัมผัสมันเขาจะรู้สึกร้อนเล็กน้อย

แผ่นหนังสัตว์สีทองเป็นสมบัติที่จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ทิ้งไว้ ดังนั้นมันจะต้องมีความลับบางอย่างซุกซ่อนอยู่ภายในอย่างแน่นอน

"ถ้าเจ้ายังไม่แปลเนื้อหาออกมาข้าจะฆ่าเจ้าทั้งคู่ ในโลกใบนี้ยังมีสิ่งมีชีวิตโบราณอีกมากมาย ข้าไม่เชื่อว่าทุกคนจะใจแข็งเหมือนพวกเจ้า" เย่ฟ่านเตือน

"นี่คือ..."

เมื่อสิ่งมีชีวิตโบราณทั้งสองมีโอกาสมองเห็นเนื้อหาของหนังสัตว์สีทองร่างกายของพวกมันก็สั่นสะท้านด้วยความกลัว

หนังสัตว์แผ่นนี้ห่อหุ้มวัตถุที่มีลักษณะคล้ายกับทองคำเซียน

มันเป็นชิ้นส่วนของคัมภีร์ที่ยิ่งใหญ่เล่มหนึ่ง หลังจากผ่านกาลเวลาหลายแสนปีในที่สุดหนังสัตว์แผ่นนี้ก็ซีดเซียวจนมีลักษณะคล้ายกับแผ่นทองเหลืองเท่านั้น

เย่ฟ่านถือมันไว้ในมือของเขา และสัมผัสแห่งความอบอุ่นที่นิ้ว เขาไม่รู้ภาษาศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงคาดเดาและสังเกตสีหน้าของสิ่งมีชีวิตโบราณทั้งสอง

ในถ้ำโบราณสิ่งมีชีวิตทั้งสองพยายามส่งสายตาหากันตลอดเวลา เห็นได้ชัดว่าพวกมันกำลังสื่อสารกันบางอย่าง

“มาจากทุ่งดาวโบราณจื่อเว่ย ตามที่คาดไว้… เผ่าพันธุ์มนุษย์ในตอนนั้นมาจากทุ่งดาวโบราณจื่อเว่ย”

เสียงของสิ่งมีชีวิตโบราณสั่นเครือและถือม้วนหนังสัตว์ด้วย ท่าทางตื่นเต้นมาก

"เจ้ากล่าวว่าอะไรนะ?"

เย่ฟ่านก็ปรากฏตัวขึ้นในถ้ำโบราณพร้อมกับเค้นถามเสียงดัง

"บรรทัดแรกระบุต้นกำเนิดอย่างชัดเจน มันคือคัมภีร์จักรพรรดิโบราณของเผ่าพันธุ์มนุษย์ ซึ่งมีต้นกำเนิดมาจากทุ่งดาวจื่อเว่ย"

สิ่งมีชีวิตโบราณตกใจและคว้าคัมภีร์หนังสัตว์อย่างแรง

ในโลกนี้ เผ่าพันธุ์มนุษย์ปรากฏช้ากว่าหมื่นเผ่าพันธุ์มาก ตามตำนานโบราณ มนุษย์กลุ่มหนึ่งมาจากนอกภูมิภาคและตั้งแต่นั้นมาพวกเขาก็กลายเป็นหนึ่งในเผ่าพันธุ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกใบนี้

นี่เป็นข่าวที่น่าอัศจรรย์อย่างยิ่ง มนุษย์มาจากทุ่งดาวโบราณจื่อเว่ย ข้ามจักรวาลที่มืดมิดและปรากฏตัวในโลกใบนี้

สิ่งมีชีวิตโบราณก็ประหลาดใจเช่นกัน พวกเขาพบว่ามันฯ๋ษเหลือเชื่อที่เผ่าพันธุ์ที่อ่อนแอในสายตาของพวกเขาสามารถข้ามทุ่งดวงดาวขนาดใหญ่มาได้!

สิ่งมีชีวิตโบราณทั้งสองนึกถึงการอพยพของราชาโบราณบางราชวงศ์ก่อนหายนะโบราณ จิตใจของพวกเขาก็สั่นไหว หรือว่าราชาโบราณในอดีตได้อพยพไปตามเส้นทางแห่งดวงดาว

“คัมภีร์สุริยัน”

"นี่คือคัมภีร์สุริยันในตำนาน"

หลังจากนั้นไม่นาน สิ่งมีชีวิตโบราณทั้งสองก็ตะโกนออกมาด้วยความตื่นเต้น

ในสมัยโบราณ คัมภีร์โบราณสองเล่มของเผ่าพันธุ์มนุษย์หนึ่งเรียกว่าสุริยัน หนึ่งเรียกว่าจันทรา คือคัมภีร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในสวรรค์พิภพ

แม้กระทั่งเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่อ่อนแอที่สุดก็ยังสามารถพัฒนาตัวเองจนกลายเป็นจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ซึ่งแข็งแกร่งยิ่งกว่าจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าพันธุ์โบราณด้วยซ้ำ

ในอดีตมีราชาโบราณหลายคนตามหาคัมภีร์เล่มนี้แต่สุดท้ายพวกเขาก็ได้แต่เสียชีวิตด้วยความผิดหวัง และตอนนี้มีชีวิตโบราณทั้งสองตัวต่างก็อุทานออกมาด้วยความตื่นเต้น

"หากเจ้ามอบสิ่งนี้ให้กับราชาโบราณของเผ่าพันธุ์เรา เจ้าจะได้รับรางวัลอันยิ่งใหญ่"

สิ่งมีชีวิตจากเผ่าพันธุ์โบราณตัวหนึ่งพยายามหว่านล้อม

"คัมภีร์สุริยัน..."

เย่ฟ่านมีลางสังหรณ์อยู่ในใจตั้งแต่แรกแล้ว คัมภีร์เล่มนี้ถูกเก็บไว้ในรังของอีกาทอง และแม้กระทั่งตอนนี้มันก็ยังปลดปล่อยความร้อนออกมาเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่ามันมีความเกี่ยวข้องกับดวงอาทิตย์อย่างแท้จริง

“ในตอนนี้อสูรผู้ยิ่งใหญ่และเด็กน้อยมนุษย์จากเผ่าพันธุ์ของเจ้ากำลังร่วมมือกันเพื่อสร้างทักษะที่ไม่เคยมีมาก่อนในโลก หากมันปรากฏขึ้นมันจะสร้างหายนะครั้งใหญ่อย่างแน่นอน”

เมื่อได้ยินสิ่งที่สิ่งมีชีวิตโบราณกล่าว เย่ฟ่านก็ตระหนักได้ทันทีว่าหวังเถิงคิดจะทำอะไร

"นี่คือคัมภีร์ที่แตกหัก ยังไม่สมบูรณ์" สิ่งมีชีวิตโบราณกล่าว

เย่ฟ่านถอนหายใจ เขารู้อยู่แล้วว่านี่เป็นเพียงชิ้นส่วนของคัมภีร์เล่มหนึ่ง มันไม่มีทางที่เนื้อหามากมายมหาศาลของคัมภีร์สุริยันจะถูกรวบรวมอยู่ในกระดาษแผ่นเดียวเท่านั้น

“แปลให้ข้าฟังตามตรง หากพวกเจ้าคนนึงคนใดโกหกข้าจะฆ่าพวกเจ้าทั้งคู่” เขาเตือนอีกครั้ง

เขากลัวว่าสิ่งมีชีวิตโบราณทั้งสองจะหลอกลวงเขา ท้ายที่สุด หนังสือเล่มนี้มีความสำคัญเกินไป มันเป็นเครื่องรางของเผ่าพันธุ์มนุษย์และมาจากทุ่งดาวโบราณจื่อเว่ย

สิ่งมีชีวิตโบราณทั้งสองใช้เวลาสามชั่วยามเต็มในการแปลเนื้อหาทั้งหมด เห็นได้ชัดว่าพวกมันอ่านตัวอักขระเหล่านี้ออกจริงๆ

แต่สาเหตุที่ต้องใช้เวลานานขนาดนี้ก็เพราะพวกมันพยายามจดจำเนื้อหาในคัมภีร์

“หากเราแปลคำภีร์ให้เจ้าฟังแล้วเจ้าจะฆ่าปิดปากเราหรือไม่”

สิ่งมีชีวิตโบราณทั้งคู่ไม่ใช่คนโง่ ดังนั้นพวกมันจึงเกิดความหวาดกลัวเป็นอย่างมาก

“ข้าจะลงมือให้รวบรักที่สุดโดยที่พวกเจ้าจะไม่ได้รับความทรมาน” เย่ฟ่านกล่าวอย่างตรงไปตรงมา

"แต่เราต้องการมีชีวิตอยู่ต่อไป"

สิ่งมีชีวิตโบราณทั้งสองไม่ยินยอมพร้อมใจ

เย่ฟ่านขมวดคิ้ว สุดท้ายเขาก็ถอนหายใจแล้วกะว่า

"ข้าจะทำลายความทรงจำของพวกเจ้าไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง อย่างน้อยที่สุดพวกเจ้าก็ยังจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้"

"ตกลง ถือเป็นคำสัญญา"

สิ่งมีชีวิตโบราณสองเริ่มแปลคัมภีร์ต่อ

“ยังมีคัมภีร์สำหรับเซียนเทียมที่ด้านหลังของคัมภีร์เล่มนี้ แท้ที่จริงแล้วมันบันทึกขอบเขตที่ยิ่งใหญ่ถึงสองอาณาจักร” สิ่งมีชีวิตในยุคดึกดำบรรพ์กล่าวอย่างระมัดระวัง

เมื่อได้ยินเช่นนี้เย่ฟ่านก็รู้สึกสดชื่นและตื่นเต้นไปดังมาก ตอนนี้ เขาได้เข้าสู่อาณาจักรลับของเซียนเทียมแล้ว สิ่งที่เขาขาดมากที่สุดคือทักษะการบ่มเพาะที่สอดคล้องกัน

คัมภีร์สุริยันคืออะไร? มันคือคัมภีร์โบราณที่ยิ่งใหญ่ที่สุดซึ่งแม้แต่จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่อู๋ซือและเหิงหยูก็ยังใช้คัมภีร์เล่มนี้เป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างญาณวิเศษที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเขา

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาผู้คนมากมายต่างถกเถียงกันว่าคัมภีร์สุริยันและจันทราเป็นคัมภีร์ใดที่แข็งแกร่งกว่า อย่างไรก็ตามเพียงได้รับหนึ่งในคัมภีร์เหล่านั้นก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้คนกลายเป็นสิ่งมีชีวิตอมตะได้แล้ว

เย่ฟ่านอ่านคำแปลของสิ่งมีชีวิตโบราณทั้งสองตามลำดับ เมื่อพบว่าเนื้อหาในคัมภีร์ไม่มีความขัดแย้งกันเขาก็พยักหน้าเบาๆ

"สุริยันที่แท้จริง" เย่ฟ่านพึมพำกับตัวเอง

เย่ฟ่านผนึกสิ่งมีชีวิตโบราณทั้งสอง และนั่งสมาธิบนหินเพื่อศึกษาคัมภีร์อย่างเงียบๆ ในระหว่างคิ้วของเขา ลำแสงศักดิ์สิทธิ์พุ่งขึ้นมาทีละเส้น

เย่ฟ่านได้รับคัมภีร์สุริยันซึ่งช่วยทุ่นแรงให้เขาเป็นอย่างมาก และในโลกนี้ไม่มีญาณวิเศษใดจะเทียบได้กับคัมภีร์สุริยันอีกแล้ว

"ฉี"

ทะเลสาบสีทองของเย่ฟ่านสว่างไสวราวกับดวงอาทิตย์กลมโต ในขณะเดียวกันคลื่นความร้อนที่ถูกปลดปล่อยออกมาก็ทำให้ความว่างเปล่าปิดเบี้ยวอย่างไม่สิ้นสุด

เย่ฟ่านเกิดความรู้สึกเหมือนปัญญาของเขาได้รับการเปิดเผย เขาสามารถตระหนักรู้ในหลายสิ่งหลายอย่างทั้งที่ในอดีตไม่เคยคิดถึงมาก่อน

"อาณาจักรลับเซียนเทียมคือการฝึกฝนจิตใจให้แข็งแกร่ง มันเป็นการปูทางสู่ขอบเขตชีวิตอมตะซึ่งมุ่งเน้นในการฝึกฝนเต๋าเท่านั้น"

เย่ฟ่านถือเมล็ดโพธิ์อยู่ในมือและเคลื่อนพลังศักดิ์สิทธิ์ให้ไหลไปตามเส้นทางที่ถูกบันทึกไว้ในคัมภีร์สุริยัน

หนึ่งวัน สองวัน...

หนึ่งเดือนผ่านไปเช่นนี้

“ครืน”

ด้วยเสียงสั่นสะท้านที่ดังขึ้น ร่างของเย่ฟ่านหวีดหวิวเหมือนกระบี่เซียน จากนั้นดวงอาทิตย์สีทองดวงเล็กๆ ก็พุ่งออกมาจากหน้าผากของเขาและทำให้ทำขนาดใหญ่ส่องสว่างราวกับเป็นเวลากลางวัน

คัมภีร์สุริยันได้ขัดเกลาวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของเขาจนมีความเฉียบคมมากกว่าเดิมหลายเท่า

จากนั้นดวงอาทิตย์สีทองดวงน้อยก็แปลงร่างเป็นหม้อปราณปฐพีต้นกำเนิด จากนั้นเก็เป็นเจดีย์เล็กๆ ระฆังสีทอง ไล่สิ่งอื่นๆอีกมากมาย

สุดท้ายร่างของชายผมทองตัวเล็กๆได้ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า ในทันทีที่ร่างของเขาผสานรวมกับดวงอาทิตย์สีทองคลื่นพลังอันแข็งแกร่งที่น่าสะพรึงกลัวก็ระเบิดออกมาทันที!

"บูม"

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด