(ฟรี) บทที่ 255 เซินฉินไม่ใช่ทาสอีกต่อไป!
ทั้งสองคนเดินไปที่คฤหาสน์ตระกูลหลี่
ระหว่างทาง ใบหน้าของอาฉินแดงระเรื่อขณะที่นางลอบมองเขา
หลังจากลังเลอยู่นานนางก็ถามอย่างระมัดระวังว่า “นายท่าน ท่านกับผู้หญิงคนนั้น...”
หลี่หรานกล่าวว่า “นางเป็นผู้หญิงของข้า”
อาฉินเต็มใจที่จะมอบชีวิตให้กับเขา ดังนั้นเขาจึงไว้วางใจในตัวนางและไม่จำเป็นต้องซ่อนอะไร
“โอ้” อาฉินพยักหน้า
แม้นางจะไม่เข้าใจว่าทำไมบุตรศักดิ์สิทธิ์ของนิกายปีศาจถึงพัวพันกับนางฟ้าแห่งวิถีธรรม แต่มันคงมีเหตุผลให้เขาทำเช่นนั้น
เมื่อนึกย้อนกลับไปตอนที่ทั้งสองกอดและพูดคุยกัน ใบหน้าของนางก็แดงระเรื่อและหัวใจเต้นเร็ว
ผู้หญิงที่กล้าหาญและเก่งกาจเช่นนั้นอยู่ในอ้อมแขนของหลี่หราน อีกทั้งใบหน้าของนางยังแดงก่ำและดวงตาก็พร่ามัว...
มันน่าอายเกินไป
อาฉินลอบถอนหายใจ ‘ข้าอยากจะเป็นเหมือนหัวหน้าศิษย์เยว่ จูบและกอดนายท่าน!’
แต่นางเพียงแค่คิดเกี่ยวกับมัน
แม้ว่าหลี่หรานจะใส่ใจนางมาก แต่นางก็ไม่เคยลืมตัวตนในฐานะสาวใช้
ความจริงที่ว่าหลี่หรานเต็มใจที่จะเก็บนางไว้ถือเป็นของขวัญชิ้นใหญ่
นางไม่มีความกล้าที่จะขอมากกว่านี้
ทันใดนั้นอาฉินก็นึกถึงหนังสือลับที่หลู่ซินหรานมอบให้นาง
‘แม้ว่าเหตุการณ์อื่นๆจะไม่เกิดขึ้น แต่การกอดและจูบก็สามารถทำได้… ดูเหมือนหนังสือลับนั้นจะค่อนข้างน่าเชื่อถือ?’ อาคินก้มหน้าลงด้วยจิตใจที่ยุ่งเหยิง
หลังจากนั้นไม่นานเสียงของหลี่หรานก็ดังเข้ามาในหู “อาฉิน เราถึงบ้านแล้ว”
“อา?” อาฉินมองไปข้างหน้าอย่างว่างเปล่า
มองเห็นได้เพียงว่าพวกเขายืนอยู่หน้าคฤหาสน์ สิงโตหินสองตัวที่หน้าประตูมีลักษณะน่าเกรงขามและป้ายสีดำแขวนอยู่เหนือประตู
[คฤหาสน์ตระกูลหลี่]
เมื่อคนเฝ้าประตูเห็นหลี่หรานเขาก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง จากนั้นก็รีบโค้งคำนับ
“นายน้อย ท่านกลับมาแล้ว!”
หลี่หรานพยักหน้าและพูดกับอาฉิน “ไปข้างในกันเถอะ”
อาฉินมองประตูที่เปิดอยู่อย่างลังเล
ความทรงจำของนางที่นี่ล้วนมีแต่สิ่งเลวร้าย
นอกจากนี้ความคิดที่จะได้พบกับคนตระกูลเซินยิ่งทำให้นางรู้สึกต่อต้าน
นางไม่รู้ว่าควรใช้ตัวตนแบบไหนเพื่อเผชิญหน้ากับพวกเขา
ญาติมิตร? ศัตรู?
หลี่หรานจับมือเล็กๆที่เย็นเฉียบของนางและพูดเบาๆ “ไม่ต้องกลัว ข้าอยู่ที่นี่”
เมื่อมองไปที่รอยยิ้มอันสดใสนั้น ความหม่นหมองของนางก็สลายไป
นางพยักหน้าอย่างหนักแน่นและพูดว่า “ใช่ นายท่านอยู่ที่นี่ อาฉินไม่กลัวอะไรเลย”
หลี่หรานยิ้มและพานางเข้าไปในคฤหาสน์ตระกูลหลี่
“นายน้อย!”
“นายน้อยกลับมาแล้ว!”
คนรับใช้และสมาชิกของตระกูลออกมาต้อนรับเขาและพูดด้วยความเคารพ “สวัสดีครับนายน้อย!”
พวกเขามองหลี่หรานด้วยความกลัวและชื่นชม
เป็นเพราะนายน้อยคนนี้ ตระกูลหลี่จึงมีสถานะสูงส่ง
ตอนนี้ภายในเมืองหลวง แม้ว่าจะเป็นเพียงคนรับใช้ของตระกูลหลี่แต่ก็ไม่มีใครกล้ายั่วยุพวกเขา
ส่วนอาฉิน...
ไม่มีใครกล้ามองนางอย่างหยาบคายเพราะนางควรจะเป็นผู้หญิงของหลี่หราน
ขณะนั้นเอง สาวน้อยในชุดสีเขียวเดินเข้ามา
เมื่อนางเห็นหลี่หราน ดวงตาของนางก็เป็นประกายด้วยความตื่นเต้น ขณะที่นางกำลังจะเดินเข้าไปหาเขา สายตาของนางก็ถูกดึงดูดไปที่อาฉิน
เห็นได้ชัดว่าพวกนางอายุห่างกันหลายสิบปี แต่รูปลักษณ์ของพวกนางกลับคล้ายคลึงกันอย่างน่าอัศจรรย์ แม้แต่ท่าทางของพวกนางก็เช่นกัน
ทั้งสองสบตากัน
แม้ว่านางจะไม่เคยเห็นคนตรงหน้ามาก่อน แต่ความผูกพันทางสายเลือดก็ถูกกระตุ้นขึ้นมาอย่างเงียบๆ
เซินหนิงรู้สึกตกใจเล็กน้อยและพึมพำโดยสัญชาตญาณ “พี่สาว?”
เมื่อสาวใช้ได้ยินเช่นนี้ นางก็รีบปิดปากเซินหนิงและพูดเสียงต่ำ “หนิงเอ๋อ นี่คือผู้หญิงของนายน้อย เจ้าพูดแบบนั้นไม่ได้!”
ดวงตาของอาฉินเปลี่ยนเป็นสีแดงทันที
นางเดินช้าๆไปตรงหน้าเซินหนิงและมองดูเด็กสาวที่คุ้นเคยแต่ก็ไม่คุ้นเคย
สาวใช้ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มอย่างละอาย “นางยังเด็กและไม่เข้าใจอะไรมาก ได้โปรดอย่าลงโทษนางเลย...”
เซินหนิงเป็นคนเงียบขรึมแต่นางก็โตกว่าวัยมาก นางมีเหตุผลมากจนทำให้คนที่เห็นต้องปวดใจ
นอกจากแม่บ้านชั่วร้ายที่ถูกหลี่หรานทำให้พิการแล้ว ข้ารับใช้คนอื่นต่างก็ชอบนางมาก ในเวลาเช่นนี้พวกเขาถึงกับเค้นความกล้าขึ้นมาพูดแทนนาง
ในทางกลับกัน อาฉินกลับไม่ได้ยินอะไรเลยและพูดเบาๆว่า “ชื่อของเจ้าคือเซินหนิง?”
เซินหนิงพยักหน้า “ท่านแม่บอกว่าข้ามีพี่สาวชื่อเซินฉิน... เป็นท่านหรือเปล่า?”
ดวงตาของเซินฉินเปลี่ยนเป็นสีแดงเล็กน้อยขณะที่นางยิ้มอย่างสดใส “ข้าเอง”
คนใช้ที่อยู่รอบๆตกตะลึง
นางคือเซินฉิน?
ผู้หญิงที่มีเสน่ห์คนนี้เป็นสาวใช้ของตระกูลเซินจริงหรือ?!
แม้ว่าจะผ่านไปนับสิบปี แต่การเปลี่ยนแปลงนี้ยิ่งใหญ่เกินไป!
หลี่หรานสั่งคนใช้ว่า “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปสัญญาทาสของเซินฉินและเซินหนิงจะถือเป็นโมฆะ พวกนางไม่ใช่คนใช้ของตระกูลหลี่อีกต่อไป ทำความสะอาดห้องของข้าที่ลานด้านข้างและจัดคนรับใช้ที่ขยันขันแข็งอีกสองสามคนมาด้วย”
“ทราบแล้วครับ!” คนใช้ไม่กล้าสงสัยอะไร
เมื่อได้ยินเช่นนี้ อาฉินก็หันกลับไปและพูดด้วยความกลัวว่า “นายท่าน ข้า...”
หลี่หรานลูบหัวของนางและพูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องห่วง ข้าจะไม่ทิ้งเจ้าไป”
ได้ยินเช่นนั้นอาฉินก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก
หลี่หรานเปลี่ยนไปสัมผัสหัวของเซินหนิง “นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเจ้าเจอกัน ไปนั่งคุยกันดีๆก่อน”
“ขอบคุณเจ้าค่ะนายท่าน” อาฉินมองเขาอย่างซาบซึ้งใจ
ภายใต้การนำทางของคนใช้ ทั้งสองหันหลังกลับและเดินไปที่ลานด้านข้าง
หลี่หรานมองพวกนางด้วยรอยยิ้มในดวงตา
“หายากที่จะเห็นอาฉินเป็นแบบนี้...”
ในขณะนั้น คนใช้ก็เข้ามาถามว่า “นายน้อย ท่านต้องการยกเลิกสัญญาของคนอื่นๆในตระกูลเซินหรือเปล่าขอรับ?”
หลี่หรานขมวดคิ้ว “ทำไม?”
คนใช้ถึงกับผงะ “ไม่ใช่ว่าท่านกับคุณหญิงเซิน...”
“นอกเหนือจากเซินฉินและเซินหนิง ข้าไม่สนใจว่าตระกูลเซินจะอยู่หรือตาย” หลี่หราน กล่าวอย่างสงบ “นอกจากนี้ให้ตระกูลเซินอยู่ห่างจากเซินฉิน ถ้าใครกล้าทำตัวหยาบคายก็หักขาทิ้งได้เลย!”
คนใช้ตัวสั่นและก้มหน้าลง “ทราบแล้วครับ!”
ขณะที่หลี่หรานกำลังจะจากไป ข้ารับใช้คนหนึ่งก็เดินเข้ามา “นายน้อย ผู้นำตระกูลเรียกท่านไปที่โถงรับแขกขอรับ”
เขาเลิกคิ้วขึ้น “ใครมาที่นี่?”
คนใช้พูดด้วยเสียงแผ่วเบา “เป็นเจ้าหญิงทั้งสอง องค์หญิงมังกรนทีและองค์หญิงจินหยุนขอรับ”
“พวกนาง?”
ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ มุมปากของเขาโค้งขึ้นและพยักหน้า “เข้าใจแล้ว”
เขาหันกลับและเดินไปที่โถงรับแขก
—
โถงรับแขก
เจ้าหญิงทั้งสองกระสับกระส่ายและมองไปที่ประตูเป็นครั้งคราว พวกนางดูมีความหวังและประหม่า และหลังจากนั้นไม่นานร่างสูงตรงก็เดินเข้ามา
“องค์หญิง ไม่เจอกันนานเลย”
พวกนางรีบยืนขึ้นและพูดตะกุกตะกัก “บะ...บุตรศักดิ์สิทธิ์หลี่ ไม่เจอกันนานเลย”
ด้วยเหตุผลบางอย่าง พวกนางดูเขินอายเล็กน้อย
เมื่อหลี่เต้าหยวนเห็นสิ่งนี้เขาก็อดไม่ได้ที่จะปิดหน้าและลอบถอนหายใจ
‘เขากำลังจะฆ่าข้าจริงๆ!’
/////