ตอนที่ 950 วารีสุทธิอัคคีพิสุทธิ์
ในโลกคัมภีร์
หลังจากเสร็จสิ้นการสนทนากับเทพีเสรีภาพ เย่ว์หยางกลับเข้าไปในโลกคัมภีร์และเอาแต่นั่งนิ่งอยู่กับที่
ตอนแรกองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเย่ว์หวี่ไม่รู้สึกประหลาดใจพวกนางต่างฝึกฝนกันเอง ไม่ทราบว่าเวลาผ่านไปนานเท่าใด ตอนแรกจุ้ยมาวอี้ต้องการชักชวนเย่ว์หยางไปอาบน้ำด้วยกันคาดไม่ถึงว่าเขายังคงนั่งตรึกตรองอยู่เงียบๆ นางตัดสินใจไม่รบกวนเขา เพราะบางครั้งเย่ว์หยางเมื่ออยู่ในช่วงทำการทดลองอะไรก็ตามเขามักจะคิดต่อเนื่องเป็นเวลา 1- 2 ชั่วโมง นั่นจึงไม่ใช่พฤติกรรมที่แปลกประหลาด
แต่หลังจากที่จุ้ยมาวอี้อาบน้ำเสร็จและเตรียมพักผ่อนนางถึงรู้ว่าเย่ว์หยางนั่งอยู่อย่างนั้นมาถึงห้าชั่วโมงแล้ว
นี่นี่ไม่เคยเกิดเรื่องผิดปกติอย่างนี้มาก่อน
เกิดอะไรขึ้นข้างนอก?
เป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร?
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเย่ว์หวี่ทั้งคู่รู้สึกได้ถึงความผิดปกติ
ทั้งสามสาวแอบอยู่นอกประตูมองผ่านรอยแง้มประตูและกระซิบคุยกันระหว่างที่มองดู“ตอนนี้เราควรจะทำอย่างไรดี? จะเข้าไปปลุกเขาดีไหม?”
“ถ้าเขากำลังหาเงื่อนงำแรงบันดาลใจบางอย่างอยู่ แล้วเราเข้าไปปลุกเขาบางทีอาจไม่เกิดประโยชน์” เย่ว์หวี่ส่ายหน้าเล็กน้อย
“ปัญหาก็คือเขาอยู่ในสภาพนั้นมาเป็นเวลานานแล้ว” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนไม่เคยเห็นเย่ว์หยางอยู่ในสภาวะเหมือนงงงวยอย่างนั้นมาก่อน
“บางทีนี่อาจเป็นช่วงสุดท้ายของการไตร่ตรอง เราต้องเชื่อมั่นในตัวเขา” เย่ว์หวี่เป็นหนึ่งในสตรีสามคนที่เชื่อมั่นในเย่ว์หยางนางคิดว่าเขาไม่ได้อยู่ในสภาวะงงงวย แต่กำลังมองหาเงื่อนงำความรู้แจ้ง
“งั้นก็รอต่อไป!” จุ้ยมาวอี้ยังคงรู้สึกว่านางควรสนับสนุนเขา
“เจ้ารอก็แล้วกัน วันนี้ข้าฝึกหนักเกินไปบ้าง และข้าเหนื่อยแล้ว” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนคิดเรื่องนี้อย่างลึกซึ้ง เรื่องนี้ไม่มีอะไรน่ากลัว นางคิดเงียบๆ ต้องเข้าใจว่ามีบางเรื่องที่นางไม่สามารถเข้าใจได้ ถ้ามีเสวี่ยอู๋เสียอยู่ด้วยบางทีอาจช่วยได้ แม้ว่าตัวนางเองในสภาพปัจจุบันนี้ยังอยู่ห่างไกลมาก และเมื่อนางเข้าไปสำรวจสภาวะใจของเขา นางก็คงมีแต่มึนงงและปวดหัว
นางตัดสินใจไม่รอต่อและไปพักผ่อนก่อนมีแต่เย่ว์หวี่คอยระมัดระวังให้ เขาคงไม่เป็นอะไร
ผ่านไปอีกหนึ่งชั่วโมง
จุ้ยมาวอี้ง่วงนอน
เย่ว์หวี่เห็นนางหาวจึงชักชวนให้นางไปพัก
ส่วนนางกับองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนขยันฝึกฝนในตอนกลางวันอยู่แล้วเพื่อความก้าวหน้า พวกนางฝึกฝนซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนเกินกำลังของตนเองและตอนนี้พวกนางเริ่มง่วงจัด
“ไม่มีอะไรแล้วยังมีสาวใช้น้อยคอยอยู่คุยเป็นเพื่อนข้า!” เย่ว์หวี่แนะนำให้จุ้ยมาวอี้ไปนอนสาวใช้ลูกครึ่งเอลฟ์อยู่เป็นเพื่อนเย่ว์หวี่ แต่เมื่อนางวุ่นวายกับการทำงานมาทั้งวัน นางนั่งพึมพำอยู่ข้างๆ เย่ว์หวี่พูดได้ไม่นานนางก็ผลอยหลับอยู่ข้างแขนเย่ว์หวี่ ทำให้เย่ว์หวี่อดขำไม่ได้
“พวกเจ้าไม่มีวันที่ทำให้ข้าวางใจได้เลยสักวัน”เย่ว์หวี่พาสาวใช้น้อยไปนอนและคลี่ผ้าห่มให้นาง
เมื่อแม่สี่ไม่ได้อยู่ใกล้นางจะดูแลทุกคนแทนแม่สี่
โดยเฉพาะอย่างยิ่งน้องสามของนางผู้นี้กลัวความเดียวดายเป็นที่สุด
ถ้าวันหนึ่งไม่มีใครอยู่ด้วยกับเขาเขาจะรู้สึกไม่สบายใจ และดูเหมือนจะกระด้างขึ้น แต่เด็กหนุ่มคนนี้เหมือนกับทารกใหญ่ที่ไม่รู้จักโต
บางครั้งเย่ว์หวี่มีความรู้สึกเช่นนี้ในใจของนางและนางเองก็ไม่ยอมรับเป็นธรรมดา ความจริงนางเต็มใจจะเห็นเขาเป็นแบบนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาต้องพึ่งพาตัวนางดูเหมือนว่านางจะสนิทกับเขาเป็นพิเศษนางได้ปลดปล่อยความตะขิดตะขวงในใจได้ทั้งหมดสามารถดูแลชีวิตของเขาได้ทุกด้าน และร่วมติดตามดูความสำเร็จของเขาไปทีละขั้น ความรู้สึกรับรู้ได้ถึงความสำเร็จที่ยอดเยี่ยมนี้ ไม่สามารถใช้คำใดๆมาอธิบายได้
ราตรีดึกสงัด ทุกคนพากันหลับใหล
เย่ว์หวี่มองดูเย่ว์หยางเขายังคงนั่งเงียบหายใจแผ่วเบา
เสวี่ยอู๋เสียอยู่ในระหว่างหลับลึกโล่วฮัวและอี้หนานไม่อยู่ที่นั่น เชี่ยนเชี่ยนเหน็ดเหนื่อยและกำลังพักผ่อนอยู่ ใครจะอยู่ช่วยเขาได้บ้าง?
อยู่ในสภาพอย่างนี้ช่างน่ากังวลเหลือเกินเกิดอะไรขึ้นที่ข้างนอกกันแน่? บอกเราได้ไหมว่าเจ้าคิดอะไรอีก?
“ไม่!”เย่ว์หวี่มองดูที่ด้านนอกประตูและพบว่าทุกคนหลับใหลหมดแล้ว นางกัดริมฝีปากล่างตัดสินใจอยู่ในใจหลายครั้งและในที่สุดนางส่ายหน้ายกเลิกความคิดนั้น เป็นเรื่องที่แย่จริงๆ ถ้านางจะเชื่อมใจกับเขาผ่านสายแพรเชื่อมใจยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องรบกวนความคิดของเขา แต่นั่นจะทำให้เขาเข้าใจถึงความลับของนาง ซึ่งนั่นไม่ใช่เรื่องดี
อย่างไรก็ตามนี่ชักจะน่ากังวลเกินไป
นางนั่งอยู่ชั่วครู่
เย่ว์หวี่ไม่มีทางนั่งรออยู่เงียบๆได้อีกต่อไป
เกิดอะไรขึ้นกันแน่? เสี่ยวซานเป็นคนที่นางรักห่วงมากที่สุดถ้าเขาเผชิญพบเจอกับความยากลำบาก ถ้านางสามารถช่วยให้เขาคลี่คลายปัญหาได้ ไม่ว่ายังไงก็ตามถ้าเขาได้รู้แจ้งระดับใหม่นางจะร่วมช่วยให้เขาผ่านไปได้หรือไม่?
เมื่อคิดเรื่องนี้ในใจแล้วเย่ว์หวี่กำหมัดควงเบาๆ ดูเหมือนว่านางกำลังชั่งใจ
นางยังคงมองดูนอกประตูเห็นว่าไม่มีใครเข้ามารบกวน
นางถอนหายใจเล็กน้อย
ในเมื่อไม่มีใครเห็นนางแอบช่วยเขาสักครั้งจะเป็นไรไป!
เมื่อเย่ว์หวี่ตัดสินใจอยู่ในใจ นางไม่ต้องข่มความอายอีกต่อไปนางย่องเข้าไปหาเขาและนั่งลงข้างเขา รอให้สายแพรเชื่อมใจสัมผัสที่แขนของเขามีแรงสั่นสะเทือนเล็กน้อยใจก็เชื่อมถึงกัน นางไม่รู้ว่ากอดเขาไว้ในอ้อมแขนเมื่อไหร่ เพื่อเสี่ยวซานนางยินดีจะลืมความเขินอายตามปกติ เสี่ยวซานบอกข้าได้ไหมไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นข้ายินดีจะร่วมแบ่งปันกับเจ้า....เย่ว์หวี่ที่กำลังจดจ่ออยู่กับทะเลใจของเย่ว์หยางต้องประหลาดใจกับสิ่งที่นางค้นพบ
โลกวิญญาณทั้งหมดเงียบสงัด
เงียบสงัดเหมือนทะเลหลังเกิดพายุฝนปราศจากเมฆมีแต่ทะเลกับท้องฟ้า ใจทั้งหมดเหมือนกับทะเลกว้างไกลไม่มีสิ้นสุด
เย่ว์หยางพบว่ากายและใจของนางบริสุทธิ์เหมือนทารกแรกเกิดร่างเปลือยตามธรรมดาไม่รู้สึกว่าน่าเขินอายแต่อย่างใดและเขายังคงนั่งอยู่ในที่ห่างไกลอย่างเงียบๆ เหมือนกับว่าเขาอยู่นอกตัวของเขา
เกิดอะไรขึ้น
มีแต่ความประหลาดใจและความสงสัย
ร่างวิญญาณของเย่ว์หวี่ลอยไปหาร่างวิญญาณของเย่ว์หยางด้วยความระมัดระวังและสบายใจนางเหยียดนิ้วและสัมผัสที่หลังของเขาเบาๆ จากนั้นโน้มตัวลงช้าๆ จับตัวเขาอย่างนุ่มนวล... จิตใจของทั้งสองค่อยๆดึงเข้าหากันเพราะมีการสัมผัสทางใจ ในขณะที่ทั้งสองสอบถามแบ่งปันความลับ ในโลกของจิตวิญญาณนั่นคือโลกที่ไม่มีอุปสรรคขัดขวางพวกเขาได้รับรู้ทุกอย่างอย่างรวดเร็วเพียงชั่วขณะนางก็ได้เรียนรู้สัจธรรมความจริงจากความคิดของเขาและจากอาณาจักรจิตวิญญาณที่งดงาม
ขณะเดียวกันเขาได้รับรู้ถึงภาระและความกังวลของนาง
มีความรู้สึกลึกๆที่หวั่นไหวอยู่ในใจนาง เมื่อนางคิดถึงนางจะสั่นเล็กน้อย.. เขารู้จักนางนางรู้จักเขา และนางสัมผัสได้ถึงการปลอบประโลมจากเขาหลังจากได้รับรู้ความลับทั้งปวง
เธอสามารถสัมผัสได้ถึงความปรารถนาและความต้องการส่วนลึกที่สุดในจิตวิญญาณของเขาณ ขณะนี้คนสองคนไม่มีความลับต่อกันแต่อย่างใดเลย
มีแต่เพียงความเสียใจเล็กน้อยว่าระดับของนางยังไม่สูงส่งเท่าของเขา
ในหลายด้านนางอาจจะรู้จักเขาน้อยกว่าที่เขารู้จักนาง
เหมือนกับที่องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเคยกล่าวไว้ความรู้ไม่รู้หมดสิ้นไม่ใช่สิ่งที่นางสามารถรู้สึกได้ในเวลานี้ความลับของเขาทั้งหมดนางไม่สามารถสำรวจรู้ได้ทั้งหมด แม้ว่าเขาเต็มใจแบ่งปันก็ตามแต่นางก็ยังไม่สามารถรับรู้ได้ทั้งหมดสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือนางไม่ตั้งใจจะรู้ลึกเข้าไปถึงความลับของเขาเหมือนกับที่เขาเคยแลกเปลี่ยนอารมณ์กับเสวี่ยอู๋เสีย เชี่ยนเชี่ยน โล่วฮัวอี้หนานและมารกฎฟ้า เพื่อจะหลีกเลี่ยงปล่อยพื้นที่ส่วนตัวดั้งเดิมของเขาไว้ให้เจ้าของพื้นที่ยินดีแบ่งปันมากกว่าจะเข้าไปตรวจดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น...สถานการณ์เช่นนั้นควรเป็นเรื่องของการฝึกพลังคู่รัก หรือฝึกพลังคู่สามีภรรยา นางจึงหลีกเลี่ยงเพื่อไม่ให้เกิดความลำบากใจ
การเปลี่ยนแปลงต่างๆในร่างกาย และการฝึกฝนคู่รักจะต้องผ่านสถานการณ์ขัดแย้งนี้
ใจของเขากับใจของนาง
ประสานลอยขึ้นไปในท้องฟ้า
เย่ว์หวี่ไม่รู้ตัวว่านางกำลังบินไปที่ไหนความรู้สึกหมือนกับจะทะลุเพดานท้องฟ้าออกไปมองกลับมาดูก็เห็นโลกไม่ชัดเจนนอกจากท้องฟ้าที่นางบินผ่านทะลุออกไปมีช่องขนาดใหญ่นางไม่เคยพบกับความรู้สึกเช่นนั้นมาก่อนในชีวิต
น่ากลัว?น่าแปลกใจ?
ดูเหมือนมีความกระตือรือร้นอยากรู้อยากเห็นมากกว่า
ทำไมเสี่ยวซานถึงพานางมาพบกับความรู้สึกนี้ด้วยตัวเอง?นี่คือความรู้ หรือปัญหายากคลี่คลายที่เขาประสบอย่างนั้นหรือ?
“ข้าก็อยากจะช่วยเจ้าเหมือนกันหากแต่ข้าไม่รู้จะทำอย่างไร?” ร่างวิญญาณของเย่ว์หวี่หวังว่าจะช่วยเขาได้ไม่ว่าจะเป็นปัญหาที่ยากเย็นหรือมีความหมายลึกซึ้งก็ตามหากนางสามารถให้ความร่วมมือได้ ก็ย่อมจะเกิดประโยชน์จริงๆ
“....” ร่างวิญญาณของเย่ว์หยางไม่ตอบมีแต่พลังงานแผ่ขยายออกมา
เขาไม่จำเป็นต้องบอกนางรู้ตัวว่าจะต้องทำตาม
แต่นางไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร นางรู้ว่าเขาจะทำได้ดีและเชื่อว่าเขาจะทำได้สมบูรณ์แบบ
ใจทั้งสองผสานรวมกันอีกครั้ง คราวนี้แทนที่จะเป็นการสื่อสารกันเหมือนก่อนแต่กลับเป็นการฝึกฝนร่วมกันในรูปแบบใหม่นี่คือการฝึกของเย่ว์หยางหลังจากมีความรู้แจ้งมากขึ้น ไม่เพียงแต่ใจเท่านั้นแต่ยังรวมถึงร่างกายด้วย ปราณกระบี่ซวงหัวฉายประกายเสื้อผ้าของทั้งสองคนสลายเป็นธุลีเหลือแต่ร่างกายที่ยังกอดกันแน่นพลังหยินกับหยางบริสุทธิ์เชื่อมโยงถึงกัน
ด้านหนึ่งเป็นวารีสุทธิอีกด้านหนึ่งเป็นอัคคีพิสุทธิ์
การสื่อสารเชื่อมโยงเช่นนั้น
ไม่มีการทำลายหรือขัดแย้งกันมีแต่การผสมผสานที่ยอดเยี่ยม
แต่ละคนต่างมีกายใจผสานกันเป็นหนึ่งลำแสงพลังงานฉายขึ้นไปบนท้องฟ้าราวกับจะทะลุผ่านโลกคัมภีร์ จุ้ยมาวอี้และองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนตื่นจากฝันหวานตะลึงมองดูภาพแสงพลังงานของเย่ว์หวี่ นั่นเป็นแสงสว่างที่สวยสง่างามล้ำเป็นพิเศษมิอาจจะเขียนบรรยายด้วยภาพวาดใดๆได้ จนถึงตอนนี้พวกนางถึงตระหนักได้ว่าระดับความก้าวหน้าของเย่ว์หยางสูงล้ำยิ่งใหญ่เพียงไหน
สาวใช้ลูกครึ่งเอลฟ์ส่งสัญญาณมือบอกว่าการฝึกฝนนี้ควรปล่อยให้ดำเนินต่อไป
อย่าปลุกพวกเขา
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนยิ้มและมองดูจุ้ยมาวอี้นางบิดขี้เกียจอย่างน่ารักและกลับไปพักต่อเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
วันต่อมาเย่ว์หวี่รู้สึกโล่งใจและได้รับการชำระพลัง นางตื่นขึ้นจากโลกจิตวิญญาณที่เหมือนกับฝัน
และพบว่าตนเองนอนอยู่บนตัวเสี่ยวซาน
เรื่องที่แย่ก็คือน้องชายตัวร้ายสัมผัสกับส่วนสงวนของนางทำให้นางตกใจกลัว
นางรีบข่มกลั้นความอายทั้งกังวลและโล่งใจเล็กน้อย โชคดีที่น้องชายนางไม่ได้ทำสิ่งที่นางหวั่นเกรงแทบตาย!
เย่ว์หวี่แต่งตัวเรียบร้อยขณะที่เขายังคงฝันหวาน นางรีบเอาวางเสื้อผ้าบนตัวของเขา น้องชายตัวร้ายทำให้นางอึดอัดใจ ยังดีที่ไม่มีใครเห็นไม่เช่นนั้นนางคงรู้สึกอับอายทำหน้าไม่ถูก นางข่มใจคลี่ผ้าห่มคลุมตัวเขามองดูข้างนอกประตูยังไม่เห็นใครตื่น ทุกคนยังคงหลับอยู่ นางยกมือทาบอก นางคิดว่าควรไปก่อนดีกว่า ตอนเช้านี้ยังไม่มีใครเห็น
นางยินดีที่ได้ช่วยให้เขาก้าวหน้าบรรลุระดับพลังใหม่ได้สำเร็จ นางปิดประตูเบาๆ และออกไปอย่างเงียบงัน
นางพยายามข่มกลั้นไม่ให้ตนเองดีใจมากเกินไปเพราะมีความสุข
ไปทำอาหารเช้าให้เขาดีกว่า
หนึ่งชั่วโมงต่อมาเมื่อนางเตรียมทุกอย่างพร้อมนางเห็นเขางัวเงียเดินเข้ามาและกล่าว “กลิ่นหอมน่ากิน” นางดุเขา “หนอนเกียจคร้าน! ดูสิ ยังมิทันล้างหน้าบ้วนปากนี่จะกินอาหารเช้าเลยหรือ?”
ถ้าเป็นอย่างนี้ได้ทุกวันนางอยากจะดูแลเขาไปทั้งชีวิตที่เหลือของนาง เพราะไม่มีวันใดเลยที่นางไม่ห่วงเขา!