ตอนที่ 7 ประสบกับความพ่ายแพ้ครั้งแล้วครั้งเล่า
บทที่ 7 ประสบกับความพ่ายแพ้ครั้งแล้วครั้งเล่า
"โธ่เอ๊ย! ฉันเคยคิดว่ามันจะแน่ แต่ที่ไหนได้ ฮ่า ฮ่า ฮ่า!"
“ใช่ ตอนแรกฉันก็คิดแบบนั้น แต่ตอนนี้ไม่แล้ว!”
“เสียความรู้สึก!”
“มันบินไปแล้ว อีกาอัคคีไม่ใช่สิ่งที่พวกเราอยากได้อีกต่อไป!”
"..."
สายตาเหยียดหยาม และเสียงเย้ยหยันรอบตัวเขา ได้ทิ่มแทงเข้าไปในส่วนลึกของหัวใจของเฉินเหวิน ราวกับหนามแหลมคม ทำให้ใบหน้าที่หดหู่ของเขายิ่งซีดเซียวยิ่งขึ้น
ในขณะนี้เฉินเหวินรู้สึกว่าทุกคนกำลังหัวเราะเยาะเขาอยู่...
เขาหาช่องว่างเล็กๆท่ามกลางฝูงชน และรีบมุดศีรษะแล้วรีบวิ่งออกจากที่นั่นโดยเร็ว....
ตอนนี้เป็นช่วงกลางฤดูร้อน เฉินเหวินเริ่มเหงื่อออกหลังจากวิ่งอย่างไร้จุดหมายมาระยะหนึ่ง ดังนั้นเขาจึงต้องหาที่เย็นๆ เพื่อพักผ่อน
เขาเดินไปที่เก้าอี้สาธารณะใต้ต้นไม้ใหญ่ แล้วนั่งลง.....
ร่มเงาของต้นไม้สามารถบังแสงแดดที่แผดเผาและสายลมพัดผ่าน เฉินเหวินรู้สึกเย็นลงมากและสงบลงในเวลาเดียวกัน
"น่าเสียดาย ไม่น่าเป็นแบบนี้เลย!"
เมื่อนึกถึงผลงานของเขาในตอนนี้ เฉินเหวินส่ายหัวอย่างน่าเสียดาย
“ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วย!”
ในขณะที่มีเสียงดังมาถึงหูของเขา และเฉินเหวินอดไม่ได้ที่จะครุ่นคิด
ในขณะที่นัยน์ตาของเขามืดลง และสิ่งที่เขาเห็นอยู่ตรงหน้าก็คือ ร่างสูงโปร่งของหญิงสาวที่มีเงาปกคลุม ด้วยชุดนักเรียนที่หลวมโคร่ง แต่ก็ไม่ได้ปกปิดรูปร่างที่สวยงามของเธอ และผมหางม้ามัดเปียเส้นเดียว **** ก็แกว่งไปแกว่งมา ในขณะที่เธอเดิน...
เฉินเหวินตั้งใจมองหน้าอีกฝ่ายให้ชัดเจนยิ่งขึ้น...
ใบหน้าของหญิงสาวผู้นั้นเป็นใบหน้าเรียวรูปไข่ ผิวพรรณนวลเนียน แต่คิ้วของเธอดกดำหนาราบกับดาบ ....
"สวัสดี…"
เมื่อ ไม่รู้ชื่อของอีกฝ่าย เฉินเหวินไม่มีทางเลือกนอกจากคำทักทายแบบแห้งๆ พร้อมกับรอยยิ้มแหยๆ
เมื่อได้ยินคำทักทายของเฉินเหวิน เด็กสาวก็ยิ้มออกมาและพูดว่า "สวัสดี ฉันชื่อหลี่ ซิ่วหยู!"
เฉินเหวินยืดร่างกายส่วนบนให้ตรงโดยไม่รู้ตัว เงยหน้าขึ้นและพูดว่า "ฉันชื่อเฉินเหวิน"
หญิงสาวนั่งสบายๆ ที่อีกฟากหนึ่งของเก้าอี้สาธารณะ หลี่ซิ่วหยูจิบน้ำแล้วพูดว่า "เธอคงเสียดายมากใช่มั้ย?"
เฉินเหวินยิ้มแหยๆ พร้อมเกาศีรษะแกร๊กๆ.....
การที่มีหญิงสาวนั่งคุยด้วยทำให้เขาเขิน....
หลี่ซิ่วหยูรู้สึกประหลาดใจและพูดว่า: "ทำไมเธอถึงมานั่งหน้าเศร้าแบบนี้ ครูไม่เคยบอกเหรอว่ามันเป็นเรื่องที่ยากมากการทีาเราจะทำพันธสัญญากับพวกมันในฐานะมือใหม่"
เฉินเหวินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และนึกขึ้นได้ว่ามันไม่ง่ายจริงๆ ว่าครูของเขาเคยบอกไว้จริงๆ อีกทั้งคนอื่นที่เคยเย้ยหยันเขาก็แสดงให้เห็นถึงความยากลำบากในการทำพันธสัญญากับอีกาอัคคี
แค่เขาเคยคิดหลงตัวเองว่าตนเองเป็นคนที่มีพรสวรรค์...และความสามารถ
แต่ทว่า....มันใช้กับเขาไม่ได้ในตอนนี้
หลี่ซิ่วหยูพูดต่อ: "เธออย่าเสียใจไปเลย มีโอกาสถึงสามครั้ง ครั้งแรก ฉันต้องเลือกสัตว์อสูรที่ฉันชอบมากที่สุดแต่น่าเสียดาย ฉันเองก็ทำมันพลาด ...
เฉินเหวินตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็พยักหน้าด้วยความโล่งใจ
“ขอบคุณ หลี่ซิ่วหยู!”
“ยังไงก็ยินดีที่ได้รู้จักนะ” หัวเราะ
โรงเรียนมัธยมชิงเหอ หมายเลข 1 มีนักเรียนเพียงยี่สิบแปดคนที่ได้ปลุกพรสวรรค์ที่มีสิทธิ์ในการทำพันธสัญญาสัตว์อสูรในปีนี้ ตามปกติพวกเขาทั้งหมดจะเข้าสู่ชั้นเรียนเพื่อศึกษาร่วมกันในอีกสองปีข้างหน้า
นี่เป็นเหตุผลที่หลี่ซิ่วหยูมาทำความรู้จักเฉินเหวิน และท้ายที่สุดเธอจะเป็นเพื่อนร่วมชั้นในอีกสองปีข้างหน้า แค่เธอบังเอิญผ่านมาเห็นเขาพอดีก็เข้ามาสานสัมพันธ์อันดี
เมื่อรู้สึกว่าอารมณ์ของเฉินเหวินเริ่มดีขึ้นมาก หลี่ซิ่วหยูก็ลุกขึ้นเพื่อบอกลาเขา
“เฉินเหวินแล้วเราค่อยมาเจอกันใหม่นะ!”
ขณะที่พูด เธอกำหมัดเล็กๆ ของเธอ ทำท่าทางให้กำลังใจ แล้วจากไปโดยเอามือไพล่หลัง
เมื่อมองไปที่รูปร่างอันสวยงามของหญิงสาวที่จากไป จู่ๆ เฉินเหวินก็รู้สึกเหมือนอยู่ในภวังหัวใจเขาเริ่มพองโต....
จนกระทั่งหลี่ซิ่วหยูเดินลับตาไป เฉินเหวินจึงหลุดจากภวัง
เฉินเหวินต้องกลับไปคิดทบทวนหาสาเหตุความล้มเหลว......
เขาเริ่มคิดและหาสาเหตุที่ทำให้เขาล้มเหลวในการทำพันธสัญญากับสัตว์อสูรเป็นครั้งแรก
ประการแรก การที่จะเอาชนะอีกาอัคคีเป็นสิ่งที่ยากมาก
ไม่มีใครในชั้นภาคเรียนที่แล้วทำสัญญาได้สำเร็จ และจนถึงขณะนี้ก็เหมือนกัน ...
ประการที่สอง เฉินเหวินรู้สึกว่าเขายังไม่พร้อมสำหรับการทำพันธสัญญา
แม้ว่าฉันจะได้รับความทรงจำก่อนหน้าของร่างเดิม แต่ฉันก็ยังไม่เชี่ยวชาญอยูดี วันนี้ภายใต้อิทธิพลของสิ่งแวดล้อม ฉันเลยไม่ได้ใช้ความสามารถใช้ทักษะพันธสัญญาที่ครูสอนอย่างเต็มที่
ตัวอย่างเช่น เขาไม่ได้สื่อสารกับสัตว์อสูรก่อนและระหว่างทำพันธสัญญาเลย ซึ่งทำให้อีกาอัคคีต่อต้านโดยตรง และใช้กรงเล็บทำลายลำแสงสีขาวของเขา
"เหลือทางเลือกฟรีเพียงสองโอกาส ซึ่งแต่ละโอกาสมีความสำคัญ และเขาต้องเตรียมตัวให้พร้อม"
ทบทวนความรู้ และทักษะที่ครูสอนหลายครั้งอย่างถ้วนถี่ และพลิกดูหนังสือภาพประกอบในมืออย่างระมัดระวัง ในที่สุดเฉินเหวินก็เลือกเป้าหมายของพันธสัญญาที่สอง
เฉินเหวินลุกขึ้น และมุ่งหน้าไปยังโรงเพาะพันธุ์สกายลาร์ค
ระดับศักยภาพของเพียซิ่ง สกายลาร์คนั้นยอดเยี่ยม และไม่ธรรมดา มันมีสองความสามารถในการบินและความเร็วสูง มันมีชื่อเสียงในด้านความเร็ว แต่ทว่าน่าเสียดายเพียงอย่างเดียวคือ มันไม่มีทักษะเวทมนตร์มากนักและการโจมตีของมันก็อืดอาด
เนื่องจากนักเรียนทั้งหมดยังเป็นเด็ก และสัตว์อสูรตัวแรก ส่วนใหญ่จะเลือกสัตว์อสูรประเภทโจมตี ดังนั้นสกายลาร์คจึงไม่เป็นที่นิยมมากนัก
พวกเขาทั้งหมดเป็นเด็กชายอายุสิบเจ็ดหรือสิบแปดปี พวกเขาจะเลือกสัตว์อสูรที่เอาแต่วิ่งหนีได้อย่างไร?
เฉินเหวินเองก็ไม่มีความคิดนี้......
ในโลกของศิลปะการต่อสู้ ทุกสิ่งล้วนอยู่ยงคงกระพัน มีเพียงความเร็วเท่านั้นที่ไม่อาจทำลายได้
หลักการนี้ก็สมเหตุสมผลเช่นกันในเวลาและสถานที่นี้ เฉินเหวินเชื่อว่า การโจมตีของแมลงปีกแข็งมีศักยภาพในการพัฒนาที่ดีเช่นกัน
แต่น่าเสียดายที่สกายลาร์คไม่เชื่อใจว่าเฉินเหวินจะสามารถพัฒนาศักยภาพของมันได้จึงเกิดการต่อต้าน...
โรงเพาะพันธุ์สกายลาร์ค
ในป่าที่มีความชื้น แมลงปีกแข็งจะเจาะผ่านลำแสงสีขาวที่ควบแน่น พวกมันกระพือปีกและส่งเสียงเจื้อยแจ้วไปทั่วป่า
เฉินเหวินยืนอยู่ใต้ต้นไม้ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความขมขื่นและสับสน
เขาล้มเหลวจริง ๆ และล้มเหลวถึงสองครั้งติดต่อกัน โดยใช้โอกาสทั้งหมดสำหรับพันธสัญญาฟรีไปแล้ว
ทั้งสองครั้งเขาใช้ทักษะที่ครูสอนอย่างเต็มความสามารถแล้ว....
เป็นครั้งแรกที่เขาเข้าหาสกายลาร์คก่อน และหลังจากแสดงความปรารถนาดีอย่างเต็มที่แล้ว เขาก็เริ่มทำพันธสัญญา
จากนั้น ในระหว่างขั้นตอนของพันธสัญญา เขาก็ได้แสดงทักษะกับนกชนิดนี้ เช่น ทำให้มันเติบโตอย่างรวดเร็ว, สร้างสภาพแวดล้อมที่สะดวกสบาย, เลี้ยงมันด้วยกิจกรรมที่หลากหลาย, พัฒนาศักยภาพในการโจมตีของมัน และช่วยให้มันกลายเป็นราชาสกายลาร์ค
ในตอนแรก เจ้าสกายลาร์คให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี แต่เมื่อเฉินเหวินบอกว่าเขาต้องการพัฒนาศักยภาพในการโจมตี มันก็เริ่มต่อต้านในทันที
ระหว่างการต่อสู้ของเจ้าสกายลาร์ค ทำให้พันธสัญญาฉบับแรกของเฉินเหวินกลับพบกับความล้มเหลวอีกครั้ง
เขาค้นพบทันทีว่าเจ้าสกายลาร์คไม่ได้มีนิสัยอ่อนโยนแต่อย่างใด แต่พวกมันไม่ชอบการต่อสู้เลย ซึ่งทำให้เฉินเหวินเริ่มรู้สึกงงงวย
การเติบโตของสัตว์อสูรส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบจากการเร่งปฏิกิริยาต่อสิ่งแวดล้อม อีกทั้งการปรับปรุงในการต่อสู้ และการเติบโตของพวกมัน
ยกเว้นบีสต์มาสเตอร์ที่มีพรสวรรค์ในการบ่มเพาะ พื้นที่ของบีสต์มาสเตอร์สามารถกระตุ้นสัตว์อสูรได้เกือบเท่ากัน ดังนั้นการต่อสู้และการเลี้ยงดูจึงสำคัญมากสำหรับการเจริญเติบโตของพวกมัน
เพราะหากเขาไม่เข้าร่วมการต่อสู้ อัตราการเติบโตของสัตว์อสูรก็จะช้าลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และความแข็งแกร่งของเขาในฐานะบีสมาสเตอร์ก็จะช้าลงเช่นกัน
แต่ถ้าเขาเปลี่ยนไปใช้พันธสัญญาสัตว์อสูรตัวอื่น ก็ไม่ได้มีอะไรรับประกันได้ว่าความผิดพลาดในตอนนี้ จะไม่เกิดขึ้นอีกในภายหน้า
ในที่สุดเฉินเหวิน ก็ตัดสินใจทิ้งโอกาสสุดท้ายของพันธสัญญาฟรีไว้ที่สกายลาร์ค
ท้ายที่สุดแล้ว ลักษณะของสัตว์อสูรสามารถปรับปรุงได้ผ่านสภาพแวดล้อมที่ได้รับ และการฝึกฝน ในขณะที่ศักยภาพ และพรสวรรค์ของพวกมันโดยทั่วไปนั้นยากที่จะเปลี่ยนแปลงได้
อย่างไรก็ตาม หลังจากได้รับประสบการณ์พันธะ สัญญาฉบับที่สองของเฉินเหวิน กับเจ้าสกายลาร์คก็ยังคงล้มเหลว!
พันธสัญญาฉบับที่สองเกือบสำเร็จ แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างในวินาทีสุดท้าย จู่ๆ สกายลาร์คก็เกิดต่อต้าน และพยายามดิ้นรนเพื่อหลุดพ้นจากพันธนาการ
“เฮ้! นายฉันอยู่ห้องเดียวกับนาย”
เมื่อได้ยินคำทักทายจากคนอื่นๆ เฉินเหวินก็หันกลับมาด้วยความงุนงง
“อ๊ะ~ มีอะไรเหรอ?”
เจ้าหน้าที่ของโรงเพาะพันธุ์สังเกตเห็นความสับสนและความหงุดหงิดบนใบหน้าของเฉินเหวิน และทำการปลอบโยนเขาอย่างอ่อนโยน: "จากขั้นตอนการทำพันธสัญญาตอนนี้ ความสามารถของเธอเพียงพอที่จะทำพันธะสัญญากับสัตว์อสูรที่มีศักยภาพสูง ส่วนความล้มเหลวเป็นเพียงความ โชคร้ายเท่านั่น."
"ใช่ไหม?"
เฉินเหวินยิ้มอย่างมีเลศนัย คิดว่าอีกฝ่ายพยายามปลอบเขา
เจ้าหน้าที่เห็นดังนั้นรีบพูดว่า: "อย่าได้เสียความมั่นใจ..."
เฉินเหวินกระซิบ: "แต่ผมใช้โอกาสทั้งสามครั้งหมดไปแล้ว"
เจ้าหน้าที่คนนั้นหยุดชั่วขณะแล้วตบไหล่เฉินเหวินเบาๆ
"มีหลายสาเหตุที่ทำให้พันธสัญญาล้มเหลว เป็นไปไม่ได้ที่บีสมาสเตอร์จะทำพันธสัญญาสัตว์อสูรครั้งหรือสองครั้ง ไปที่ห้องรับรองเพื่อพักผ่อนก่อนเดี๋ยวจะมีเจ้าหน้าที่คนอื่นจะช่วยเธอ และเลือกสัตว์อสูรที่เหมาะสมให้กับเธอในภายหลัง "
"ขอบคุณครับ!"
เฉินเหวิน...ขอบคุณเขาแล้วเดินหน้าเศร้าคอตก ไปที่ห้องรับแขก.....