(ฟรี) บทที่ 245 อาหารมื้อสุดท้าย?
ยอดเขาปีศาจ
หลี่หรานเอนตัวอยู่ที่ทางเข้าห้องนอนและมองเข้าไป
“บุตรศักดิ์สิทธิ์ ท่านกำลังทำอะไร?” จู่ๆก็มีเสียงของสตรีดังขึ้นข้างหลังเขาทำให้เขาตกใจ
หลี่หรานหันกลับไปและเห็นผู้ดูแลหวางมองมาที่เขาด้วยความสับสน
“อะแฮ่ม ข้าสบายดี ข้าแค่จะไปเดินเล่น”
“โอ้” ผู้ดูแลหวางพยักหน้าและกำลังจะจากไป
“เดี๋ยวก่อน!” หลี่หรานดึงนางไว้และถามว่า “ผู้ดูแลหวาง วันนี้เจ้าเห็นผู้นำนิกายหรือเปล่า?”
เมื่อเห็นเขาจับแขนของนาง ใบหน้าของผู้ดูแลหวางก็เปลี่ยนเป็นสีแดง นางพยักหน้าและพูดว่า “วันนี้ผู้นำนิกายอยู่ที่ยอดเขาปีศาจ”
หลี่หรานถามว่า “แล้ววันนี้เจ้าคิดว่าอารมณ์ของผู้นำนิกายเป็นยังไงบ้าง?”
ผู้ดูแลหวางคิดเกี่ยวกับมัน “ดูเหมือนว่าจะค่อนข้างดี นางกำลังทำอาหารอยู่ในห้องอาหาร”
“ทำอาหาร?” หลี่หรานรู้สึกสับสนเล็กน้อย
ปฏิกิริยาแรกของนางไม่ใช่การฆ่าใครซักคนแต่เป็นการทำอาหาร?
มันผิดปกติเกินไป!
“ลืมมันซะ มันเป็นคำสาปที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ปล่อยให้เป็นไปตามชะตากรรมก็แล้วกัน”
หลี่หรานถอนหายใจและเดินเข้าไปในห้องนอนอย่างหดหู่
ผู้ดูแลหวางมองไปที่ด้านหลังของเขาและหน้าแดง
“บุตรศักดิ์สิทธิ์ยังคงหล่อมาก เขาจับแขนข้าด้วย! เพียงแต่การแสดงออกของเขาไม่ถูกต้องนัก ราวกับว่าเขากำลังจะตายอย่างกล้าหาญ”
หลี่หรานย่องเข้าไปในห้องนอนขณะที่เขาเจอเข้ากับเหลิงอู่เหยียน
“ตะ... ท่านอาจารย์...” เขาประหม่าจนลิ้นพัน
เหลิงอู่เหยียนยิ้ม “หรานเอ๋อร์เจ้ากลับมาทันเวลาพอดี อาหารพร้อมแล้ว เรามาเริ่มมื้อค่ำกันเลยไหม?”
“มื้อค่ำ?” หลี่หรานมองไปข้างหลังนาง
มันเป็นโต๊ะขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยจานมากมาย มีอาหารรสเลิศทุกประเภทและพลังวิญญาณล่องลอยอยู่รอบๆ เห็นได้ชัดว่าส่วนผสมล้วนเป็นของล้ำค่า
หลี่หรานกลืนน้ำลายและยิ้มแหยๆ “หรูหรามาก ทำไมวันนี้ท่านอาจารย์ถึงมีอารมณ์อยากทำอาหารล่ะ?”
เหลิงอู่เหยียนกลอกตาใส่เขา “เจ้าพูดเหมือนปกติข้าปฏิบัติต่อเจ้าไม่ดี?”
หลี่หรานส่ายหัว “นั่นไม่ใช่สิ่งที่ข้าหมายถึง”
เหลิงอู่เหยียนยิ้ม “เจ้าไม่ได้กำลังจะจากไปหรือไง? ข้าเตรียมอาหารเหล่านี้เป็นพิเศษเพื่อส่งเจ้า”
“ส่งข้า?!” ขาของหลี่หรานอ่อนปวกเปียก
‘ฟัก! เช่นนั้นนี่คือจุดจบของข้า!’
‘ดูจากท่าทางแล้ว นางกำลังจะส่งข้าไปหลังจากกินเสร็จ?’
เหลิงอู่เหยียนไม่ได้สังเกต นางดึงเขาไปที่โต๊ะและนั่งลง “มาลองชิมอาหารเหล่านี้ดูสิ”
ลำคอของหลี่หรานแน่นขึ้น “ท่านอาจารย์ ท่านกระตือรือร้นขนาดนั้นเลยหรือ?”
“รีบกินซะ เดี๋ยวมันจะเย็นเสียก่อน”
“เย็น? ท่านกำลังพูดถึงอาหารหรือข้า?”
“พูดอะไรของเจ้าเนี่ย...” นางคีบเนื้ออินทรีเงินชิ้นหนึ่งใส่ปากเขา “มา อ้าปากสิ อ้าม...”
หลี่หรานเปิดปากของเขาและกลืนมันโดยไม่แม้แต่จะเคี้ยว
เหลิงอู่เหยียนกล่าวว่า “เป็นไงบ้าง? อร่อยไหม?”
ใบหน้าของเขาซีดเผือกและพยักหน้า “อร่อยมาก แต่มันกลับเป็นมื้อสุดท้าย...”
“ฮิฮิ ถ้ามันอร่อยก็กินให้เยอะๆ”
“ใช่ คนตายที่อิ่มท้องก็ยังดีกว่าตายด้วยความหิวโหย”
“อา?” เหลิงอู่เหยียนดูสับสน “หรานเอ๋อร์ เจ้ากำลังพูดถึงอะไร?”
หลี่หรานยิ้มอย่างบิดเบี้ยว “ท่านไม่ได้บอกว่าจะส่งศิษย์ไปหลังอาหารมื้อนี้หรือ?”
เหลิงอู่เหยียนเกาหัว “ถูกต้อง ไม่ใช่ว่าเจ้าต้องไปที่งานชุมนุมสวรรค์อมตะหรอกหรือ?”
หลี่หรานตกตะลึงเมื่อเขาได้ยินสิ่งนี้ “ตอนที่ท่านอาจารย์บอกจะส่งข้าไป ท่านหมายถึงเมืองหลวง?”
เหลิงอู่เหยียนพยักหน้า “แล้วจะเป็นที่ไหนได้อีก? ข้านับดูแล้วเจ้าควรจะออกไปในสองสามวันนี้”
หลี่หรานเช็ดเหงื่อเย็นบนหน้าผากของเขา
‘เช่นนั้นกลับกลายเป็นว่านี่ไม่ใช่จุดจบของข้า!’
ขณะที่เขาถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขาก็ได้ยินเหลิงอู่เหยียนพูดว่า “ยังไงก็ตาม วันนี้ข้าเรียกอวี้ชิงหลันมาที่นี่”
ร่างกายของหลี่หรานแข็งทื่อขณะที่เขาพูดตะกุกตะกัก “ละ ละ แล้ว?”
เหลิงอู่เหยียนยิ้มและพูดว่า “ข้าจัดการกับนางเรียบร้อยแล้ว!”
หลี่หรานขมวดคิ้วและถามอย่างสงสัย “ท่านอาจารย์หมายความว่ายังไง?”
เหลิงอู่เหยียนอธิบายว่า “ในเมื่อนางรู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเราแล้ว ข้าจึงบอกนางออกไปตามตรง”
“ตอนแรกนางรู้สึกประหลาดใจ แต่เมื่อนางได้ยินว่าข้าบอกให้เก็บเป็นความลับ นางก็ตกลงโดยไม่ลังเล”
“กลับกลายเป็นว่านักพรตเต๋าสารเลวคนนี้ค่อนข้างคุยง่าย”
(⊙? ⊙)
เขาถูช่องว่างระหว่างคิ้ว
พวกนางคุยกันยังไง?
เหตุใดเมื่อสิ้นสุดการสนทนาแล้วพวกนางจึงปรองดองกัน?
เหลิงอู่เหยียนย่นจมูกของนาง “เป็นยังไงบ้าง? ข้าเก่งไหม?”
หลี่หรานยกนิ้วให้นางและพูดอย่างจริงใจ “ท่านอาจารย์เป็นนักเจรจาจริงๆ...”
“แน่นอน” เหลิงอู่เหยียนกอดอกอย่างภาคภูมิใจ
หลี่หรานเดาได้คร่าวๆว่าทั้งสองคนไม่ได้พูดเรื่องเดียวกัน
เขาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้และตัดสินใจที่จะไม่บอกความจริงกับนางในตอนนี้
จะเกิดอะไรขึ้นถ้าพวกนางเริ่มต่อสู้กันอีกครั้ง?
อย่างน้อยที่สุดก็ต้องรอจนกว่าเขาจะแข็งแกร่งพอ ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลา
เหลิงอู่เหยียนกล่าวว่า “หรานเอ๋อร์ รีบกินได้แล้ว”
“เข้าใจแล้ว”
หลี่หรานเพิ่งหยิบตะเกียบขึ้นมาเมื่อเห็นแก้มของนางแดงระเรื่อขณะที่นางพูดว่า “กินเสร็จแล้วไปอาบน้ำกับข้าด้วย!”
ทันทีที่เหลิงอู่เหยียนพูดจบ หลี่หรานก็วางตะเกียบลงและพูดด้วยน้ำเสียงชอบธรรม “ศิษย์กินเสร็จแล้ว เราจะไปอาบน้ำกันเลยไหม?”
“……”
—
ยอดเขาหิมะ
ในห้องมีสาวสวยสองคนนอนอยู่บนเตียง น่องเรียวของพวกนางแกว่งไปมาเบาๆ
มันคือหลู่ซินหรานและอาฉิน
ที่อยู่อาศัยของหลี่หรานถูกทำลายโดยทัณฑ์สวรรค์ หลี่หรานอยู่ในห้องนอนของเหลิงอู่เหยียน ในขณะที่อาฉินถูกหลู่ซินหรานชวนมาอยู่ด้วยกันเป็นระยะเวลาหนึ่ง
พวกนางกำลังอ่านหนังสือเล่มเดียวกัน
ไม่รู้ว่าเห็นอะไร แต่พวกนางใบหน้าแดงก่ำและดวงตาเป็นประกาย
หลังจากอ่านหน้าสุดท้าย หลู่ซินหรานก็ปิดหนังสือแล้วพูดว่า “คำพูดเหล่านี้น่าสนใจมาก แต่ข้าสงสัยว่าการมีความรักนั้นรู้สึกอย่างไร?”
อาฉินวางนิ้วชี้ไว้หน้าริมฝีปากแล้วพูดเสียงเบา “พี่สาวซินหราน เจ้าควรลดเสียงลง ถ้าใครได้ยินเข้าเจ้าจะต้องทนทุกข์ทรมาน!”
วิหารโหยวหลัวห้ามชายและหญิงมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกัน
แม้แต่ถ้อยคำที่กล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิงก็ถูกห้ามไม่ให้เผยแพร่ในนิกาย
ถ้าหนังสือเล่มเล็กๆนี้ถูกค้นพบ นางจะต้องประสบกับภัยพิบัติ
หลู่ซินหรานถอนหายใจ “นิกายนั้นดีทุกอย่าง เป็นเพียงข้อห้ามนี้น่าอึดอัดเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อข้าต้องเผชิญกับบุตรศักดิ์สิทธิ์ที่หล่อเหลาเช่นนี้ทุกวัน ใครจะควบคุมตัวเองได้?”
“พี่สาว!” อาฉินทั้งโกรธทั้งขบขัน “ทำไมเจ้าถึงคิดเรื่องเหล่านี้อยู่เสมอ?”
หญิงสาวคนนี้ภายนอกดูน่ารัก แต่หัวใจของนางกลับเต็มไปด้วยเรื่องสัปดน
หลังจากอ่านหนังสือเล่มนี้แล้วอาฉินก็หน้าแดงและใจเต้น
หลู่ซินหรานกอดนางและพ่นลม “นี่เป็นธรรมชาติของมนุษย์ น้องสาวอาฉินอยู่กับบุตรศักดิ์สิทธิ์ทุกวัน แน่นอนว่าเจ้าย่อมไม่เข้าใจถึงความหิวโหยของหญิงสาวคนอื่น”
อาฉินปิดใบหน้าของนาง
/////
[ เมืองอู่หยาง -> เมืองหลวง (เป็นเมืองเดียวกันแต่หลังจากนี้จะใช้เมืองหลวงตลอด) ]