ตอนที่ 944 ด้านได้อายอด
ต่อให้เป็นจักรพรรดิเสินกวงมาเองก็ยังไม่กล้าล่วงเกินราชาจื่อฟง
อย่างไรก็ตามเมื่อบุรุษทั้งสองปรากฏตัวขึ้นกลับสร้างความตกใจให้กับผู้พบเห็น
การปรากฏตัวของบุรุษทั้งสอง
เหมือนกับดวงอาทิตย์โชติช่วงที่พุ่งชนประตูวังหลวงทุกอย่างไม่อาจจะต้านทานพลังของเขาได้ พื้นหินภูเขาไฟถูกกระแทกแหลกร่างขนาดใหญ่ยืนตระหง่านดุจขุนเขา และหยุดอยู่คั่นหน้าระหว่างเย่ว์หยางและราชาจื่อฟงแบ่งแยกคนออกเป็นสองกลุ่ม ภายใต้พลังอากาศอัดกระแทกสะท้านฟ้าสะเทือนดิน นี่ไม่ใช่แค่ทำให้ราชาจื่อฟงตกใจเท่านั้นแต่นักรบทุกคนปากอ้าตาค้างด้วยความตกใจ
ราชาทั้งสามที่ไม่ได้รับเชิญมีสีหน้าแปลกประหลาดมองดูราชาจื่อฟงจากนั้นหันไปมองมารสัมฤทธิ์ฟ้า
การสลายพลังของสองคนนี้
เขาเห็นร่างของบุรุษทั้งสองคนแข็งแรงสูงห้าเมตรคอหนา ไหล่กว้าง หลังตรงเหมือนเสือทั้งสองมีความสูงระดับเดียวกัน กล้ามเนื้อและความแข็งแรงแค่อธิบายด้วยกล้ามเนื้อที่แกร่งเหมือนเหล็กก็คงยังไม่พอ แต่เปี่ยมไปด้วยพลังที่พร้อมระเบิดออกเต็มที่
ไม่มีใครสงสัยเลยว่าถ้าทั้งสองร่วมมือกันสามารถถล่มภูเขาจนราบเป็นหน้ากลองได้
เหมือนกับว่าพวกเขาสามารถแบกสวรรค์ไว้ได้
หรือถ้าพวกเขาร่วมมือกันก็สามารถฉุดดึงโลกไว้ได้ทั้งใบ
ราชาที่ไม่ได้รับเชิญทั้งสามรู้สึกสับสนในกระทิงเถื่อนทั้งสองคนนี้มีพลังมังกรคล้ายกับสนามพลังเลือนลางมีทักษะแฝงเร้นแฝงอยู่โดยรอบ ถ้าตรวจจับพลังงานนี้ลึกๆจะสามารถสัมผัสความรู้สึกภายในของทั้งสองนี้ได้ชัดเจน ทั้งสองคนนี้มีพลังคุกรุ่นอัดแน่นอยู่ภายในเหมือนภูเขาไฟรอระเบิด.... “เป็นพวกเขาหรือ?” ตาสีเขียวของราชาทั้งสามสัมผัสได้ถึงพลังไม่มีสิ้นสุด” ราชาชิงหลางถามราชาจื่อฟง
“พวกเขา อะแฮ่ม..เมื่อวานนี้พวกเขายังเป็นนักสู้ปราณฟ้าระดับหนึ่งอยู่เลย” ราชาจื่อฟงมีสีหน้าสงบ แต่พอเขาพูด เขารู้สึกขื่นขมอย่างช่วยไม่ได้ เขาเข้าใจถึงสิ่งที่เกิดขึ้นแน่นอน เรื่องนี้ต้องมีสาเหตุมาจากคุณชายไตตันเพราะท่านไตตันได้รับตัวสองคนนี้ไป “พบกันวันก่อนสองพี่น้องกระทิงเถื่อนไม่มีอะไรคู่ควรแก่การเอ่ยอ้างคิดไม่ถึงเขาเลื่อนพลังเป็นปราณฟ้าระดับสี่อย่างคาดไม่ถึง เพียงวันเดียวเลื่อนพลังสามระดับ ที่น่ากลัวที่สุดก็คือเห็นได้ชัดว่าถ้าสองพี่น้องกระทิงเถื่อนฝึกต่อไปจะต้องเลื่อนไปถึงระดับห้าแน่นอน เป็นเรื่องของเวลาเท่านั้น
“อะไรนะ ว่าไง?”
ราชาจื่อฟงตอบราชาทั้งสามเหมือนที่ตอบราชาชิงหลาง
ยกระดับพลังสามระดับในวันเดียวน่ะหรือ?
นี่ไม่ใช่นักสู้ปราณดิน แต่เป็นนักสู้ปราณฟ้า เป็นไปได้อย่างไรกัน?
ถ้าไม่มีการให้เลือดเทพเป็นของขวัญก่อนหน้านี้ราชาจื่อฟงและอีกสามราชาคงจะไม่มั่นใจแน่นอน อย่างไรก็ตาม เมื่อพวกเขาเห็นราชาจื่อฟงพวกเขามองดูราชาจื่อฟงและคนรอบด้านอีกครั้ง เหมือนกับว่าไม่มีสิ่งใดแปลกปลอมนอกจากมีเลือดเทพเป็นของขวัญแล้ว ในเวลานั้นพวกเขาเริ่มเชื่อแล้ว
ราชาชิงหลางรีบถาม“นี่เป็นเพราะหลอมรวมกับเลือดเทพหรือเปล่า?”
ราชาจื่อฟงส่ายศีรษะ“ไม่, ไม่ใช่เลือดเทพ แต่คุณชายไตตันคงต้องมีสมบัติอื่นนอกจากเลือดเทพ โอว!”
ม่านตาของราชาว่านเจียวผู้สวมมงกุฎสูงสีดำขยายจากนั้นมองผ่านพลางกล่าว “เป็นเลือดมังกรโบราณที่บริสุทธิ์มากหลอมรวมอยู่ในตัวกระทิงสองพี่น้องนี้ และศักยภาพของทั้งสองนี้นับว่าไม่เลว มีบางคนใช้เลือดมังกรโบราณปลดปล่อยศักยภาพของทั้งสองคนนี้ทำให้พลังของพวกเขาที่ถูกจำกัดไว้ได้รับการปลดปล่อยโดยตรง!”
บุรุษคนที่สามที่ดูธรรมดาแต่ดวงตาคมกริบราวกับดาบ ระหว่างทั้งสองคนนี้ราชาผู้สวมชุดสีแดงคือราชาโหลวลั่ว เขาพยักหน้าช้าๆยอมรับตามที่สหายของเขาราชาว่านเจียวบอก
ขณะนั้นราชาทั้งสามคือชิงหลางว่านเจียว และโหลวลั่ว
นอกจากตกใจแล้ว
ยังมีความรู้สึกไร้พลังและอิจฉา
แม้ว่าเขาเองจะเป็นถึงนักสู้ระดับราชาแต่ไม่เคยได้รับการปฏิบัติเช่นนี้ โชคดีที่ได้เลื่อนระดับเป็นนักรบปราณฟ้าระดับสามในวันเดียวหรือ? นั่นเป็นความสำเร็จอะไรกัน? พวกเขาเชื่อว่าแดนสวรรค์ไม่มีคนโชคดีมากพอจะมาอยู่ต่อหน้าของเขาสองพี่น้องได้
พ่อบ้านเย่และหัวหน้าจินฟันทองยังไม่เป็นไร
แต่ฮูเหลยและนักสู้ปราณฟ้าอื่นอยากจะร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา พวกเขาปรารถนาจะหาต้นไม้สักค้นและผูกคอตาย
โอวแม่เจ้า เจ้าวัวโง่สองตัวนี้แทบไม่มีอะไร ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าทำบุญมาแต่ชาติปางไหนถึงได้มาพบเจอคุณชายไตตัน
คนที่ต้องห่วงก็คือตัวเขาเอง
ถ้าเลือดมังกรบินโบราณใช้กับตัวเขาได้ อย่างนั้นนี่จะเป็นเรื่องดีมากมายแค่ไหน
“พวกเจ้า ใครคือราชาจื่อฟง จงออกมาพบกับเราสองพี่น้องตอนนี้เราไม่เพียงแต่แข็งแกร่งเท่านั้น เรายังมีเกราะรบทอง ต่อให้พวกเจ้ารวมหัวกัน เราก็จะเอาชนะเจ้าให้ได้!” พี่ใหญ่กระทิงเถื่อนพยายามยืนอยู่ในท่าที่พวกเขาคิดว่าดูดีที่สุดและยกชูหมัดขึ้นพร้อมกับน้องชายและทำท่าชกลมเสียงดังฟืดฟาด
“เราต้องใช้หมัดของเรากำจัดพวกเจ้าให้หมดสิ้น!” กระทิงเถื่อนคนรองพอถูกเย่ว์หยางดึงพลังเทพออกไปกลายเป็นผู้มีนิสัยดุดันก้าวร้าว
“เจ้าพวกโง่ทั้งสองคน!” หมิงลี่ฮ่าวทนไม่ได้อีกต่อไป
หนึ่งคนหนึ่งหมัดต่อยออกปด้วยความโมโหกระแทกใส่ทั้งสองโดยตรง
ไม่สมเหตุผลเสียเลย
ตามแผนของเย่ว์หยางทั้งสองคนนี้ควรจะออกไปอยู่นอกเมืองรอสัญญาณการต่อสู้ที่งดงามที่สุดในตอนราตรีพวกเขาต้องการเปิดตัวโจมตีอย่างยิ่งใหญ่เพื่อก่อกวนการจัดงานของราชาจื่อฟง นึกไม่ถึงเลยว่าเย่ว์หยางกับพวกยังมาไม่ถึงวังหลวง เจ้าโง่ทั้งสองก็บุกเข้ามาอย่างช่วยไม่ได้!
เย่ว์หยางคาดไว้นานแล้วเจ้าสองคนนี้คงจะทนรอไม่ได้และเขาจะไม่บังคับให้สองกระทิงเถื่อนฟังคำสั่งของเขาเหมือนคนอื่น
อย่างไรก็ตามมีบางอย่างอาจผิดปกติ
แม้ว่าเขาจะไม่ได้คาดหวังว่าทั้งสองคนนี้จะบุกรุกเข้ามารวดเร็วนัก แต่เขายังมีความรู้สึกว่าไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับสองคนนี้? สำหรับสองคนนี้เชี่ยวชาญในการเปลี่ยนแปลง นั่นก็ถูกไม่ใช่หรือ ? เย่ว์หยางยิ้มยิ้มเฉิดฉายเหมือนดวงอาทิตย์และตบสองพี่น้องกระทิงเถื่อน “ข้านึกว่าพวกเจ้าจะต้องหลับไปสามวันเสียอีกคาดไม่ถึงเลยว่าพวกเจ้าจะตื่นขึ้นรวดเร็วนัก ก็ดีแล้ว การหลอมรวมพลังสมบูรณ์แล้วแม้ว่าพลังจะก้าวหน้า แต่ดูเหมือนว่าพลังยังไม่มีความเสถียร พวกเจ้ายังปรับตัวเข้ากับพลังนั้นไม่ได้ง่ายๆ ตอนนี้ เมื่อครู่นี้ข้าเห็นพวกเจ้าเพิ่งจะพุ่งเข้าปะทะประตูพังดังนั้นพวกเจ้าต้องฝึกฝนให้ดี มิฉะนั้นถ้าพวกเจ้ามีพลังแต่ไม่มีทักษะต่อสู้นั่นเป็นเรื่องที่เปล่าประโยชน์”
สองพี่น้องกระทิงเถื่อนไม่เคยยอมรับฟังใคร แต่กลับเชื่องเชื่อต่อเย่ว์หยางนัก
คำวิจารณ์ที่น่าอึดอัด
สองพี่น้องลูบหลังศีรษะและหัวเราะอย่างโง่เขลาไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด
เย่ว์หยางให้พวกเขาลุกขึ้นอีกครั้งและชี้ไปทางจวนเจ้าเมือง “ถ้าพวกเจ้าต้องการสู้ พวกเจ้าจะสู้ทั้งที่ท้องว่างเปล่าได้หรือ? ถ้าเจ้ามีเรื่องร้องเรียนกับราชาจื่อฟง ทำไมเจ้าไม่ไปบ้านเขาก่อนกินก่อนแล้วค่อยเล่นกับพวกเขา? ที่นี่มีเหล้ายาอาหารมากมายเป็นภูเขาเลากา ทำไมพวกเจ้าไม่หาความสุขจากการกินเสียก่อน?”
เมื่อสองพี่น้องกระทิงเถื่อนได้ยินเช่นนี้พวกเขาตบหน้าผากตนเองทันที “โฮ่ย...ข้านึกไม่ถึงจริงๆว่าจะมีประโยชน์มากมายขนาดนี้!”
การต่อสู้เป็นเรื่องที่ต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน แต่เป็นไปไม่ได้จริงๆ กับการต่อสู้ทั่งที่ท้องยังหิว
ไม่อย่างนั้นจะแย่เกินไป
กระทิงเถื่อนพี่ใหญ่เกรงว่าราชาจื่อฟงจะไม่ยินยอมให้ตนเองได้ร่วมสนุก เขาตะโกนลั่นทันที “พี่น้องเรา พี่น้องไตตัน เข้าไปข้างในไปกินอาหารกัน ใครกล้าขัดขวาง? ข้าจะใช้หมัดคู่นี้ทุบวังให้พังจนหมดสิ้น!”
กระทิงเถื่อนน้องรองคว้าคอเสื้อจินฟันทองและตวาด “เอาอาหารออกมาเดี๋ยวนี้!”
พ่อบ้านเย่รีบนำทาง
เมื่อหัวหน้าจินฟันทองและพวกพาเจ้ามนุษย์วัวไร้สมองทั้งสองเข้าไปหาอาหารเติมท้อง ในวังหลวงมีอาหารมากพอให้สองพี่น้องกระทิงเถื่อนกินจนพุงแตกตายมีคุณชายไตตันคอยคลี่คลายสถานการณ์ของสองพี่น้องกระทิงเถื่อนทั้งสองคนนี้ยังจะเอาเวลาที่ไหนไปสู้ในวันนี้? ถ้าพวกเขาไม่เมาอยู่ในวังหลวง อย่างนั้นหัวหน้าจินก็ไม่ควรเป็นหัวหน้าจินฟันทองอีกต่อไปสมควรจะถูกเปลี่ยนชื่อเป็นจินผู้ไร้ความสามารถ!
เดิมทีฮูเหลยและนักรบปราณฟ้าคนอื่นตาแดงด้วยความอิจฉาอาการที่ไม่พอใจที่เกิดขึ้นในใจตอนแรกหายไปทันที
แม้ว่าสองพี่น้องกระทิงเถื่อนจะมีพลังก้าวหน้าไปถึงปราณฟ้าระดับสี่ แต่สติปัญญาของเขามิได้เพิ่มตามขึ้นเลย
โชคดีที่พวกเขาทั้งสองยังโง่เหมือนเดิม
ดีที่เจ้าสองคนนี้ยังโง่ ฮูเหลยปล่อยวางความคับข้องใจและตัดสินใจวาจะหาโอกาสผูกมิตรกับคุณชายไตตัน ตราบเท่าที่คุณชายเรียกหาตัวเขา มีหรือที่เขาซึ่งมีความฉลาดมากกว่าจะไม่ดีเท่าเจ้าวัวป่าทั้งสองตัวนี้ได้?
ต่างจากนักสู้ปราณฟ้าอย่างฮูเหลยและพวกราชาจื่อฟงและอีกสามราชาถือเป็นนักสู้ระดับสูง
พวกเขามีมุมมองต่างออกไป
คุณชายไตตันพูดกับพี่น้องกระทิงเถื่อนเพียงไม่กี่คำดูเหมือนเรื่องจะง่ายไปหมด ความจริงแล้วยอดฝีมือระดับราชาทั้งสี่คือ ราชาจื่อฟง ราชาชิงหลางราชาว่านเจียวและราชาโหลวลั่ว ก็ยังรู้สึกว่ายากจะเปลี่ยนสถานการณ์เช่นนี้ได้ พวกเขาลอบถอนหายใจ “น่าตกใจจริงนี่คือลูกหลานของตระกูลมีชื่อเสียงจากแดนสวรรค์บนหรือเปล่า? ความสามารถของคนผู้นี้เกินคาดจริงๆ ไม่ต้องพูดถึงนักรบระดับราชาเลย เขาอาจจะสูงกว่าหรืออยู่ในระดับจักรพรรดิแดนดินก็เป็นได้ เป็นข้าก็คงทำได้ไม่ดีกว่านี้?”
คุณชายไตตันผู้นี้อายุเท่าใดกันแน่?
เมื่อเขาเติบโตขึ้น จะเป็นยังไง?
ถ้าเป็นแต่ก่อนจื่อฟงและชิงหลางจะให้เกียรติคุณชายไตตันเพราะสถานะของเขา แต่ตอนนี้พวกเขาเพิ่มความเกรงกลัวขึ้นอีกเล็กน้อย
ในแง่ของเสน่ห์บุคลิกส่วนตัวระดับราชายังคงด้อยกว่าเช่นกัน.... ชิงหลางว่านเจียวและโหลวลั่วมองหน้าและพยักหน้าให้กัน และเดินออกมาจากกลุ่มคนเพื่อทักทายคารวะ “คุณชายไตตันมาเยือนแดนสวรรค์ล่างข้าต้องขออภัยที่มิได้รีบมาต้อนรับท่าน นับว่าเสียมารยาทจริงหวังว่าคุณชายจะให้อภัยพวกเรา!”
ราชาจื่อฟงแทบเกือบทำเสียงแค่นเขาลอบสบถด่าอยู่ในใจ พวกเจ้าเป็นเจ้าจากผ่นดินไหนกันแน่ ข้าคือเจ้าถิ่นที่นี่พวกเจ้าเป็นแค่นกกาผู้อาศัยเท่านั้น แต่แน่นอนว่าเขาคงไม่พูดเช่นนี้ออกมาตรงกันข้ามเขาพยายามข่มอารมณ์ขุ่นเคืองและฝืนยิ้มทำหน้าที่ผู้เหย้า “น้องไตตัน! เชิญเข้ามาเถอะจื่อฟงจะขอแนะนำสหายให้รู้จักสักสองสามคน ท่านผู้นี้คือชิงหลางแห่งอาณาจักรเยี่ยเซินหลิน ท่านนี้คือราชาว่านเจียวและนี่คือราชาโหลวลั่ว ทั้งสามเป็นราชาเพื่อบ้านของข้าจื่อฟงทั้งสามท่านนี้ได้ยินว่ามีอาคันตุกะผู้ทรงเกียรติอย่างคุณชายไตตันมาเยือนจากแดนสวรรค์บนจึงอดมาชื่นชมสง่าราศีของคุณชายไม่ได้!”
คำพูดเชือดเฉือนเพื่อนบ้านฝ่ายตรงข้ามทำให้ดูเหมือนกับว่าสหายบ้านนอกของเขาเดินทางมาไกลหลายพันไมล์เพื่อเยี่ยมเยือนสหายที่อยู่ในเมือง
ชิงหลางและพวกลอบหงุดหงิดอยู่ในใจ
น้องสาวของเจ้าบิดาของเจ้าก็มาจากบ้านนอก นึกว่าตนเองเลิศเลอมาจากไหน?ตระกูลจากแดนสวรรค์บนน่ะหรือ ไม่ ตระกูลจากแดนสวรรค์บนไม่ใช่ตระกูลของเจ้า อย่าทำตัวน่าขันอยู่เลยอย่างเจ้ามีความสามารถปฏิเสธไม่ให้คนอื่นเข้าประตูบ้านได้หรือ?
ถ้าเป็นปกติ เจ้าคงเชิดหน้าหนีไปแล้ว
แต่ตอนนี้เขาได้แต่แกล้งทำเป็นไม่ได้ยินอะไร ได้แต่หัวเราะและพยักหน้า
อย่างไรก็ตามทุกคนถือคติด้านได้อายอด
ไม่มีใครอยากหัวเราะเยาะใคร
หมิงลี่ฮ่าวแกล้งทำเป็นยิ้มอย่างจนใจตอนนี้เขารู้สึกสนุกที่ได้ทำงานร่วมกับเจ้าเด็กเย่ว์หยาง สถานการณ์ที่ยอดเยี่ยมอย่างนี้จะเปลี่ยนไปได้อย่างไร? ตอนแรกเขายังคิดว่าแผนการของเย่ว์หยางเกินเลยไปบ้างบางคนอาจมองออกได้ง่าย การให้เลือดเทพจะเป็นการสูญเปล่าหรือไม่? แต่ตอนนี้แผนกลางๆโดยรวมดำเนินไปด้วยดี และไม่ใช่แค่ราชาจื่อฟงและชิงหลางเท่านั้นแต่ยังมีพวกที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดยังตกเข้ามาในกับดักของเย่ว์หยางจนได้
สุดท้ายแล้วเลือดเทพจะใช้ตกปลาใหญ่ได้กี่ตัว?
ตอนนี้การละเล่นเพิ่งจะเริ่ม รอให้ถึงเวลารวบแหในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดตอนที่จูกวงลงมา
“ท่านหญิงจูกวงกำลังมา!”
ในฐานะสตรีผู้เป็นเจ้าภาพฉลองวันเกิดท่านหญิงจูกวงต้องละวางความกังวลใจทั้งหมดและลงมาพบอาคันตุกะผู้ทรงเกียรติอย่างคุณชายไตตันด้วยตนเอง ตระกูลชั้นสูงจากแดนสวรรค์บนไม่ได้ติดต่อมาเป็นพันปีแล้ว
เย่ว์หยางให้ราชาจื่อกวงและราชาอื่นรายล้อมเหมือนดาวล้อมเดือนแหวกกลุ่มคนออกมาเพื่อสตรีงามที่กำลังเดินเข้ามาในอิริยาบถที่สบาย
หมิงลี่ฮ่าวผู้มีความสูงสิบเมตรยังคงจ้องมอง
ดวงตาของเขาเป็นประกาย
หมัดทั้งสองกำแน่น