ตอนที่ 941 รายงานตัวรับภารกิจ
การปรากฏตัวของประมุขผู้อาวุโสทำให้เกิดแรงกดดันจนทุกคนอยู่ในอาการมึนงง
ในขณะนั้นโลกพลันเงียบสงัด
ตู้เค่อเบิกตากว้าง พลังที่ซึมออกมาจากตัวประมุขผู้อาวุโสแข็งแกร่งกว่าวันก่อนที่เขาได้พบเจอเสียอีก เขาคิดในตอนแรกว่าอีกฝ่ายหนึ่งได้เสร็จสิ้นการเปลี่ยนแปลงและพลังของพวกเขามั่นคงแล้ว แต่เขาไม่เคยคิดเลยว่าศัตรูจะบรรลุไปอีกระดับ
ในสายตาของเขาร่างของประมุขผู้อาวุโสมีพลังงานกดดันเป็นวังวนซ่อนไว้อย่างไม่มีที่สิ้นสุดแม้ว่าศัตรูจะยืนอยู่ไกล แต่ภายในระยะ 300เมตรรอบตัวเขาดูเหมือนจะเป็นพื้นที่ ‘กวาดล้าง’ ที่ไม่มีกฎธรรมชาติปรากฏอยู่เลย
เมื่อตู้เค่อตระหนักได้ว่าสภาวะทางจิตของเขาเกินจะควบคุมได้ เขารู้ดีว่าเขาจะต้องเผชิญหน้ากับสภาวะที่ไร้รูปแบบ ไม่ว่าวิธีการของศัตรูจะอำมหิตและบ้าเลือดเพียงไหน ไม่ว่าศัตรูจะบ้าคลั่งเพียงไหน แต่ความมุ่งมั่นและจิตตานุภาพของพวกเขาเป็นของจริง
กระบวนการเปลี่ยนแปลงของศัตรูกระทำได้ง่ายมากผ่านการดูดกลืนเพลิงศักดิ์สิทธิ์ แต่นี่ดูเหมือนเป็นวิธีง่ายไม่มีเคล็ดลับอะไรมาก เป็นเรื่องยากมากในแง่จะให้ได้ปริมาณเพลิงศักดิ์สิทธิ์ขนาดนั้น ตัวอย่างเช่น วิธีดูดกลืนเพลิงศักดิ์สิทธิ์เข้าร่างในปริมาณมากและให้เพลิงศักดิสิทธิ์โคจรอยู่ภายในร่าง นอกจากนี้ยังมีความยากในการควบคุมเพลิงศักดิ์สิทธิ์ปริมาณมาก
ประมุขผู้อาวุโสเป็นเหมือนระเบิดที่ทรงพลังขนาดมหึมา ถ้าเขาไม่ตั้งใจหรือถ้าเขาไม่ระมัดระวังและพลั้งเผลอผิดพลาดไปแม้แต่น้อยผลร้ายที่ตามมายากจะคาดคิด และประมุขผู้อาวุโสจะถูกทำลายเป็นจุลโดยพลังงานที่กว้างไกลและรุนแรง
แต่ประมุขผู้อาวุโสยังคงสงบและใจเย็น เขายังคงทำตัวเรื่อยๆ หัวใจที่เย็นชาและบ้าคลั่งของเขาไม่เพียงมีต่อศัตรูเท่านั้น แต่มีผลแม้แต่ตัวของเขาเอง
ตู้เค่อเต็มไปด้วยความตกใจและหันหน้าไปมองดูถังเทียน ในทำนองเดียวกันนั้นถังเทียนกับประมุขผู้อาวุโสคล้ายคลึงกันมาก
เมื่อเขาตระหนักได้ว่าเขาอยู่ในสภาพเสียเปรียบตู้เค่อคิดถึงถังเทียนทันที
สีหน้าของถังเทียนยังคงสงบ เขาไม่สะทกสะท้านต่อพลังของประมุขผู้อาวุโสเลย แต่ตู้เค่อไม่เห็นรัศมีที่สง่าและทรงพลังที่ถังเทียนเคยมี เขาดูเหมือนคนธรรมดาที่ไม่เคยฝึกวิทยายุทธมาก่อน เขายืนนิ่งอยู่กับที่โดยไม่เปล่งประกายอะไรเลย
ประมุขผู้อาวุโสกวาดสายตาไปทั่วสมรภูมิ เขาต้องการดูว่าใครบังอาจเป็นศัตรูของเขา
เมื่อประมุขผู้อาวุโสกวาดสายตาผ่าน ทุกคนรู้สึกถึงความเผาไหม้ร้อนรนในร่างของพวกเขา และพวกเขาเต็มไปด้วยความตกใจครอบงำ
‘ขุนพลวิญญาณ?’
ตาของประมุขผู้อาวุโสกระพริบ เขาไม่เคยคาดเลยว่าฝ่ายศัตรูก็มีขุนพลวิญญาณมากมาย นอกจากนี้พวกเขายังมีคุณภาพที่สูงล้ำมากทำให้เขาถึงกับผงะ ขุนพลวิญญาณที่อยู่ข้างสุภาพสตรีมีพลังกดดัน พวกเขาไม่เคยแสดงท่าทางยอมรับ แต่กลับมองกลับเขาแทน
‘ช่างเป็นขุนพลวิญญาณที่ทรงพลัง!’
ตาของเขาเป็นประกาย เขามักรู้สึกว่าขุนพลวิญญาณของเขาขาดอะไรไปบางอย่าง และตอนนี้เขาเข้าใจแล้ว ขุนพลวิญญาณของเขาขาดราศีที่เหี้ยมหาญดุดัน ถ้าเขาได้รับขุนพลวิญญาณเหล่านี้ เขาเชื่อว่าเขาจะสร้างขุนพลวิญญาณที่ไร้เทียมทานได้อย่างแท้จริง
ความคิดเหล่านี้พุ่งขึ้นสูงสุดเมื่อเขาเห็นเสี่ยวม่าน เขารู้สึกตกใจอยู่ภายใน ‘ในโลกนี้มีขุนพลวิญญาณที่สมบูรณ์แบบขนาดนั้นเชียวหรือ!’ เขาไม่รู้ว่าเสี่ยวม่านมีศักยภาพในการสั่งการขนาดไหน แต่เมื่อพูดกันตามตรงในเรื่องร่างของขุนพลวิญญาณ เสี่ยวม่านโดดเด่นกว่าโซเฟีย พรสวรรค์ของโซเฟียอยู่ในระดับยอดเยี่ยม แต่ในท้ายที่สุดนางไม่มีประสบการณ์ในการรบจริง เสี่ยวม่านไม่อาจเทียบกับโซเฟียในเรื่องพรสวรรค์ แต่นางมีประสบการณ์ผ่านการสู้รบในยุคสามกองทัพมหาอำนาจมาแล้ว และทั้งมีประสบการณ์การรบและการต่อสู้ที่ยากลำบาก หลังจากกลายเป็นขุนพลวิญญาณ จิตสำนึกของนางไม่จางหายไปและนางยังคงร่วมสู้รบในสมรภูมิโบราณอีกต่อไป นอกจากนี้นางสนุกกับการเป็นทัพหน้าบุกตะลุย นางผ่านการชุบตัวในสงครามและกลายเป็นผู้สมบูรณ์แบบ
ในที่นี่ ขุนพลวิญญาณ 120นายที่อยู่ข้างตัวเชียนฮุ่ยก็เหมือนกัน พวกเขาทั้งหมดผ่านการสู้รบมาอย่างโชกโชน พวกเขาอดทนและแข็งแกร่ง แม้ว่าพวกเขาจะรู้สึกถึงพลังครอบงำของประมุขผู้อาวุโสได้ แต่พลังใจของพวกเขาได้รับการขัดเกลาผ่านการสู้รบมาหลายศึกจึงทำให้พวกเขารักษาความห้าวหาญและความตั้งใจสู้ไว้ได้
ประมุขผู้อาวุโสใช้ความพยายามมากมายกับการสร้างขุนพลวิญญาณของเขา แต่สร้างความพอใจให้เขาน้อยมาก เมื่อเขาเห็นขุนพลวิญญาณของอีกฝ่ายว่าโดดเด่นเพียงไหน ความสงบในใจของเขาปั่นป่วนทันที
ถ้าประมุขผู้อาวุโสเป็นหมาป่า ตาของเขาคงกลายเป็นสีเขียวไปแล้ว
ประมุขผู้อาวุโสมองดูอาซิ่นแต่ไม่หยุดที่ตัวเขาขุนพลวิญญาณที่กำลังมึนงงไม่ดึงดูดความสนใจของเขา อาซิ่นผู้น่าสมเพชถูกมองว่าเป็นพวกทหารชั้นเลวในสายตาของประมุขผู้อาวุโส
ประมุขผู้อาวุโสรู้ความคงอยู่ของตู้เค่อนานแล้ว ดังนั้นเขาไม่ได้รู้สึกประหลาดใจ เขายิ้มให้ตู้เค่อเหมือนกับว่ากำลังพบกับสหายเก่า ตู้เค่อลอบประหลาดใจ ‘ประมุขผู้อาวุโสนี่ไม่ธรรมดาจริงๆ แม้ในฐานะที่เป็นศัตรู ข้าก็อดตระหนักถึงความหนักใจของเขาไม่ได้
ประผู้อาวุโสมองผ่านจี๋เจ๋อและพวกที่เหลือ ไม่มีใครในที่นี้ดึงดูดความสนใจเขาได้ ในสายตาของเขา พวกเขาไม่มีอะไรมากไปกว่ามด
เมื่อเขากวาดสายตาผ่านถังเทียนร่างของเขาชะงักและม่านตาของเขาหรี่ทันที
ถังเทียนสังเกตสายตาของประมุขผู้อาวุโสและยกมือขวาทันที และคลื่นเบาบางกวาดผ่านประมุขผู้อาวุโสทันทีเหมือนกับว่าเขากำลังทักทายคนคุ้นเคย
แม้ว่าถังเทียนจะไม่ได้เปิดเผยกลิ่นอายที่อันตราย แต่ประมุขผู้อาวุโสจำได้ว่าถังเทียนก็คือคนที่ลอบสังเกตการณ์ดูพวกเขา แต่สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจก็คือสภาวะปัจจุบันของถังเทียน
ความจริงไม่เพียงแต่ประมุขผู้อาวุโสเท่านั้นที่ประหลาดใจ แม้แต่ตู้เค่อก็ประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง โลกมักจะมีบุคคลพิเศษเพียงไม่กี่คนประมุขผู้อาวุโสเป็นเหมือนดวงอาทิตย์เจิดจ้าสามารถกลบกลืนทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวได้ และในช่วงรัศมี 300เมตรรอบตัวเขาเป็นพื้นที่ซึ่งไม่มีกฎธรรมชาติอยู่เลย สำหรับถังเทียนเขาตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิงรัศมีจากตัวของเขาหลอมรวมกับพื้นที่รอบตัวเขาได้อย่างสมบูรณ์ การดำรงคงอยู่ของเขาไม่ส่งผลต่อกฎธรรมชาติรอบตัวเขาแม้แต่น้อยเหมือนกับว่าเขาเป็นอากาศว่างเปล่า
ร่างของประมุขผู้อาวุโสเป็นเหมือนมหาสมุทรใหญ่ที่บีบอัดอยู่ในร่างขนาดเล็กเป็นรูปแบบที่สุดยอด ขณะที่ถังเทียนเป็นร่างที่ละเอียดอ่อนมาก เขาไม่มีพลังผันผวนใดๆ อยู่เลย และเข้าสู่สุดยอดของความว่างเปล่า
ทั้งสองแตกต่างกันอย่างสุดขั้ว แต่ก็แข็งแกร่งด้วยกันทั้งคู่
แม้แต่ตู้เค่อก็เป็นนักสู้ที่ทรงพลังที่เข้าถึงขอบเขตที่เป็นตำนานก็ยังตื่นเต้นกับพลังของพวกเขาใครกันจะคาดคิดว่าทั้งสองจะทรงพลังขนาดนั้น
“ข้าไม่เคยคิดเลยว่าข้าจะได้พบกับหนุ่มชาวฟ้าภายใต้สถานการณ์อย่างนี้” ประมุขผู้อาวุโสยิ้มในทันใด และเริ่มระลึกความทรงจำ “ข้าจำได้ว่าปีนั้นเมื่อวิหารเห็นข้อมูลต่างๆจากสวรรค์วิถีข้าก็เริ่มรู้สึกได้ว่าหนุ่มน้อยถังไม่ใช่คนธรรมดาเลย แต่ข้าไม่คาดเลยว่าเจ้าจะก้าวหน้ามาได้จนถึงระดับนั้นและกลายเป็นศัตรูที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของวิหารกวงหมิงของข้าได้”
“ก็ใช่แล้ว ข้ารู้ว่าท่านคงจะไม่รู้! ถ้าข้าถูกท่านตรวจข้าพบได้ง่ายๆข้าจะเอาชนะท่านได้ยังไง?” ถังเทียนพูดอย่างอารมณ์ดี และถ้าเขามีหางอยู่ข้างหลังก็คงกระดิกได้ไม่ติดขัด
ตู้เค่อที่มีสีหน้าชื่นชมและนับถือถึงกับชะงักค้างขณะที่เขาจ้องมองถังเทียนอย่างว่างเปล่า ‘ประมุขผู้อาวุโสมีราศีของยอดฝีมือคนหนึ่ง แต่ถังเทียนเล่า? ทำไมเจ้าถึงเหมือนกับคนโง่ เจ้าทำลายพจน์สุดยอดฝีมือจนหมดไม่เหลือ’
‘ทำไมช่างแตกต่างอย่างมากมายนัก..’
ตาของประมุขผู้อาวุโสเป็นประกายและพูดอย่างเป็นงานเป็นการ “พ่อหนุ่มถังเจ้าช่างห้าวหาญเสียจริง ถ้าเจ้ายินดีร่วมกับวิหารของข้า ข้ายินดีจะยกตำแหน่งประมุขผู้อาวุโสให้กับเจ้าและเจ้าจะเป็นผู้ถือครองอำนาจ”
ถังเทียนแค่นเสียง “อย่างนั้นท่านก็ต้องการจะเปลี่ยนข้าให้เป็นขุนพลวิญญาณใช่ไหม?”
ประมุขผู้อาวุโสถอนหายใจ “พ่อหนุ่ม,ความเกลียดที่เจ้ามีต่อข้าช่างลึกล้ำนัก นั่นช่างน่าเสียดาย ดูเหมือนว่าระหว่างเราจะต้องมีฝ่ายหนึ่งที่ต้องตายไป”
ถังเทียนจ้องประมุขผู้อาวุโส และทันใดนั้นเขายิ้มเฉิดฉายเหมือนดวงอาทิตย์ แต่น้ำเสียงที่พูดหนักแน่นเหมือนเหล็กกล้า “ถ้าข้าไม่ฆ่าท่าน ข้าจะสู้หน้ากับดวงวิญญาณนับล้านที่ตายไปในทวีปเซียนอย่างไม่ยุติธรรมได้ยังไง?”
ประมุขผู้อาวุโสถอนหายใจอีกครั้ง “เป็นเรื่องที่โหดร้ายที่สุดในโลกที่ไม่มีอะไรเอาชนะได้ แต่มีความขัดแย้งกันในความเชื่อถือ และนั่นจำเป็นต้องฆ่าพวกเขา วางใจได้ เมื่อเจ้าตายข้าจะเปลี่ยนเจ้าเป็นขุนพลวิญญาณเพื่อปกป้องวิหาร และจะให้เจ้าได้เห็นวิหารที่เป็นอมตะของข้า!”
สีหน้าของถังเทียนมองดูเหมือนคนโง่ “อมตะ? ใครให้ความมั่นใจมากมายขนาดนั้นกับท่าน? วันนี้ข้าจะทำลายวิหารที่ชั่วร้ายของท่านให้ราบคาบ!”
“ฮ่าฮ่า!” ประมุขผู้อาวุโสหัวเราะ “อาศัยแค่คนไม่กี่คนของเจ้าน่ะหรือ? อย่างนั้นข้าขอถามเจ้า ใครให้ความมั่นใจกับเจ้า?”
“ย่อมมีแน่นอน” ถังเทียนพยักหน้า “แค่อาศัยเรา การกำจัดท่านคงทำไม่ได้อย่างนั้น”
ทันใดนั้น เขาตะโกน “อาซิ่น!”
อาซิ่นหันหน้ามามองอย่างว่างเปล่า เขาที่เขายังคงไม่แน่ใจกับสถานการณ์ สีหน้าของเขายังคงซึมเซา
ประผู้อาวุโสรับชมอยู่ด้านข้าง เขาเหลือบมองอาซิ่นและสงบใจได้ทันที ‘เจ้าผู้นี้ธรรมดาเกินไปไม่มีอะไรพิเศษเฉพาะอย่าง’
สายตาของทุกคนหันไปที่อาซิ่น พวกเขาสับสนกันทุกคน ‘ทำไมนายท่านจึงเรียกอาซิ่นอย่างกะทันหันเล่า? อาซิ่นผู้นี้ก็แปลกจริงๆ ทุกคนที่ออกมาจากวังวนพายุดูเหมือนจะเปลี่ยนไปและพลังส่วนตัวของพวกเขาก้าวหน้ากันหมด อาซิ่นก็ดูเหมือนจะมีการเปลี่ยน แต่สติปัญญาของเขาหายไปและเขาดูคล้ายคนโง่...’
อาซิ่นจ้องมองถังเทียนอย่างว่างเปล่า
มีเพียงเสี่ยวม่านสามารถจับความแตกต่างได้เล็กน้อย ดูเหมือนนางจะมองเห็นประกายตาอาซิ่นเหมือนกับว่ามีแสงบางอย่างอยู่ในนั้น เพราะเหตุผลบางอย่างเสี่ยวม่านกุมหัวใจ
“เรียกทุกคนออกมา” ถังเทียนตะโกนสีหน้าของเขามีแววตื่นเต้นเลือนราง
‘เรียกทุกคนออกมา...’
ทันใดนั้นอาซิ่นรู้สึกว่าจมูกและนัยน์ตาของเขาแทบฉีกเขาตบอกและตอบหนักแน่น “รับทราบ!”
‘ได้เวลาปรากฏตัวแล้ว เหล่าสหายของข้า!’
เขาแทงกระบี่อมตะลงที่พื้นอย่างรุนแรงและเหมือนกับว่ามีบางอย่างในตัวเขาสะท้อนก้อง “จงออกมา! กองทัพดาวกางเขนใต้ของข้า!”
น้ำสีดำพุ่งออกมาจากกระบี่อมตะและปกคลุมพื้นผิว กระบี่อมตะแตกกระจายและเปลี่ยนเป็นหมอกแผ่ซ่านปกคลุมน้ำทะเล
ครืด... ครืด...
เหมือนกับมีโซ่ครูดอยู่บนพื้น เสียงฝีเท้าดังพร้อมเพรียงเป็นจังหวะและเสียงแผ่นโลหะกระทบกันคลุมเป็นกระแสเสียง
ทหารในชุดเครื่องแบบเกราะดำตั้งกระบวนก้าวเดินบนน้ำที่สงบ เหมือนกับว่าพวกเขาเดินออกมาจากนรก ทหารทุกคนมีสีหน้าเย็นชามากสายตาเต็มไปด้วยความหยิ่งผยองตั้งขบวนโดยไม่ก่อเสียงอย่างอื่น ทหารเดินออกมาจากภายในหมอก เหมือนกับว่าพวกเขามีไม่สิ้นสุด ทุกคนยังคงสงบและสำรวม แต่รังสีฆ่าฟันรอบตัวพวกเขากลายเป็นหมอกดำลอยอยู่รอบตัวพวกเขาทหารทั้งหมดมีประกายเงาสีดำ
แม่ทัพใหญ่ผู้นำทัพมีราศีสง่างามร่างสูงใหญ่เขาโบกธงสงคราม คันธงยังหนากว่าร่างกายของเขา ธงศึกสีดำ ดำยิ่งกว่าท้องฟ้ายามราตรี มีตราเครื่องหมายกองทัพดาวกางเขนใต้เป็นประกายเหมือนดวงดาว
เขาปักธงหนักลงกับพื้นดินทำให้พื้นสั่นสะเทือน และทรายปลิวว่อน ธงกองทัพดาวกางเขนใต้สีดำโบกสะบัดในสายลม
ด้านหลังของเขาเป็นกระบวนศึกสีดำและเงียบสนิท
เสียงแหบห้าวของเขาดังขึ้นราวกับว่ามาจากเมื่อหมื่นปีก่อนก้องสะท้อนไปทั้งโลก
“กองทัพดาวกางเขนใต้จากทะเลสุคติ วิญญาณทหารเราที่ไม่ยอมตาย ขอรายงานตัวรับภารกิจ!”