ตอนที่ 940 มาสู้กัน
ตู้เค่อชื่นชมและศึกษาลำแสงลงทัณฑ์ เขาสนใจระบบของวิหารมาก เขาไม่มีขุนพลวิญญาณและเพลิงศักดิ์สิทธิ์ไม่มีประโยชน์อะไรกับเขา แต่แนวคิดและการประยุกต์ที่อยู่เบื้องหลังทำให้เขาสนใจสำรวจ ลำแสงลงทัณฑ์ถูกสร้างมาจากเพลิงศักดิ์สิทธิ์ซึ่งมีโครงสร้างที่ซับซ้อนและเติบใหญ่มาก และจากหลายๆที่เขาสามารถเห็นร่องรอยของการเสริมประสิทธิภาพ
จี๋เจ๋อและพวกที่เหลือให้ความเคารพตู้เค่อมากอยู่แล้ว ช่วงเวลาวิกฤติอย่างนั้นเขายังคงดื่มด่ำอยู่กับการค้นคว้า กรอบความคิดดังกล่าวเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่สามารถแข่งขันได้ พวกเขาทุกคนกังวลต่อการต่อสู้ขั้นเด็ดขาดมากกว่า
ศัตรูของพวกเขาทรงพลังมากจนทำให้พวกเขาสิ้นหวัง
พลังต่อสู้ของวิหารแข็งแกร่งที่สุดในทั่วทั้งดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ นอกจากนี้ประมุขผู้อาวุโสยังใช้เวลาถึงสองสามทศวรรษวางแผนและสร้างขึ้นมา การใช้ทวีปเซียนทั้งหมดเป็นเครื่องมือ เขาสร้างพื้นฐานที่ทรงพลังขนาดนั้นไว้
ตระกูลชั้นสูงที่ทรงอำนาจได้พังทลายไปก่อนหน้าที่ประมุขผู้อาวุโสจะปรากฏตัวเองเสียอีกโดยยังไม่ต้องใช้รูปแบบใด ซาดราและประมุขตระกูลอื่นที่จี๋เจ๋อและพวกมองเห็นดูหดหู่ท้อแท้ พวกเขาทุกคนเคยเป็นผู้นำตระกูลที่ทรงอำนาจและมั่งคั่งพวกเขาตอนนี้ถูกใช้งานอย่างเหน็ดเหนื่อย
วิหารยังคงอยู่แต่ในนาม ประมุขผู้อาวุโสผู้ได้รับการยกย่องว่าทรงพลังที่สุดดูดเลือดดูดชีวิตทั้งหมดในวิหารและเลือดของทวีปเซียนเป็นการวางแผนที่ทรงประสิทธิภาพ แผนการที่อยู่เหนือผู้ใดในประวัติศาสตร์
ไม่ต้องคำนึงว่าการเป็นผู้อาวุโสหรือการวางแผนข่มผู้อื่นจนจมอยู่ในความสิ้นหวัง พวกเขาเป็นทุกอย่างเกินกว่าจี๋เจ๋อและพวกอื่นๆจะมีขีดจำกัดในการเข้าใจได้ สำหรับพวกเขานี่เป็นเกมที่แตกต่างและความยากลำบากและความรุนแรงของการรบที่จะตามมาทำให้ใจพวกเขากังวล
ตู้เค่อทำเป็นไม่สนใจมากขึ้น เขาเป็นคนที่มีฝีมืออยู่ระดับสูงไปแล้ว และสภาพใจของเขามีความชัดเจนและผ่านการทดสอบมากมากกว่าพวกเขา ยิ่งมีระดับที่สูงก็ยิ่งยากจะพัฒนาและก้าวหน้านี่เป็นเรื่องแท้จริงของโลก และไม่สำคัญว่าใครจะยืนหยัดได้อย่างไรเมื่อไม่มีกำลังใจที่ดี เขาจะไม่มีทางบรรลุระดับพลังนั้นได้
ตู้เค่อมองโลกในแง่ดีมากขึ้น แม้ว่าการสู้รบที่จะมาถึงจะไม่ง่ายอย่างแน่นอน ตราบใดที่พวกเขาชนะจะไม่มีใครในดาราจักเซียนศักดิ์สิทธิ์สามารถหยุดพวกเขาได้
ทั่วทั้งทวีปกวงหมิงจะตกเป็นของถังเทียน การควบคุมของเขาอยู่เหนือโลกจะเป็นเรื่องที่ไม่มีใครสามารถเขย่าบัลลังก์เขาได้ เพิ่มทั้งแดนบาปและสวรรค์วิถียิ่งมีข้อได้เปรียบ ตู้เค่อเชื่อว่าไม่มีใครสามารถหยุดถังเทียนได้จากการรวมดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์
สำหรับแดนบาปของเขาเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสามารถเกิดขึ้นกับพวกเขาได้ พวกเขามีสถานที่ให้อยู่อาศัยมากขึ้นและสามารถกลับมายังดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ได้ง่ายซึมซับความรู้ได้
แต่ถ้าประมุขผู้อาวุโสชนะก็อาจเป็นหายนะสำหรับแดนบาป ความแตกต่างจากพลังงานรังสีเก่า เพลิงศักดิ์สิทธิ์ทองจะเข้ามาจำกัดสภาพแวดล้อมของแดนบาป และจะเป็นอันตรายต่อกฎธรรมชติ ถ้าประมุขผู้อาวุโสชนะอัศวินกวงหมิงจะต้องทำลายแดนบาปแน่นอน ถ้าประมุขผู้อาวุโสสามารถลงมือต่อพลเมืองทวีปเซียนได้ ตู้เค่อไม่เชื่อว่าประมุขผู้อาวุโสจะยอมปล่อยคนแดนบาปไป
ตู้เค่อตัดสินใจทุ่มชีวิตของเขาต่อสู้แน่นอน
ทันใดนั้นเขาหยุดการเคลื่อนไหวของเขาและหันไปมองรอบๆ เขาเห็นวังวนพายุกระบี่มหึมาในท้องฟ้า
พัฒนาการของวังวนพายุหมุนกระบี่ช้าลง แม้ว่าจะมีความแตกต่างเล็กน้อยเมื่อเทียบกับแต่ก่อน แต่ตู้เค่อสามารถรู้สึกได้เมื่อสังเกตการเคลื่อนไหวของตู้เค่อทำคนหยุดกิจกรรมที่พวกเขากำลังกระทำและมองดูวังวนพายุกระบี่
ปัง!
โดยไม่มีสัญญาณบ่งบอก วังวนพายุกระบี่ขนาดมหึมาพังทลายเหมือนภูเขาหิมะถล่ม
พายุหมุนพังทลายกลายเป็นกระแสพลังสีเทาปกคลุมไปทั่วทุกตำแหน่ง
หน้าของทุกคนเปลี่ยน และโดยไม่ลังเลใจพวกเขาหันหลังวิ่งไม่คิดชีวิต
ชี่ ชี่ ชี่!
ภายในกระแสพลังจะมีรังสีกระบี่นับไม่ถ้วนแฝงมาด้วย เสียงหัวใจเต้นและเสียวหวีดหวิวภายในพายุรุนแรงทำให้โลกถึงกับเปลี่ยนสี
ปัง ปัง ปัง!
เสียงระเบิดรุนแรงเกิดขึ้นตามมาเป็นระลอก ทุกคนวิ่งเอาชีวิตรอดสามารถรู้สึกได้พื้นใต้เท้าของพวกเขาสั่นสะเทือนและพวกเขาหลายคนแทบล้มลง ทุกคนหันหลังไปดูโดยไม่รู้ตัว และภาพที่เขาเขาเห็นเป็นภาพตระการตา
เสาลำแสงลงทัณฑ์ที่สง่างามพังทลายพร้อมกับเสียงดังปังและคลื่นเพลิงศักดิ์สิทธิ์ถล่มลงเหมือนกับเหล็กที่หลอมละลายและยังทำให้ม่านของเพลิงศักดิ์สิทธิ์ในท้องฟ้าสั่นสะเทือน
ทุกคนตกตะลึง รวมทั้งตู้เค่อ เขาศึกษาลำแสงลงทัฑณ์และรู้ว่ามันแข็งขนาดไหน ลำแสงลงทัณฑ์หลายร้อยและม่านเพลิงศักดิ์สิทธิ์เป็นหนึ่งในองค์ประกอบของระบบที่ทนทาน
เพราะว่าหนึ่งในลำแสงถูกทำลายโดยวงวนพายุกระบี่ได้แสดงให้เห็นว่าวังวนพายุกระบี่นั้นทรงพลังรุนแรงเพียงไหน
ทันใดนั้นตู้เค่อสำนึกเสียใจทันที ‘ทำไมข้ามัวแต่ศึกษาลำแสง? ข้าควรจะศึกษาวังวนพายุหมุนกระบี่! ข้าผิดไปแล้ว ผิดไปแล้ว...’
เมืองหิมะเหลือแต่ซากปรักหักพังมันถูกทำลายอย่างสิ้นเชิงราวกับว่าถูกเท้ายักษ์ย่ำเมืองหิมะพังราบ ไม่มีสิ่งก่อสร้างใดที่เหลืออยู่
อาซิ่นและพวกที่เหลือยืนอยู่ในซากหักพังอย่างงงงวยและไม่แน่ใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
**************
เมื่อขุนพลวิญญาณตนสุดท้ายเดินออกมาจากรังไหมสีแดงประมุขผู้อาวุยังคงสงบ สำหรับเขาแผนการของเขาสมบูรณ์แบบเกินพอ และขั้นตอนทั้งหมดสำเร็จแล้ว แม้แต่เพลิงศักดิ์สิทธิ์ กองทัพขุนพลวิญญาณที่เขาวางแผนทั้งที่เป็นแผนการฉุกเฉินก็สำเร็จ
ไม่มีใครหยุดเขาได้
ขณะนั้นม่านเพลิงศักดิ์สิทธิ์ในท้องฟ้าสั่นสะเทือนทันที
หน้าของประมุขผู้อาวุโสพลันเย็นชา ‘ใครบางคนทำลายหนึ่งในลำแสงลงทัณฑ์ได้!’ เขาคิดถึงคนที่สอดแนมเขาก่อนหน้านั้น ก่อนหน้านั้นเขาพยายามคิดหาวิธีกำหนดตำแหน่งของอีกฝ่าย แต่เขาไม่คาดเลยว่าอีกฝ่ายจะปกปิดตำแหน่งไว้ได้ ตราบใดที่เขาตรวจสอบเจอว่าเป็นลำแสงลงทัณฑ์ตรงไหนที่ถูกทำลายไปเขาจะหาตัวพวกเขาพบได้แน่
ในช่วงเวลาสั้นกองพลขุนพลวิญญาณเพลิงศักดิ์สิทธิ์ก็ตั้งขบวนของพวกเขาได้สมบูรณ์ โซเฟียยืนอยู่ด้านหน้า ด้านหลังนางเป็นอัศวินกวงหมิงสิบสามคน และด้านหลังพวกเขาเป็นกองทัพขนาดใหญ่นับจำนวนไม่ถ้วน
ภายในตัวขุนพลวิญญาณทุกตนจะมีรอยประทับแสงสว่างซึ่งผู้นำทหารสามารถใช้ให้คำแนะนำกับขุนพลวิญญาณ ขุนพลวิญญาณทั้งหมดกำเนิดจากผู้รอดชีวิตที่ผ่านการบำรุงเลี้ยงด้วยเพลิงศักดิ์สิทธิ์ พลังส่วนตัวของพวกเขามีคุณภาพก้าวกระโดดและพลังต่อสู้ของพวกเขาแข็งแกร่งมากกว่าแต่ก่อน
ในการเผชิญกับความแข็งแกร่งที่เด็ดขาด แผนการทุกอย่างล้วนแต่ไร้ประโยชน์
ประมุขผู้อาวุโสยังคงสงบ ‘ใช้วิหารเป็นสนามรบใหญ่ ใครจะหยุดคลื่นพลังไร้เทียมทานนี้ได้?’
“เรามาเริ่มกัน”
เขาพูดอย่างเฉยเมย ฝ่ามือของเขาสัมผัสบนลำแสงลงทัณฑ์ซึ่งเป็นเหตุให้สั่นสะเทือน ในต่อหน้าความมุ่งมั่น พลังความเชื่อมั่นที่กว้างไกลลำแสงเพลิงเริ่มลอยขึ้นกับเพลิงศักดิ์สิทธิ์จากด้านบน และเหมือนกับเทียนที่หลอมละลาย
ในเวลารวดเร็วลำแสงเพลิงทองที่พุ่งขึ้นเมฆเปลี่ยนเป็นลูกบอลสีทองรัศมีหนึ่งกิโลเมตร
บอลไฟดูเหมือนกับว่าสร้างจากมือที่มองไม่เห็นและแตกตัวเริ่มก่อรูปเป็นประตูเพลิงสีทอง
เพลิงศักดิ์สิทธิ์นับไม่ถ้วนจากทุกตำแหน่ง ประตูเพลิงปลดปล่อยแสงทองทำให้ทุกคนไม่สามารถเห็น ภายในลำแสงทองประตูค่อยๆ เปิดออก เหมือนกับว่ามีความรู้สึกหนักที่ประตู ทั่วทั้งทวีปเซียนเริ่มสั่นสะเทือนลำแสงลงทัณฑ์ทั้งหมดสั่นสะเทือน และแม้แต่ม่านฟ้าที่ลุกไปด้วยเพลิงศักดิ์สิทธิ์ในท้องฟ้าก็ยังสั่นสะเทือนได้
ถังเทียนและพวกเพิ่งจะหลุดออกมาจากพายุรังสีกระบี่กระโดดออกมาด้วยความตกใจสีหน้าเปลี่ยนทันที
พวกเขารู้สึกว่าทั่วทั้งทวีปเซียนกำลังสั่นสะเทือน
“เตรียมตัวรบ!” ถังเทียนมีความรู้สึกแรกที่ผิดปกติ และร้องเตือนทุกคนทันที
หลายคนยังคงอยู่ในอาการมึนงงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่สหายร่วมงานที่คุ้นเคยกับถังเทียนและเชื่อใจเขาตั้งตัวได้อย่างรวดเร็วและมาปรากฏตัวข้างถังเทียน
เสี่ยวม่านที่ยังคงอยู่ในอาการมึนงงฟื้นตัวทันที “ปกป้องคุณหนู!”
ขุนพลวิญญาณฝ่ายนางเกิดใหม่ทั้งหมด พวกเขาเป็นเหมือนเทพอสูร 120 ตนทั้งหมดเปล่งรังสีอำมหิตที่ทรงพลังจนแทบจะทำให้อากาศโดยรอบแช่แข็ง อากาศรอบตัวพวกเขากระพริบประกาย และทุกคนที่ปรากฏตัวข้างเชียนฮุ่ยอยู่ในท่าที่สงบ
แต่อาซิ่นดูเหมือนกับว่าเขาไม่ได้ยินคำเตือนของถังเทียน เขาจ้องมองกระบี่อมตะอย่างว่างเปล่า
ขณะนั้นเองเพลิงศักดิ์สิทธิ์เหนือตัวพวกเขาเริ่มปั่นป่วนและชั้นเพลิงศักดิ์สิทธิ์เริ่มมาบรรจบกัน ในพริบตาดูราวกับว่าดวงอาทิตย์ก่อตัวอยู่เหนือท้องฟ้า เพลิงศักดิ์สิทธิ์นับไม่ถ้วนควบแน่นเป็นบอลเพลิงแสง
บอลเพลิงแสงสีทองเปลี่ยนแปลงขนาดขยายกลายเป็นรูปประตูได้เร็วอย่างน่าทึ่ง
ประตูค่อยๆ เปิดออกและแสงสีทองอบอุ่นและบริสุทธิ์ฉายออกมา
ร่างหนึ่งที่คลุมตัวด้วยเพลิงศักดิ์สิทธิ์เดินออกมาจากประตู
แม้ว่าร่างนั้นจะมีเปลวเพลิงคลุมไปทั้งตัว ถังเทียนก็ยังจำได้และระบุตัวบุคคลได้ทันที เขาหรี่ตา “โซเฟีย!”
โซเฟียได้ยินถังเทียนตะโกนเรียกชื่อนาง และเหลือบมองมาทางเขาวูบหนึ่ง และรั้งสายตากลับ
เสียงฝีเท้าเป็นจังหวะพร้อมเพรียงได้ยินจากด้านหลังประตูแสง ขณะที่ขุนพลวิญญาณกรูกันออกมาจากประตู
จี๋เจ๋อและพวกที่เหลือพากันตะลึงทุกคน และมีเพียงถังเทียนที่ยังสงบเขาได้เห็นการกำเนิดของขุนพลวิญญาณแล้ว เขาเห็นซาดราและประมุขตระกูลอื่นพากันตกตะลึงและรู้ว่าพวกเขาสูญเสียความกล้าจะต่อสู้อย่างสิ้นเชิง แม้ว่าจะสามารถทำได้ แต่พลังของพวกเขาไม่สามารถช่วยในการรบได้ และถังเทียนจะไม่ต้องดูแลพวกเขา เขาสั่งจี๋เจ๋อให้อนุญาตซาดราและพวกที่เหลือพาครอบครัวพร้อมกับกลุ่มการค้าตระกูลเมซฟิลด์ถอยออกไปจากสนามรบ
หลังจากเห็นแล้วซาดราและพวกถอนหายใจโล่งอกและรีบถอยหนีออกไป ถังเทียนรั้งสายตากลับ
พวกเขาอยู่ในการสู้รบที่รุนแรงที่ต้องตัดสินชะตากันนอกจากฝ่ายหนึ่งตาย จะไม่มีการจบสิ้นการสู้รบได้
โซเฟียมองตู้เค่อในท้องฟ้าเนื่องจากคนที่สามารถบินจากฝ่ายศัตรูได้ เขาก็ต้องเป็นคนที่โดดเด่นมาก ตู้เค่อรู้สึกได้ถึงสายตาจ้องมองของโซเฟีย หัวใจของเขาเย็นยะเยือกทันที ความแข็งแกร่งของขุนพลวิญญาณสตรีทำให้เขารู้สึกถึงอันตรายรุนแรง
ตอนเริ่มแรกเมื่อขุนพลวิญญาณฝ่ายเชียนฮุ่ยเห็นว่าศัตรูเป็นขุนพลวิญญาณเหมือนกันสายตาของพวกเขาเต็มไปด้วยอาการเหยียดหยาม แต่ขณะที่พวกเขาออกมาเพิ่มขึ้นทุกทีจากในประตูสีหน้าพวกเขากลายเป็นเคร่งเครียด
ขุนพลวิญญาณจำนวนหนาแน่นลอยออกมาจากท้องฟ้า รัศมีของพวกเขาที่สร้างขึ้นต่อเนื่องทำให้รู้สึกราวกับมีภูเขากดดันใส่พวกเขา
และเมื่อสิบสามขุนพลวิญญาณก้าวออกมาเป็นแถวรัศมีรอบตัวพวกเขาแข็งแกร่งมากและรุนแรงจนรู้สึกได้ว่าพวกเขากลายเป็นมีตัวตนสีหน้าพวกเขายิ่งเปลี่ยนไปอีกครั้ง
ประมุขผู้อาวุโสเดินออกจากประตูเป็นคนสุดท้าย
เมื่อเขาปรากฏตัวพลังที่ปรากฏได้ครอบคลุมสนามรบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นขุนพลวิญญาณข้างฝ่ายเชียนฮุ่ยที่ดูคล้ายกับเทพอสูรหรือกองทัพขุนพลวิญญาณเพลิงศักดิ์สิทธิ์ ทั้งหมดดูเหมือนมดที่อยู่ใต้เท้าเขาพวกเขาทั้งหมดไม่โดดเด่นไม่มีความสำคัญ