ตอนที่ 939 จักรพรรดิพิโรธ
หยดเลือดเทพทำให้เกิดโกลาหลแตกตื่นเฉลิมฉลองกันทั้งเมือง
แม้ว่าราชาจื่อฟงต้องการจะทำตัวราบเรียบไม่โดดเด่น
อย่างไรก็ตามนี่เป็นของขวัญร่วมแสดงความยินดีจึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะป้องกันข่าวคราวรั่วไหลออกไป เว้นแต่ฆ่าคนทั้งหมดเพื่อหยุดมิให้มีการกระจายข่าวออกไป
ข่าวคุณชายไตตันส่งเลือดเทพเป็นของขวัญแพร่สะพัดไปทั่วเมืองลู่หลิวราวกับพายุถล่ม สมาคมทหารรับจ้างลอบส่งคนสิบคนออกจากเมืองเพื่อส่งข่าวขณะที่คนสอดแนมที่แฝงตัวอยู่ในเมืองลู่หลิวไม่ทราบว่ามีกี่คน พวกเขาวางแผนสอดแนมอยู่เป็นเวลานานแล้ว ตอนนี้ได้ข่าวใหญ่เรื่องเลือดเทพพวกเขาย่อมรายงานข่าวไปที่เจ้านายพวกเขาเป็นเรื่องธรรมดา
หลังจากขอให้เย่ว์หยางเข้าวังหลวง ราชาจื่อฟงต้องการเชิญสนมจูกวงสนมคนที่แปดสิบแปดที่เป็นคนโปรดของเขามาพบ
สนมจูกวงได้ข่าวว่าอีกฝ่ายหนึ่งส่งเลือดเทพมาเป็นของขวัญ
นางตกใจ
ทั้งมีความปีติยินดีในหัวใจทันที
อย่างไรก็ตามนางไม่ยินยอมออกมากล่าวขอบคุณอาคันตุกะ
“แม่หญิงงาม, เจ้ายังกังวลเรื่องอะไรอีก?” ราชาจื่อฟงรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย สนมจูกวงเป็นคนที่ร่าเริงและนี่เป็นงานฉลองวันเกิดนาง อีกฝ่ายหนึ่งส่งเลือดเทพให้เป็นของขวัญแสดงความยินดี นางปฏิเสธออกไปต้อนรับเขาได้ยังไง?
“ฝ่าบาท, ข้าคิดว่านี่อาจจะไม่ง่าย ข้าไม่รู้จักอีกฝ่ายหนึ่งแต่เขากลับใช้หยดเลือดเทพร่วมแสดงความยินดี ในโลกนี้จะมีสักกี่คน? ถ้าเป็นเหมือนอย่างที่ฝ่าบาทกล่าวไว้นั่นย่อมเป็นเรื่องดีแน่นอน ของที่ได้มาโดยไม่มีเจตนาแฝงนั่นเป็นเรื่องที่ดี แต่ถ้ามีความจงใจอย่างใดอย่างหนึ่งฝ่าบาทจะต้องระมัดระวังตัวไว้ด้วย ข้าเป็นเพียงสตรีอ่อนแอคนหนึ่ง ตายไปก็ไม่เป็นไร ข้าเกรงแต่ว่ารากฐานที่ยิ่งใหญ่จะถูกโยกคลอน” พระสนมจูกวงทูลทำให้ราชาจื่อฟงสงบจิตใจอย่างรวดเร็ว แน่นอนว่าในโลกนี้ไม่มีอะไรที่ได้มาอย่างบังเอิญ คุณชายไตตันนี้แม้จะมาโดยบังเอิญแต่ดูเหมือนว่าเขาเป็นคนมากรัก นั่นเป็นเรื่องแย่ไม่ใช่หรือ?
“ดีแล้วที่เจ้าเตือนข้าไว้” ในภูมิภาคสวนสวรรค์การระมัดระวังเอาไว้เป็นเรื่องที่ดีราชาจื่อฟงจะต้องใคร่ครวญก่อนจะตัดสินใจ เขาจะต้องทดสอบคุณชายไตตันผู้มีใจกว้างให้ดีเสียก่อน
“ฝ่าบาท, ข้าไม่สบายใจลองส่งหญิงงามสองสามคนไปรับใช้และทดสอบทัศนคติคุณชายท่านนี้ดู
ราชาจื่อฟงปรึกษากับนาง
เขาออกมาขอโทษเย่ว์หยางซ้ำแล้วซ้ำเล่าทันทีเขาบอกว่าก่อนหน้านี้มีการลอบสังหารทำให้พระสนมกลัวไม่กล้าออกมารับอาคันตุกะชั่วคราวนอกจากนี้เขายินดีมอบหญิงงามสองคนให้รับใช้เย่ว์หยางและรับประกันว่าพรุ่งนี้นางจะออกมาต้อนรับ พร้อมกับดื่มสุราขอขมา
เย่ว์หยางยิ้มรับคำขอโทษของราชาจื่อฟง
เขาวางมาดคุณชายและกล่าวอย่างไม่ถือสาและมอบยาคุณภาพดีที่สุดช่วยให้สนมจูกวงใช้ฟื้นฟูสุขภาพ
ขณะที่หญิงงามที่เขามอบให้เย่ว์หยางปฏิเสธ “ฝ่าบาทมีน้ำใจจริงๆ ข้าไตตันมีพันธะหมั้นหมายตั้งแต่อายุน้อยแล้วเป็นการจัดการของตระกูล ข้าไม่ต้องการรับสตรีใดๆ ในเวลานี้”
ราชาจื่อฟงเมื่อได้ยินก็เชื่อถึง80%
การแต่งงานของตระกูลที่มีชื่อเสียงก็เป็นเช่นนี้อยู่แล้ว เป็นไปไม่ได้ที่จะเลือกหญิงสาวด้วยความพอใจของตนเองมีแต่หมั้นหมายกันไว้ล่วงหน้า
การแต่งงานมีภรรยาอย่างถูกต้องสมควรจะทำให้เข้มแข็งมีอำนาจมหาศาล ถ้าภรรยานั้นมีอำนาจและฝ่ายสามีต้องการรับภรรยาน้อย และนางไม่เห็นด้วยภรรยาน้อยถูกทรมานหรือถูกฆ่า นางก็ยังไม่มีความผิด ถ้าคุณชายไตตันรับหญิงงามทั้งสองไปอย่างนั้นก็จะยิ่งน่าสงสัยมากยิ่งขึ้นเพราะกลุ่มตระกูลที่มีชื่อเสียงลูกหลานมีปัญหาเรื่องการสืบทอดตระกูลคุณชายไตตันปฏิเสธเช่นนี้ดูเหมือนสมเหตุสมผลดีแล้ว
มีการดื่มฉลองกันอย่างดีและเขาไม่รู้ว่าดื่มไปมากเท่าใด
ราชาจื่อฟงพยายามหลอกล่อตอนแรกคุณชายไตตันเคร่งครัดนักและเขาไม่ค่อยพูดถึงเรื่องของตระกูลและสวรรค์บน
แต่บางครั้งก็มีข้อมูลเล็กๆน้อยๆ รั่วออกมา ซึ่งทั้งหมดก็พิสูจน์ว่าเขาคุ้นเคยกับสวรรค์บนและตระกูลใหญ่ทั้งสี่ ในที่สุดราชาจื่อฟงก็พบความจริง เดิมทีคุณชายไตตันขณะเดินทางท่องเที่ยวอยู่ในแดนสวรรค์ตะวันตกเขาได้รับเชิญให้มายังสี่ตระกูลใหญ่ โดยคุณชายฉางฟงเชิญให้เขามายังเมืองไป๋เหอ
เขาผ่านมายังเมืองลู่หลิวโดยมิได้ตั้งใจ
หลังจากได้ทราบข่าวนี้แล้วราชาจื่อฟงก็ยิ่งยินดี
ถ้ามองอย่างนี้คุณชายไตตันไม่ใช่ศัตรูที่เขานึกระแวงในใจ และคุณชายผู้นี้ผ่านมาโดยไม่ได้ตั้งใจ มิฉะนั้นเขาจะพูดถึงการนัดพบกับคุณชายฉางฟงและเดินทางไปยังเมืองไป๋เหอได้ยังไง?
“ไม่ทราบว่าคุณชายฉางฟงกับคุณชายไตตันได้นัดพบเจอกันเมื่อใด?” ราชาจื่อฟงมีสีหน้ากังวลเล็กน้อย
“ไม่ต้องพูดถึงเวลาความจริงฉางฟงที่หลบหนีออกมาจากวิหารปีศาจดินได้กลายสภาพเป็นปีศาจผมงู คาดว่าเขาไม่กล้ากลับตระกูลและต้องการจะขอให้ข้ากลับไปที่เมืองไป๋เหอเพื่อรับของบางอย่างช่วยฟื้นฟูลักษณะให้เขา! เมืองไป๋เหอมีสมบัติอะไรคู่ควรกับฉางฟงหรือ?” เย่ว์หยางแกล้งทำเป็นถามคำถาม
“เมื่อไป๋เหอไม่ใช่ดินแดนของจักรพรรดิเสิ่นกวงและข้าจื่อฟงไม่คุ้นกับที่นั่น” ราชาจื่อฟงแสร้งทำเป็นไม่รู้อะไรเลย
“ช่างเถอะ คงไม่มีอะไรสำคัญ คงเทียบกับเลือดเทพของข้าไม่ได้” เย่ว์หยางแสดงออกเหมือนคนร่ำรวย
เมื่อได้ยินเขาพูดแล้วพ่อบ้านเย่และหัวหน้าองครักษ์ของเขาลอบหัวเราะกันทุกคน
แต่ราชาจื่อฟงได้แต่สงบใจ
ดูเหมือนว่าคุณชายไตตันจะไม่รู้อะไรจริงๆ
ขณะที่ท้องฟ้าเริ่มมืดรอบๆ ด้านจุดเทียนสว่างราชาจื่อฟงเห็นว่าจงกวนหัวหน้าองครักษ์คุณชายไตตันลอยตัวเข้ามากระซิบข้างหูคุณชาย เขาเห็นว่าคุณชายไตตันมีสีหน้าไม่สบายใจ แต่ในที่สุด เขาวางแก้วเหล้าและถาม “มีข่าวดีอะไรจากจงกวนหรือ? นั่งลงและดื่นกินกันก่อน!” จงกวนเห็นงานฉลองแล้วแต่เขาโบกมือปฏิเสธที่จะดื่ม “ขอบคุณฝ่าบาท คุณชายไม่ควรจะดื่มมาก มิฉะนั้นท่านจะเมาอยู่ในวังหลวง จะเสียความเป็นตนเองได้”
เย่ว์หยางแกล้งทำเป็นคว่ำแก้วด้วยความเย่อหยิ่ง “ไปเลย เดี๋ยวขอดื่มอีกสองแก้ว อะไร แค่นี้ก็ดื่มไม่ได้หรือ?” เขาโกรธยังไม่ทันกล่าวลาราชาจื่อฟงก็เดินจากไป
จงกวนฝืนยิ้ม
อย่างไรก็ตามราชาจื่อฟงและคนอื่นไม่ถือสา
ตรงกันข้ามพวกเขาเข้าใจดี... คุณชายไตตันเป็นบุรุษหนุ่มสูงศักดิ์ไม่สำคัญว่าจะต้องดื่มกี่แก้ว แต่ถ้าเขาจะพักค้างคืน เกรงว่าคงเป็นไปไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความปลอดภัยหรือชีวิตเหล่านี้เป็นเรื่องแน่นอน การรักษาความปลอดภัยเป็นเรื่องยากหากจะป้องกันไม่ให้คนอื่นเข้าไปในปราสาท นอกจากนี้ยังมีเรื่องสำคัญ ถ้าเขาพักค้างเขาอาจจะมีสัมพันธ์กับสาวงามอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และเผลอมีลูกโดยไม่ตั้งใจ นั่นเป็นเรื่องที่คู่หมั้นว่าที่ภรรยาหลวงทนไม่ได้และบุตรของนางจะไม่ได้รับการสืบทอด
แน่นอนว่าอย่างคุณชายไตตันลูกหลานของตระกูลที่มีชื่อเสียงยังไม่ได้แต่งงานนับเป็นช่วงเวลาที่มืดมนลำบากที่สุด
ในใจราชาจื่อฟงรู้เรื่องอย่างนี้และเข้าใจเป็นอย่างดีถึงสาเหตุที่คุณชายไตตันผู้นี้รู้สึกเบื่อเมื่อไปทุกที่เพราะเขาถูกจำกัดเสรีภาพและต้องมีความยับยั้งชั่งใจในทุกที่...อย่างไรก็ตามดูจากการแสดงออกของคุณชายไตตัน คาดว่าเขาเตรียมจะแต่งงานนี่เป็นการเดินทางเที่ยวสุดท้ายของเขาก่อนวิวาห์ มิฉะนั้นเมื่อเขามอบหญิงงามให้สองคนก็คงไม่มีเหตุผลที่เขาจะต้องปฏิเสธแน่นอน
“ฝ่าบาท, จงกวนขอเสียมารยาท ขออภัยแทนเขาด้วย พรุ่งนี้เราค่อยร่วมฉลองแล้วจะอำลาจากไป” จงกวนขอโทษแทนเขาซ้ำแล้วซ้ำอีกและรีบตามเย่ว์หยางออกไปอย่างรวดเร็ว
“คุณชายไตตันผู้นี้คงจะเป็นตัวจริงได้ถึงเก้าส่วน!” ราชาจื่อฟงดีใจ
หลังจากกลับมาที่ห้องนอนสนมรักเขายืนยันสถานะของเย่ว์หยางกับสนมรักของเขา เขาบอกว่าหลังจากทดสอบครั้งแล้วครั้งเล่าก็ได้ข้อสรุปว่าเจ้าเด็กนี่ไม่ใช่ศัตรูที่มาหาเขา เจ้าเด็กนี่ร่ำรวยอย่างน่าเหลือเชื่อจับจ่ายใช้สอยเงินได้อย่างง่ายดาย แต่ทั้งหมดนี้สนมจูกวงยังคงสงสัยอยู่ดี แต่ข้อเท็จจริงนี้ทำให้นางยากปฏิเสธ“ต่อให้เป็นศัตรู ศัตรูจะยอมให้เลือดเทพเป็นของขวัญหรือ?” ต่อให้ศัตรูโง่จะไม่ทำอย่างนี้ นั่นเป็นเรื่องสะดุดตาเกินไปไม่ใช่หรือ?
ในอีกที่หนึ่งที่พักของหมิงลี่ฮ่าว
หมิงลี่ฮ่าวคำรามใส่เย่ว์หยางจนน้ำลายแตกฝอย “นี่เจ้ากินยาผิดสำแดงหรือเปล่าถึงได้เอาเลือดเทพให้เป็นของขวัญ นี่หรือแผนโจมตีใหญ่ที่เจ้าคิด? โง่จนไม่มีอะไรจะโง่ไปกว่านี้แล้ว! ข้าเห็นว่าเจ้าไม่ใช่คนโง่ แต่เจ้าทำเรื่องโง่ๆ แบบนั้นได้ยังไง?”
เย่ว์หยางหยิบผ้าออกมาเช็ดหน้าเขายิ้มพร้อมกับกล่าว “คนเราบางครั้งก็ทำเรื่องโง่ๆ บ้าง นั่นเป็นเรื่องธรรมดา”
หมิงลี่ฮ่าวแทบไม่ได้ทำให้เขาโมโหเลย
ต่อให้เขาสับสน แต่เขาก็ไม่ควรให้เลือดเทพเป็นของขวัญออกไปไม่ใช่หรือ?
ต้องรู้ว่าเลือดเทพนี้ทั่วทั้งแดนสวรรค์แห่งนี้ไม่มีใครที่ทราบข่าวแล้ว จะไม่อยากชิงมาเป็นของตน
เขานำเลือดเทพออกมาให้เป็นของขวัญตอนกลางวันแสกๆ ของขวัญแบบนั้นใครเล่าจะไม่คว้าเอาไว้? ไม่ต้องพูดถึงคนนอกเลย แม้แต่หมิงลี่ฮ่าวก็ยังรู้สึกอยากจะชิงสมบัติของเจ้าเด็กนี่นัก
“ถ้าเจ้ามีเลือดเทพ และไม่มีที่จะใช้ก็เอามาให้ข้าได้เลย ทำไมต้องเอาไปให้เป็นของขวัญจื่อฟง? พวกเขาจะรู้สึกยังไงต่อเจ้าน่ะหรือ? เขาไม่ได้รู้สึกขอบคุณ เขามีแต่จะหัวเราะเยาะเจ้าลับหลัง, เจ้าเศรษฐีใหม่! นอกจากนี้ข้าคิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าเข้ามาในเมืองลู่หลิวไม่นาน เจ้ากำลังจะทำให้เมืองนี้เป็นเขตสงคราม ถ้าจื่อฟงกินเลือดเทพช้าเกินไป ในไม่ช้าเลือดเทพจะตกไปอยู่ในมือของจักรพรรดิแดนดิน เมื่อเจ้าต้องการได้คืน นั่นจะเป็นเรื่องยาก! ทันทีที่เจ้าบอกคนอื่นว่ามีเลือดเทพ เจ้ารู้ไหมว่าพวกตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์จะคิดยังไง? เจ้าไม่ได้ดำเนินแผนล่อลวงศัตรู แต่เจ้าทำป่วนจนทุกอย่างยุ่งเหยิงไปหมด!” หมิงลี่ฮ่าวโกรธจนหน้าบิดเบี้ยว
“ไม่เป็นไร ก็ปล่อยให้พวกเขาปั่นป่วนไปเถอะ นั่นมันเรื่องของพวกเขา เราแค่อยู่ตรงกลางไม่ได้หรือยังไง?” เย่ว์หยางไม่กังวลว่าเลือดเทพจะหายไปแม้แต่น้อย ต่อให้ราชาจื่อฟงกลืนลงไป เขาก็สามารถฆ่าแล้วดึงเลือดเทพออกมาชำระใหม่ได้อีกครั้ง
อย่างไรก็ตามเขามีเพลิงอมฤตและปราณกระบี่ตราบเท่าที่มีเลือดเทพ เขาสามารถกลั่นชำระได้
นอกจากนี้เป็นไปไม่ได้ที่ราชาจื่อฟงจะกลืนเลือดเทพในทันที
ถ้าเขาทำเช่นนั้นอย่างนั้นเขาจะเป็นตัวโง่งมอย่างแท้จริงและนั่นจะทำให้เขาตาย...เมื่อเขาหลอมรวมกับเลือดเทพในสถานการณ์ที่ไม่ปกติอย่าว่าแต่ทหารรับจ้างระดับปราณฟ้าเลยแค่องครักษ์ส่วนตัวของเขาอาจจะชิงไปได้ทันที จะหลอมรวมเลือดเทพจะต้องมองหาที่ปลอดภัยหลังจากใช้เวลาสองสามเดือนจึงค่อยหลอมรวมได้และเปลี่ยนมาเป็นพลังของตนเอง
ใช่ว่าทุกคนจะมีเพลิงอมฤตเหมือนเย่ว์หยาง ใช่ว่าทุกคนจะมีปราณกระบี่ฟ้าเหมือนเย่ว์หยาง
หมิงลี่ฮ่าวเหนื่อยใจและถอนหายใจในที่สุด“ก็ได้ ในเมื่อเหตุการณ์มาถึงขั้นนี้แล้ว ข้าจะทำอะไรได้?”