ตอนที่ 937 ทุบจนกว่าพวกมันจะยอมรับคุณชาย
มารสัมฤทธิ์ได้ยินแล้ว เขานิ่งและกล่าว
“ราชา, ขออภัย ข้ามารสัมฤทธิ์ฟ้าเป็นองครักษ์รักษาความปลอดภัยไม่สะดวกจะอยู่ต่อ”
เขาเพียงแต่แสดงความเคารพราชาจื่อฟงเล็กน้อย ไม่สนใจดูคนรอบตัวเขาเหมือนกับว่ารอบด้านเป็นอากาศธาตุ ทันใดนั้นเขาพาจักรพรรดิมังกร จักรพรรดิใต้พิภพไปทันทีไม่เปิดโอกาสให้ราชาจื่อฟงพูดต่อ
ไม่เพียงแต่ราชาจื่อฟงเท่านั้น แต่ผู้ที่เห็นเหตุการณ์ค่อยเข้าใจขึ้นเล็กน้อย มารสัมฤทธิ์ฟ้าผู้นี้มีสหายอีกสองคนที่มีพลังระดับเดียวกันเกินกว่าธรรมดา พวกเขาไม่คล้ายกับนักสู้จากแดนสวรรค์ล่างเป็นไปได้ว่าอาจมาจากแดนสวรรค์บน ด้วยศักดิ์ศรีและพลังของพวกเขาพวกเขาไม่ต้องการพบใครในแดนสวรรค์ล่าง มีแต่เพียงคุณชายไตตันคนที่ฮูเหลยเข้าใจผิดนึกว่าเป็นคุณชายเจ้าสำราญธรรมดาจนเกิดการยั่วยุท้าทายและสุดท้ายพวกเขาปรากฏตัวออกมาคุ้มกัน
ต้องการจะรู้จักมารสัมฤทธิ์ฟ้าเหมือนอย่างตามปกติ
เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน
แม้ว่าอีกฝ่ายหนึ่งจะเป็นองครักษ์รักษาความปลอดภัย แต่บางทีสถานะอาจจะสูงกว่าราชาจื่อฟง!
แน่นอนว่าในตอนนี้ราชาจื่อฟงไม่เพียงแต่ไม่โกรธอีกฝ่ายหนึ่ง แต่ประหลาดใจมาก ด้วยทัศนคติที่หยิ่งผยองของมารสัมฤทธิ์ฟ้าแสดงให้เห็นว่าภูมิหลังของเขาใหญ่โตไม่ธรรมดาแสดงว่าสถานะของคุณชายไตตันผู้นี้สูงส่ง
ตอนนี้จะทำความรู้จักกับมารสัมฤทธิ์ฟ้า ค่อนข้างลำบาก แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น ที่สำคัญก็คือการเอาใจคุณชายไตตันเป็นเรื่องสำคัญที่สุด!
ราชาจื่อฟงมองดูเย่ว์หยางอีกครั้งแววทึ่งประหลาดใจปรากฏอยู่ในตาของเขาเหมือนกับว่าเขาเห็นขุมสมบัติลึกลับที่ประเมินค่าไม่ได้ แน่นอนว่าเขายังไม่นับกระไรได้แต่พ่อบ้านเย่ผู้มากประสบการณ์ยังต้องกลืนน้ำลายและระงับความตื่นเต้นในใจ ขณะที่หัวหน้าจินฟันทองปลาบปลื้มจนร้องไปก่อนหน้านั้นแล้ว
ผู้เฒ่าเผ่าจิ้งจอกเคราขาวก่อนหน้านั้น สีหน้าซีดไร้สีเลือด
กลัวว่าคุณชายผู้นี้จะเกลียดเขา
เขาต้องการจะกล่าวขอโทษแต่ติดที่สถานะของเขายังไม่เพียงพอจึงไม่กล้าก้าวออกไป
“คุณชายไตตัน โปรดอภัยที่ข้าเสียมารล่วงเกินท่าน”ฮูเหลยที่รอดจากความตายได้ คุกเข่าทันที
เขานำสหายที่อยู่รอบๆ คุกเข่าผู้เฒ่าเผ่าจิ้งจอกเคราขาวหลั่งเหงื่อพรั่งพรู ไม่ว่าเขาจะเข้าใจผิดหรือไม่ตราบเท่าที่คุณชายจิตใจกว้างขวางไม่เอาความ อย่างนั้นทุกอย่างนับว่าดี
ระหว่างหน้ากับชีวิต อย่างไหนสำคัญกว่า?
ย่อมเป็นชีวิตแน่นอน ถ้าเสียหน้าบ้าง จะเป็นไรไป?
ทุกคนไม่คิดเลยว่ากลุ่มของนักสู้ปราณฟ้าคุกเข่าเป็นการกระทำการไม่สมควร ตรงกันข้ามราชาจื่อฟงกลับชื่นชมจากใจที่ฮูเหลยเป็นคนนำคุกเข่าขอขมาด้วยตนเองในฐานะที่เป็นคนยอมงอได้เพราะเห็นแก่สถานการณ์ใหญ่แม้แต่คนตาบอดก็สามารถมองออกว่าคุณชายไตตันไม่ใช่คนหยิ่งยโส ตรงกันข้ามเขาเป็นศิษย์จากตระกูลที่มีชื่อเสียงมีหัวใจอ่อนโยน เพราะเขายกโทษให้ฮูเหลย ทุกคนสามารถรู้ได้ว่าคุณชายผู้นี้ยังไม่มีประสบการณ์การทางโลกมากนัก เขาไม่รู้ว่าโลกโหดร้ายแค่ไหน เขายังอยู่ในช่วงการเรียนรู้และเติบโตเขาชอบแยกแยะระหว่างความดีกับความชั่ว ยังไม่ให้คุณค่าของพลังกับความสัมพันธ์
ถ้าเขาท่องเที่ยวเดินทางเป็นเวลานานแล้วตระกูลที่อยู่เบื้องหลังคงไม่ส่งคนอย่างมารสัมฤทธิ์ฟ้ามาคุ้มกันแน่
คาดว่าผู้ใหญ่ของเขารู้ว่าเขาเป็นพวกที่ชอบรนหาเรื่อง
เย่ว์หยางโบกมือและพูดอย่างไม่ถือสา
จากทัศนคติและมารยาทของเขา ราชาจื่อฟงรู้ได้ว่าคุณชายท่านนี้ไม่ชอบมารยาทที่คร่ำครึคาดว่าคงเป็นคุณชายที่อยู่ในมารยาทเคร่งครัดมานาน เขาคงชอบความสนุกเพิ่งมาถึงได้ไม่นานเขาก็ไม่ต้องการกลับไปเป็นใช้ชีวิตแบบเก่า
ฮูเหลยและนักสู้ปราณฟ้าสหายของเขาค่อยรู้สึกโล่งใจ
เกือบไปแล้ว!
โชคดีที่ไม่เกิดเรื่องใหญ่ ถ้าใครบางคนโจมตีใส่คุณชาย หลายอย่างจะไม่ง่ายอย่างนั้น ไม่, ถ้าไม่ใช่เพราะการมาถึงของราชาจื่อฟงเกรงว่าเขาคงจบชีวิตตรงนั้น
คิดได้เช่นนั้นฮูเหลยและพวกเข้ามาสำนึกขอบคุณราชาจื่อฟง
“ฮ่าฮ่าฮ่า นี่เรียกว่าไม่ต่อยตีไม่รู้จักกันความสัมพันธ์ฉันท์มิตรบางทีก็เกิดจากการต่อยตี! ราชาจื่อฟงคาดว่าเย่ว์หยางยังเป็นผู้เยาว์เลือดร้อนและใจใหญ่ เขาฉวยโอกาสเข้าใกล้เย่ว์หยางและเชิญคุณชายมาร่วมงานเลี้ยงที่วังหลวง
“ราชาจื่อฟงโปรดรอสักเดี๋ยว ข้ามีเรื่องต้องจัดการ” เย่ว์หยางคงต้องจัดการบริวารของเขาแน่นอน
“ไม่ทราบว่าน้องไตตันมีเรื่องอะไรต้องจัดการ บอกข้าได้โดยตรง จื่อฟงและประชาชนนับพันยินดีสนับสนุน” ราชาจื่อฟงคิดว่าเวลานี้ถือเป็นเรื่องโชคดีมีคุณชายจากแดนสวรรค์บนลงมาเยี่ยมเยือนเขตปกครองของตน เขาต้องการสร้างสัมพันธ์ที่ดีเพื่ออนาคต
“เรื่องเล็กน้อยไม่ถึงกับต้องรบกวนราชา” เย่ว์หยางโบกมือและหันไปทางฟงจีและจินหวิน“ไปตามจงกวนมา พวกเขาคุ้มกันประสาอะไร? แม้ว่าเราคุณชายจะให้พวกเขาหยุดพักงานได้สองสามวัน แต่ข้าหาใครไม่เจออย่างนี้ น่าหงุดหงิดจริงๆ! ถ้าพวกเจ้าตามพวกเขามาในสิบนาทีไม่ได้บอกพวกเขาว่าชั่วเวลาที่ข้าทอดปลาหมึกเสร็จ ถ้าพวกเขายังไม่มา ก็ไม่ต้องมาอีกไปเดี๋ยวนี้”
หือ?
“หัวหน้า! มาเร็วๆ!”
“คุณชาย,เรามาสายเล็กน้อย นี่คือปีกมังกรย่างที่ท่านชอบกิน ทั้งสดทั้งร้อน ฟงจี! เกิดเรื่องอะไร?”
เงาร่างห้าสายถืออาหารจานเล็กบินกลับมา เมื่อเห็นเย่ว์หยางถูกห้อมล้อมไปด้วยผู้คนเขารีบเร่งความเร็วทันทีและยืนคุ้มกันและทักทายเย่ว์หยางคนที่ดูเหมือนกับเป็นหัวหน้ากลุ่มกระซิบถามเรื่องที่เกิดขึ้นกับฟงจี
หลายคนพบว่าคนเหล่านี้เป็นผู้คุ้มกันระดับปราณฟ้าทั้งนั้น
คนที่แข็งแกร่งที่สุดมีพลังปราณฟ้าระดับสาม
คนที่เหลือมีพลังระดับทั่วไป
สองคนเป็นนักสู้ปราณฟ้าระดับสอง และระดับหนึ่งสุดท้ายเป็นฟงจีและจินหวินที่มีระดับพลังเทียบเตรียมปราณฟ้าและต่ำกว่าปราณฟ้าลงมาตามลำดับ
สิ่งที่ทำให้ฮูเหลยแปลกใจก็คือหัวหน้าผู้คุ้มกันพลังปราณฟ้าระดับสาม แม้ว่าจะมีพลังระดับเดียวกับเขาแต่ดูเหมือนจะเป็นปราณฟ้าระดับสามขั้นสูง และดูจะเหนือกว่าเขาเล็กน้อยน่าประหลาดใจจริงๆ
ราชาจื่อฟงรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งบุรุษที่สวมมงกุฏย่อมมีปัญญาเหนือธรรมดา
นั่นคือการปลุกปณิธานเทพรูปแบบหนึ่ง
หัวหน้าฝ่ายคุ้มกันมีพลังกายและปณิธานที่แข็งแกร่งมีพลังแรงกดดันระดับเดียวกับฮูเหลยแน่นอนไม่มีปัญหา! นอกจากนี้หัวหน้าองครักษ์ที่ชื่อจงกวนนี้ยังมีพลังที่เก็บงำไว้อยู่ คาดว่าคงจะคล้ายกับหัวหน้าองครักษ์ส่วนบุคคลของเขาที่มีพลังปราณฟ้าระดับสี่ และฮูเหลยจะเทียบได้อย่างไร? กล่าวอีกอย่างหนึ่งก็คือมารสัมฤทธิ์ฟ้าไม่จำเป็นต้องลงมือด้วยซ้ำแค่หัวหน้าองครักษ์หมวกสูงจงกวนก็จัดการฮูเหลยได้พวกเขามัวแต่วิ่งซื้ออาหารให้คุณชาย ไม่ได้อยู่คุ้มกันร้อนถึงมารสัมฤทธิ์ฟ้าจำเป็นต้องปรากฏตัวออกมารับมือ
ในใจของราชาจื่อฟง เขาลอบประเมินสถานะของเย่ว์หยางคุณชายไตตันผู้นี้
แค่กลุ่มองครักษ์คุ้มกันทั้งลับและเปิดเผยความคิดที่อาจหาญอย่างนี้ใช่ว่าตระกูลธรรมดาจะสามารถจัดการได้ต่อให้ไม่ใช่สี่ตระกูลใหญ่ก็คาดว่าคุณชายผู้นี้คงเป็นผู้สูงศักดิ์หรือสมาชิกจากตระกูลที่มีชื่อเสียงเป็นแน่
ฟงจีกระแอม “ท่านพลาดฉากที่ยอดเยี่ยมไปแล้ว!”
หัวหน้าหน่วยคุ้มกันจงกวนเข้าใจความหมายแฝงของเรื่องได้โดยปริยาย ไม่มีร่องรอยของการซักซ้อมสงสัยปรากฏให้เห็นบนใบหน้าของเขา เขาแสดงออกได้ดีราวกับเป็นนักแสดงมืออาชีพ “ข้าพลาดเรื่องอะไรไป?”
“เอาออกไปตอนนี้ข้ากำลังโมโห...” เย่ว์หยางเตะเจ้าผู้นี้จนกระเด็น จงกวนผู้มีชีวิตเหมือนกับแมลงสาบคุ้นเคยกับหมัดและเท้าของเย่ว์หยางทำเป็นกระเด็นถอยหลังและกลับมาแสดงความเคารพอย่างแท้จริง ฝีมือในการแสดงตบตาของเขานับว่ายอดเยี่ยม “คุณชาย! อย่าเพิ่งโกรธ อย่าเพิ่งอารมณ์เสีย เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ข้าจัดการได้! ฟงจี, เจ้ายืนเซ่ออยู่ทำไม?”
“อ่า...คุณชายต้องการจับเจ้ากระทิงเถื่อนสองตัวนี้กลับเป็นไปเป็นฝ่ายคุ้มกันภัย!” ฟงจีถูกจงกวนจับคอเสื้อเขย่าและชี้ไปที่สองพี่น้องกระทิงเถื่อนในรถคุมขัง
“เฮ้,เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพวกเรานะ!” สองพี่น้องกระทิงเถื่อนที่น่าสงสารหลังจากมองดูละครตบตาอยู่ครึ่งค่อนวันทันใดนั้นพวกเขาพบว่าเริ่มเวียนหัว พี่ใหญ่กระทิงเถื่อนรีบจับประตูกรงขัง “ข้าไม่รู้จักคุณชายท่าน ท่านชอบเล่นสนุก แต่ท่านจะเอาเราไปไม่ได้นะ!”
“เราไม่ได้รู้จักคุณชายมาก่อนเลย...” กระทิงเถื่อนคนน้องเกือบจะร้องไห้
ทั้งสองคนถึงจะโง่ แต่ไม่ยอมโดนหลอก
พลังที่ยิ่งใหญ่ของคุณชายท่านนี้ไม่ใช่สิ่งที่ทั้งสองจะเข้าไปตอแยได้
นอกจากนี้พวกเขาไม่ต้องการเป็นศัตรูของคุณชายผู้ยืนหยัดหนักแน่นว่าต้องการพิทักษ์คุณธรรม
เย่ว์หยางปรบมือและพูดคำหนึ่งต่อหน้าธารกำนัล “ลากสองคนลงมา แล้วทุบตีพวกมันให้กับข้า!”
ทุกคนตะลึงปากอ้าตาค้าง
คนดี!
นี่เขาจะช่วยคนหรือทุบตีคน?
บอกให้ทุบตีคนจนกว่าเขาจะพอใจ คาดว่าคงมีแต่เพียงคุณชายผู้นี้ที่ไม่รู้ว่าอะไรคือความเจ็บปวด
ภายใต้สายตาฉงนของทุกคนจงกวนหัวหน้าหน่วยองครักษ์ยืนตัวตรงทำความเคารพและรับคำสั่ง เฮยถูและไป๋หม่าเปิดรถคุมขังสองพี่น้องกระทิงเถื่อน และถามซ้ำอีก “คุณชาย, จะให้ข้าลงมือนานแค่ไหน?”
เย่ว์หยางพูดไม่โดยไม่ต้องคิด “จนกว่าพวกมันจะยอมรับข้าคุณชาย!”
พอได้ยินเขาพูด ทุกคนทรุดลงกับพื้น
หัวหน้าจินฟันทองไม่รีรอ เขารีบเกาะขาเย่ว์หยางทันทีคล้ายจะถามว่าคุณชายจะส่งคนมาทุบตีเขาจริงๆ หรือ?
เขารับคนคุ้มกันด้วยวิธีง่ายๆ อย่างนี้หรือ หัวหน้าจินฟันทองเข้าใจแล้วว่าทำไมเจ้าจินหวินตาไฟถึงถูกจ้างเป็นผู้คุ้มกัน กลับกลายเป็นว่าจินหวินผู้นี้เป็นเหมือนสุนัขที่ไร้ค่ามาสิบแปดปีโชคดีที่เขาได้พบกับคุณชายผู้นี้
“ไม่, เราจะไม่เรียกเจ้าเป็นคุณชาย เราไม่คิดจะทำเช่นนั้น”สองพี่สองกระทิงเถื่อนดิ้นรนอย่างโมโห
“คุยกันดีๆ ก็ได้ ทำไมต้องตบหน้าข้า” กระทิงเถื่อนคนรองโอดโอยเสียงแผ่ว
ทุกคนมึนงงคาดไม่ถึง
เป็นเรื่องที่น่าสับสนอย่างแท้จริง ฝ่ายหนึ่งถูกบังคับให้เป็นผู้คุ้มกันและอีกฝ่ายหนึ่งไม่ยอมประนีประนอม การต่อสู้เสี่ยงเป็นตายนี้ หัวหน้าจินฟันทองคนที่เหลือปกติจะทุ่มเทต่อสู้เพื่อเปลี่ยนแปลงชะตา แต่น่าเสียดายที่ไม่ใช่เป็นพวกเขาเอง