ตอนที่ 939 รับรู้ก่อนรบขั้นเด็ดขาด
ภายในวังวนพายุหมุนกระบี่ วิญญาณของถังเทียนถูกปรับแต่และถูกกลั่นเมื่อมลทินสุดท้ายถูกชำระออกไป ร่างของเขาสั่นสะท้านความรู้สึกผ่อนคลายที่อธิบายไม่ถูกทะลักไปทั่วร่างของเขาและทำให้เขารู้สึกเหมือนกับเกิดใหม่
กายและวิญญาณของเขาเข้ากันได้อย่างลงตัวสมบูรณ์แบบ
เขาอยู่ในสถานะที่นักสู้ทุกคนไล่ฝันไขว่คว้าและในประวัติศาสตร์มนุษยชาติจำนวนคนที่ได้เข้าถึงสภาวะเช่นนี้นับได้แค่มือข้างเดียว แค่เฉพาะเรื่องนี้ถังเทียนก็สามารถยืนหยัดเคียงข้างตำนานในประวัติศาสตร์ทุกคนและหัวเราะมองดูคนอื่นอย่างหยิ่งผยองได้
เมื่อกายและวิญญาณทั้งสองกลมกลืนลงตัวสมบูรณ์แบบ ความรู้ลึกซึ้งเกินพรรณนาก็หลากไหลเข้ามาในตัวเขาอย่างราบรื่น
ประสบการณ์และการรู้แจ้งของถังเทียนทั้งหมดผุดผ่านหมุนเวียนเข้ามา
สภาพใจที่เหมือนกับน้ำตาลสายไหมที่ลอยคล้ายเมฆปกคลุมไปด้วยสายใยแห่งชีวิตราวกับว่ามีบางอย่างอยู่ภายใน รูปน้ำตาลสายไหมเริ่มเปลี่ยนรูปร่างแบบต่างๆ และท้ายที่สุดกลายเป็นเปลวเพลิง หมอกคล้ายแก้วละเอียดเนียนยิ่งกว่าทรายละเอียดเปลี่ยนเปลวกระพือช้าๆ
ชีพจรทุกอย่างปล่อยรัศมีแก้วสีรุ้งภายในรัศมีแก้วสีรุ้งมีสายใยสีดำเลือนรางแหวกว่ายอยู่ภายในรัศมี
ถังเทียนสังเกตและสัมผัสความรู้สึกนี้อยู่เงียบสายใยสีดำละเอียดทั้งหมดเป็นเหมือนกฎธรรมชาติที่สร้างเกราะเทพเจ้าและพลิกโฉมแก้ไขตัวมันเองในแสงสว่าง เกราะเทพเจ้าบนร่างของถังเทียนก็มีการเปลี่ยนแปลงตนเองแสงเหมือนสีรุ้งดูเหมือนกระจายตัวออกจากสายใยกฎอยู่บนเกราะเทพเจ้า เปลี่ยนให้เกราะเทพเจ้าให้มีสีสันต่างๆและส่งเสียงเต้นของชีพจรด้วย
ภายในแสงรุ้ง ความรู้แจ้งทั้งหมดของเขาเปลี่ยนแปลงเกราะเทพเจ้าโดยอัตโนมัติ
ความจริงก็เหมือนกับสิ่งที่ตู้เค่อคิด ถังเทียนเป็นจอมเผด็จการที่ใช้กฎธรรมชาติ เขาใช้กำลังป่าเถื่อนบังคับสายใยกฎธรรมชาติต่างๆเพื่อสร้างเกราะเทพเจ้าตื่นรู้ของเขา ตู้เค่อรู้ว่าดูเหมือนง่าย แต่ความจริงแล้วยากมาก มันมีเหตุผลง่ายๆ แต่นอกจากถังเทียนแล้วใครอื่นจะประสบความสำเร็จในสิ่งนั้นได้
ไม่จำเป็นต้องสงสัยถึงพลังของเกราะเทพเจ้าตื่นรู้ แต่ไม่มีพื้นที่อะไรให้เติบโตก้าวหน้าได้ การควบคุมของถังเทียนเหนือเกราะเทพเจ้านั้นกลายเป็นแข็งแกร่งมาก แต่ส่วนใหญ่เป็นเพราะความจริงที่ว่าร่างกายของเขาได้เสริมความแข็งแกร่งมามาก กฎธรรมชาติของเกราะเทพเจ้าตื่นรู้อยู่ในสภาพขัดขืน และเป็นเหตุผลใหญ่ที่สุดในเรื่องขีดจำกัดในพลังอำนาจของมัน
ไฟแก้วในร่างถังเทียนเป็นแรงบันดาลใจที่เขาได้รับจากเพลิงศักดิ์สิทธิ์จากวิหาร ลักษณะพิเศษเฉพาะของเพลิงศักดิ์สิทธิ์ความสามารถในการออกแบบกฎธรรมชาติ ไฟแก้วของถังเทียนไม่สามารถโยงเข้ากฎธรรมชาติได้ แต่อาจจัดลำดับเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพกฎธรรมชาติก็ได้ ถังเทียนไม่ต้องการจะเดินตามเส้นทางพลังงานกลวง แม้ว่ามันจะทรงพลังมาก และมีประโยชน์ต่างๆ แต่ความจริงมันก็คือพลังงานกลวงซึ่งเหมาะกับขุนพลวิญญาณ
ร่างของถังเทียนมีควมดเด็ดขาดและเดินตามแนวพลังงานกลางจะทำให้เขาสูญเสียประโยชน์กับการไล่ตามสิ่งที่ไม่รู้
สิ่งที่ถังเทียนต้องการคือการจัดลำดับสายใยกฎธรรมชาติที่ผิดปกติของเกราะเทพเจ้า ด้วยการกระทำนั้น ข้อบกพร่องแต่เดิมของเขาในการบังคับใช้สายใยกฎธรรมชาติด้วยกันจะหายไป และขณะเดียวกัน เขาสามารถสร้างวิธีการรูปแบบต่างๆในการปรับปรุงคุณภาพของเกราะเทพเจ้า
ที่ระดับของถังเทียนหรือของตู้เค่อไม่มีใครสามารถบอกพวกเขาได้ว่าจะพัฒนาวิถียุทธของพวกเขาได้ยังไง
ตู้เค่ออยู่ในสภาวะที่ดีขึ้น แม้ว่าวิถีของเขาจะเป็นไปตามจารีตนิยมมากกว่าและแม้ว่าเขาเองจะมาถึงระดับสุดยอดแล้วแต่ก็มีคนก่อนหน้าเขาที่ได้รับความสำเร็จมาก่อน
ถังเทียนแย่กว่า เนื่องจากเขาชอบสุ่มเสี่ยงกระทำซ้ำ ตั้งแต่เด็กวิถีวิทยายุทธของเขาแรงขับเคลื่อนของเขาต่างจากคนอื่น ตัวอย่างเช่น ร่างพลังกายเป็นศูนย์ สำหรับร่างพลังกายเป็นศูนย์ เขาตกอยู่ในสภาพอนาถมาก และสำหรับเกราะเทพเจ้าของเขาไม่เคยมีใครทำสำเร็จมาก่อน ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถหาคำแนะนำได้ เหตุผลที่เขาไม่ถึงระดับนี้เป็นข้อพิสูจน์
การเปลี่ยนสภาพใจกระจกแก้วเป็นเพลิงแก้วเป็นเรื่องบังเอิญและวาสนา แต่มีแง่มุมต่างๆที่ถังเทียนเองได้รับการรู้แจ้งผ่านสภาวะนี้
ถังเทียนเรียนรับรู้กับการเปลี่ยนแปลงของเกราะเทพเจ้าอย่างระมัดระวัง
หน้ากากของเขากลายเป็นสีดำเป็นสีดำสนิทกว่าสีดำทั่วไป ดำยิ่งกว่าท้องฟ้ายามราตรีและอำพรางพลังผันผวนที่ร่างของถังเทียนปล่อยออกมา ตาของเขาเหมือนกับมีชั้นกระจกบางเป็นแสงโปร่งใสและเมื่อมองผ่านแสงที่คล้ายกระจกใสนี้เข้าไปจะกลายเป็นโลกที่แตกต่างออกไป เสียง กลิ่น อุณหภูมิกฎธรรมชาติที่ได้รับการกระตุ้นมากขึ้นๆ และเมื่อกฎธรรมชาติได้รับการกระตุ้นก็จะนำข้อดีทั้งหมดของมันเข้าและ ทั้งหมดรวมกันนี้ถังเทียนตระหนักได้ว่าโลกกลายเป็นที่ไม่คุ้นเคย
เขาสามารถมองเห็นแสงต่างๆที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน และเขาสามารถเห็นสายใยกฎธรรมชาติในอากาศ กลิ่นเจือจางที่เขาเคยได้เมื่อในอดีตที่ผ่านมากลายปรากฏชัดและเขาสามารถแยกแยะความแตกต่างระหว่างส่วนผสมที่ซับซ้อนของฝุ่นดินและวัตถุอื่นๆ เขาสามารถรู้สึกพลังผันผวนเบาบางจากอีกด้านหนึ่งของทวีปเซียน
‘หือ?’
เขาสังเกตได้โดยเร็วว่ามีระลอกคลื่นมากขึ้นอยู่ในระยะไกล ซึ่งยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
แค่เพียงคิดข้อมูลซับซ้อนนับไม่ถ้วนเข้ามารวมอยู่ในใจของเขาและจัดเรียงตัวออกมากลายเป็นฉากภาพที่เขาเห็นได้อย่างน่าประหลาดใจ
ภายในทะเลเพลิงศักดิ์สิทธิ์ มีรังไหมอยู่มากมาย และเกิดรอยร้าวนับไม่ถ้วนและพอรังไหมแตกทำลายก็ผลิตขุนพลวิญญาณออกมา ทะเลเพลิงศักดิ์สิทธิ์มีขุนพลวิญญาณอยู่แล้ว และถังเทียนสามารถมองเห็นผ่านประวัติศาสตร์ของเขาที่เหลือจากเศษซากของร่างกายพวกเขา
เขาเกลียดจะยอมรับเรื่องนี้ แต่เขารู้สึกนับถือความเลือดเย็นและอำมหิตของประมุขผู้อาวุโส
จากนั้นเขาเห็นประมุขผู้อาวุโสและโซเฟีย
ประมุขผู้อาวุโสจะมีความรู้สึกถึงเขาได้ เขาเงยหน้ามองมาทางตำแหน่งของเขาทันที ด้วยการคำรามครั้งเดียวเพลิงศักดิ์สิทธิ์นับไม่ถ้วนระเบิดออกและกลายเป็นกำแพงไฟขนาดใหญ่ ทำให้ถังเทียนตาพร่าและไม่สามารถเห็นอะไรได้อีกต่อไป
แต่ฉากภาพนั้นก็เพียงพอให้ถังเทียนระมัดระวังเพิ่มขึ้น
เขามีความคิดในตอนแรกว่าลำแสงเพลิงทั้งสิบสี่ก็คือไพ่เด็ดของประมุขผู้อาวุโส แต่หลังจากได้เห็นฉากภาพนั้นแล้ว ในที่สุดเขาก็ตระหนักว่าประมุขผู้อาวุโสเตรียมขุนพลวิญญาณไว้มากมาย ‘กองทัพขุนพลวิญญาณ ประมุขผู้อาวุโสต้องการใช้เพลิงศักดิ์สิทธิ์เพื่อสร้างกองทัพขุนพลวิญญาณ ในสภาพแวดล้อมของทวีปเซียน พลังสู้รบของขุนพลวิญญาณจะเพิ่มขึ้นมากมาย’
‘เราเพียงแต่มีขุนพลวิญญาณอยู่ร้อยเดียว...’ แม้แค่เพียงเหลือบมองแว่บเดียวแต่ถังเทียนก็เห็นว่าจำนวนขุนพลวิญญาณอย่างน้อยมีเป็นหมื่น
ถังเทียนเข้าใจทันทีว่าการสู้รบต่อไปจะเป็นศึกที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขา ตราบเท่าที่เขาเอาชนะประมุขผู้อาวุโสได้ วิหารจะล่มสลาย และทวีปกวงหมิงจะทำลายตัวเองโดยที่พวกเขาไม่จำเป็นต้องโจมตี เขาจะไม่มีศัตรูในดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์อีกต่อไป และชัยชนะในดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์จะทำให้เขาชนะในสวรรค์วิถีอีกด้วย แหล่งทรัพยากรเรือรบและทหารของดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์คือสิ่งที่สวรรค์วิถีไม่สามารถต่อกรได้ ตราบใดที่พวกเขาพบทางผ่าน ถังเทียนจะสามารถนำกองเรือรบกวาดสวรรค์วิถีได้
ตราบใดที่เขาชนะศึกต่อไป จะไม่มีใครสามารถหยุดเขาได้
ศัตรูข้างหน้าเขาแข็งแกร่งอย่างไม่เคยพบเจอมาก่อน และอันตรายของการสู้รบจะเป็นประวัติการณ์ แต่พวกเขาไม่สามารถหลีกเลี่ยงมันได้
เป็นการต่อสู้ตัดสินขั้นเด็ดขาด
ทันใดนั้นถังเทียนสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของกระบี่อมตะ
ภายในกระบี่อมตะเหนือทะเลสุคติที่สงัดหมอกพัดปกคลุมเต็มไปหมด
หมอกหนาแน่นมากจนถ้าใครคนหนึ่งยื่นนิ้วออกไปจะไม่สามารถมองเห็นปลายนิ้วได้เลย พลังงานกลวงไร้ที่สิ้นสุดที่ถูกดูดซับเข้ามาในกระบี่อมตะเปลี่ยนเป็นหมอกหนาแน่น ทะเลสุคติที่ถูกหมอกกักเอาไว้ค่อยๆ สงบลงที่ใดที่แตะกับผิวทะเล หมอกจะซึมเข้าไปในน้ำดำทันที เหมือนฝูงปลาสีเงินว่ายอยู่ในน้ำ
ที่ก้นบึ้งทะเลสุคติซึ่งแสงส่องไปไม่ถึง ร่างๆ แล้วร่างเล่ายืนเป็นกระบวนพยุหะ ทั้งหมดอยู่ในความเงียบเหมือนกับทหารหุ่นดินเผามีรอยร้าวตั้งแต่ศีรษะถึงเท้า ถ้าไม่มีอะไรอื่นทหารเหล่านี้ยังจะคงหลับต่อไปอีกร้อยปี และรอตื่นขึ้นจนกว่าจะครบรอบอีกร้อยปี
แสงสีเงินชุดแล้วชุดเล่าเหมือนกับจะไปเคาะประตูเยี่ยมเยียนแผ่นดินที่เงียบสงบ
แสงเหล่านั้นบรรจบรวมกันจากตำแหน่งต่างๆและเข้าไปในร่างที่เงียบสงบนั้นทั้งหมด แสงเงินปริมาณมากทะลักเข้าไปในร่างที่แตกร้าวทั้งหมดและยิ่งทะลักเข้าไปมาก รอยแตกร้าวบนหุ่นนั้นก็เริ่มสมานตัวและร่างทั้งหมดเริ่มปรากฏชัด และดูเหมือนกับว่ากลายเป็นร่างหยาบรูปเส้นใบหน้าชัดเจนขึ้น ขณะที่มีปาก คิ้ว จมูก...
ราวกับว่ามีมือที่มองไม่เห็นค่อยๆสลักหุ่นที่มีชีวิตจากร่างเลือนรางเหล่านั้น
เมื่อรอยแตกร้าวบนร่างพวกเขาฟื้นฟูหายดีเมื่อร่างของเขาปรากฏเป็นร่างหยาบชัดเจน พวกเขาค่อยๆ ลืมตา ตาของพวกเขายังคงมีความมุ่งมั่นพุ่งผ่านเมฆแห่งกาลเวลาและความมืดมิดเงียบสนิทของทะเลสุคติ
พวกเขาค่อยๆโผล่ศีรษะขึ้นมาและร่างของพวกเขาเริ่มลอย
เมื่อพวกเขาอลยออกมาจากน้ำทะเล หมอกรอบๆพวกเขาก็ทะลักเข้าหาพวกเขาทันทีหมอกที่ถูกสร้างขึ้นโดยพลังงานกลวงเข้าไปในร่างของพวกเขาทั้งหมด เหมือนกับซึมซับเข้าไปฟองน้ำแห้ง พวกเขาซึมซับหมอกไว้อย่างเต็มที่
หลังจากดูดซับพลังงานกลวง ร่างของพวกเขายังคงควบแน่นหยาบขึ้นด้วยความเร็วที่เห็นได้ด้วยตาเปล่า และจากที่เป็นร่างพร่าเลือน พวกเขากลายเป็นเหมือนร่างประกอบด้วยของเหลวจากนั้นมีกระดูกและเลือดเนื้อ
นอกจากผิวสีเทาที่ขุนพลวิญญาณทั้งหมดจะพึงมี พวกเขาไม่ต่างอะไรจากคนที่มีชีวิต ตาของพวกเขาสร้างขึ้นจากสีน้ำทะเลดำดำสนิท แต่มีประกายแวววาว
ถ้าอาซิ่นเห็นพวกเขา เขาคงตกใจอย่างแน่นอน
เมื่อทหารของพวกเขามีร่างชัดเจนขึ้นและหมอกสามารถเข้าไปในร่างพวกเขา พวกเขาอยู่บนผิวน้ำ และเดินอยู่ภายในหมอกอย่างเงียบๆ
ภายในหมอก มีพื้นที่รูปสี่เหลี่ยมสมบูรณ์แบบซึ่งคงอยู่โดยคนอื่นไม่รู้ ทหารที่กำเนิดใหม่เดินอยู่ในขบวนรูปสี่เหลี่ยมและเดินไปประจำตำแหน่งที่ยังไม่เต็ม และหยุดนิ่งไม่ไหวติง
ภายในน้ำทะเลดำ มีร่างเลือนร่างลืมตาขึ้น ภายในหมอก กระบวนรูปสี่เหลี่ยมที่ยังขาดอยู่ถูกเติมเต็มเงียบๆ
ถังเทียนมองดูฉากภาพที่เกิดขึ้นภายในกระบี่อมตะอย่างเงียบๆ หัวใจของเขาเต็มไปด้วยอารมณ์ตื้นตัน
จากตั้งแต่ต้นที่เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงวิญญาณทั้งหมดที่แตกร้าวไม่ยินดีจะพักอย่างสงบ ไม่ก่อเสียง พวกเขาไม่ดีใจกับชีวิตใหม่ และแม้จะมีชีวิตใหม่ พวกเขาไม่เคยลืมภารกิจของพวกเขา พวกเขาไม่เคยลืมความเชื่อมั่นของเขาต่อกระบี่อมตะ
พวกเขามีชีวิตเพื่อสู้
ยิ่งวิญญาณแตกเสียหายภายใต้น้ำและถูกเรียกให้ตื่นขึ้นเนื่องจากตำแหน่งในกระบวนศึกยังขาดอยู่ รังสีฆ่าฟันที่ทรงพลังยังแฝงอยู่ในอากาศ
ในหมอกที่แผ่กระจายไปทั่วทะเลสุคติ ร่างที่ยืนอยู่ยังคงนิ่งเป็นระเบียบวินัยเหมือนหนึ่งหมื่นปีที่แล้ว แม่ทัพใหญ่ยืนอยู่ข้างหน้าชูธงขนาดมหึมาอย่างเงียบงัน และชี้นำอยู่หน้ากระบวนศึก
หมื่นปีต่อมา ธงศึกของกองทัพดาวกางเขนใต้จะถูกชักขึ้นสูงอีกครั้ง
เมื่อถังเทียนเห็นธงศึกของกองทัพดาวกางเขนใต้ถูกชูขึ้นอีกครั้ง จิตวิญญาณนักสู้ภายในตัวของเขาระเบิดทันที
‘เจ้ามีกองทัพขุนพลวิญญาณของเจ้า ข้าก็มีของข้า เรามาดูกัน กองทัพใครจะแข็งแกร่งกว่า!’
อารมณ์ของถังเทียนปั่นป่วนเนื่องจากความตั้งใจสู้ในตัวเขาทะลักไปทั่วทุกส่วนของร่างกายเขา
‘ข้าไม่ต้องทนรอนานนัก!’