ตอนที่ 938 โจมตีเต็มรูปแบบ
“ชิวซิ่วหัว! ชิวซิ่วหัว! เจ้านั่นทรยศ! เจ้านั่นทรยศ!”
โกวเฉิงเวิ่นเต้ากรีดร้องดังลั่นจนคนที่อยู่ห่างไกลสามารถได้ยินเขา แต่จากช่วงเวลานั้น ไม่มีใครลุกขึ้นยืน คลิฟและแม่ทัพอีกสองคนตกตะลึง พวกเขาไม่เคยคิดว่าในเวลาอย่างนั้นชิวซิ่วหัวจะทรยศพวกเขา
เป็นเรื่องร้ายแรงมากที่พวกเขาไม่มีพลังจะตอบโต้
เมื่อคิดถึงเรื่องที่พวกเขาปฏิเสธชิวซิ่วหัวทุกคนเต็มไปด้วยความขมขื่นและเสียใจ
เมื่อโกวเฉิงเวิ่นเต้นได้รับคำขอของชิวซิ่วหัวเพื่อเข้าพัก เขากลับลังเลเกินไปและทั้งสามคนก็พูดคุยปรึกษากันแล้ว พวกเขาตัดสินใจหลังจากปรึกษากันนาน เกี่ยวกับการต่อสู้ภายในทวีปกวงหมิงที่พวกเขาทุกคนไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ความสูญเสียของตระกูลชิวไม่ส่งผลต่อพวกเขามากนัก ตราบใดที่พวกเขายังเงียบ พวกเขาก็แค่มาพร้อมกับข้ออ้างหลังจากนั้น
แต่ไม่ต้องคำนึงถึงกลยุทธและความเป็นไปได้ทั้งหมดที่พวกเขาได้คิดกัน พวกเขาไม่เคยคาดว่าชิวซิ่วหัวต้องการจะยอมแพ้ต่อสัมพันธมิตรใต้ ตระกูลชิวเป็นตระกูลชั้นสูงในทวีปกวงหมิง แม้ว่าพวกเขาล้มเหลวก็ไม่มีอะไรผลักดันให้ชิวซิ่วหัวยอมจำนน
ในประวัติศาสตร์ของทวีปกวงหมิงไม่เคยมีกรณีที่แม่ทัพใหญ่ยอมแพ้ ชิวซิ่วหัวเป็นคนแรก ถ้าข่าวเช่นนั้นรั่วไหลออกไปก็จะเหมือนกับกระตุ้นคลื่นใหญ่ มันคือความตกต่ำที่สุดที่เกิดขึ้นกับทวีปกวงหมิงยิ่งกว่าความสูญเสียที่พวกเขาได้รับก่อนหน้านี้เสียอีก
ใช่แล้วไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมที่พวกเขาจะพิจารณาเรื่องการกระทำที่รุนแรง พวกเข้าต้องกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ของพวกเขาเอง เนื่องจากพวกเขาอยู่ในที่ๆ น่ากลัวที่สุด
ขณะที่พวกเขาปฏิเสธกองทัพชิวซิ่วหัวไม่ให้เข้าทวีปซางโจวชิวซิ่วหัวถูกบังคับให้ไปประจำอยู่ในทวีปน้อยแห่งหนึ่งบนเส้นทางลำเลียงบำรุง การยอมแพ้ของชิวซิ่วหัวหมายความว่าเส้นทางส่งกำลังบำรุงและทางถอยของโกวเฉิงเวิ่นเต้าถูกตัดขาดสิ้นเชิง และขณะที่ทวีปซางโจวไม่ใช่สถานที่ตั้งรับที่ดีที่สุด และพวกเขาไม่ชำนาญในการตั้งรับ สำหรับพวกเขาแล้ว พวกเขาถูกกักอย่างสมบูรณ์
การสูญเสียเรือรบของพวกเขาหมายความว่าพวกเขาไม่อาจเริ่มเร่งเต็มความเร็วโดยผ่านชิวซิ่วหัวได้ แม้ว่าความสมบูรณ์ของกองทัพพวกเขาจะมีมากกว่าชิวซิ่วหัว แต่ชิวซิ่วหัวถือความได้เปรียบหยุดอยู่ในทางถอยภายใต้การขาดแคลนเรือรบ การพยายามแล่นเรือผ่านจุดดักของชิวซิ่วหัวเป็นเรื่องไม่สมเหตุผล
ทุกคนมีสีหน้ากังวลและบรรยากาศอึมครึม
หลังจากนั้นครู่หนึ่งโกวเฉิงเวิ่นเต้าก็สงบใจได้ และตะโกนบอกทุกคน เมื่อพวกเขาเห็นโกวเฉิงเวิ่นเต้าปรากฏตัว พวกเขาตกใจกันหมด เจ้านายมีเส้นเลือดปูดโปนอย่างเห็นได้ชัดและสีหน้าของเขาหม่นหมอง
“ทีนี้บอกข้าที พวกเจ้าทุกคนมีความคิดอะไรอยู่บ้าง?”
ทุกคนได้แต่เงียบ
โกวเฉิงเวิ่นเต้ารอต่ออีกเล็กน้อยและเมื่อไม่มีใครพูดขึ้น เขาลุกขึ้นยืนอย่างเหลืออด “พวกเจ้าไม่มีความคิดเลยสักอย่างหรือ?”
คลิฟได้แต่ยืนขึ้น“เราทำได้เพียงอยู่ป้องกันและรอกำลังเสริม ความมั่นคงของพวกเราค่อนข้างจะสมบูรณ์ ถ้าเราต้านรับได้กำลังเสริมจากวิหารควรจะมาถึง”
“ควรจะมาหรือ?” เมื่อโกวเฉิงเวิ่นเต้าได้ยินคำเหล่านั้น เขาแค่นเสียง “มากะผีน่ะสิ! เจ้าโง่พวกนั้นกำลังต่อสู้อย่างหนักดูเหมือนว่าพวกเขามีชีวิตแขวนอยุ่บนเส้นด้าย แม้ว่าการสู้รบจะจบไปแล้วพวกเขาก็มัวยุ่งกับการจัดการความยุ่งเหยิง สนับสนุนเราน่ะหรือ? ใครจะจำเราได้?”
ทุกคนยังคงเงียบความกระตือรือร้นในสายตาพวกเขาหมองลง พวกเขายังคงรู้ว่าการฝากความหวังไว้ที่กำลังเสริมจากวิหารเป็นเพียงความคิดเพ้อฝัน
พวกเขาไม่สามารถป้องกันได้ พวกเขาไม่สามารถหนีนั่นคือสถานการณ์ปัจจุบันของพวกเขา
สิ่งที่แย่กที่สุดก็คือการเสริม ความสมบูรณ์ของของกองทัพทั้งหมดค่อนข้างสมบูรณ์ซึ่งก็หมายความว่าพวกเขาจำเป็นต้องได้เสบียงสนับสนุนเพิ่มมากขึ้นพอเส้นทางส่งบำรุงถูกตัด พวกเขาก็ไม่สามารถรับการเสริมกำลังได้และวันที่เสบียงของเขาหมดลงก็จะเป็นวันตัดสินพวกเขา
คลิฟและพวกที่เหลือสามารถเดาได้ว่าสัมพันธมิตรใต้แค่ล้อมพวกเขาอย่างเดียวโดยไม่ต้องสู้และรอให้พวกเขาอ่อนแรงลง
ถึงอย่างนั้นพวกเขาจะสามารถทำอะไรได้?”
โจมตีก่อน? ทุกคนรู้ว่ากองเรือรบของพวกเขาถูกลอบโจมตีจนส่งผลใหญ่ต่อทุกคน
“ทวีปกวงหมิงตกอยู่ในอันตรายครั้งนี้อย่างแท้จริง”
โกวเฉิงเวิ่นเต้าพูดคำเหล่านี้ทันทีทำให้ทุกคนพากันสะดุ้ง และไม่มีใครรู้สึกตัวอยู่นาน
หลังจากได้แต่เงียบเป็นเวลานาน ทุกคนจึงรู้สึกตัวและสีหน้าพวกเขาเปลี่ยน
“นายท่านท่านหมายความว่าเป้าหมายของสัมพันธมิตรใต้อยู่ที่แนวหลังเราหรือ?” คลิฟที่มั่นคงที่สุดถาม
“ถ้าไม่อย่างนั้นจะเป็นที่ไหนเล่า?” ตาของโกวเฉิงเวิ่นเต้าเป็นประกายเจ็บปวด แต่เขาแค่นเสียง “เจ้าคิดว่าสัมพันธมิตรใต้ยังจะมีเป้าหมายอยู่ที่เราหรือ? หึหึ ตื่นได้แล้วพวกเราทุกคนกลายเป็นเป็ดย่างมานานแล้ว โจมตีเต็มกำลัง พวกเขากำลังจะโจมตีเต็มกำลัง! เจ้าพวกโง่เง่านั่น ครั้งนี้ทุกคนจบแน่”
โกวเฉิงเวิ่นเต้าพึมพำอย่างมึนงง
ทุกคนหน้าซีดด้วยความตกใจ
*****************
ชิวซิ่วหัวมองเซี่ยอวี่อันที่อยู่ด้านหน้าเขาซึ่งมีท่าทางงงงวย เป็นการพบกันครั้งแรกของแม่ทัพผู้ลือนาม แต่เขาไม่เคยคิดว่าจะอยู่ภายใต้สถานการณ์อย่างนั้น
“แม่ทัพชิว, ข้าได้รับคำสั่งให้แทนที่ตำแหน่งสูงส่งของท่าน”
เซี่ยอวี่อันพูดอย่างสุภาพและสงบไม่แสดงอาการของผู้ชนะ
ชิวซิ่วหัวประหลาดใจ แม่ทัพนายกองใดๆที่ได้สร้างชื่อเสียงมักจะเย่อหยิ่งเสมอ แต่เซี่ยอวี่อันที่อยู่ข้างหน้าเขามีมารยาทและสงบ ชิวซิ่วหัวชื่นชมเขาในใจ และพูดอย่างเป็นกันเอง “ไม่มีปัญหา ข้ายกที่นี่ให้ท่าน ท่านแม่ทัพ”
สัมพันธมิตรใต้ได้ส่งมอบตำแหน่งป้องกันให้กับเซี่ยอวี่อันผู้เชี่ยวชาญในการป้องกันตามแผนการบีบคั้นโกวเฉิงเวิ่นเต้าจนตาย
ชิวซิ่วหัวรู้ว่าโกวเฉิงเวิ่นเต้าจบแล้ว
ความพ่ายแพ้สิ้นเชิงที่แนวหน้าของทวีปกวงหมิงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว แม้ว่าเขาจะร่วมกับสัมพันธมิตรใต้ แต่ชิวซิ่วหัวยังคงมีความเศร้าอยู่ในใจของเขาบ้าง พวกเขาเคยคิดว่าพวกเขาไร้เทียมทาน แต่ความเป็นจริงกระทบกระเทือนใจพวกเขาอย่างหนัก
ครั้งนี้แม้แต่แผ่นดินของทวีปกวงหมิงก็ตกอยู่ในอันตราย ชิวซิ่วหัวมีความรู้สึกที่เฉียบคมโดยรู้สึกจากการระดมกองทัพของสัมพันธมิตรใต้ ความตั้งใจของพวกเขาไม่ใช่แค่ทวีปซางโจว
สัมพันธมิตรใต้มีความตั้งใจจะโจมตีเต็มกำลัง!
ชิวซิ่วหัวคิดถึงเรื่องถังเทียนผู้ยังอยู่ภายในทวีปกวงหมิง และเมื่อเขาคิดถึงเรื่องของความเข้ากันได้ของกลยุทธของถังเทียนกับปิง หัวใจของเขาสั่นสะท้าน
ทันใดนั้นใจของเขามีความคิดอย่างหนึ่งว่าศึกสุดท้ายระหว่างสัมพันธมิตรใต้และทวีปกวงหมิงได้เริ่มขึ้นแล้ว!
ตัวละครหลักของศึกสุดท้ายและรุนแรงไม่ใช่การระดมกองทัพของสัมพันธมิตรใต้ แต่เป็นถังเทียนผู้ลอบเร้นเข้าทวีปกวงหมิง
มือที่อยู่ในเงามืดซึ่งอำพรางตัวเองมายาวนานในที่สุดก็แสวงหาโอกาสโจมตีอย่างรุนแรง และไม่มีความตั้งใจจะรอคอยต่อไป
การสู้รบรุนแรงกำลังจะเริ่มขึ้น
*****************
ประมุขผู้อาวุโสมองดูโซเฟียและแสดงท่าทางพอใจ
โซเฟียแตกต่างไปจากเดิมสิ้นเชิงเหมือนกับว่านางเกิดใหม่เกราะทั่วตัวของนางคลุมไปด้วยชั้นเพลิงศักดิ์สิทธิ์สีทอง และเพลิงศักดิ์สิทธิ์ลุกโชนเงียบๆ เปล่งรัศมีที่นุ่มนวลสง่างาม จากศีรษะจรดเท้า มีแต่เพียงหน้าของนางที่ไม่มีเพลิงศักดิ์สิทธิ์คลุม แต่หน้ากากสีทองเข้มปกปิดหน้าส่วนใหญ่ของนางไว้เผยให้เห็นแต่ดวงตาสีแดงเข้ม
ดวงตาสีแดงเข้มมีอาการเฉยเมย นางยืนอยู่ต่อหน้าประมุขผู้อาวุโสเงียบๆเพลิงศักดิ์สิทธิ์ลุกโหม ที่หน้าผากนางมีรอยดวงอาทิตย์ซึ่งทำให้นางดูเด่นสง่างาม
ราศีของโซเฟียแตกต่างจากแต่ก่อนโดยสิ้นเชิง กระบวนการเปลี่ยนแปลงได้เปลี่ยนนางไปอย่างสิ้นเชิง โซเฟียในตอนนี้ดูเหมือนเครื่องจักรนักฆ่าที่เลือดเย็นด้วยคำสั่งเดียว นางจะทำลายศัตรูของนาง
กระบวนการเปลี่ยนแปลงสมบูรณ์ของโซเฟียเป็นผลงานสร้างที่สมบูรณ์ที่สุดของประมุขผู้อาวุโส และเป็นสิ่งที่เขาพอใจเป็นที่สุด
ไม่เพียงแต่พลังส่วนตัวของโซเฟียจะมีคุณภาพก้าวกระโดดเท่านั้น แม้ว่าคุณสมบัติของชีวิตก่อนของนางในการสั่งการและวางแผนทำสงครามจะยังสงวนไว้อย่างดี แต่โซเฟียคือผลผลิตแท้จริงที่ทางวิหารใช้ความพยายามไปมากและน้อยคนมาที่จะรู้เรื่องนั้น แต่ห้าแม่ทัพใหญ่ในปัจจุบันเคยสอนโซเฟียมาก่อน นี่คือเหตุผลที่ประมุขผู้อาวุโสต้องการให้โซเฟียรั้งตำแหน่งผู้บัญชาการอัศวินกวงหมิงเพราะเป็นผู้บัญชาการที่มีคุณสมบัติได้รับการแนะนำสั่งสอนจากห้าแม่ทัพใหญ่กวงหมิง
โซเฟียไม่ปล่อยให้ประมุขผู้อาวุโสผิดหวัง นางแสดงพรสวรรค์ที่โดดเด่น และได้รับการยอมรับจากห้าแม่ทัพใหญ่ นั่นคือเหตุผลที่โซเฟียสามารถนั่งอยู่ในตำแหน่งอย่างมั่นคงในตำแหน่งผู้บัญชาการอัศวินกวงหมิงโดยไม่มีใครคลางแคลงใจนางเลย
ประมุขผู้อาวุโสให้การส่งเสริมโซเฟียทุกอย่างก็เพื่อสถานการณ์เช่นนั้น เขาต้องการแม่ทัพทหารที่มีมาตรฐานสูงมากแต่ว่าภักดีต่อเขาอย่างไม่มีเงื่อนไข
ความภักดีของมู่จือเสียและพวกที่เหลือไม่อาจเทียบขุนพลวิญญาณได้
แม้แต่อัศวินกวงหมิงทั้งสิบสองที่กลายเป็นขุนพลวิญญาณก็ประสบความสำเร็จ พวกเขาด้อยกว่าโซเฟีย แต่พวกเขาก็จะเป็นกำลังหลักของกองทัพขุนพลวิญญาณและยังอย่างอื่นได้หลายอย่าง
สำหรับขุนพลวิญญาณที่ประมุขผู้อาวุโสสร้างขึ้น หลังจากดูดกินเพลิงศักดิ์สิทธิ์ไปเป็นปริมาณมาก พลังของพวกเขาแข็งแกร่งมากขึ้นเมื่อเทียบกับอัศวินกวงหมิงเมื่อตอนที่พวกเขายังมีชีวิต ที่สำคัญยิ่งกว่ามีเพิ่มขึ้นมากมายนักเมื่อเทียบกับอัศวินกวงหมิงเดิม
ด้วยผู้บัญชาการที่โดดเด่นอย่างโซเฟีย สิบสองเซียนอัศวินกวงหมิงในฐานะเป็นแกนหลักและทหารขุนพลวิญญาณจำนวนมากที่เชื่อฟังคำสั่งและยังทรงพลังมากก็เพียงพอจะสร้างกองทัพขุนพลวิญญาณที่ทรงพลังแล้ว
และด้วยเพลิงศักดิ์สิทธิ์ที่มีไม่รู้จบนี้ทวีปเซียนจะกลายเป็นแผ่นดินที่สำคัญที่สุดเพื่อให้วิหารได้ฟื้นฟูทหาร
ในแผนการของประมุขผู้อาวุโสเขาไม่เคยเตรียมตัวสร้างกองทัพขุนพลวิญญาณเร็วนัก แต่การปรากฏตัวของตู้เค่อ ทำให้เขาต้องผลักดันแผนการนี้ให้เร็วขึ้น เพียงแค่นั้นก็ทำให้ประมุขผู้อาวุโสรู้สึกดีใจ ถ้าเราต้องบอกกันว่าก่อนนั้นเขายังมีความกังวลใจเล็กน้อย แต่ตอนนี้ด้วยกองทัพขุนพลวิญญาณ เขาไม่มีความกังวลใจต่อไป เขาเชื่ออย่างมั่นคงว่าไม่มีกองทัพอื่นในโลกนี้ที่สามารถสู้กองทัพขุนพลวิญญาณของเขาได้
แม้แต่มู่จือเสียและพวกที่เหลือก็ไม่สามารถสู้กับพวกเขาได้
นอกจากนี้ เขายังรู้ว่าเมล็ดเพลิงศักดิ์สิทธิ์ในตัวของมู่จือเสียได้ทำงานแล้ว และมู่จือเสียตายแล้ว
เขารู้สึกเสียใจอยู่บ้าง มู่จือเสียเป็นขุนพลวิญญาณที่เขาชื่นชม แต่มู่จือเสียปฏิเสธหลักการในแผนการของเขา
คนที่เขาไม่ต้องการไม่ว่าจะสำคัญแค่ไหนโดดเด่นแค่ไหน ก็ต้องตาย
สำหรับเขา การสู้รบครั้งนี้สำคัญที่สุด สำเร็จหรือล้มเหลวขึ้นอยู่กับการสู้รบครั้งนี้ เมื่อเขาชนะทวีปเซียน เขาจะชนะทวีปกวงหมิงและเขาจะชนะดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์
เพียงแค่นั้นจะไม่มีใครหยุดเขาหรือกองทัพขุนพลวิญญาณของได้
รุ่นของเขาจะเริ่มต้นจากการสู้รบครั้งนี้
เขาตื่นเต้นและมองไปข้างหน้า “หลังจากวางแผนมาเป็นเวลานาน หลังจากยอมสูญเสียไปมาก ยังจะไม่ชนะอีกหรือ?’
ในทะเลเพลิงศักดิ์สิทธิ์ เสียง ‘เผียะ’ดังออกมา เหมือนกับเสียงไข่ไก่แตก เสียงเปลือกไข่แตกเหมือนกับการหลอมรวมเสียงแตกนับไม่ถ้วนดังออกมาและกลายเป็นเหมือนเสียงน้ำไหล
สายตาของประมุขผู้อาวุโสลุกโชนเหมือนกับเปลวไฟมองดูรังไหมสีแดงที่แตกอยู่ภายในทะเลเพลิงศักดิ์สิทธิ์ และหัวใจเขาปั่นป่วน
‘กองทัพขุนพลวิญญาณที่ไร้เทียมทานของข้าถือกำเนิดแล้ว’