ตอนที่แล้วตอนที่ 936 ผลพลอยได้ของถังเทียน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 938 โจมตีเต็มรูปแบบ

ตอนที่ 937 จับกุมเจียย่า


เมฆปริศนาลอยอยู่รอบทวีปเซียนยังไม่กระจายหายไป  หลายๆ คนยืนมองอยู่ด้านข้างรอให้ฝุ่นจางลง

ก็เหมือนกับโกวเฉิงเวิ่นเต้าในทวีปซางโจว  เจียย่าผู้รักษาการณ์อยู่ทวีปเว่ยเย่กวน เจียย่าต้องขอบคุณกองทัพใหญ่ทวีปแดนเถื่อนเพราะเรื่องนั้น  ไม่มีพวกเขาเขาคงไม่มีทางได้ออกมาจากทวีปเซียน การยืนอยู่ในจุดสูงเกิดมุมมองไม่สิ้นสุด แต่ถ้าใครยืนผิดข้าง อย่างนั้นเขาคงถูกสาปส่งไปตลอดกาลนั่นเป็นความเสี่ยงครั้งใหญ่ที่คนเราต้องจดจำไว้เมื่ออยู่ในสถานะเดียวกับเจียย่า

ความเสี่ยงคือเหตุผลอย่างหนึ่ง  เขาไม่จำเป็นต้องเสี่ยงเพิ่มผลงานให้ตัวเอง

สิ่งที่เขาไม่ยินดีอย่างมากก็คือการต้องต่อสู้กับสหายเก่า

ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใดก็ตามสหายของเขาบางส่วนจะต้องอยู่ในฝ่ายขัดแย้งแน่นอน

เขาไม่อาจเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่คนที่คุ้นเคยต้องมานอนอยู่ใต้เท้าของเขา...

ทุกคนเริ่มคุ้นชินกับเสียงหวูดร้องจากกองทัพใหญ่ทวีปแดนเถื่อนด้านนอก  แม้ว่าทหารจะตื่นเต้นในตอนแรก แต่หลังจากนั้นก็กลับคืนเป็นปกติ  กองทัพใหญ่ทวีปแดนเถื่อนพยายามล้อมโจมตีสองสามครั้งและแม้จะมีเผ่าชั้นนำสองสามเผ่า แต่ก็ยังแพ้อยู่ดี

เจียย่าต้องยอมรับว่ามู่จือเสียสร้างทวีปเว่ยเย่กวนไว้ดีมากจริงๆ เหมือนกับว่ามู่จือเสียพิจารณาทุกจุดไว้รอบคอบแล้ว และความพากเพียรอย่างหนักที่เขาทำไว้ตลอดหลายสิบปีก็น่าทึ่งจริงๆ

บรรดาแม่ทัพเพียงไม่กี่คนเจียย่านับถือมู่จือเสียมากที่สุดแม่ทัพที่เหลือมีคุณภาพความโดดเด่นเป็นของตน ความสัมพันธ์ระหว่างจุดแข็งในการรบของพวกเขาทำให้ยากจะแยกแยะได้  แต่ไม่มีใครหมดจดเทียบเท่ามู่จือเสีย  มู่จือเสียเหมือนแม่ทัพเฒ่าและเป็นชายชาติทหารที่แท้จริง

เขาไม่เคยเข้าร่วมการศึกใดๆและในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา เขารับป้องกันอยู่ในแนวหน้า  ปฏิบัติการของเขาเรียบง่าย เขาปฏิบัติต่อทหารของเขาเหมือนลูกหลานและร่วมทุกข์ร่วมสุขกับทหารของเขา ไม่ว่าจะมองยังไงเขาก็คือแบบอย่างของชายชาติทหาร

‘สงสัยจริงว่าตอนนี้มู่จือเสียจะเป็นยังไง’  เจียย่าชักกังวล

นอกจากนี้เขายังรู้ภารกิจของมู่จือเสียในการแทรกแซงทวีปแดนเถื่อน  แต่ในฐานะคนหัวอนุรักษ์นิยม เจียย่ารู้สึกว่าเป็นเรื่องอันตรายเกินไป แต่เขาก็ยังเชื่อใจการตัดสินใจของมู่จือเสีย มู่จือเสียเป็นคนเด็ดเดี่ยวติดดินและโดดเด่นที่สุดในพวกเขาทั้งห้าคน  นอกจากนี้ เขายังอยู่ในทวีปเว่ยเย่กวนมาถึงยี่สิบสามสิบปี  และคุ้นเคยกับทวีปแดนเถื่อนมากกว่าเจียย่า มู่จือเสียยังมีเหตุผลของเขาและสามารถตัดสินใจได้

ไม่มีความสงสัยต่อการดูแลหรือห่วงใยพวกทหารของจือเสีย  และไม่เคยทำอะไรเพื่อให้พวกเขาต้องเสียสละตนเองเปล่า

ในช่วงเวลาที่เขาอยู่ในทวีปเว่ยเย่กวน เจียย่าสามารถรู้สึกได้ชัดเจนถึงร่องรอยที่มู่จือเสียทิ้งไว้เบื้องหลัง  ทหารที่รั้งอยู่เฝ้าเมืองจะพูดคุยเกี่ยวกับนายท่านมู่จือเสียตลอดเวลา และความเคารพทั้งหมดที่พวกเขามีต่อมู่จือเสียมาจากส่วนลึกของหัวใจ  ข่าวนินทาที่ไม่ให้เกียรติใดๆเกี่ยวกับมู่จือเสียมีแต่จะปลุกระดมความไม่พอใจจากพวกเขา สถานการณ์มักจะเป็นเช่นนั้น  พวกเขามักจะทุบตีอีกฝ่าย  แต่ไม่เคยหนีจากการลงโทษหรือปฏิเสธความรับผิดชอบ  เมื่อยอมรับการลงโทษทางวินัยทหาร  วินัยกองทัพกลายเป็นสัญชาตญาณของพวกเขาซึ่งแสดงให้เห็นถึงอิทธิพลที่มู่จือเสียมีอยู่

ทุกครั้งที่เจียย่าเห็นทหารเหล่านั้น  เขาจะรู้สึกชื่นชม  มู่จือเสียใช้เวลา 50 ปีสร้างกองทัพของเขา  ซึ่งทำให้เจียย่าปากอ้าค้างด้วยความทึ่ง  คุณภาพของทหารคือสิ่งที่เขาไม่เคยพบเห็นในกองทัพอื่น

แม้เมื่อมู่จือเสียไม่อยู่แถวนั้น  พวกเขาก็ยังคงฝึกฝนตามปกติ  พวกเขาสามารถทนต่อความเปลี่ยวเหงาได้และไม่เคยพูดคุยเหลวใหลพวกเขามีระเบียบวินัยที่เข้มงวดและมีความภูมิใจและกลมเกลียวกันอยู่เสมอ

ไม่มีแม่ทัพนายกองหรือผู้นำทหารคนไหนที่ไม่ชอบทหารอย่างนั้น  เจียย่ารู้สึกละอาย  เขาเป็นคนนิสัยไม่แยแสหรือพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือเกียจคร้าน เขาไม่สามารถทำอย่างมู่จือเสียได้ ทำหน้าที่เพ่งความสนใจกับทหาร

‘เรื่องนั้นข้าไม่อาจเทียบกับมู่จือเสียได้’

‘เอ่, ตอนนี้ที่ทวีปกวงหมิงไร้เสถียรภาพถ้ามู่จือเสียอยู่ด้วยคงจะเป็นเรื่องที่ดีกว่า’

แต่หลังจากนั้นเขาหัวเราะให้กับความไร้เดียงสาของตนเอง ‘แม้ว่ามู่จือเสียอยู่ด้วย  แล้วไงเล่า? ไม่ว่าจะเป็นวิหารหรือตระกูลชั้นสูง  พวกเขาปฏิบัติต่อกองทัพของเราเหมือนดาบ แม่ทัพเฒ่าที่อยู่แนวหน้าจะมีโอกาสทำอะไรกับสถานการณ์ได้?  ประมุขผู้อาวุโสจะฟังเขาหรือ?  หรือว่าตระกูลชั้นสูงจะฟังเขาไหม?’

‘หลังจากวิกฤตินี้ จะไม่มีประโยชน์เลย แม้ว่าข้าต้องการจะถอยก็ตาม’

เจียย่ารู้สึกค่อนข้างกระหายและคอแห้งเขาหยิบแก้วเหล้าขึ้นมาดื่ม

เขาไม่ใช่นักดื่มและเพียงแต่ดื่มช่วงก่อนนอนเพื่อช่วยให้เขาได้พักผ่อน  เนื่องจากปัจจุบันนี้อารมณ์ของเขาไม่ดี  เขาดื่มมากกว่าปกติ  เขาไม่กังวลเรื่องแนวป้องกัน  ซึ่งแม้แต่ทหารที่ทิ้งไว้ก็รับมือได้พวกเขาเป็นทหารที่มู่จือเสียรั้งอยู่ พวกเขายังประจำอยู่กับที่ เพราะพวกเขาไม่ได้รับคำสั่งจากมู่จือเสียให้เปลี่ยนตำแหน่ง

เจียย่าให้คำแนะนำพวกเขาสองสามครั้ง  แต่ไม่ได้คัดค้านอะไร  ทหารของกองทัพมู่จือเสียคุ้นเคยกับการตั้งรับป้องกัน  และพวกเขาระมัดระวังรับผิดชอบมากขึ้น พวกเขาเป็นพวกที่พบว่ามีการล้อมโจมตีจากทวีปแดนเถื่อน  พวกเขาคุ้นชินกับการสังเกตและระมัดระวัง  นอกจากนี้พวกเขาไม่เหมือนกับทหารของเจียย่าเองที่เก็บงำความโกรธที่มีต่อสภาพแวดล้อมที่โหดร้ายของทวีปเว่ยเย่กวน

แม่ทัพนายกองทหารอื่นมีความน่าเชื่อถือมากกว่าทหารของเขาเองทำให้เจียย่าไม่สบายใจอยู่ช่วงเวลาหนึ่ง แน่นอนเป็นความไม่พอใจตนเอง

มีเหตุผลหนึ่งที่เจียย่าไม่อาจปฏิเสธได้ เพราะเขาไม่เชื่อว่าเขาจะอยู่ในทวีปเว่ยเย่กวนเป็นเวลานาน  ‘มู่จือเสียมีแนวโน้มว่าคงจะกลับมาในไม่ช้า ข้าเพียงอยู่ที่นี่เพื่อประคองสถานการณ์ให้มั่นคง  และไม่จำเป็นต้องบังคับกองทัพของมู่จือเสีย’

เจียย่าค่อยๆ กลายเป็นคนตระหนี่  เขาคิดถึงวัยเยาว์ของเขาและวิธีที่พวกเขาเป็นวีรบุรุษ ทวีปกวงหมิงในอดีตเป็นปึกแผ่นมาก และพวกเขาทั้งหมดเพ่งเล็งแต่การขยายอาณาเขตผนวกรวมดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์

‘เวลาเหล่านั้นพวกเขายอดเยี่ยมเพียงไหน’

เสียงการสู้รบเลือนรางได้ยินมาจากด้านนอกตามด้วยเสียงบริวารของเขาตะโกน

‘ลอบโจมตีจากคนของทวีปแดนเถื่อนหรือ?’

ทันใดนั้นเขาเงียบขรึมทันทีและลุกขึ้นยืน  แต่ก่อนที่เขาจะทันได้เคลื่อนไหว  คนแปลกหน้าคนหนึ่งวิ่งเข้ามาเจียย่าสีหน้าเปลี่ยน ‘ศัตรูสามารถรู้ที่นอนของข้าได้ยังไง?’ ความคิดแรกของเขาก็คือมีไส้ศึก แต่เมื่อเขาเห็นบุรุษที่นำกลุ่มเข้ามานัยน์ตาของเขาหรี่แคบทันที

กลุ่มคนที่ล้อมเขามีอาวุธอยู่ในมือ

เจียย่าสงบใจได้  เขามองดูบุรุษที่เป็นผู้นำและพูดด้วยน้ำเสียงเฉื่อยชา  “หมิงไห่! ข้าไม่เคยคิดเลยว่าจะเป็นพวกเจ้า มู่จือเสียยอมแพ้ทวีปแดนเถื่อนแล้วใช่ไหม?”

เขาจำผู้นำได้สองสามคน  พวกเขาสามารถเป็นขุนศึกภายใต้ร่มธงมู่จือเสียและเมื่อพวกเขาหลายคนปรากฏตัวพร้อมกันปฏิกิริยาแรกของเขาก็คือมู่จือเสียยอมแพ้ต่อศัตรู ความคิดนี่น่าแตกตื่นเล็กน้อย  ‘มู่จือเสียยอมแพ้ศัตรู? เป็นไปได้ยังไง?’

ถ้าไม่ใช่เพราะหมิงไห่และพวกล้อมเขาไว้ แค่ลำพังความคิดนี้ก็ทำให้เขารู้สึกว่าเป็นดูหมิ่นมู่จือเสียแล้ว

“ยอมแพ้?  นายท่านจะยอมแพ้ได้ยังไง?”  หมิงไห่หัวเราะอย่างเศร้าโศก  “นายท่านตายแล้ว”

เมื่อเห็นยิ้มโศกเศร้าของหมิงไห่เจียย่ารู้สึกหนาวเย็นถึงกระดูก เขารู้ว่าทหารของมู่จือเสียอดทนแข็งแกร่งกันทุกคน  เขาไม่เคยคาดว่าเขาจะเห็นสีหน้าเช่นนั้นจากใบหน้าพวกเขา  และเขาโพล่งออกมาโดยไม่รู้ตัว  “เขาตายได้ยังไง?”

“วิหารฆ่าเขา!”  หมิงไห่ขบกรามพูด  สีหน้าของเขาดูน่ากลัวขณะที่น้ำตาของเขาร่วง บริวารเก่าแก่ใต้บังคับบัญชามู่จือเสียทุกคนน้ำตาร่วงพลางกัดฟัน

“วิหารฆ่าเขา?”  เจียย่าตกตะลึง  เขาคิดถึงความเป็นไปได้ของคำตอบทั้งหมด  แต่ไม่เคยคิดว่าจะเป็นคำตอบเช่นนี้  เขาฝืนยิ้ม “วิหารจะฆ่ามู่จือเสียได้ยังไง? นั่นไร้เหตุผลจริงๆ  พวกเจ้าอย่าใช้คำพูดเช่นนั้นหลอกข้าดีกว่า”

เมื่อเขาพูดเช่นนั้น เขาสังเกตเห็นกลุ่มคนที่ไม่คุ้นเคยรายล้อมหมิงไห่

เล่าถังมองดูเจียย่าและหัวเราะ  แต่ไม่พูดอะไร

หมิงไห่ส่ายศีรษะ  “ไม่มีใครหลอกเราได้  นายท่านตายต่อหน้าเราและเป็นนายท่านที่บอกเรื่องนั้นกับเรา”

‘มู่จือเสียพูดด้วยตนเองหรือ?’  เจียย่าขมวดคิ้ว  คำตอบเกินกว่าเขาจะคาดได้  ‘เกิดอะไรขึ้น?’

หมิงไห่ถามทันที “ตอนนี้สถานการณ์ที่วิหารเซียนเป็นอย่างไรบ้าง?”

เจียย่าที่พยายามคิดพูดขึ้นตามปกติ “วิหารเซียนถูกผนึกด้วยเพลิงศักดิ์สิทธิ์เมื่อเร็วๆ นี้ข้าเองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นข้างใน?”

ก่อนที่เขาจะทันตั้งตัวหมิงไห่และพวกที่เหลือร้องโหยหวนทันที น้ำตาไหลพรากเต็มใบหน้า  ก่อนนี้พวกเขายังคงมีสายใยแห่งความหวังในใจ  เนื่องจากสิ่งที่นายท่านบอกน่าตกตะลึงอย่างแท้จริง แต่เมื่อพวกเขาได้ยินจากเจียย่าว่าทวีปเซียนถูกเพลิงศักดิ์สิทธิ์ผนึกเอาไว้ ความรู้สึกเหมือนฟ้าผ่าได้ทำลายสายใยความหวังที่น้อยนิดที่เหลือของพวกเขาขาดสะบั้น

“เกิดอะไรขึ้นกับพวกเจ้าทุกคนกันแน่?”  เจียย่าลุกขึ้นยืน  เขามองดูหมิงไห่และพวกที่กำลังร้องไห้  และเพราะเหตุผลบางอย่าง ความไม่พอใจของเขาเพิ่มมากขึ้นทุกที

“ตาย,พวกเขาตายหมดแล้ว ครอบครัวเราตายหมดแล้ว”  หมิงไห่ร้องไห้ขณะกล่าว  “นายท่านถูกเพลิงศักดิ์สิทธิ์เผาใครก็ตามที่ฝึกฝนมาในเพลิงศักดิ์สิทธิ์ในทวีปจะต้องตายกันหมด  วิหารต้องการเพลิงศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขา...”

หน้าของเจียย่าแสดงอาการเหลือเชื่อเป็นครั้งแรก แต่ทันใดนั้นเขาระลึกถึงคำพูดคลุมเครือที่มู่จือเสียได้พูดกับเขาไว้ก่อนและเหตุผลสองสามข้อของวิหาร หน้าของเขาพลันซีดขาว

เขาพูดด้วยเสียงที่สั่นสะท้าน  “เจ้าบอกว่าทุกคนในทวีปเซียนหรือ?  ตราบใดที่พวกเขาฝึกเพลิงศักดิ์สิทธิ์ใช่ไหม?”

หมิงไห่เช็ดน้ำตาและพูดขึ้น  “ถูกแล้ว!  นายท่านบอกว่าวิหารต้องการสร้างขุนพลวิญญาณ ดังนั้นพวกเขาต้องการเพลิงศักดิ์สิทธิ์เป็นจำนวนมาก  พวกเขาจึงได้รับการส่งเสริมให้ฝึกวิชาเพลิงศักดิ์สิทธิ์  และถ้าพวกเขาเผชิญสถานการณ์พิเศษ  วิหารจะ...”

เจียย่าหน้าซีดขาวยิ่งกว่าเดิมและร่างของเขาสั่นสะท้านอย่างควบคุมไม่ได้

เขาอยู่ในทวีปเซียนมานานสมาชิกครอบครัวของเขาทั้งหมดอยู่ในทวีปเซียน ดังนั้นถ้าสิ่งที่หมิงไห่พูดเป็นความจริง... เจียย่าตาเหลือกค้าง  และแทบจะสิ้นสติ

เขาพึมพำกับตัวเขาเอง  “ไม่มีทาง,ประมุขผู้อาวุโสไม่บ้าคลั่งอย่างนั้น เขาไม่กล้าทำเช่นนั้น นั่นเป็นการฆ่าตัวตายไม่ใช่หรือ?  ประมุขผู้อาวุโสเป็นคนฉลาด  เขาจะทำเรื่องโง่ๆ แบบนั้นได้ยังไง?  มันไม่ใช่อย่างนี้  ต้องมีเหตุผลอื่นที่เพลิงศักดิ์สิทธิ์...”

เขาต้องการโน้มน้าวตัวเอง  แต่เสียงของเขาสั่นสะท้านมากขึ้นทุกทีในที่สุดเขาอ้าปากค้าง และจากนั้นสูญเสียการควบคุมอารมณ์ของเขาและเริ่มร้องไห้พร้อมกับหมิงไห่และพวกที่เหลือ

เล่าถังและแม่ทัพใหญ่มองดูเจียย่า หมิงไห่และพวกที่เหลือด้วยความเห็นใจ  พวกเขาถอนหายใจ ไม่รู้ว่าจะปลอบโยนพวกเขายังไง

โดยไม่รู้ตัวแม้ว่าพวกเขาจะประสบความสำเร็จในการแทรกซึมและยึดครองทวีปเว่ยเย่กวนแล้วขณะที่เขามองดูบุรุษที่ทรงอำนาจและแข็งแกร่งร้องไห้  ทั้งสองไม่ได้ยินดีกับชัยชนะภัยพิบัติในโลกอย่างนั้นช่างน่าเศร้าอย่างแท้จริง

แต่ไม่ว่ายังไงก็ตามอุปสรรคสุดท้ายสำหรับมุ่งสู่ทวีปเซียนก็หายไป

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด