ตอนที่ 937 จับกุมเจียย่า
เมฆปริศนาลอยอยู่รอบทวีปเซียนยังไม่กระจายหายไป หลายๆ คนยืนมองอยู่ด้านข้างรอให้ฝุ่นจางลง
ก็เหมือนกับโกวเฉิงเวิ่นเต้าในทวีปซางโจว เจียย่าผู้รักษาการณ์อยู่ทวีปเว่ยเย่กวน เจียย่าต้องขอบคุณกองทัพใหญ่ทวีปแดนเถื่อนเพราะเรื่องนั้น ไม่มีพวกเขาเขาคงไม่มีทางได้ออกมาจากทวีปเซียน การยืนอยู่ในจุดสูงเกิดมุมมองไม่สิ้นสุด แต่ถ้าใครยืนผิดข้าง อย่างนั้นเขาคงถูกสาปส่งไปตลอดกาลนั่นเป็นความเสี่ยงครั้งใหญ่ที่คนเราต้องจดจำไว้เมื่ออยู่ในสถานะเดียวกับเจียย่า
ความเสี่ยงคือเหตุผลอย่างหนึ่ง เขาไม่จำเป็นต้องเสี่ยงเพิ่มผลงานให้ตัวเอง
สิ่งที่เขาไม่ยินดีอย่างมากก็คือการต้องต่อสู้กับสหายเก่า
ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใดก็ตามสหายของเขาบางส่วนจะต้องอยู่ในฝ่ายขัดแย้งแน่นอน
เขาไม่อาจเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่คนที่คุ้นเคยต้องมานอนอยู่ใต้เท้าของเขา...
ทุกคนเริ่มคุ้นชินกับเสียงหวูดร้องจากกองทัพใหญ่ทวีปแดนเถื่อนด้านนอก แม้ว่าทหารจะตื่นเต้นในตอนแรก แต่หลังจากนั้นก็กลับคืนเป็นปกติ กองทัพใหญ่ทวีปแดนเถื่อนพยายามล้อมโจมตีสองสามครั้งและแม้จะมีเผ่าชั้นนำสองสามเผ่า แต่ก็ยังแพ้อยู่ดี
เจียย่าต้องยอมรับว่ามู่จือเสียสร้างทวีปเว่ยเย่กวนไว้ดีมากจริงๆ เหมือนกับว่ามู่จือเสียพิจารณาทุกจุดไว้รอบคอบแล้ว และความพากเพียรอย่างหนักที่เขาทำไว้ตลอดหลายสิบปีก็น่าทึ่งจริงๆ
บรรดาแม่ทัพเพียงไม่กี่คนเจียย่านับถือมู่จือเสียมากที่สุดแม่ทัพที่เหลือมีคุณภาพความโดดเด่นเป็นของตน ความสัมพันธ์ระหว่างจุดแข็งในการรบของพวกเขาทำให้ยากจะแยกแยะได้ แต่ไม่มีใครหมดจดเทียบเท่ามู่จือเสีย มู่จือเสียเหมือนแม่ทัพเฒ่าและเป็นชายชาติทหารที่แท้จริง
เขาไม่เคยเข้าร่วมการศึกใดๆและในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา เขารับป้องกันอยู่ในแนวหน้า ปฏิบัติการของเขาเรียบง่าย เขาปฏิบัติต่อทหารของเขาเหมือนลูกหลานและร่วมทุกข์ร่วมสุขกับทหารของเขา ไม่ว่าจะมองยังไงเขาก็คือแบบอย่างของชายชาติทหาร
‘สงสัยจริงว่าตอนนี้มู่จือเสียจะเป็นยังไง’ เจียย่าชักกังวล
นอกจากนี้เขายังรู้ภารกิจของมู่จือเสียในการแทรกแซงทวีปแดนเถื่อน แต่ในฐานะคนหัวอนุรักษ์นิยม เจียย่ารู้สึกว่าเป็นเรื่องอันตรายเกินไป แต่เขาก็ยังเชื่อใจการตัดสินใจของมู่จือเสีย มู่จือเสียเป็นคนเด็ดเดี่ยวติดดินและโดดเด่นที่สุดในพวกเขาทั้งห้าคน นอกจากนี้ เขายังอยู่ในทวีปเว่ยเย่กวนมาถึงยี่สิบสามสิบปี และคุ้นเคยกับทวีปแดนเถื่อนมากกว่าเจียย่า มู่จือเสียยังมีเหตุผลของเขาและสามารถตัดสินใจได้
ไม่มีความสงสัยต่อการดูแลหรือห่วงใยพวกทหารของจือเสีย และไม่เคยทำอะไรเพื่อให้พวกเขาต้องเสียสละตนเองเปล่า
ในช่วงเวลาที่เขาอยู่ในทวีปเว่ยเย่กวน เจียย่าสามารถรู้สึกได้ชัดเจนถึงร่องรอยที่มู่จือเสียทิ้งไว้เบื้องหลัง ทหารที่รั้งอยู่เฝ้าเมืองจะพูดคุยเกี่ยวกับนายท่านมู่จือเสียตลอดเวลา และความเคารพทั้งหมดที่พวกเขามีต่อมู่จือเสียมาจากส่วนลึกของหัวใจ ข่าวนินทาที่ไม่ให้เกียรติใดๆเกี่ยวกับมู่จือเสียมีแต่จะปลุกระดมความไม่พอใจจากพวกเขา สถานการณ์มักจะเป็นเช่นนั้น พวกเขามักจะทุบตีอีกฝ่าย แต่ไม่เคยหนีจากการลงโทษหรือปฏิเสธความรับผิดชอบ เมื่อยอมรับการลงโทษทางวินัยทหาร วินัยกองทัพกลายเป็นสัญชาตญาณของพวกเขาซึ่งแสดงให้เห็นถึงอิทธิพลที่มู่จือเสียมีอยู่
ทุกครั้งที่เจียย่าเห็นทหารเหล่านั้น เขาจะรู้สึกชื่นชม มู่จือเสียใช้เวลา 50 ปีสร้างกองทัพของเขา ซึ่งทำให้เจียย่าปากอ้าค้างด้วยความทึ่ง คุณภาพของทหารคือสิ่งที่เขาไม่เคยพบเห็นในกองทัพอื่น
แม้เมื่อมู่จือเสียไม่อยู่แถวนั้น พวกเขาก็ยังคงฝึกฝนตามปกติ พวกเขาสามารถทนต่อความเปลี่ยวเหงาได้และไม่เคยพูดคุยเหลวใหลพวกเขามีระเบียบวินัยที่เข้มงวดและมีความภูมิใจและกลมเกลียวกันอยู่เสมอ
ไม่มีแม่ทัพนายกองหรือผู้นำทหารคนไหนที่ไม่ชอบทหารอย่างนั้น เจียย่ารู้สึกละอาย เขาเป็นคนนิสัยไม่แยแสหรือพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือเกียจคร้าน เขาไม่สามารถทำอย่างมู่จือเสียได้ ทำหน้าที่เพ่งความสนใจกับทหาร
‘เรื่องนั้นข้าไม่อาจเทียบกับมู่จือเสียได้’
‘เอ่, ตอนนี้ที่ทวีปกวงหมิงไร้เสถียรภาพถ้ามู่จือเสียอยู่ด้วยคงจะเป็นเรื่องที่ดีกว่า’
แต่หลังจากนั้นเขาหัวเราะให้กับความไร้เดียงสาของตนเอง ‘แม้ว่ามู่จือเสียอยู่ด้วย แล้วไงเล่า? ไม่ว่าจะเป็นวิหารหรือตระกูลชั้นสูง พวกเขาปฏิบัติต่อกองทัพของเราเหมือนดาบ แม่ทัพเฒ่าที่อยู่แนวหน้าจะมีโอกาสทำอะไรกับสถานการณ์ได้? ประมุขผู้อาวุโสจะฟังเขาหรือ? หรือว่าตระกูลชั้นสูงจะฟังเขาไหม?’
‘หลังจากวิกฤตินี้ จะไม่มีประโยชน์เลย แม้ว่าข้าต้องการจะถอยก็ตาม’
เจียย่ารู้สึกค่อนข้างกระหายและคอแห้งเขาหยิบแก้วเหล้าขึ้นมาดื่ม
เขาไม่ใช่นักดื่มและเพียงแต่ดื่มช่วงก่อนนอนเพื่อช่วยให้เขาได้พักผ่อน เนื่องจากปัจจุบันนี้อารมณ์ของเขาไม่ดี เขาดื่มมากกว่าปกติ เขาไม่กังวลเรื่องแนวป้องกัน ซึ่งแม้แต่ทหารที่ทิ้งไว้ก็รับมือได้พวกเขาเป็นทหารที่มู่จือเสียรั้งอยู่ พวกเขายังประจำอยู่กับที่ เพราะพวกเขาไม่ได้รับคำสั่งจากมู่จือเสียให้เปลี่ยนตำแหน่ง
เจียย่าให้คำแนะนำพวกเขาสองสามครั้ง แต่ไม่ได้คัดค้านอะไร ทหารของกองทัพมู่จือเสียคุ้นเคยกับการตั้งรับป้องกัน และพวกเขาระมัดระวังรับผิดชอบมากขึ้น พวกเขาเป็นพวกที่พบว่ามีการล้อมโจมตีจากทวีปแดนเถื่อน พวกเขาคุ้นชินกับการสังเกตและระมัดระวัง นอกจากนี้พวกเขาไม่เหมือนกับทหารของเจียย่าเองที่เก็บงำความโกรธที่มีต่อสภาพแวดล้อมที่โหดร้ายของทวีปเว่ยเย่กวน
แม่ทัพนายกองทหารอื่นมีความน่าเชื่อถือมากกว่าทหารของเขาเองทำให้เจียย่าไม่สบายใจอยู่ช่วงเวลาหนึ่ง แน่นอนเป็นความไม่พอใจตนเอง
มีเหตุผลหนึ่งที่เจียย่าไม่อาจปฏิเสธได้ เพราะเขาไม่เชื่อว่าเขาจะอยู่ในทวีปเว่ยเย่กวนเป็นเวลานาน ‘มู่จือเสียมีแนวโน้มว่าคงจะกลับมาในไม่ช้า ข้าเพียงอยู่ที่นี่เพื่อประคองสถานการณ์ให้มั่นคง และไม่จำเป็นต้องบังคับกองทัพของมู่จือเสีย’
เจียย่าค่อยๆ กลายเป็นคนตระหนี่ เขาคิดถึงวัยเยาว์ของเขาและวิธีที่พวกเขาเป็นวีรบุรุษ ทวีปกวงหมิงในอดีตเป็นปึกแผ่นมาก และพวกเขาทั้งหมดเพ่งเล็งแต่การขยายอาณาเขตผนวกรวมดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์
‘เวลาเหล่านั้นพวกเขายอดเยี่ยมเพียงไหน’
เสียงการสู้รบเลือนรางได้ยินมาจากด้านนอกตามด้วยเสียงบริวารของเขาตะโกน
‘ลอบโจมตีจากคนของทวีปแดนเถื่อนหรือ?’
ทันใดนั้นเขาเงียบขรึมทันทีและลุกขึ้นยืน แต่ก่อนที่เขาจะทันได้เคลื่อนไหว คนแปลกหน้าคนหนึ่งวิ่งเข้ามาเจียย่าสีหน้าเปลี่ยน ‘ศัตรูสามารถรู้ที่นอนของข้าได้ยังไง?’ ความคิดแรกของเขาก็คือมีไส้ศึก แต่เมื่อเขาเห็นบุรุษที่นำกลุ่มเข้ามานัยน์ตาของเขาหรี่แคบทันที
กลุ่มคนที่ล้อมเขามีอาวุธอยู่ในมือ
เจียย่าสงบใจได้ เขามองดูบุรุษที่เป็นผู้นำและพูดด้วยน้ำเสียงเฉื่อยชา “หมิงไห่! ข้าไม่เคยคิดเลยว่าจะเป็นพวกเจ้า มู่จือเสียยอมแพ้ทวีปแดนเถื่อนแล้วใช่ไหม?”
เขาจำผู้นำได้สองสามคน พวกเขาสามารถเป็นขุนศึกภายใต้ร่มธงมู่จือเสียและเมื่อพวกเขาหลายคนปรากฏตัวพร้อมกันปฏิกิริยาแรกของเขาก็คือมู่จือเสียยอมแพ้ต่อศัตรู ความคิดนี่น่าแตกตื่นเล็กน้อย ‘มู่จือเสียยอมแพ้ศัตรู? เป็นไปได้ยังไง?’
ถ้าไม่ใช่เพราะหมิงไห่และพวกล้อมเขาไว้ แค่ลำพังความคิดนี้ก็ทำให้เขารู้สึกว่าเป็นดูหมิ่นมู่จือเสียแล้ว
“ยอมแพ้? นายท่านจะยอมแพ้ได้ยังไง?” หมิงไห่หัวเราะอย่างเศร้าโศก “นายท่านตายแล้ว”
เมื่อเห็นยิ้มโศกเศร้าของหมิงไห่เจียย่ารู้สึกหนาวเย็นถึงกระดูก เขารู้ว่าทหารของมู่จือเสียอดทนแข็งแกร่งกันทุกคน เขาไม่เคยคาดว่าเขาจะเห็นสีหน้าเช่นนั้นจากใบหน้าพวกเขา และเขาโพล่งออกมาโดยไม่รู้ตัว “เขาตายได้ยังไง?”
“วิหารฆ่าเขา!” หมิงไห่ขบกรามพูด สีหน้าของเขาดูน่ากลัวขณะที่น้ำตาของเขาร่วง บริวารเก่าแก่ใต้บังคับบัญชามู่จือเสียทุกคนน้ำตาร่วงพลางกัดฟัน
“วิหารฆ่าเขา?” เจียย่าตกตะลึง เขาคิดถึงความเป็นไปได้ของคำตอบทั้งหมด แต่ไม่เคยคิดว่าจะเป็นคำตอบเช่นนี้ เขาฝืนยิ้ม “วิหารจะฆ่ามู่จือเสียได้ยังไง? นั่นไร้เหตุผลจริงๆ พวกเจ้าอย่าใช้คำพูดเช่นนั้นหลอกข้าดีกว่า”
เมื่อเขาพูดเช่นนั้น เขาสังเกตเห็นกลุ่มคนที่ไม่คุ้นเคยรายล้อมหมิงไห่
เล่าถังมองดูเจียย่าและหัวเราะ แต่ไม่พูดอะไร
หมิงไห่ส่ายศีรษะ “ไม่มีใครหลอกเราได้ นายท่านตายต่อหน้าเราและเป็นนายท่านที่บอกเรื่องนั้นกับเรา”
‘มู่จือเสียพูดด้วยตนเองหรือ?’ เจียย่าขมวดคิ้ว คำตอบเกินกว่าเขาจะคาดได้ ‘เกิดอะไรขึ้น?’
หมิงไห่ถามทันที “ตอนนี้สถานการณ์ที่วิหารเซียนเป็นอย่างไรบ้าง?”
เจียย่าที่พยายามคิดพูดขึ้นตามปกติ “วิหารเซียนถูกผนึกด้วยเพลิงศักดิ์สิทธิ์เมื่อเร็วๆ นี้ข้าเองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นข้างใน?”
ก่อนที่เขาจะทันตั้งตัวหมิงไห่และพวกที่เหลือร้องโหยหวนทันที น้ำตาไหลพรากเต็มใบหน้า ก่อนนี้พวกเขายังคงมีสายใยแห่งความหวังในใจ เนื่องจากสิ่งที่นายท่านบอกน่าตกตะลึงอย่างแท้จริง แต่เมื่อพวกเขาได้ยินจากเจียย่าว่าทวีปเซียนถูกเพลิงศักดิ์สิทธิ์ผนึกเอาไว้ ความรู้สึกเหมือนฟ้าผ่าได้ทำลายสายใยความหวังที่น้อยนิดที่เหลือของพวกเขาขาดสะบั้น
“เกิดอะไรขึ้นกับพวกเจ้าทุกคนกันแน่?” เจียย่าลุกขึ้นยืน เขามองดูหมิงไห่และพวกที่กำลังร้องไห้ และเพราะเหตุผลบางอย่าง ความไม่พอใจของเขาเพิ่มมากขึ้นทุกที
“ตาย,พวกเขาตายหมดแล้ว ครอบครัวเราตายหมดแล้ว” หมิงไห่ร้องไห้ขณะกล่าว “นายท่านถูกเพลิงศักดิ์สิทธิ์เผาใครก็ตามที่ฝึกฝนมาในเพลิงศักดิ์สิทธิ์ในทวีปจะต้องตายกันหมด วิหารต้องการเพลิงศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขา...”
หน้าของเจียย่าแสดงอาการเหลือเชื่อเป็นครั้งแรก แต่ทันใดนั้นเขาระลึกถึงคำพูดคลุมเครือที่มู่จือเสียได้พูดกับเขาไว้ก่อนและเหตุผลสองสามข้อของวิหาร หน้าของเขาพลันซีดขาว
เขาพูดด้วยเสียงที่สั่นสะท้าน “เจ้าบอกว่าทุกคนในทวีปเซียนหรือ? ตราบใดที่พวกเขาฝึกเพลิงศักดิ์สิทธิ์ใช่ไหม?”
หมิงไห่เช็ดน้ำตาและพูดขึ้น “ถูกแล้ว! นายท่านบอกว่าวิหารต้องการสร้างขุนพลวิญญาณ ดังนั้นพวกเขาต้องการเพลิงศักดิ์สิทธิ์เป็นจำนวนมาก พวกเขาจึงได้รับการส่งเสริมให้ฝึกวิชาเพลิงศักดิ์สิทธิ์ และถ้าพวกเขาเผชิญสถานการณ์พิเศษ วิหารจะ...”
เจียย่าหน้าซีดขาวยิ่งกว่าเดิมและร่างของเขาสั่นสะท้านอย่างควบคุมไม่ได้
เขาอยู่ในทวีปเซียนมานานสมาชิกครอบครัวของเขาทั้งหมดอยู่ในทวีปเซียน ดังนั้นถ้าสิ่งที่หมิงไห่พูดเป็นความจริง... เจียย่าตาเหลือกค้าง และแทบจะสิ้นสติ
เขาพึมพำกับตัวเขาเอง “ไม่มีทาง,ประมุขผู้อาวุโสไม่บ้าคลั่งอย่างนั้น เขาไม่กล้าทำเช่นนั้น นั่นเป็นการฆ่าตัวตายไม่ใช่หรือ? ประมุขผู้อาวุโสเป็นคนฉลาด เขาจะทำเรื่องโง่ๆ แบบนั้นได้ยังไง? มันไม่ใช่อย่างนี้ ต้องมีเหตุผลอื่นที่เพลิงศักดิ์สิทธิ์...”
เขาต้องการโน้มน้าวตัวเอง แต่เสียงของเขาสั่นสะท้านมากขึ้นทุกทีในที่สุดเขาอ้าปากค้าง และจากนั้นสูญเสียการควบคุมอารมณ์ของเขาและเริ่มร้องไห้พร้อมกับหมิงไห่และพวกที่เหลือ
เล่าถังและแม่ทัพใหญ่มองดูเจียย่า หมิงไห่และพวกที่เหลือด้วยความเห็นใจ พวกเขาถอนหายใจ ไม่รู้ว่าจะปลอบโยนพวกเขายังไง
โดยไม่รู้ตัวแม้ว่าพวกเขาจะประสบความสำเร็จในการแทรกซึมและยึดครองทวีปเว่ยเย่กวนแล้วขณะที่เขามองดูบุรุษที่ทรงอำนาจและแข็งแกร่งร้องไห้ ทั้งสองไม่ได้ยินดีกับชัยชนะภัยพิบัติในโลกอย่างนั้นช่างน่าเศร้าอย่างแท้จริง
แต่ไม่ว่ายังไงก็ตามอุปสรรคสุดท้ายสำหรับมุ่งสู่ทวีปเซียนก็หายไป