ตอนที่แล้วตอนที่ 934 การตอบสนองของตู้เค่อ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 936 ผลพลอยได้ของถังเทียน

ตอนที่ 935 ทางเลือกของชิวซิ่วหัว


ประตูทองห่างไกลตั้งอยู่ในพื้นที่ว่างเปล่า  แสงทองลอยอยู่ในอากาศและภายใต้จะมีโล่แสงเลือนลางซึ่งมีเพลิงโปร่งแสงลุกไหม้อยู่  ด้านนอกผนังแสงเพลิงศักดิ์สิทธิ์ทะลักออกโดยรอบเหมือนกับทะเลทอง

ทันทีที่ผู้รอดชีวิตก้าวเข้าไป  พวกเขากลายเป็นจุลก่อนที่พวกเขาจะทันดีใจ  เพลิงโปร่งแสงไม่ได้รุนแรงแต่ตราบใดที่ผู้รอดชีวิตก้าวเข้าไปในผนังแสง พวกเขาจะไม่รอดชีวิต เห็นได้ชัดว่าผู้รอดชีวิตทะลักเข้าไปเหมือนคลื่น และเหมือนหยดน้ำที่ราดรดบนเหล็กร้อน พวกเขากลายเป็นหมอกเป็นไอ

ผู้รอดชีวิตคนแล้วคนเล่ามอดไหม้เป็นจุล

ประมุขผู้อาวุโสยังคงไม่เคลื่อนไหวขณะที่เขาจ้องมองผนังแสงอย่างเฉยเมย

ทันใดนั้นตาของประมุขผู้อาวุโสเป็นประกาย

หนึ่งในผู้โชคดีรอดชีวิตที่ไม่กลายเป็นเถ้าถ่าน  ร่างของเขาเริ่มเปล่งเปลวเพลิงใส  และสีหน้าของเขามีความเจ็บปวด  ร่างเนื้อของเขาดูเหมือนหมูอ้วน เขาค่อยๆละลายขณะที่ถูกเผา จนกระทั่งหายไป สิ่งที่เหลืออยู่ก็คือร่างหมองเลือนรางที่ยืนเงียบอยู่ภายในกรอบโล่พลัง  เขามีสีหน้าว่างเปล่า  และหน้าผากของเขาเปล่งรังสีสว่าง

ประมุขผู้อาวุโสขมวดคิ้ว  ขุนพลวิญญาณมีคุณภาพทั่วไป  แต่เขาคิดว่าก็ยังดีกว่าไม่มีอะไร  ประมุขผู้อาวุโสโบกมือ ขุนพลวิญญาณนั้นปลิวออกมาจากม่านแสงนั้นและก้าวเข้ามาในทะเลเพลิงศักดิ์สิทธิ์  เมื่อบินออกมาจากม่านแสงทะเลเพลิงศักดิ์สิทธิ์ที่สงบแต่เดิมพลันปั่นป่วนเพลิงศักดิ์สิทธิ์นับไม่ถ้วนลอยเข้ามาทันที และในพริบตาขุนพลวิญญาณใหญ่ถูกพันล้อมด้วยเพลิงศักดิ์สิทธิ์และเพลิงศักดิ์สิทธิ์ทองก็เปลี่ยนเป็นเพลิงสีแดงซึ่งคล้ายๆกับลูกไฟลอยอยู่ในทะเลสีทอง

ผู้โชคดีรอดตายยังคงหลั่งไหลเข้ามา และส่วนใหญ่เหลือแต่เถ้าถ่าน  มีส่วนน้อยที่กลายเป็นขุนพลวิญญาณ  ในทะเลเพลิงศักดิ์สิทธิ์สีทอง  มีกลุ่มเพลิงสีแดงลอยอยู่มองดูคล้ายรังไหม

ประมุขผู้อาวุโสส่ายศีรษะ  ‘ตามคาด,คุณภาพของขุนพลวิญญาณเกี่ยวข้องโดยตรงกับพลังของบุคคล ขุนพลวิญญาณที่ผลิตขึ้นจากอัศวินกวงหมิงคุณภาพแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่ขุนพลวิญญาณที่สร้างจากผู้โชคดีรอดตายไม่ได้คุณสมบัติที่ข้าต้องการเลยพวกเขาธรรมดาเกินไป และเป็นได้แต่เพียงทหารชั้นเลว’

โชคดีที่ความตั้งใจเดิมของเขาคือต้องการได้ทหารธรรมดาไว้ช่วยโซเฟียและพวกที่เหลือให้ได้มีบริวาร

‘มีเพลิงศักดิ์สิทธิ์ตั้งมากมาย  ถ้าข้าไม่ใช้ก็จะสูญเปล่า’

เขารู้สึกเสียดายต่อตระกูลชั้นสูง ศิษย์ของพวกเขาโดดเด่นมากและอาจเป็นไปได้ว่าจะใช้สร้างขุนพลวิญญาณชั้นดีแต่ตระกูลชั้นสูงทั้งหมดมีประสบการณ์และไม่หวั่นไหวได้ง่าย  คงไม่ง่ายที่จะหลอกพวกเขาให้เข้าไปในประตูแสง

ความเสียดายหายไปจากใจประมุขผู้อาวุโสอย่างรวดเร็ว  เขามีความทะเยอทะยานในใจ  เมื่อโซเฟียและขุนพลวิญญาณอื่นเปลี่ยนแปลงสำเร็จ เขาจะสามารถกวาดล้างได้ทั่วดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์

มันคือยุคแห่งแสงของเขา  ยุคสำหรับวิหาร  ยุคที่เป็นของเขา  เขาเชื่อหนักแน่นว่ายุคเช่นนั้นจะต้องมาถึง

******************

ชิวซิ่วหัวมองออกไปนอกหน้าต่าง  สายฝนที่ตกพรำไม่หยุดทำให้เขางง

คำขอเข้าทวีปซางโจวของเขาถูกโกวเฉิงเวิ่นเต้าปฏิเสธ  และเขาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องถอย  ออกมาตั้งค่ายอยู่ในทวีปเล็กบนเส้นทางลำเลียง  เขาไม่คาดว่าการเสริมกำลังอย่างกระวนกระวายของเขาจะต้องทำให้เขาต้องจ่ายราคาใหญ่และจบลงด้วยคำปฏิเสธนั้น  ทำให้เขารู้สึกท้อแท้

กองเรือที่เต็มไปด้วยบาดแผลของม่อซินก็ยังถูกโกวเฉิงเวิ่นเต้าปฏิเสธ อย่างไรก็ตามม่อซินกับเขาไม่สามารถรวมกลุ่มกันได้

ความแตกแยกระหว่างทั้งสามคือเรื่องที่ทุกคนรู้ดี  ขณะที่ข่าวเกี่ยวกับการปะทะกันภายในเป็นหัวข้อที่ร้อนแรงที่สุดในดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ โกวเฉิงเวิ่นเต้าเป็นฝ่ายที่รักษาความเป็นกลาง  เขาไม่ต้องการตอแยวิหารหรือตระกูล  ดังนั้นเขาจึงยืนยันไม่ยอม  และตัดสินใจรอให้สถานการณ์ขัดแย้งภายในและการต่อสู้เพื่อแย่งอำนาจกันในทวีปกวงหมิงจบลงเสียก่อน

ม่อซินเป็นคนของตระกูลม่อแห่งพันธมิตรตระกูลชั้นสูงและตั้งแต่ข่าวตระกูลชั้นสูงทอดทิ้งตระกูลชิวนั่นไม่ใช่เรื่องลับ ความขัดแย้งเพิ่มขึ้นระหว่างทั้งสองฝ่าย  เหมือนกับว่าทั้งสองฝ่ายเป็นน้ำกับไฟ

เรื่องกะทันหันทั้งหมดนั้นทำให้การได้เปรียบของการรุกรานลงใต้หายไปอย่างรวดเร็ว

ความหวาดระแวงกันระหว่างสองแม่ทัพใหญ่ในแนวหน้าเกิดขึ้นกับทวีปกวงหมิงที่มีชื่อเสียงจะไม่ทำให้ชิวซิ่วหัวหัวเราะอย่างจำฝืนได้ยังไง

แต่เรื่องกังวลใจที่ใหญ่ที่สุดของเขาเกิดจากข่าวลือลับ

ตระกูลชิวและเขาตกอยู่ในอันตรายร้ายแรง ตระกูลชิวเป็นไม่กี่ตระกูลแรกที่เข้าร่วมกับพันธมิตรซึ่งก็หมายความว่าตระกูลชิวถูกวิหารขึ้นบัญชีดำเอาไว้แล้ว  ด้วยพลังของวิหาร ถ้าพวกเขาปราบจลาจลได้  ตระกูลชิวคงยากจะหลบหนีจากชะตากรรมได้

นอกจากนี้ ตระกูลชิวถูกพันธมิตรทอดทิ้ง ซึ่งหมายความว่าถ้าพันธมิตรชนะการขัดแย้งภายใน  ตระกูลชิวจะไม่มีวันที่ดีรออยู่  นอกจากนี้ ตระกูลชิวประสบความลำบากอย่างมากมายที่สุด  และเขาเป็นเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ ซึ่งทำให้เขาคิดถึงคำว่าคนเดียวไม่สามารถกอบกู้สถานการณ์ได้  ถ้าพันธมิตรชนะ พวกเขาจะยึดเอาทรัพย์สินของตระกูลชิวมาเติมเต็ม  ชิวซิ่วหัวเข้าใจตระกูลชั้นสูง  เขาเข้าใจรูปแบบการกระทำของพวกเขา  ความโลภและความเลือดเย็นของพวกเขา  และแม้แต่ตระกูลชิวเองก็คงทำถ้าพวกเขาอยู่ในสถานะที่ต่างกัน

ไม่ว่าใครเป็นผู้ชนะลงท้ายก็เป็นเรื่องแย่สำหรับตระกูลชิว ข้อแตกต่างประการเดียวก็คือตระกูลชิวถูกลงโทษ หรือไม่ก็ถูกตระกูลอื่นกิน

เมื่อเขาไม่แน่ใจในอนาคต เขาก็ได้รับทราบข่าว  หรือจะพูดให้ถูกก็คือคำเชิญทำให้หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความว้าวุ่น

เป็นเวลาสามวันสามคืน  ที่เขานอนไม่หลับ  เนื่องจากเขาต้องแยกแยะข้อมูลที่อยู่ต่อหน้าเขา

ความจริง เมื่อข่าวถูกแพร่กระจาย  เขารู้สึกว่าเป็นเรื่องที่แปลกมาก  ‘ทำไมแม่ทัพใหญ่ที่อยู่แนวหน้าจึงได้รับข้อมูลอย่างนี้ แต่สัมพันธมิตรใต้เป็นฝ่ายแพร่กระจายข่าวหรือเปล่า?  ตั้งแต่เมื่อใดกันที่สัมพันธมิตรใต้รวบรวมข่าวได้รวดเร็วกว่าเราที่เป็นชาวท้องถิ่น?’

หลังจากเขาทำความเข้าใจข้อมูลเหล่านี้เขาได้ค้นพบอะไรอีกมากมาย

ตัวอย่างเช่น เขาตระหนักได้โดยไม่ทันรู้ตัวว่าการสนองตอบและความรับผิดชอบของทวีปกวงหมิงทำอย่างเรื่อยเปื่อย และมีข้อจำกัด เหมือนกับว่ามีมือที่มองไม่เห็นคอยออกแบบดำเนินการให้เป็นไปตามแผนการของเขาเอง สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกตกใจมากยิ่งขึ้นก็คือมือที่มองไม่เห็นนั้นประสานงานเป็นอย่างดีกับแผนการของสัมพันธมิตรใต้

ตัวอย่างเช่น การซุ่มโจมตีเส้นทางส่งบำรุง โกวเฉิงเวิ่นเต้าต้องการกำลังเสริม ขณะที่ม่อซินกับเขาเผชิญกับอุปสรรคพร้อมกัน    พร้อมๆ กับความมั่นคงของทวีปกวงหมิงพังทลายความขัดแย้งภายในที่ทำให้ทุกคนกังวล โจรทวีปทอง แดนบาปการทำลายล้างของเรือรบรังสีกัมปนาทและการเอาชนะกองกำลังท้องถิ่นอย่างต่อเนื่องการบุกรุกทวีปกวงหมิง ทวีปที่มีกองทัพมากที่สุด กลับตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอึดอัดมีกำลังพลไม่พอ

นี่ทำให้เกิดการลั่นระฆังศักดิ์สิทธิ์โดยตรง  และการรวมกองทัพที่ทวีปเซียน  ซึ่งทำให้พันธมิตรเห็นจุดอ่อนของวิหารและทำให้พวกเขามั่นใจว่าจะเอาชนะวิหารได้

ช่วงเวลาที่เกิดความไม่สงบและการแทรกแซงทำให้ชิวซิ่วหัวสงสัยว่ามือสีดำที่มองไม่เห็นก็คือสัมพันธมิตรใต้  ไม่ใช่ความลับเลยที่ผู้นำฝ่ายสัมพันธมิตรใต้หายสาบสูญไปช่วงเวลาหนึ่งซึ่งพวกเขาไม่ได้พูดถึงกัน แต่ทุกคนรู้สึกว่าเหตุผลหลักที่สุดสำหรับการหายไปของเขาเป็นเพราะเขาไปหาการสนับสนุนอย่างเช่นจากทวีปทอง

แม้แต่คนที่กล้าที่สุดก็ไม่เคยคาดเดาว่าเขาจะลอบเข้าไปในทวีปกวงหมิง

ร่องรอยที่ชิวซิ่วหัวตามได้บังเอิญได้มาจากตระกูลชิว การทำลายล้างกองทัพตระกูลชิวสร้างความตกตะลึงให้กับชิวซิ่วหัวอยู่นาน ดังนั้นกลุ่มการค้าเมซฟิลด์จึงตกเป็นเป้าหมายเพ่งเล็งของเขา  ถ้าไม่ใช่เพราะความสัมพันธ์โดยตรง ตระกูลสูงส่งตระกูลเล็กอย่างนั้นไม่มีทางเป็นที่ดึงดูดความสนใจได้  เมื่อชิวซิ่วหัวศึกษาตระกูลเมซฟิลด์ เขาตระหนักได้ทันทีว่าพวกเขาเป็นกลุ่มคนที่มาจากภูมิภาคตะวันตก  เขาคิดได้ทันทีเกี่ยวกับเรื่องเกิดขึ้นต่อเนื่องในภูมิภาคตะวันตกการล้มเหลวของแม่ทัพระดับพลโทไม่ใช่เรื่องเล็ก

ไม่ใช่แต่เพียงแค่นั้น พลโททั้งสองที่ล้มเหลวนำทัพสู้โดยตรงซึ่งนำกองทัพภูมิภาคตะวันตกหายสาบสูญ ซึ่งก็ถูกกลบโดยสงครามต่อเนื่องที่เกิดขึ้นตามมาหลังจากนั้น

การปรากฏตัวครั้งแรกของทวีปทองก็คือในภูมิภาคตะวันตก  เรือรบรังสีกัมปนาทถูกชิงมาจากสุสานเรือรบในภูมิภาคตะวันตก ความล้มเหลวของพลโทคอลลินเกิดขึ้นในภูมิภาคตะวันตก  มีแต่เรื่องบังเอิญมากเกินไป การพลาดล้มเหลวของสามพลโทอย่างต่อเนื่องกันสั่นสะเทือนทวีปกวงหมิง  และทำให้พลเมืองหวั่นไหวและเป็นจุดเริ่มต้นในการกระทำโง่ๆ ของตระกูลชั้นสูง

ถ้านั่นคือเรื่องทั้งหมดทวีปกวงหมิงก็ยังสามารถทนรับได้ ความสำเร็จในการยึดทวีปซางโจวของโกวเฉิงเวิ่นเต้าทำให้กองเรือของเขาถูกซุ่มโจมตี เส้นทางส่งกำลังบำรุงถูกสัมพันธมิตรใต้โจมตีอย่างรุนแรง และโกวเฉิวเวิ่นเต้าเรียกขอกำลังเสริมทั้งหมดเกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน  ขณะเดียวกัน ชิวซิ่วหัวและม่อซินก็ถูกขัดขวาง  และพวกเขาไม่สามารถสนับสนุนโกวเฉิงเวิ่นเต้าได้

หลังจากชิวซิ่วหัวคิดดูแล้ว  เหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นภายในช่วงเวลาสั้นๆมีการประสานงานและบังเอิญเกินไป ในบางความรู้สึก เหตุการณ์เล็กๆ ทั้งหมดนี้นำไปสู่การสร้างสถานการณ์ของทวีปกวงหมิง

ไม่ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อเนื่องจะสำเร็จหรือเวลาสมบูรณ์หรือไม่ทุกอย่างสมบูรณ์แบบเกินไป

มีสงครามกลางเมืองการรุกรานลงภูมิภาคใต้ลดความเป็นสถานการณ์ฉุกเฉินทำให้ลำบากจนวิหารต้องลั่นระฆังศักดิ์สิทธิ์ การตัดสินใจนี้ได้ถอดโซ่ตรวนที่วิหารล่ามตระกูลชั้นสูงไว้และทำให้พวกเขามองเห็นโอกาส

‘เป็นแผนที่มองการณ์ไกลจริงๆ’  ชิวซิ่วหัวเชื่อและเคารพคนที่วางแผนได้ไกลขนาดนั้นอย่างหมดใจจริงๆ

แต่เหตุการณ์ไม่คาดฝันในทวีปเซียนทำให้เขาตระหนักว่าความตั้งใจที่แท้จริงของศัตรูไม่ใช่ที่โกวเฉิงเวิ่นเต้า  แต่เป็นทวีปเซียน!  ศัตรูวางแผนทำให้วิหารล้าเกินกว่าจะโต้ตอบ แต่สำหรับวิหารก็ยังส่งกำลังออกไปอย่างต่อเนื่องและสร้างความอ่อนแอให้ศูนย์กลาง

ชิวซิ่วหัวคาดว่าการตัดสินใจของวิหารลั่นระฆังศักดิ์สิทธิ์เป็นเรื่องเกินคาดไปบ้าง แต่พันธมิตรตระกูลชั้นสูงเป็นบางสิ่งที่ผู้วางแผนไม่เคยมองไกลขนาดนั้น  แต่ศัตรูรู้วิธีฉวยประโยชน์จากสถานการณ์  ‘ความจริงศัตรูแข็งแกร่งกว่าที่ข้าคิดตระกูลชิวกลายเป็นตระกูลแรกที่เสียสละ’

ชิวซิ่วหัวไม่รู้จะพูดยังไง  เนื่องจากตระกูลชิวเป็นก่อปัญหาและตอแยศัตรูเอง  อาจกล่าวได้ว่าศัตรูทรงพลังเกินไปและด้วยการควบคุมระยะไกล ทุกย่างก้าวของพวกเขารุนแรงและทรงพลังมาก

ตั้งแต่เริ่มชิวซิ่วหัวคิดว่าผู้วางแผนก็คือผู้บัญชาการใหญ่ขุนพลวิญญาณของสัมพันธมิตรใต้  แต่เขาตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่าไม่ใช่ปิง  แต่เป็นถังเทียน  ในสถานการณ์ยุ่งเหยิงและซับซ้อนไฟไม่อาจส่องควบคุมระยะไกลได้  แต่ความสามารถในการปรับตัวให้เข้ากับอุปสรรคขวากหนาม

ชิวซิ่วหัวฝืนหัวเราะขมขื่น  ก่อนรุกรานลงใต้พวกเขามักจะดูถูกสัมพันธมิตรใต้ และเพียงหลังจากต่อสู้ซ้ำๆ กันพวกเขาจึงค่อยๆรู้จักความแข็งแกร่งของผู้นำสัมพันธมิตรใต้ แต่พวกเขาก็ยังไม่เคยรู้สึกว่าผู้นำของพวกเขายังคงอยู่

สถานะของถังเทียนไม่ได้เป็นความลับต่อวิหารอีกต่อไป    ถึงขนาดที่พวกเขารู้ความสำเร็จของเขาในสวรรค์วิถี  แต่สำหรับพวกเขา  ความสำเร็จของเขาในสวรรค์วิถีไม่มีอะไร เนื่องจากความสามารถในการต่อสู้ในสวรรค์วิถีอ่อนแอเกินไปสำหรับชิวซิ่วหัวและพวก

แต่ขณะที่ชิวซิ่วหัวแยกแยะโยงใยสถานการณ์ไปทั่ว เขาตระหนักด้วยความเสียใจว่าทวีปกวงหมิงสูญเสียความหวังที่จะชนะเสียแล้ว  เขาตระหนักว่าสัมพันธมิตรใต้องค์กรที่ดูไม่เหมือนผู้นำ ทรงพลังยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด เพียงแค่ผู้นำคนนี้พวกเขาก็เปลี่ยนสถานการณ์ใหญ่ได้  ‘มีคนที่มีความสามารถขนาดนั้นอยู่ในโลกด้วยหรือนี่’

ทันใดนั้น เขาคิดถึงฉายาที่วิหารได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับถังเทียนไว้ว่า‘หนุ่มชาวฟ้า’

‘ชื่ออาจจะผิด  แต่ฉายาไม่ผิดแน่’

สถานการณ์ในทวีปเซียนยังไม่จบ  แต่ชิวซิ่วหัวสังหรณ์ใจว่าหนุ่มชาวฟ้าจะเป็นผู้ชนะในท้ายที่สุด ชิวซิ่วหัวเชื่อหนักแน่นว่าวิหารไม่รู้ตัวว่าพวกเขาเผชิญสัตว์ประหลาดแบบไหนอยู่กันแน่

เขารู้ว่าเขาและตระกูลชิวไม่มีคุณสมบัติรอให้ทวีปเซียนค้นพบปริศนานี้

เขาจำเป็นต้องปล่อยวางชะตาของเขาและของตระกูลของเขาก่อนจะทำอะไรอย่างอื่น

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด