ตอนที่ 934 เด็กน้อย อย่าก่อเรื่องยุ่ง!
เมืองลู่หลิว อาณาจักรจื่อฟงภูมิภาคสวนสวรรค์
ตั้งแต่หมิงลี่ฮ่าวพบเจอเย่ว์หยางอีกครั้งและเห็นว่าไม่ได้เจอเขาในวันถัดมา เจ้าเด็กนี่ดูกระหยิ่มยิ้มย่องเหมือนกับสุนัขจิ้งจอกขโมยกินไก่ เขาอดถามไม่ได้ “เกิดอะไรขึ้น?เจ้าไปลักพาตัวสาวบ้านไหนมาหรือเปล่า?”
เย่ว์หยางปฏิเสธเป็นธรรมดา
เหมือนกับว่าการยกระดับอสูรพิทักษ์พยัคฆ์ขาวขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเป็นอสูรเทพก็ยังเปลี่ยนให้นางกลายเป็นนางพยัคฆ์ขาวจริงๆ ผลสำเร็จที่คาดไม่ถึงนี้ทำให้เขาพึงพอใจมากเป็นสองเท่า เขาภูมิใจในตนเองมากๆ แต่ความภูมิใจนี้คงอยู่ในตัวเขาคนเดียวเท่านั้นเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะแบ่งปันกับคนอื่น เขาโบกมือให้หมิงลี่ฮ่าว บอกว่านั่นเป็นธุระของเขาหมิงลี่ฮ่าวไม่ต้องสนใจก็ได้
หมิงลี่ฮ่าวไม่ใช่คนชอบซุบซิบนินทาอยู่แล้วและไม่ชอบยุ่งเรื่องส่วนตัวของคนอื่น เขาแค่สงสัยกับอาการพึงพอใจของเย่ว์หยางเท่านั้น
เย่ว์หยางไม่พูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น
ก็แค่เด็กหนุ่มอารมณ์ดีที่ทำให้หมิงลี่ฮ่าวอารมณ์เสียอยู่พักหนึ่ง
เขาไม่เคยพบคนที่น่าหดหู่ใจนักคาดว่าเทพแห่งโชคชะตาคงจะกลั่นแกล้งเขา “พรุ่งนี้เป็นงานวันเกิด เจ้าแน่ใจนะว่าต้องการก่อกวนทำลาย?” ถึงแม้หมิงลี่ฮ่าวจะหงุดหงิดโมโหแต่เขาก็ยังให้ความสำคัญกับเย่ว์หยาง เขารู้สึกว่าแม้เจ้าเด็กนี่จะน่ารำคาญแต่กลยุทธ์ของเจ้าเด็กร้ายกาจนี่นับว่ายอดเยี่ยม ถ้าร่วมมือกับเขาคงไม่แพ้แน่นอน
“ความจริงข้าแค่ต้องการรีดความลับของบึงหยุดลมเพื่อทำความรู้จักภูมิภาคสวนสวรรค์ เดี๋ยวนี้มีท่านอยู่แล้วก็คงไม่คุ้มกับการพูดคุยสุภาพกับราชาจื่อฟง ข้าคิดว่าแผนดั้งเดิมสามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ ถ้าสาวใช้ที่หนีออกมาจากตระกูลท่านไม่ได้อยู่ในนี้อย่างนั้นเราจะไม่ทำให้ศัตรูตื่นตัว ในกรณีนี้ ท่านจะต้องอธิบายถึงกองกำลังในปัจจุบันในภูมิภาคสวนสวรรค์และกองกำลังลับด้วยเช่นกัน ท่านพูดออกมาทั้งหมดก่อน แล้วข้าจะหาแผนรับมือเอง” เย่ว์หยางพูดคุยกับเย่ว์หวี่และองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนก่อนเลื่อนระดับพลังเมื่อวานนี้ พวกเขามีความรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องใช้แผนเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีศัตรูที่แข็งแกร่งที่ไม่รู้จักแต่ละฝ่ายอาจกำลังจับตาดูอยู่เฉยๆ การเปิดเผยพลังโดยฝ่ายเดียวเป็นพฤติกรรมที่ชินชา
“แล้วถ้าเจอคนใช้ที่หนีมาเล่า?”หมิงลี่ฮ่าวให้ความสนใจกับสิ่งที่คาใจเขาก่อน
“ไม่มีอะไรต้องพูด ก็แค่จับและฆ่า” เย่ว์หยางหัวเราะเขาไม่ลังเลกับความคิดที่น่ากลัว
“ดี”หมิงลี่ฮ่าวปรบมือพยักหน้าให้เย่ว์หยางและกล่าว “ถ้าหญิงรับใช้ของข้าอยู่ที่นั่นจริง อย่างนั้นข้าคงต้องจับกุมแน่นอน ตราบใดที่ไม่ส่งผลต่อแผนการของเจ้า แต่อาจจะไม่ต้องลงมือทันที ในฐานะพันธมิตรข้าเข้าใจและคำนึงถึงความสนใจของเจ้า ตราบเท่าที่ไม่ส่งผลเสียต่อแผนของเจ้าข้าจะร่วมมืออย่างดีที่สุดเท่าที่ทำได้”
“ข้าขอพูดถึงสถานการณ์ใหญ่ แล้วค่อยๆ ปรึกษากัน” เย่ว์หยางต้องการรู้ว่ามีคนที่คล้ายๆกับจีอู๋ลี่อยู่ในภูมิภาคสวนสวรรค์หรือไม่
เขาพูดว่าที่นี่มีกฎสวรรค์ดั้งเดิม
ไม่มีเหตุผลที่คนของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์จะไม่รู้ข่าวนี้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งแม้แต่จีอู๋ลี่ไม่ได้เหน็ดเหนื่อยเสียแรงกับการไล่ตามหาคัมภีร์เทพในมิติดินแดนฝึกฝน เย่ว์หยางสามารถตัดสินจากสถานการณ์ได้ ภายในตำหนักกลางเองนักสู้เหมือนอย่างจีอู๋ลี่มีการแก่งแย่งต่อสู้กันอย่างดุเดือดจีอู๋ลี่ฝันไว้ว่าจะได้ทำสัญญากับคัมภีร์เทพและยกระดับไปเป็นนักสู้ระดับเทพกลายเป็นเทพที่แท้จริง ด้วยพลังความแข็งแกร่งอย่างเขา ไม่มีเหตุผลที่จะทำไม่ได้
นอกจากนี้ในตำหนักกลางก็ยังมีคนที่ไม่ได้อยู่ระดับเดียวกันกับจีอู๋ลี่จับตาดูสิ่งนี้
นักสู้ที่มีพลังต่ำกว่าจีอู๋ลี่หนึ่งระดับแต่ถึงจะมีความแข็งแกร่งแต่ขี้ขลาด ไม่มีใครที่เพ่งเล็งอยากได้คัมภีร์อัญเชิญชั้นเทพในภูมิภาคสวนสวรรค์หรือ?
นี่คือคัมภีร์เทพ!
ถ้าไม่มีเจตนาอยากได้ต่อให้ฆ่าเย่ว์หยางตาย เขาก็ไม่เชื่อ
หมิงลี่ฮ่าวเริ่มลังเลและรู้สึกว่าถ้าเขาพูดตามตรง เขาคงไปกระตุ้นนิสัยชอบท้าทายของเจ้าเด็กนี่โดยตรง เขารู้ว่าเมื่อตอนที่เจ้าเด็กนี่ยังเป็นสวะอยู่ในวิหารจักรพรรดิอวี้ เข้ายังกล้าท้าทายนักสู้ระดับสามจอมภพแดนสวรรค์อย่างซิวคงและจิ่วเซียว
ตอนนี้เจ้าเด็กนี่กล้าแข็งมากขึ้นเขายังกล้าทำเช่นนั้นอีก
อย่างไรก็ตามถ้าเย่ว์หยางจ้องมองตาเขาและแผ่รังสีอำมหิตแต่ไม่บอกปฏิเสธ
จากนั้นหมิงลี่ฮ่าวบอกรายชื่อและไม้ตายของคนพวกนี้ให้เย่ว์หยางรู้ทั้งอธิบายถึงระดับพลังและความแข็งแกร่งที่อยู่เบื้องหลังคนพวกนี้
ทันทีที่เย่ว์หยางได้ยินเช่นนั้นเขาลุกขึ้นยืนและหันหลังกลับ
“เจ้าจะไปไหน?” หมิงลี่ฮ่าวรีบห้ามเจ้าเด็กนี่ทันที เขาคิดว่าเรื่องที่เขากังวลเกิดขึ้นจริงๆ เจ้าเด็กนี่เป็นจอมก่อเรื่องจริงๆ และจะไม่ยอมแพ้โดยไม่ได้ปะทะ เขารู้ว่าเขาไม่ควรบอกเจ้าเด็กนี่ก่อนควรจะรอเวลาไปสักพักหนึ่งก่อน ขณะที่หมิงลี่ฮ่าวนึกเสียใจเรื่องนี้ คำตอบของเย่ว์หยางแทบทำให้เขาทรุดลงกับพื้น
เพราะเย่ว์หยางบอกว่า “กลับบ้าน!” หมิงลี่ฮ่าวเหงื่อตก “เจ้าจะทำอะไร? กลับบ้านไปขนกองทัพมาหรือ? ตอนนี้หอทงเทียนอาจจะมีคนมีฝีมืออยู่บ้าง แต่เทียบกับตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์แล้วยังมิอาจเทียบได้!” เย่ว์หยางส่ายศีรษะ“เหลวไหล, ข้าไม่โง่พอแข่งขันกับตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์แน่! ข้ากลับไปเพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะ!”
หมิงลี่ฮ่าวถึงกับชะงักทันที “ข้าคิดว่าเจ้ากำลังจะออกไปท้าทายเขาเสียอีก”
เย่ว์หยางมองดูหมิงลี่ฮ่าวอย่างไม่ใส่ใจนัก“โธ่ลุง! อย่านึกว่าสติปัญญาคนอื่นต่ำเท่าท่านเข้าใจไหม? ข้าจะขนคนมาได้สักกี่คน? ข้าจะกลับ, ที่นี่ภูมิภาคสวนสวรรค์ ข้าไม่ได้อยู่ที่นี่สักหน่อย” หมิงลี่ฮ่าวรีบห้ามเขาเมื่อเห็นว่าเจ้าเด็กนี่จะจากไปจริงๆ “อย่าทำแบบนี้ได้ไหม เราได้ก่อตั้งความเป็นพันธมิตรขึ้นแล้ว”เย่ว์หยางแค่นเสียง “นั่นนับได้หรือ? ตอนนี้ข้าชักจะเสียใจแล้ว”
เจ้าเด็กนี่มียางอายบ้างหรือเปล่า?
เมื่อเห็นท่าทางของเย่ว์หยางแล้วหมิงลี่ฮ่าวรู้สึกปวดตับ แต่เป็นเรื่องช่วยไม่ได้ ไม่มีวิธีใดที่ดีกว่านี้แล้ว “เด็กน้อย, เจ้าต้องอยู่,เราจะผนึกกำลังกันต้านศัตรู หลังจากเอาชนะศัตรูได้ ได้สมบัติแล้วให้เจ้าเลือกได้ก่อน เดี๋ยวก่อนอย่าเพิ่งไป พูดกันก่อน ข้าหมายถึงว่า ถ้าได้คัมภีร์เทพมาจริงๆ ...” หมิงลี่ฮ่าวชำเลืองมอง เจ้าเด็กนี่ยังมีอาการหยิ่ง เขาเกลียดเจ้าเด็กนี่จนเกือบจะลงมือ เขากัดฟันพูด “ถ้าเจ้าอยู่รอจนถึงต่อสู้ ข้าจะบอกที่ซึ่งน้องสาวของข้าฝึกฝน นี่ไม่โกหกเจ้าแน่นอน มิฉะนั้นเจ้าถลกหนังข้าไปทำเสื้อผ้าได้เลย!”
เย่ว์หยางเห็นไพ่ของเขาถูกหงายออกมาก็รู้สึกดีใจ
เขาเหยียดมือและจับมือใหญ่ของหมิงลี่ฮ่าวทันที “พี่ใหญ่! ข้าไม่ได้บอกว่าข้าจะไม่ช่วยท่าน! ความจริงท่านเข้าใจข้าผิดไปเอง ข้ามีความรู้สึกอารมณ์กระตือรือร้นยื่นมือช่วยเหลือด้วยคุณธรรมข้ารักแผ่นดินแม่ รักมิตรสหาย พี่ใหญ่ท่านไม่ต้องห่วง ข้าจะปล่อยท่านไว้ให้สู้ตัวคนเดียวได้อย่างไร? เห็นได้ชัดว่าท่านเข้าใจข้าผิด ยังไงข้าก็เป็นลูกผู้ชายพอ ข้าต้องขอโทษท่านด้วย และข้าก็ยกโทษให้ท่านมานานแล้ว!”
หมิงลี่ฮ่าวโกรธจนหน้าเขียวคล้ำ
และเกือบจะตบฆ่าเจ้าเด็กนี่อยู่แล้ว
แน่นอนว่าเขายังคงรู้ว่าเจ้าเด็กนี่เป็นใครและจะไม่ยอมให้เขาเอาเปรียบ ก็แค่ปล่อยให้เขาทำให้ดีที่สุดแล้วหลับตาเสียและกินต่อไป
เย่ว์หยางชอบเอาเปรียบชิงผลประโยชน์นี่ไม่ใช่เรื่องแปลกปลอม แต่เขาไม่ต้องลงมือโดยใช้ความพยายามหนักมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อชีวิตของเขา เขาไม่เก็บงำพลังไว้แน่ เขากลับมานั่งปรึกษากับหมิงลี่ฮ่าวและปรับเปลี่ยนแผนใหม่
หลังจากสองชั่วโมงผ่านไป แผนใหม่ก็เสร็จสมบูรณ์ในที่สุด
เมื่อคุยได้ข้อสรุปสุดท้ายแล้วหมิงลี่ฮ่าวลอบคลายใจ...โชคดีที่เจ้าเด็กนี่เป็นพันธมิตรของเขาเอง ไม่ใช่เป็นศัตรู!
ที่นอกถนนใหญ่มีข่าวที่น่าตกตะลึงประกาศมาจากสมาคมทหารรับจ้าง ต่างจากข่าวเดิมข่าวนี้สร้างความแตกตื่นให้กับชาวเมืองลู่หลิวเหมือนพายุถล่มเมืองเย่ว์หยางประหลาดใจจึงเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจและพบว่าเป็นข่าวที่ได้ยินเมื่อวานนี้ ข่าวเกี่ยวกับเทวีเสรีภาพ ตามที่ประชาชนผู้หิวโหยและทหารรับจ้างยากไร้คร่ำครวญและเสียงยินดีของคนร่ำรวยดูเหมือนว่าเทวีเสรีภาพจะถูกส่งตัวมายังเมืองลู่หลิวและจะประหารต่อหน้าธารกำนัลหลังจบงานเลี้ยงวันเกิดของสนมจูกวง
“เหตุการณ์บังคับแล้วลุง, จะเอายังไง?” เย่ว์หยางชี้ไปที่หน้าต่าง
“ข้ายังไม่รู้จริงๆ” หมิงลี่ฮ่าวส่ายศีรษะ
“นี่ไม่ใช่ลูกหลานรุ่นหลังของคนที่ลุงรักหรอกหรือ?” เย่ว์หยางแปลกใจเล็กน้อยไม่ใช่ทายาทรุ่นหลังของรักแรก อย่างนั้นทำไมจะต้องฝืนทำหน้าอย่างนั้น?
“บางทีอาจเป็นรุ่นหลังของแฝดผู้น้องหรือบางทีอาจเป็นรุ่นหลังต่อมา ข้าไม่เคยเห็นมาก่อน ข้าเพียงแต่ได้ยินว่าในภูมิภาคสวนสวรรค์เกือบทุกสองสามร้อยปีจะมีปรากฏเทวีเสรีภาพพวกนางเป็นพี่น้องกันและน้องคนที่ห้าจะเป็นเหมือนเซียนที่มีความเห็นอกเห็นใจและเป็นผู้มีความอดทนไม่ว่าพวกนางจะอยู่ที่ใด พวกนางจะช่วยคนจนผู้หิวโหยและไถ่ตัวพวกทหารรับจ้าง ภายใต้ความเชื่อที่ตกทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น เทวีเสรีภาพจะเดินทางไปทั่วภูมิภาคสวนสวรรค์เรียกร้องความหวังให้สามฝ่ายวางอาวุธและยุติสงคราม เพราะแนวความคิดต่อต้านสงครามเช่นนั้นทำให้ประชาชนยากจนและทหารผ่านศึกพิการกลายเป็นผู้ติดตามนาง” หมิงลี่ฮ่าวหยุดและพูดช้าๆ “เพราะเหตุนี้เทวีเสรีภาพและผู้มีศรัทธาซื่อสัตย์มักจะมีอายุไม่ยืนยาวเมื่อพวกเขาถูกจับ พวกเขาจะถูกเผาทั้งเป็นทันที”
“ท่านใส่ใจด้วยหรือ?” เย่ว์หยางว่าหมิงลี่ฮ่าวเป็นคนใจใหญ่ เขาวิจารณ์ “นี่เป็นสถานการณ์ที่ดีที่สุดเพื่อให้วีรบุรุษช่วยเหลือนางงาม!”
“นอกจากสถานการณ์วีรบุรุษช่วยนางงามแล้ว เจ้าคิดเรื่องอื่นไม่ออกหรือไง?” หมิงลี่ฮ่าวรู้สึกว่าเขาตามความคิดของเจ้าเด็กนี่ไม่ทัน เห็นได้ชัดว่าเป็นเรื่องเศร้าแต่เขาคิดถึงเรื่องวีรบุรุษช่วยนางงามได้อย่างไรกัน?
เย่ว์หยางยิ้มและทำท่านบอกหมิงลี่ฮ่าวอย่าเพิ่งหงุดหงิด อย่างไรก็ตามพรุ่งนี้ตอนจบงานเลี้ยงฉลองวันเกิดก็ยังมีเวลาช่วย
หมิงลี่ฮ่าวยังคงเงียบ ดูเหมือนไม่เต็มใจจะยุ่งเรื่องของคนอื่น
พวกเขาลงบันไดไปตามถนน
ทันใดนั้นมีเสียงระเบิดดังสั่นสะเทือน
เสียงนี้ทำให้อาคารรอบด้านถนนสั่นสะเทือนเล็กน้อย แต่กรอบหน้าต่างแทบไม่สั่นสะเทือนเลย
“เจ้าพวกลูกผสมในเมืองลู่หลิว พวกเจ้าเป็นเหมือนมนุษย์ปลิงดูดเลือดมนุษย์จงปล่อยเทวีเสรีภาพเดี๋ยวนี้” มีเสียงเหมือนระฆังดังขึ้นเย่ว์หยางมองสำรวจออกไปข้างนอก เขาพบนักรบถือขวานร่างกายแข็งแรงผิวดำมะเมื่อมราวกับเทพทวารบาลยืนอยู่นอกถนน
“อย่าบังคับข้า ถ้าข้าโกรธ จะเกิดเรื่องน่ากลัว!” ต่างจากคนตัวดำเหมือนถ่านทางซ้ายมือ คนหัวดำทางขวาที่กล่าวอยู่มีเสียงอ่อนกว่าเหมือนกับสะใภ้ที่เพิ่งแต่งงานเข้าตระกูล ถ้าเขาไม่ได้มีร่างกายที่น่ากลัว แข็งแกร่งบางคนอาจคิดว่าเขาเป็นคุณหนูที่ชอบงานเย็บปักถักร้อยอยู่ในห้องหอ
“เป็นที่น้องกระทิงป่านั่นเอง พวกเขากำลัง! โอวพระเจ้า .... ดาวเพชฌฆาตทั้งสองมาถึงแล้ว
“หุบปาก ก็แค่คนโง่ไม่มีสมองแค่สองคน มาหาที่ตายที่นี่ พวกเขาแข็งแกร่งแต่จะแข็งแกร่งมากกว่าราชาได้หรือ?ตอนนี้เจ้าแคว้นและเจ้าเมืองทุกคนกำลังรวมตัวกันและมีนักรบปราณฟ้ามากมายเป็นสิบคนที่มาอวยพรในงานวันเกิดเจ้ากระทิงเถื่อนสองตัวนี้มีแต่จะตายอย่างสูญเปล่า!” เย่ว์หยางได้ยินเสียงพูดคุยโดยรอบ และมองกลับไปที่หมิงลี่ฮ่าวและพบว่าเขายังทำหน้าตาเฉยเมย และดูเหมือนไม่ต้องการจะเข้าแทรกแซง
เขาไม่แปลกใจแต่อย่างใด
ไม่มีเหตุผล ตาลุงที่ได้รับความยากลำบากในชีวิตไม่ใช่คนที่มีพรสวรรค์ทางด้านนี้
แน่นอนว่าอาจมีเหตุผลอยู่เบื้องหลัง ทุกคนมีความลับส่วนตัวเล็กน้อย แม้ว่าเย่ว์หยางจะสงสัย แต่เขารู้ว่าหมิงลี่ฮ่าวจะไม่พูดอะไรไม่ขอร้องอะไรมาก แต่กลับให้ความสนใจเหตุการณ์ในกลางถนน และมองดูผู้ติดตามเทวีเสรีภาพและบริวารของราชาแห่งเมืองลู่หลิวปะทะกัน จะเกิดอะไรขึ้น!
ถ้าเป็นไปได้ตนเองจะแกล้งเป็นแฟนคลับเทวีเสรีภาพและออกไปร่วมสนุกก็เป็นได้
ดูเหมือนว่าจะไม่เลว!
หมิงลี่ฮ่าวยิ่งมองก็ยิ่งปวดหัว เขาอยากจะบอกเย่ว์หยางว่าที่ภูมิภาคสวนสวรรค์วุ่นวายสับสนมากพอแล้ว เด็กน้อยเจ้าไม่ต้องก่อกวนมากไปกว่านี้ก็ได้!