ตอนที่ 932 ตัวร้าย! ข้าเกลียดเจ้าที่สุด!
แม้ว่าเย่ว์หยางจะไม่ใช่พวกที่ชอบซุบซิบนินทา แต่เพราะความซาบซึ้งในชีวิตที่ยากลำบากของหมิงลี่ฮ่าว เขารู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับคนที่ถูกบีบคั้นกดดันอย่างหนักและยอมเผยความในใจออกมา ดังนั้นเมื่อเขากลับไป สิ่งแรกที่ทำคือเล่าให้เย่ว์หวี่องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและจุ้ยมาวอี้ฟัง
รอจนฟังเขาเล่าพร้อมทั้งตีสีใส่ไข่จนจบสามสาวถึงกับตกใจ
พวกนางไม่รู้จะพูดอะไรอยู่เป็นเวลานาน
ความจริงอย่างเย่ว์หยางก็เคยดูภาพยนตร์การ์ตูน นิยาย ทีวีมามาก หัวใจของเด็กโอตาคุ (หมกมุ่นอยู่กับโลกส่วนตัว)ได้รับการฝึกฝนคุ้นเคยดีมาจากอีกโลกหนึ่ง ขนาดเขายังรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยไม่ต้องพูดถึงเย่ว์หวี่ องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและจุ้ยมาวอี้สาวน้อยเหล่านี้ไม่ได้เจนโลกอย่างลึกซึ้ง เย่ว์หยางเห็นสามนางตะลึง เขารีบพูดปลอบใจ “ความจริงแล้วไม่มีอะไรที่ผิดปกติเลยแต่เป็นเรื่องความสัมพันธ์ที่ยุ่งเหยิงไม่ใช่หรือ? ยังมีเรื่องหนึ่งที่น่าเศร้ายิ่งกว่านี้คือมีเจ้าเด็กคนหนึ่งชื่อโคนัน ไม่ว่าเขาจะไปปรากฏตัวที่ใด ที่นั่นจะต้องมีคนตายอย่างลึกลับอยู่เรื่อยบางครั้งก็ยิ่งกว่านั้น แต่นี่ไม่เป็นอุปสรรคต่อทุกคนที่รักเขา! อีกตัวอย่างหนึ่งไม่ว่าเมื่อใดก็ตามที่มียอดมนุษย์ปรากฏตัวมักจะปรากฏสัตว์ประหลาดเกิดขึ้นพร้อมกับเขา จากนั้นผู้คนในเมืองถูกทำลาย แต่ก็ยังอุตส่าห์มีเด็กหลายคนเทิดทูนบูชาเขา!”
“เจ้าพูดเรื่องอะไร?” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนไม่เข้าใจสิ่งที่เขาพูด โคนันเป็นตัวอะไร?
“ความจริงข้าต้องการบอกเจ้าเจ้าดูนิยายประโลมโลกน้อยไปนิด ถ้าเจ้าเคยอ่านนิยายชีวิตหรือละครจากนิยายของป้าฉงเหยาเกี่ยวกับบุญคุณความแค้นรักริษยาจนฆ่าคนได้หลายต่อหลายคน จากนั้นก็แกล้งทำเป็นกระอักโลหิตตายอยู่ในอ้อมกอดผู้ชายนั่นแหละน่ากลัว ไม่....สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือสตรีที่เหมือนเทพธิดาที่กล่าวกันว่าอยู่ในพื้นที่ต้องห้ามของเทพเจ้าในเขตจินเจียง ข้าพูดไม่ได้...”ในที่สุดเย่ว์หยางทำเป็นตัวสั่นและไม่กล้าพูดอะไร
“มันเป็นเรื่องยุ่งเหยิง”องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนได้ยินไม่ชัด
“จินเจียงอยู่เมืองไป๋เหอหรือ?” เย่ว์หยางต้องเปิดแผนที่หาดูต่อมานางคิดว่าเนื่องเป็นพื้นที่จำกัดของเทพเจ้า คงเป็นไปไม่ได้ที่จะหาพบบนแผนที่
“แล้วตอนนี้จะเอายังไงดี?ปมความสัมพันธ์ที่ยุ่งเหยิง ความเกลียดชังที่มิอาจคลี่คลายได้ ข้าไม่อยากมีส่วนร่วมด้วยปล่อยให้พวกเขาฆ่ากันเองเถอะ พวกเขาก็ฆ่ากันเองมานานแล้วมากกว่าหมื่นปี ใครจะสนใจกันเล่า?”จุ้ยมาวอี้ไม่คิดใส่ใจเรื่องนี้ แค่นึกก็ปวดหัวเสียแล้ว
“แน่นอนว่ามันไม่สำคัญ แต่ข้าหมายถึงพรุ่งนี้ หมิงลี่ฮ่าวบุรุษผู้ถูกชะตากลั่นแกล้งให้ลำบากโชคร้ายนี้คือคนที่เราควรจะขอบคุณเขา!” เย่ว์หยางปล่อยให้องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนบินไปโดยไม่พูดอะไรต่อ
ก่อนหน้านี้หมิงลี่ฮ่าวอาจเป็นศัตรูแต่ต่อไปอาจให้ความร่วมมือได้ในภายหลัง
ชีวิตของเขาถูกบีบบังคับจนพบกับชะตากรรมเจ็บปวดใครจะเป็นเช่นนี้บ้างเล่า
แน่นอนว่าองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนรู้สึกว่าความยากลำบากเจ็บปวดของหมิงลี่ฮ่าวเป็นการทรมานตนเองโดยเฉพาะอย่างยิ่งจักรพรรดิแดนดินเฟิ่นนิ่วซึ่งเป็นพี่รองไม่ยอมใช้ชีวิตที่สบาย ถ้าไม่ใช่เพราะเขาไร้สมองทำให้เกิดโศกนาฏกรรมทั้งหมด อย่างนั้นผลคงไม่เกี่ยวพันมาถึงขนาดนี้
สำหรับเจ้าตำหนักน้ำซึ่งได้ประโยชน์จากโศกนาฏกรรมและจักรพรรดิแดนดินเสินกวงผู้ฆ่าภรรยาเป็นพวกงี่เง่าโง่เขลา
บุณคุณความแค้นนี้เป็นไปไม่ได้ที่จะคลี่คลาย!
และถึงแม้ว่าจะคลี่คลายได้แต่ตามลักษณะอารมณ์ขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน นางคงไม่ยอมให้คลี่คลายแน่ ปล่อยให้บุรุษสมองเพี้ยนทั้งสามสู้กันให้พอมีผู้เดียวที่ยังเป็นปกติธรรมดาก็คือจักรพรรดิแดนดินฟู่โฉว
เนื่องจากลุงหมิงลี่ฮ่าวผู้เผชิญเจอกับความลำบากปรากฏตัวขึ้นจึงมีเรื่องราวบุญคุณความแค้นเพิ่มขึ้นมาอีก
ทำให้เย่ว์หยางรู้สึกถึงวิกฤติได้
ภูมิภาคสวนสวรรค์ไม่ง่ายอย่างที่คิดเสียแล้ว
ถ้าต้องไปเกี่ยวข้องกับคัมภีร์อัญเชิญระดับเทพ อย่างนั้นตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์คงจับตามองเหมือนกับหนูชอบข้าว แม้ว่าจีอู๋ลี่ผู้เข้าแผ่นดินฝึกฝนก็เพราะมีความตั้งใจอยากได้คัมภีร์เทพที่นั่นก็ยังไม่ถูกเบี่ยงเบนความสนใจ แต่ผิดปกติที่จีอู๋ลี่กับพวกในตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์อีกสองคนยังไม่ออกมา จีอู๋ลี่ไม่มาก็หมายความอีกสองคนก็ยังไม่มา
เป็นไปได้มากที่สุดที่โศกนาฏกรรมทั้งหมดคงถูกควบคุมอย่างลับๆโดยตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์
ไม่เช่นนั้นหมิงลี่ฮ่าวจะส่งผลในทางบวกได้อย่างไร? เขาถูกคุมขังได้อย่างไร? หลังจากนั้นเขาหลอกล่อให้หอทงเทียนต่อสู้กับหมิงเยี่ยกวงและสามจอมภพแดนสวรรค์ผนึกกำลังกันสู้กับจักรพรรดิอวี้
ต้องมีมือมืดที่มองไม่เห็นบงการอยู่เบื้องหลัง!
ถ้าไม่มีมือลึกลับคอยจัดการเรื่องทั้งหมดจะไม่มีทางมาถึงขั้นนี้ได้!
เย่ว์หยางพูดข้อสงสัยในใจกับองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและสามสาวยอมรับความจริงเรื่องนี้
แรงล่อลวงของคัมภีร์เทพต้องบอกว่าไม่มีที่สิ้นสุด ภูมิภาคสวนสวรรค์เกิดสงครามสับสนเสียเลือดเนื้อเพื่อทำลายผนึกของคัมภีร์เทพและให้ได้รับการยอมรับจากคัมภีร์เทพ... กล่าวอีกนัยหนึ่ง คนของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์เป็นไปได้ว่าอาจพบคัมภีร์เทพเมื่อสามพันปีมาแล้วจากตลอดสามพันปีหลังใช้การสู้รบของทหารเป็นล้านเพื่อใช้เลือดและวิญญาณของผู้คนนับไม่ถ้วนดำเนินการทำสัญญากับคัมภีร์เทพให้สำเร็จ
“อะไรนะ เจ้าหมายความว่ายังไงภูมิภาคสวนสวรรค์นี้มีคนที่น่าเกรงขามอย่างจีอู๋ลี่ด้วยหรือ?”เย่ว์หวี่คิดตามเย่ว์หยางและรู้สึกกลัวจนตัวสั่น
“ไม่น่าเป็นไปได้! องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนได้ยินแล้วตกใจตัวสั่นเล็กน้อย
นางรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่นางไม่กล้าเท่ากับเย่ว์หยาง และนางรู้เรื่องที่อยู่ของคัมภีร์เทพแล้ว
เย่ว์หยางไม่เพียงแต่คาดการณ์ว่านักสู้ผู้ทรงพลังจากตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์อย่างจีอู๋ลี่รู้ว่าคัมภีร์เทพอยู่ที่ไหน เขาขยายแผนที่ชี้ให้สามสาวดู “ดูเมืองไป๋เหอนี้ กลับกลายเป็นว่าพื้นที่ด้านล่างนี้คือตำหนักน้ำมันถูกทวีปลอยฝังทับไว้ ข้าสงสัยว่าคัมภีร์เทพจะอยู่ใกล้เมืองไป๋เหอนี้ แต่ไม่มีใครสามารถทำสัญญาได้จะต้องรู้ว่าคัมภีร์เทพจะยอมรับเจ้านายเอง ภูมิภาคสวนสวรรค์ในช่วงสามพันปีที่ผ่านมา ได้ต่อสู้กันที่แม่น้ำและภูเขาเจ้านั่นใช้วิธีลับเพื่อเอาเลือดและวิญญาณบูชายัญอยู่ใกล้คัมภีร์เทพ มิฉะนั้นความวุ่นวายที่ทำให้เกิดสงครามนี้สมควรจะหยุดได้ทีละขั้นๆ
จุ้ยมาวอี้ลังเลอยู่นาน
แล้วพยักหน้า
ทันใดนั้นนางกล่าวขึ้นทันที “เมื่อเป็นเช่นนี้ เราต้องเตรียมตัวนี่ไม่ใช่ดินแดนฝึกปรือทดสอบ ที่ฝ่ายของจีอู๋ลี่มีผู้ช่วยอยู่ที่นั่นเพียงไม่กี่คนแต่ที่นี่คือภูมิภาคสวนสวรรค์ พวกตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์สามารถมาได้ในทันทีศัตรูที่เราต้องเผชิญหน้าจะทยอยกันออกมาไม่รู้จักหมดสิ้นนี่เป็นเรื่องแย่สำหรับเราอย่างไม่เคยมีมาก่อน”
คำพูดของจุ้ยมาวอี้ยังเป็นปากเสียงแทนองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเย่ว์หวี่
ขณะที่เย่ว์หยางขมวดคิ้ว องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนลุกขึ้นยืนทันทีนางใช้ประกายตาสดใสมองดูเย่ว์หวี่
เย่ว์หวี่ดูเหมือนว่าเข้าใจว่าแม่เสือสาวต้องการพูดอะไรใบหน้าน้อยๆ ของนางปรากฏแววแห่งความอายขณะที่นางโบกมือไม่องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนพูดอะไร องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนถอดสร้อยมุกวิเศษจากคอและบังคับให้เย่ว์หวี่สวมเอาไว้ “ยกเว้นแม่สี่คนที่สามารถใช้พลังวิเศษของมุกนี้ได้ก็คือพี่หวี่ ท่านเหมาะสมแล้ว ตอนนี้ศัตรูทรงพลังยังอ่อนกำลังอยู่ เราไม่ควรดื้อรั้นยืนกรานต้องเลื่อนระดับความแข็งแกร่งของพลังให้ได้เสียก่อน ข้าจะนำฝึกให้ พี่หวี่ท่านไม่ต้องบ่ายเบี่ยง”จากนั้นถอดแหวนพิรุณบุปผาที่เย่ว์หยางสวมอยู่ มอบให้เย่ว์หวี่
หลังจากรับแหวนพิรุณบุปผาด้วยอุณหภูมิร่างกายของเย่ว์หยาง ทำให้เย่ว์หวี่เข่าอ่อน
เมื่อเผชิญกับการตัดสินใจขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน
นางได้แต่ยอมรับ
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนกลับประหม่ามากขึ้น นางเกรงว่าเย่ว์หวี่จะปฏิเสธ ตอนนี้เมื่อเห็นนางยอมรับ นางยิ้มแย้มยินดีนางประคองเย่ว์หวี่กลับมาที่เย่ว์หยางที่กำลังคิด “ไม่เคยคิดเลยว่าเรื่องซับซ้อนเกินกว่าจะจินตนาการที่เราต้องทำในตอนนี้ก็คือฝึกเพื่อเลื่อนระดับพลังเมื่อมีพลังเราย่อมจัดการด้วยความมั่นใจ”
เย่ว์หยางประหลาดใจเล็กน้อยแม่เสือสาวเจ้าเล่ห์ผิดปกติ มีพี่หวี่และเหมียวเหมียวอยู่ใกล้ๆ ไม่มีทางจะฝึกปรือพลังคู่รักได้
หรือว่าตอนนี้ทักษะหกรับรู้ของนางรู้สึกได้ถึงความวิกฤติหรือ?
ไม่เพียงแต่เย่ว์หยางประหลาดใจเท่านั้นแม้แต่เย่ว์หวี่และจุ้ยมาวอี้ก็คิดว่าวันนี้เชี่ยนเชี่ยนแปลกไปกว่าเดิม... แน่นอนถ้านางปล่อยวางทุกอย่างได้และไม่แข่งชิงดีชิงเด่นกับเสวี่ยอู๋เสียก็คงจะได้ฝึกฝนพลังคู่รักกับเย่ว์หยางทุกวัน
“ตัวร้าย!ดาบเทพจักรพรรดิอวี้ไม่อาจจะหลอมรวมได้ชั่วคราว เจ้ามีวิธีทำให้ข้าได้เลื่อนระดับพลังขึ้นระดับใหม่ได้ไหม ข้ารู้สึกไม่มั่นใจเล็กน้อย ข้าไม่อาจบรรลุระดับใหม่ในขณะสู้ข้าหวังว่าจะเลื่อนระดับได้เร็วเท่าที่เป็นไปได้ความจริงข้าไม่ต้องการเป็นอย่างตอนที่เจ้าสู้กับชี่เทียนเหอเพียงลำพังเลยข้าต้องการยืนหยัดสู้เคียงข้างเจ้าโดยไม่คำนึงถึงอะไรทั้งนั้น!” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเคยแข็งแกร่งมาก นางฝึกฝนตามลำพังนางไม่ต้องการให้เย่ว์หยางเสียเวลา ไม่ต้องการรบกวนเวลาของเขา แต่ตอนนี้นางกระตือรือร้นตั้งใจแน่ว่าจะยืนหยัดร่วมสู้กับเขา
เย่ว์หยางเข้าใจอารมณ์ของนาง
ครั้งล่าสุดหรือในอดีตมีการต่อสู้หลายครั้ง องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนรู้สึกว่านางไม่สามารถแสดงบทบาทได้เต็มที่และไม่ได้ช่วยเหลืออย่างมีประสิทธิภาพ
ตอนนี้ศัตรูยิ่งมายิ่งแข็งแกร่งเรื่อยๆ แต่นางยังไม่ถึงระดับปราณราชันย์ไม่สามารถหลอมรวมได้กับดาบเทพได้อย่างสมบูรณ์
ถ้าบอกว่านางไม่กังวลนั่นคงเป็นเรื่องโกหก
สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือเสวี่ยอู๋เสียได้รับประกายเทพที่ไม่รู้จักและกำลังอยู่ในระหว่างหลอมรวมเมื่อนางตื่นขึ้นจะมีพลังก้าวหน้าอีกอย่างแน่นอน คัมภีร์แห่งสัจจะในมือนางยังคงมีวิวัฒนาการไปเป็นสมบัติชั้นเทพ ถ้าองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนไม่รีบฝึกให้ก้าวหน้าจะทำให้นางตามหลังเสวี่ยอู๋เสียห่างไกลแน่นอน นี่คือวิกฤติครั้งใหญ่ขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนซึ่งเป็นแรงจูงใจที่ใหญ่ที่สุดทำให้นางคร่ำเคร่งฝึกฝน
เมื่อเห็นแม่เสือสาวผู้ดื้อรั้นทระนงตนยอมรับตนเองมองเห็นความหวังในดวงตา เย่ว์หยางอดทุกข์ใจไม่ได้ แม่เสือสาวนี้ยังเป็นสตรีคนหนึ่งที่เขาต้องการปกป้องอยู่เสมอ
เขามององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเป็นเวลานาน
จนกระทั่งองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนรู้สึกหวั่นใจเพราะกลัวว่าเขาจะพูดแปลกประหลาดเย่ว์หยางเล่นกลเปลี่ยนเอามุกงดงามลูกหนึ่งออกมา “ก่อนอื่นแม่เสือสาว! โปรดอภัยให้ข้าด้วย ความจริงครั้งล่าสุดที่ข้าเก็บหญ้าวิญญาณเทพอัคคี ข้าได้ตกลงทำการแลกเปลี่ยนกับมารเพลิงดำแต่ก็ล่อหลอกได้มุกมาเม็ดหนึ่ง เจ้าดู, นี่คือมุกศักดิ์สิทธิ์พยัคฆ์ขาว! โอ๊ย..อย่าตีข้าฟังข้าก่อนแม่เสือสาว ข้าไม่ได้ล้อเจ้าจริงๆ ข้าแค่ต้องการทำให้เจ้าทึ่งประหลาดใจ มุกศักดิ์สิทธิ์พยัคฆ์ขาวสมบัติชั้นศักดิ์สิทธิ์และเจ้าจะพบเรื่องสนุกอย่างแท้จริง!”
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนตะลึงมองหน้าเย่ว์หยาง ดูเหมือนว่านางจะตื่นเต้นอย่างคาดไม่ถึงจริงๆนางพูดไม่ออกเป็นเวลานาน
นางหลั่งน้ำตาทันที
นางโผเข้ากอดเย่ว์หยางอย่างรวดเร็วน้ำตานางหยดลงบนมุกพยัคฆ์ขาวศักดิ์สิทธิ์ทำให้เกิดคลื่นพลังงาน
ตอนแรกนางต้องการยิ้มให้เขา แต่นางกลับเบะปากและเกือบร้องไห้นางก้มลงและอ้าปากงับมือเย่ว์หยาง ทั้งที่รู้สึกเจ็บ แต่เย่ว์หยางดึงนางขึ้นมาจูบอย่างดูดดื่มและนุ่มนวล
แม้แต่ตอนจูบ หมัดน้อยๆของนางก็ยังทุบหลังของเขา
เพียงแต่เรี่ยวแรงที่นางใช้นั้นแม้แต่ยุงก็ยังฆ่าไม่ตาย “ตัวร้าย! ข้าเกลียดเจ้าที่สุด!”