ตอนที่ 931 เกลียดจนยากอภัย
“ความจริงความวุ่นวายไม่รู้จักหมดสิ้นในภูมิภาคสวนสวรรค์อันงดงามเป็นเรื่องราวของความบ้าคลั่งและความแค้น”
หมิงลี่ฮ่าวกระแอมในลำคอและบอกเล่ารายละเอียดให้เย่ว์หยางฟัง“หมื่นปีที่แล้วภูมิภาคสวนสวรรค์เป็นเพียงภูมิภาคธรรมดาในแดนสวรรค์ตะวันตกไม่มีอะไรเป็นพิเศษแม้ว่าจะมีคนกล้าพูดว่ามีชีวิตที่มีความสุขและรุ่งเรืองแต่ก็สามารถดำเนินชีวิตให้ผ่านไปได้ผู้ปกครองภายในจะเป็นตำหนักกลางแดนสวรรค์ที่น่าเกรงขาม และต่อจากนั้นมีสามตระกูลห้าสำนักต่างชิงดีชิงเด่นกันมีการกระทบกระทั่งกันบ้างเป็นครั้งคราวมาเป็นเวลาหลายปี แต่ส่วนใหญ่แล้วไม่ได้มีความรุนแรงอะไร จนกระทั่งการปรากฏตัวของนางพญาเฟ่ยเหวินหลีผู้พิชิตนางได้ทำลายความสมดุลนี้ ในสงครามใกล้เมืองเจิ้งฝูจักรพรรดิแดนดินคนก่อนตายในการรบ สามตระกูลห้าสำนักได้รับความเสียหายอย่างหนัก สิ่งที่สำคัญที่สุดคือผู้คนไม่รู้ว่าได้รับข่าวร้ายได้อย่างไรกองกำลังของเจ้าตำหนักวารีไม่ทราบว่าตายไปนานเท่าใดเหลือไว้แต่ตำหนักว่างเปล่ากองกำลังของเขากลายเป็นกองกำลังหุ่นเชิด”
เย่ว์หยางขมวดคิ้วคิดหาเบาะแส “จักรพรรดิแดนดินตายไม่ใช่เรื่องอุบัติเหตุ แต่เจ้าตำหนักน้ำตายเล่า?”
หมิงลี่ฮ่าวพยักหน้ายืนยัน “เพื่อปกปิดข่าวว่าเจ้าตำหนักน้ำตายแล้ว ตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ส่งเจ้าตำหนักน้ำคนใหม่เข้ามาจัดการและยังทำให้ตำหนักน้ำซึ่งเดิมทีลอยอยู่ในท้องฟ้าจมลงในแม่น้ำขาว น่าเศร้าเขาไม่สามารถบินออกมาได้
เย่ว์หยางได้ยินชื่อแม่น้ำขาวนัยน์ตาเป็นประกายสงสัยทันที นั่นคือเมืองแม่น้ำขาว (ไป๋เหอ) หรือเปล่า?
เขาอดตรวจดูแผนที่ภูมิภาคสวนสวรรค์จากแหวนเก็บของมิได้
จากนั้นพลิกหน้าเพื่อวิเคราะห์ดู
หมิงลี่ฮ่าวโบกมือและหัวเราะ “แผนที่นี้ผิดอย่างสิ้นเชิง เจ้าไม่ต้องไปดูหรอก ภูมิประเทศจริงๆแตกต่างไปจากแผนที่อย่างสิ้นเชิง แม่น้ำขาวใหญ่กว่าที่ระบุไว้ในแผนที่มากเต็มไปด้วยพลังกฎสวรรค์ผันผวน ที่เหนือกว่านั้น เจ้าคาดเดาถูกแล้วเมืองไป๋เหอที่เจ้าจะไปนั้นมีอยู่จริงแต่เมืองไป๋เหอไม่ใช่ตำหนักน้ำ ตำหนักน้ำที่แท้จริงจมลงไปในแม่น้ำขาว เพื่อไม่ให้มีคนตรวจพบ มีแผ่นดินลอยอยู่ด้านบนเมืองไป๋เหอถูกสร้างอยู่บนผืนแผ่นดินนั้น”
“ตำหนักน้ำ,และเจ้าตำหนักน้ำตาย เกี่ยวข้องกับคัมภีร์เทพหรือ?”เย่ว์หยางจับประเด็นอย่างรวดเร็ว
“ข้าไม่รู้ว่าใครเป็นคนส่งข่าวว่าเจ้าตำหนักน้ำปกปิดว่ามีคัมภีร์เทพ ตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์จึงสำเร็จโทษเขาลับๆ และเจ้าตำหนักน้ำนี้เป็นที่รู้จักกันดีในภูมิภาคสวนสวรรค์ว่าเป็นคนมีคุณธรรม ก่อนพบจุดจบเขาบันทึกความลับไว้ในตำหนักน้ำ นอกจากนี้กุญแจไขตำหนักน้ำเพื่อเปิดผนึก อยู่ในใจของธิดาทั้งสองอยู่ในรูปแบบพลังงานประทับและอาจเป็นเพราะเจ้าตำหนักน้ำรู้มานานแล้วว่าเขาจะต้องตาย จึงเตรียมพร้อมไว้ก่อน”
“ธิดาทั้งสองของเขาอยู่ที่ไหน?” เย่ว์หยางถาม
“เมื่อหมื่นปีที่แล้วนางพญาผู้พิชิตต่อสู้กับจักรพรรดิแดนดินคนก่อนจักรพรรดิแดนดินคนก่อนตายในสนามรบจึงไม่สามารถปิดบังความลับได้ความลับทั้งหมดกระจัดกระจายไปอย่างช่วยไม่ได้ แม้แต่เจ้าตำหนักน้ำคนใหม่จะมาถึงตำหนักน้ำก็จมลงไปแล้ว ในภูมิภาคสวนสวรรค์ประมาณเก้าพันปีที่แล้วมีพี่น้องฝาแฝดคู่หนึ่งปรากฏตัวขึ้นแม้ว่าจะมีรูปร่างหน้าตาเหมือนกัน แต่บุคลิกภาพกลับตรงกันข้าม คนพี่จะสงบใจดีและมีน้ำใจถึงแม้นางจะสุภาพต่อเพศตรงข้าม แต่นางมักระแวงระวังและกีดกันผู้คนห่างไกล แต่น้องสาวของนางไม่คิดอะไร ซุกซนและร่าเริงชอบสร้างความสนุกสนานให้กับผู้คน แต่ไม่มีพิษมีภัยเหมือนกับเอลฟ์น้อย ถ้าไม่ใช่เพราะพี่สาวนางคอยปกป้องน้องสาวผู้นี้คงไม่สามารถอยู่รอดในโลกที่โหดร้ายและกลายเป็นเหยื่อของผู้แข็งแกร่งกว่าแน่นอน”
“ในช่วงเวลานี้เองผู้เยาว์ที่โดดเด่นที่สุดสามคนในสามตระกูลและห้าสำนักต่างหลงรักพวกนาง...พูดให้ถูกก็คือ พวกเขาทุกคนหลงรักสาวผู้พี่ที่งดงามและจิตใจดี ตอนแรกพวกเขาไม่รู้ว่าพี่น้องฝาแฝดทั้งสองนั้นเป็นธิดาของเจ้าตำหนักน้ำ แต่ด้วยแผนการร้ายของเจ้าตำหนักน้ำคนใหม่ประมุขของสามตระกูลและห้าสำนักก็รู้ความลับนี้จนได้ เพื่อปกป้องตนเอง พวกเขาตัดสินใจรอดู แต่อย่างไรก็ตามเด็กหนุ่มทั้งสามโกรธ พังประตูบ้านออกไปช่วยเหลือพวกนางสู้กับเจ้าตำหนักน้ำคนใหม่”
“การสู้รบกันครั้งนี้ดำเนินไปเป็นเวลาสามปี ในที่สุดบุรุษหนุ่มที่แข็งแกร่งที่สุดซึ่งแฝดสาวผู้พี่ชอบพออยู่ตายในการต่อสู้เหลืออีกสองคนได้รับบาดเจ็บสาหัสใกล้จะตายได้ทุกเมื่อ”
“บางทีอาจเป็นเพราะกังวลว่าจะต้องเสียใจหลังจากตายทั้งสองคนจึงสารภาพความในใจที่มีต่อแฝดพี่สาว แฝดผู้น้องรู้เข้า นางเศร้ามาก บุรุษทั้งสามรักพี่สาวของนางไม่มีใครรักชอบนางเลยซึ่งทำให้นางรู้สึกเศร้าใจมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งนางชอบพี่รองเขามักมองนางเหมือนเป็นน้องสาว”
“เพื่อทำให้น้องสาวของนางมีความสุข แฝดผู้พี่ยอมเสียสละตนเอง นางตัดสินใจปลอมตัวเป็นแฝดคนน้อง ทิ้งศพพี่ใหญ่ไว้และให้น้องสาวแกล้งทำตัวเป็นนางเองและแต่งงานกับพี่รองที่น้องสาวรักชอบ น้องสาวพอได้ทราบวิธีนี้แล้วนางร่ำไห้อย่างหนักและในที่สุดด้วยความรักนางทำตามคำของแฝดพี่สาวเพื่อไขว่คว้าความสุขนางตัดสินใจเปลี่ยนบุคลิกดั้งเดิมที่เคยร่าเริงสดใสและทำตัวสุภาพนุ่มนวลเหมือนกับพี่สาวเต็มที่ เมื่อนางต้องการแต่งงานกับบุรุษหนุ่มพี่รองเขาดีใจแทบคลั่ง ขณะที่บุรุษหนุ่มคนที่สามผิดหวังพอรอจนฟื้นฟูร่างกายได้เขาจากไปพร้อมกับความผิดหวัง”
เย่ว์หยางฟังอยู่นานและคิดว่ากำลังฟังนิยายชีวิตดรามาที่แต่งประพันธ์โดยป้าฉงเหยามิทราบว่าเรียกน้ำตาได้กี่หยด?
คาดว่าสินค้าอย่างกระดาษซับน้ำตาคงขายได้ดี
แน่นอนว่านี่ยังไม่ใช่จุดจบของเรื่อง
แต่กลับเป็นจุดเริ่มต้นของโศกนาฏกรรม!
“พี่รองแต่งงานกับแฝดผู้น้องใช้ชีวิตอย่างมีความสุขด้วยกันและในไม่ช้ามีก็บุตรด้วยกันคนหนึ่ง แต่ชีวิตรักหลังแต่งงานทำให้แฝดน้องสาวลืมตัวเล็กน้อยและแสดงนิสัยเดิมออกมาและเปิดเผยจุดอ่อนบุรุษคนรองมองเห็นความผิดปกติ ถ้าพี่รองยอมรับและดำเนินชีวิตไปตามปกติก็คงจะมีความสุข แต่พี่รองที่กำลังมีความสุขพอพบเจอความจริงก็โกรธ ขณะที่แฝดผู้น้องร้องอ้อนวอนเขากลับทิ้งครอบครัว และออกไปตามหาแฝดผู้พี่ที่แท้จริง” เสียงของหมิงลี่ฮ่าวแผ่วเบาลงเหมือนกับว่าต้องทนบอกเล่าโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้น
“พบไหม!” เย่ว์หยางถามอีกครั้ง
“ใช่แล้ว พบจริงๆแฝดพี่สาวกำลังฝึกฝนให้น้องชายของพี่ใหญ่หวังว่าน้องชายผู้นี้จะกล้าหาญเหมือนพี่ใหญ่และฟื้นฟูเกียรติภูมิของตระกูลหลังจากค้นหาอย่างหนัก ในที่สุดพี่รองก็พบแฝดผู้พี่อยู่กับน้องชายที่มีความคล้ายกับพี่ใหญ่เขานึกว่าพี่ใหญ่ยังไม่ตายและกำลังใช้ชีวิตอยู่กับแฝดผู้พี่และหลอกลวงตัวเขามาตลอดดังนั้นเขาโกรธจัดจนควบคุมตนเองไม่ได้ และไม่ยอมรับฟังคำอธิบายใดๆและชักดาบไล่ฟันอีกฝ่ายหนึ่ง และในที่สุดก็พลั้งมือฆ่าน้องชายที่พยายามพัฒนาฝีมือไล่ตามพี่ชาย เพื่อจะช่วยเหลือสายเลือดสุดท้ายของตระกูลใหญ่นางเสียสละชีวิตตนเพื่อแลกชีวิตกับน้องชายของเขา”
“พี่สามที่เศร้าอยู่แล้วยิ่งเศร้าเสียใจหนักเมื่อทราบข่าวนี้ข่าวทราบไปถึงเจ้าตำหนักน้ำคนใหม่ปลอมตัวเป็นพี่สามแล้วฆ่าพี่รองที่สำนึกผิด และปลอมตัวเป็นน้องชายพี่ใหญ่ได้ชิงเอาทารกไป”
“แฝดผู้น้องพยายามช่วยชีวิตสามีของนาง แม้ว่าเขาจะไม่รักนางแต่นางยินดีสละชีวิตตนเองชุบชีวิตเขาทั้งที่เขาไม่รักด้วยความเต็มใจความเกลียดชังและความสำนึกผิดทำลายความรู้สึกดีงามของพี่รองและเมื่อพบพี่สามที่ไม่รู้เรื่องราวภายในก็ชักดาบทะเลาะกันอีกจนกระทั่งทั้งสองบาดเจ็บสาหัสพร้อมจะเสี่ยงชีวิตตายด้วยกัน เจ้าตำหนักน้ำคนใหม่ปรากฏตัวจับคนทั้งสองไปทรมานเพื่อรีดความลับของคัมภีร์เทพน้องชายพี่ใหญ่บุกเข้าไปในตำหนักน้ำแห่งใหม่และพบเจอลูกสาวของศัตรูในที่สุดเขาไม่มีแก่ใจฆ่าทารก แต่กลับรับเลี้ยงไว้ หลังจากรับเลี้ยงไว้ภายใต้ความขัดแย้งในใจและตำหนิตนเองเขากลับหลงรักเด็กนี้เมื่อเติบโตขึ้น และแต่งงานกันให้กำเนิดธิดาแฝดคู่หนึ่ง”
“หลังจากพี่รองและพี่สามหนีออกมาจากคุกได้ นั่นเป็นเวลาพันปีต่อมาพวกเขาแต่ละคนเตรียมแผนล้างแค้นและพี่สามเก็บตัวอยู่หลายปีฝึกปรือฝีมือเตรียมสู้กับเจ้าตำหนักน้ำคนใหม่ และพี่รองผู้ถูกความโกรธเกลียดชังครอบงำหัวใจเขาไม่รู้ว่าตนเองถูกหลอกว่าน้องของพี่ใหญ่ที่ตายไป ได้ค้นหาศัตรูที่ชิงตัวลูกสาวเขาไปยิ่งเกิดเรื่องน่าเศร้าขึ้นอีกเมื่อเขาแยกแยะไม่ออกระหว่างภรรยากับธิดาของเขา เขาคิดว่าภรรยาของเขาทรยศตัวเขาจึงโจมตีสุดกำลังและสังหารลูกสาวตนเองและศัตรูทั้งหมด”
“เจ้าตำหนักน้ำคนใหม่วางแผนชั่วร้ายได้สำเร็จก็มีความกระหยิ่มภูมิใจตนเองมาก เขากลับมาชิงตัวแฝดพี่น้องมาคุมขังเป็นทาส พยายามค้นหาความลับของคัมภีร์เทพจากสตรีทั้งสอง ลูกชายของเขาไม่เห็นด้วยกับการกระทำของบิดาอย่างสิ้นเชิงไม่เพียงแต่ปล่อยพี่น้องฝาแฝดไปเท่านั้น แต่ยังแต่งงานกับแฝดผู้น้อง เจ้าตำหนักน้ำคนใหม่โกรธและฆ่าลูกชาย แฝดคนน้องหนีไปกับลูกของเขาและมีครอบครัว หลานของเจ้าตำหนักน้ำคนใหม่และกลายเป็นจักรพรรดิแดนดินนามว่าจักรพรรดิฟู่โฉว และได้ประกาศสงครามกับปู่ด้วยความโกรธ นอกจากนี้ยังตามหาพี่คนรอง ‘จักรพรรดิเฟิ่นนู่’ซึ่งเป็นต้นเหตุของโศกนาฏกรรมนั้น”
“ฝ่ายทางด้านพี่สาวแฝดอีกคนหนึ่งที่หลบหนีออกไปได้รับการช่วยเหลือจากลูกชายของอดีตจักรพรรดิแดนดิน นางหาค้นหาคัมภีร์เทพและพบคัมภีร์เทพจากที่บรรพบุรุษประทับไว้ในตัวนางและได้รับคัมภีร์เทพทั้งยังได้รับประกายเทพชำรุด หลังจากนั้นด้วยความคิดอย่างเทียมเทพนางกลับไปภูมิภาคสวนสวรรค์ นางทรงพลังไร้เทียมทานแต่เมตตาเหมือนบรรพบุรุษที่ตายไป นางตัดสินใจคลี่คลายความรักความแค้นนั้น”
“อย่างไรก็ตามเมื่อนางยังหลอมรวมประกายเทพยังไม่สำเร็จ สามีนางที่เป็นลูกของชายของจักรพรรดิแดนดินคนก่อนลอบคำนวณไว้แล้วเขาลอบสังหารนางและชิงพลังงานเกือบทั้งหมดไป สามีของนางมีพลังสูงขึ้นในระดับจักรพรรดิแดนดินในภูมิภาคสวนสวรรค์รู้จักกันในชื่อว่าจักรพรรดิเสินกวง (แสงเทพ)
“จักรพรรดิฟู่โฉวและจักรพรรดิเฟิ่นนิ่วหมดหวังที่จะฆ่าจักรพรรดิเสิ่นกวง เพื่อจะฆ่าเจ้าตำหนักน้ำคนใหม่ตัวพวกเขาเองก็ได้รับบาดแผลทางใจที่ไม่มีวันเยียวยาและความเกลียดชังไม่มีทางคลี่คลาย.... ภูมิภาคสวนสวรรค์ตอนแรกเริ่มเป็นการสู้แก้แค้นกันของสองจักรพรรดิคือจักรพรรดิเฟิ่นนิ่วและจักรพรรดิฟู่โฉว ต่อมาเพราะการปรากฏตัวของจักรพรรดิเสิ่นกวงจึงทำให้ภูมิภาคสวนสวรรค์กลายเป็นแดนสงครามติดพันต่อเนื่องกันมาสามพันปี ความโกรธเกลียดแค้นนี้ไม่มีทางบรรเทาลงได้ ข้าได้ยินได้ฟังเรื่องหลายอย่าง เรื่องราวหลังจากนั้นข้าคงไม่ต้องพูด”
หลังจากหมิงลี่ฮ่าวเล่าจบ เขาถอนหายใจยาวราวกับมีเลือดหยาดหยดอยู่ในหัวใจ
เย่ว์หยางเงียบเป็นเวลานาน
และกล่าวขึ้นในทันใด “ไม่ถูก,แม้ว่าข่าวคัมภีร์เทพจะได้รับการยืนยันแล้ว แต่ยังมีคนสำคัญอีกคนหนึ่ง ทำไมเขาถึงไม่ปรากฏตัว? พี่สามคนนั้นไม่ใช่หรือ? เขาฝึกปรืออยู่ไม่ใช่หรือ?เขาไม่ได้ไปสู้กับเจ้าตำหนักน้ำคนใหม่ใช่ไหม? ทำไมเจ้าถึงไม่พบความเคลื่อนไหวของเขา?”
หมิงลี่ฮ่าวยังคงเงียบอยู่นานก่อนจะถอนหายใจ “เพราะต่อมาเขาถูกผนึกอยู่ในวิหารเทพจักรพรรดิอวี้ แค่นั้นพอหรือยัง”
เย่ว์หยางตะลึง
ปากของเขาอ้ากว้างจนแทบยัดกำปั้นเข้าไปได้ หลังจากนั้นชั่วขณะ เขาหัวเราะลั่น “ข้าเข้าใจแล้ว พี่สามที่ลำบากตั้งแต่ต้นจนจบก็คือท่านเองใช่ไหม?”
หมิงลี่ฮ่าวโมโหจนอยากจะยกมือตบหน้าเจ้าเด็กน่าตายนี้
มันยากจะบังคับตนเองนักหรือ?
นั่นเป็นชะตากรรมเล่นตลก
เย่ว์หยางยิ่งขำมากขึ้นทุกที ขำจนน้ำตาไหล
จนกระทั่งหมิงลี่ฮ่าวโกรธและขว้างแก้วเหล้าในมือใส่ศีรษะของเขาเขาจึงหยุดหัวเราะ และกลั้นอารมณ์ขันฝืนใจปลอบเขา “โอว...ลืมไปเสียเถอะ กบสองขานั้นหาไม่ยากสาวสองขามีอยู่มากมายกลับไม่มองหาต่อ โอว..หนุ่มสาวยึดมั่นในรักแรกเป็นเรื่องปกติของพวกเขาที่ต้องฝืนใจกันบ้าง ตราบเท่าที่ไม่ฝืนใจตลอดชีวิต ลองแสวงหาสาวน้อยอีกครา”
หมิงลี่ฮ่าวโกรธอย่างน้อยเป็นล้านเท่า นี่คือคำปลอบใจงั้นหรือ?
ในที่สุดเย่ว์หยางหัวเราะและโพล่งออกมา “พี่ฮ่าว! ข้าเข้าใจแล้วทำไมไม่มีสาวให้ความสนใจท่าน ก็ดูตัวท่านสิ, โตมาอย่างโง่ๆ แบบนี้ ถ้ามีสาวชอบก็คงแปลก..”
หมิงลี่ฮ่าวอดกลั้นโมโหไม่ไหวเขาทนนิสัยเจ้าเด็กนี่ไม่ได้อีกต่อไป!
เขาจับคอเสื้อของเจ้าเด็กนี่ยกขึ้นตรงๆ สูงถึงสิบเมตรและถลึงตามองเขา “เจ้าอยากตายใช่ไหม?”
เย่ว์หยางรีบส่ายหน้า คนที่อกหักพ่ายรักไม่ควรจะไปตอแยง่ายๆไม่ควรจะพูดถึงความรักที่ขมขื่นที่ตาลุงคนหนึ่งข่มเอาไว้ถึงพันๆปีซึ่งยิ่งยากจะตอแย ใครจะรู้กันว่าตาลุงนี่ทำตัวจนยากที่ใครจะตอแยด้วย ถ้าเป็นอย่างนี้เป็นเรื่องน่ากลัวมาก....เย่ว์หยางคิดถึงเรื่องนี้และจับจุดของสงครามเย็นได้ เขารีบยิ้มและกล่าว “พี่ฮ่าว! นั่นไม่สำคัญหรอกว่าท่านจะตกหลุมรักอะไรความรักคืออะไร? เพลงทุกเพลงร้องถึงความรักที่แหลกสลาย ความสุขถูกกัดกิน อะแฮ่ม..ความสุขมิเคยลืมเลือน..ถ้าเป็นอย่างนี้ข้าจะขอแนะสาวๆ ให้สักหลายคนสหายหญิงเผ่าคิวบัวร์ พวกนางต้องการมีเจ้าชายหนุ่มในฝัน แม้ว่าพวกนางจะอวบอ้วนและแข็งแรงอกใหญ่กล้าหาญไม่มีใครเกิน พวกนางกินไม่จุและน่าคบหาที่สำคัญที่สุดเหมาะกับท่านราวกะสวรรค์สรรสร้างมาให้คู่กัน!”
ใบหน้าของหมิงลี่ฮ่าวมีเส้นเลือดปูดโปนจนได้ยินเสียงเส้นเลือดสูบฉีด
หน้าของเขาเขียวคล้ำ
เขาเค้นเสียงลอดไรฟัน “เจ้าล้อพอหรือยัง?”
ขณะที่หมิงลี่ฮ่าวตั้งใจจะบีบซี่โครงเจ้าเด็กบ้าเย่ว์หยางทันใดนั้นมีเสียงอื้ออึงดังราวกับพายุหมุนพัดถล่มเมือง
“เทพีเสรีภาพถูกจับจริงๆ หรือ? ไม่นะ”
“มาจริงๆกล่าวกันว่าต้องใช้เจ้าแคว้นและนักสู้ปราณฟ้าถึงสิบสองคน ถึงจะล้อมจับได้สำเร็จ”
“เป็นไปไม่ได้, ต้องมีคนหักหลังและขายนาง มิฉะนั้นไม่มีใครจับเทพีเสรีภาพได้ ไอ้คนทรยศนั้น ข้าจะต้องฆ่ามันให้ได้”
เมื่อได้ยินชื่อของเทพีเสรีภาพ
ความโกรธของหมิงลี่ฮ่าวหายไปจากใบหน้าเขาทันที
เย่ว์หยางรีบฉวยโอกาสหายใจและมองดูสีหน้าของตาลุงข้างหน้าเขาและพุ่งออกไปดูที่หน้าต่างและพบว่าประชาชนผู้หิวโหยและทหารรับจ้างยากไร้มีสีหน้าสิ้นหวัง ขณะที่ผู้ร่ำรวยและทหารปรบมือโห่ร้องด้วยความยินดีอย่างบ้าคลั่งก่อให้เกิดภาพอารมณ์ที่ตรงกันข้าม อย่างไรก็ตามนั่นเป็นความจริงอีกฝ่ายเหมือนอยู่ในสวรรค์ อีกฝ่ายเหมือนอยู่ในนรก
เขาอดสอบถามไม่ได้ “นี่ลุง, เทพีเสรีภาพที่ถูกจับใช่สายเลือดสุดท้ายของรักแรกของลุงหรือเปล่า?”
หมิงลี่ฮ่าวต่อยเขาหนึ่งหมัดและตะคอกใส่เย่ว์หยางโดยตรง “อย่ามาเรียกข้าว่าลุง, เจ้าเด็กบ้า,ข้าไม่ควรบอกความจริงกับเจ้าเลย เด็กน้อยเจ้าไม่รู้จักเก็บงำความลับเอาเสียเลย!”