ตอนที่ 930 โง่เหลือเกิน
ถังเทียนต้องพบกับการฝึกฝนที่ขมขื่นเจ็บปวดนับครั้งไม่ถ้วนจากตั้งแต่แรกสุดฝึกวิทยายุทธพื้นฐานมาเป็นล้านๆ รอบ ฝึกฝนทั่งด้วยวิชากรงเล็บภูตพรายฯลฯ ไม่ว่าจะเป็นการฝึกอะไร ไม่มีการฝึกไหนที่ง่ายดาย แต่จะทิ้งผลกระทบใหญ่ไว้ในซอกเงาในหัวใจของเขา แต่การฝึกที่เขาไม่เคยคิดจะฝึกเป็นครั้งที่สองอีกเลยก็คือวังวนพายุหมุนกระบี่
เขาต้องยอมรับว่าการฝึกของพายุหมุนกระบี่ได้ผลดีมาก แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่คิดว่าต้องมาพบเจออีกครั้ง เขาไม่มีความกล้าจะระลึกถึงประสบการณ์เช่นนั้น และเขาเองไม่เข้าใจว่าตนเองอดทนเผชิญผ่านมาได้ยังไง ไม่แน่ใจว่าเขาจะสามารถอดทนเป็นครั้งที่สองได้หรือไม่ สภาวะใจที่เห็นจากมุมมองเขา ใครๆต้องรู้ว่าเขาไม่กลัวแน่นอน
แต่สิ่งที่เขาไม่เคยคาดก็คือเขาจะต้องผ่านวังวนพายุหมุนกระบี่อีกครั้งหนึ่ง นอกจากนี้ มันยังแข็งแกร่งกว่าครั้งก่อนมากและไม่ใช่สิ่งที่ใครสามารถอดทนผ่านไปได้ เขาจำเป็นต้องคงสมาธิระดับสูงเพื่อควบคุมสายใยกฎธรรมชาติ ขณะที่ต้องโจมตีกฎธรรมชาติเทียมที่อยู่ภายในแกนกลาง
เพราะเหตุนั้นแม้จะอยู่ในสภาวะเกราะเทพเจ้าตื่นรู้ สภาวะที่ใจของเขาเฉยเมยไม่สามารถระงับความขมขื่นได้
‘ข้าไม่มีทางเลือกอื่น...’
เวลาคืบคลานไปอย่างช้าๆ ถังเทียนสามารถรู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่มากขึ้น และรู้ว่าเขาไม่สามารถช้าต่อไปได้
ถังเทียนสูดหายใจลึก ตาของเขากลับสู่ความสงบนิ่งอีกครั้งพร้อมกับความมุ่งมั่นที่เพิ่มขึ้น ‘เนื่องจากข้าไม่สามารถหลบได้ งั้นก็มาเลย’ ถังเทียนกางแขนกว้างอีกครั้งทำให้ม่านพลังสายล้อมรอบตัวเขาปะทุออกมาโดยรอบ รังสีกระบี่นับไม่ถ้วนระเบิดออกมาเหมือนฝน
ปัง!
ความเจ็บปวดมากมายพุ่งออกมาจากส่วนต่างๆของร่างกายเขา ถังเทียนรู้สึกเหมือนกับตกลงไปในฝูงหมาป่า ทำให้เขาหายใจลำบาก ใจของเขามึนชาและเขาเกิดอาการสมองว่างเปล่าไปชั่วระยะหนึ่ง
แต่เขารู้ว่าเขาไม่สามารถทำอะไรผิดพลาดได้ และขณะนั้น เขากัดลิ้นตัวเอง เลือดที่หวานและข้นทำให้เขารู้สึกตัว เขาสะดุ้งตื่น เขารู้ว่าไม่ใช่เวลาที่เขาจะมาทำมึนงง
ในชั่วขณะ จำนวนเพลิงศักดิ์สิทธิ์แตกกระจายทันที และกฎธรรมชาติเทียมภายในแก่นของมันถูกเปิดออก
ถังเทียนทนความเจ็บปวดรุนแรงและความชา เขาควบคุมกฎธรรมชาติจากทั้งสองมือและยิงออกไปเหมือนหอก มันกระทบเข้ากับกฎธรรมชาติเทียมเข้าไปในแกนกลางของมันที่กำลังลอยอยู่ภายในรังสีกระบี่
กฎธรรมชาติและกฎธรรมชาติเทียมนับไม่ถ้วนและแก่นกลางถูกทำลายต่อเนื่อง
ถังเทียนไม่รู้ว่าต้องใช้รังสีกระบี่ไปเท่าใดเพลิงศักดิ์สิทธิ์เท่าใดที่เขาทำลายลงไปได้แล้ว เขาใช้พลังของเขาทั้งหมดเพื่อทำลายกฎธรรมชาติเทียมที่ปรากฏในสายตาของเขาเหมือนกับคนบ้า
ความเจ็บปวดที่เขารู้สึกผ่านทั่วทั้งร่างกายชัดเจนมาก และแตกต่างจากความเจ็บปวดที่เขาประสบมาในครั้งแรก ความเจ็บปวดนี้ราวกับถูกเฉือนด้วยเจตจำนงอันเย็นชา เจตจำนงที่เย็นชานี้ไม่หนาแน่น แต่มีการแทรกซึมลึกมาก ถังเทียนรู้สึกเหมือนกับว่าตลอดร่างกายของเขากำลังจับแข็ง แต่เขารู้ว่าความเย็นนั้นเสียดลึกเข้าไปถึงวิญญาณของเขาเนื้อและเลือดของเขายังดูดีสมบูรณ์ไม่มีสัญญาณการถูกแช่แข็ง
เขาไม่รู้ว่าเขาได้ประสบมาก่อนหน้านี้แล้ว แม้ว่าความเจ็บปวดจะหนาแน่น แต่ไม่น่ากลัวเหมือนกับที่เขาคาด หลังจากดื่มด่ำชั่วขณะ เขารู้สึกเหมือนกับว่าเขาค่อยๆชินกับความเจ็บปวดรุนแรง เพียงแต่ยกเว้นว่าวิญญาณของเขารู้สึกเหมือนกับว่ากำลังแช่แข็งทำให้เขาเจ็บปวดเล็กน้อย
และเขายังมีโอกาสพิจารณาถึงเหตุผล
‘เป็นไปได้ไหมว่าเนื่องมาจากพลังงานกลวง? รังสีกระบี่ถูกสร้างมาจากพลังงานกลวงและเป็นธรรมดาที่จะได้ลักษณะของพลังงานเฉพาะมาด้วย ดังนั้นความเย็นที่รู้สึกนี้เป็นเพราะพลังงานกลวง?’
ใจของถังเทียนตื่นเต้น ในวังวนพายุกระบี่มันใช้เพื่อปรับแต่จิตวิญญาณยุทธ ‘วังวนพายุหมุนกระบี่จะใช้ปรับแต่ในคราวนี้ได้หรือไม่?’
ความจริงถังเทียนเองไม่สามารถเข้าใจความปั่นป่วนในร่างกายของเขา จู่ๆ เขาก็รู้สึกสงสัยและดีใจที่ค้นพบร่างกายของเขา ร่างของเขาถูกปรับแต่งจนถึงระดับสุดยอดแล้ว แต่วิญญาณของเขาเป็นบางอย่างที่เขามักจะมีปัญหาด้วย เพราะการคงอยู่ของเสี่ยวเอ้อจึงมีให้มีความแตกต่างใหญ่ระหว่างเขาและคนเดิม
‘ตาแก่นั่นหวังเป็นอย่างดีว่าข้าไม่สามารถค้นพบอีกตัวตนในตัวข้า!’
‘ข้าไม่เคยได้ยินว่ามีพ่อที่ทำอะไรบางอย่างกับวิญญาณลูกชาย!’ สิ่งที่เขาไม่สามารถยอมรับได้ก็คือความจริงที่ว่าบิดาของเขาเลือกเสี่ยวเอ้อให้เป็นวิญญาณหลัก!
‘เจ้าบ้านั่น!’
‘เราจะต้องชำระหนี้ครั้งนี้ในภายหลัง!’
‘ข้าจะหาโอกาสทุบตีเสี่ยวเอ้ออีก ใครจะสนเล่า ข้าทุบตีเขาได้ทุกเวลา ตราบใดที่ข้าไม่พอใจ ข้าจะทุบตีเขา’
ถังเทียนลืมไปว่าตัวเองลำเอียงแค่ไหน แต่ในเวลารวดเร็ว เขาก็ปล่อยเสียงร้องครวญคราง เขารู้สึกตนเองมีปากเหมือนอีกา ‘ทำไมข้าถึงคิดว่ามันไม่เจ็บปวดแม้แต่น้อย? นี่ข้าเพี้ยนไปแล้วหรือ?’
จู่ๆ เขาก็สูดอากาศหนาวเหน็บทันที สีหน้าเขาแข็งค้างขณะที่หน้าของเขาซีดขาว
‘กระบี่นั้นเกือบจะเสียบข้าโอว พระเจ้า.. บัดซบเอ๊ย.. ข้าเกือบถูกกลืนไปแล้ว โอย...พระเจ้า..อ๊าคคคคค!’
เขากรีดร้องอย่างทรมาน เขากรีดร้องโดยไม่มีการควบคุม ความเจ็บปวดบนร่างกายเขา ไม่,เป็นความเจ็บปวดที่มาจากวิญญาณ ใจของเขานึกถึงฉากภาพที่ผู้อาวุโสซีอุสดิ้นทุรนทุรายอยู่ในเพลิงศักดิ์สิทธิ์ และส่วนที่เป็นวิญญาณของเขาก็กำลังดิ้นรน เหมือนกับว่ามันอยู่ในความเงียบ แต่ทุกคนผู้เห็นฉากภาพเช่นนั้นจะรู้สึกเจ็บย่ำแย่
และตอนนี้ เขายังต้องมามีประสบการณ์ส่วนตัว!
เขารู้สึกเหมือนกับว่าวิญญาณของเขาแทบถูกจับฉีกแยกกัน และสั่นสะท้านไม่หยุด
แต่ขณะนั้น เขาไม่สามารถหยุดได้อีกต่อไป แม้ว่าความเจ็บปวดในวิญญาณของเขาจะไม่หยุดก็ตาม ถ้าเขาไม่รับมือเพลิงศักดิ์สิทธิ์และปล่อยให้พวกมันผ่านเข้ามาและเปลี่ยนเป็นรังสีกระบี่ มันจะทำลายอาซิ่นและพวก
ถังเทียนใช้สายใยกฎธรรมชาติโจมตีกฎธรรมชาติเทียมที่อยู่ภายในแกนกลางและทำอย่างกระตือรือร้นคงระดับสมาธิไว้ เขารู้สึกว่าใจของเขากำลังมึนชา จิตวิญญาณในสายตาของเขาหมองลงช้าลง แต่ความเคลื่อนไหวของเขาไม่เคยช้าลง
เขาเหมือนเครื่องจักรสังหารที่ยังคงตัดฟันต่อไปโดยไม่รู้จักเหนื่อยล้า
วังวนพายุหมุนกระบี่เป็นเหมือนบอลลูนที่เต็มและยังคงขยายต่อไปในระดับที่น่าแตกตื่น จำนวนรังสีกระบี่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และความเจ็บปวดก็ยังคงเพิ่มตามจำนวนของรังสีกระบี่ จำนวนเพลิงศักดิ์สิทธิ์ที่ทะลักเข้ามาหาพวกเขาเพิ่มขึ้นเช่นกัน และจำนวนกฎธรรมชาติเทียมที่ถังเทียนต้องทำลายก็ยังคงเพิ่มขึ้น ดังนั้นปริมาณพลังงานกลวงก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน
ก่อนนั้นพวกเขารู้สึกเหมือนกับว่าอยู่ภายใต้น้ำตกของพลังงานกลวง แต่ตอนนี้อาซิ่นและพวกที่เหลือรู้สึกเหมือนกับว่าพวกเขากำลังว่ายอยู่ในมหาสมุทรไม่ ไม่ใช่ว่าย แต่จมลงต่างหาก
อาซิ่นรู้สึกเหมือนลูกโป่งพลังงานกลวงกำลังบังคับวิถีของมันเข้าไปในร่างของเขาจากตำแหน่งต่างๆ ใช่แล้ว พวกมันกำลังบังคับตามวิธีของมันเข้ามาในร่างของเขา ตอนแรกพวกเขาจำเป็นต้องดูดซับรับพวกมันไว้ แต่ตอนนี้ พวกเขาไม่ต้องการดูดซึมต่อไปอีกแล้ว แต่พลังงานกลวงมีปริมาณมหาศาลกำลังเข้ามาในร่างของพวกเขา
เขารู้สึกว่าโง่มาก ก่อนนั้นเขายังพูดตลกๆ ว่าเจ็บปวด! เขาอยากร้องไห้ เขาอยากร้องไห้กับความโง่เขลาเกินไป
เขารู้สึกเจ็บปวดจริงๆจากรังสีกระบี่ที่ดูเหมือนจะตัดร่างของเขาขาด ความเจ็บปวดทำให้เขารู้สึกเหมือนกับว่าสามารถระเบิดได้ทุกเมื่อ ความเจ็บปวดยากจะทนทานจนเขาแทบจะหมดสติ เขาอยากจะหมดสติแทบตาย แต่ก็ไม่มีโอกาสทำได้
พลังกลวงเป็นเหมือนน้ำเค็มที่รุกล้ำเข้ามา พวกมันบุกรุกเข้ามาในร่างกายของเขา พวกมันเหมือนกับเข็มทิ่มแทงทั่วร่างกายของเขาทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดจากพลังงานกลวงพอๆ กับรังสีกระบี่ ตลอดทั้งร่างของเขาบวมด้วยความเจ็บ และมีสิ่งเดียวที่ปลอบประโลมเขาได้ก็คือกระจายสลายออกไป
ตามหลักเหตุผลความเจ็บปวดรุนแรงควรจะทำให้อาซิ่นหมดสติไปนานแล้ว แต่ด้วยพลังกลวงที่ไหลเข้ามาไม่มีที่สิ้นสุด พวกมันช่วยฟื้นฟูร่างของเขาไม่มีหยุดหย่อนทำให้อาการถูกฟันสมานตัว บาดแผลตัดมีปรากฏซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่มีจบ
สิ่งเดียวที่อาซิ่นสามารถทำได้คือกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด เขาไม่สามารถควบคุมเสียงกรีดร้องของตนเองได้...‘ข้าเคยตกอยู่ในสภาพอเนจอนาถอย่างนั้นเสียเมื่อไหร่’
ดังนั้น เขาจึงกรีดร้องหนักด้วยความเสียใจ
ความเจ็บปวดรุนแรงทำให้เขาคว้าอะไรก็ตามเท่าที่เขาคว้าได้และโดยไม่รู้ตัว เขาคว้ากระบี่อมตะออกมา สองมือของเขากำด้ามกระบี่อมตะแน่น
เขาไม่มีเวลาจะสังเกตกระบี่อมตะว่าเป็นเหมือนทรายแห้งที่ซึมซับพลังงานกลวง
**********************************
เล่าถังและแม่ทัพใหญ่ฝังร่างของมู่จือเสียอย่างเคร่งขรึม แน่นอน ไม่มีการฉลองหรือพิธีกรรมบนสนามรบ อย่างมากที่พวกเขาทำได้ก็คือใช้กระดานไม้สลักคำไว้ว่า ‘มู่จือเสียพักอย่างสงบที่นี่” เขียนเอาไว้
เล่าถังตัวสั่นด้วยความประหลาดใจทันที “เอ่, ทำไมรู้สึกหนาว?”
แม่ทัพใหญ่ชำเลืองมองเขา “ถ้าเจ้าไม่ทำอะไรผิด เจ้าก็ไม่ต้องกลัว”
เล่าถังโพล่งออกมาทันที “ข้าลืมไปว่าเจ้าเป็นผี”
แม่ทัพใหญ่ยังคงไม่เคลื่อนไหว “เจ้าไม่คู่ควรแม้แต่จะเป็นผีด้วยซ้ำ”
“เหลวไหล!”
“เจ้างี่เง่า!”
ทั้งสองคนแค่นเสียงใส่พร้อมกัน ทั้งสองคุ้นเคยกับการกระทำไร้จุดหมายแล้ว
“น่าเสียดายมู่จือเสีย” แม่ทัพใหญ่จู่ๆ ก็พูดขึ้น “ทั่วทั้งกองทัพก็น่าเสียดาย พวกเขาเป็นทหารชั้นดีทั้งหมด”
สายตาของพวกเขามองดูทหารที่กำลังคุกเข่าอยู่หน้าป้ายหลุมศพมู่จือเสีย และอดถอนหายใจไม่ได้ เขาเป็นแม่ทัพชราและมีความรู้สึกพิเศษต่อทหาร และเกลียดภาพเช่นนั้น ทหารทั้งหมดไม่มีพลังและรัศมีของกองทัพที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในใต้หล้า ทุกคนดูไร้ชีวิตชีวา ดวงตาลึกเหมือนกับเป็นศพเดินได้
เล่าถังถอนหายใจ “เท่าที่เห็น วิหารชั่วร้ายเกินไปและมีการกระทำที่โหดร้ายเกินไป พวกเขาขุดหลุมฝังตัวเอง และไม่มีใครสามารถช่วยพวกเขาได้ เหล่าเทพจะทำลายพวกเขาที่กระทำการบ้าคลั่ง วิหารบ้าไปแล้ว เป็นเรื่องของเวลาที่พวกเขาจะต้องถูกทำลาย”
“เราไม่สามารถผ่านไปทวีปเว่ยเย่กวนได้” แม่ทัพเฒ่าพูดตามตรง
เล่าถังหันไปถามอย่างไม่สบายใจ “ไม่มีทางอื่นเลยหรือไง?”
“สิ่งที่เราสามารถทำได้ตอนนี้ก็คือล้อมเอาไว้ แต่การบาดเจ็บล้มตายจะสูง” แม่ทัพเฒ่าพูดอย่างจนใจ “สถานที่สำคัญเช่นนั้นถูกป้องกันโดยเจียย่า เราไม่มีโอกาส เราได้แต่นำพวกเขาไปเสี่ยง แต่ข้าไม่สามารถนำพวกเขาเข้าสู่ประตูแห่งความตายได้”
เล่าถังยังเงียบ เขารู้ว่าแม่ทัพเฒ่าพูดถึงอะไรอยู่ มิฉะนั้นกองทัพใหญ่ทวีปแดนเถื่อนคงไม่ถูกยันและไม่สามารถเคลื่อนที่มาเป็นเวลานานแล้ว แต่เมื่อเขาได้ยินคำตอบ เขาก็ยังเต็มไปด้วยความผิดหวัง ตอนแรกเขายังมีความหวังอยู่ในใจ เมื่อคิดว่าแม่ทัพอาวุโสมีมาตรฐานที่สูง เขาอาจจะมีวิธีแก้ปัญหาก็ได้
แม่ทัพเฒ่าไม่รู้ว่าจะพูดยังไงการปลอบโยนคนไม่ใช่ความชำนาญของเขา พวกเขาอยู่ในสถานการณ์ที่พวกเขาจนใจ และไม่ว่าจะใช้กลยุทธใดก็ไม่สามารถกู้สถานการณ์ได้ แม่ทัพนายกองทั้งหมดส่วนใหญ่จะกลัวสถานการณ์เช่นนี้
ขณะนั้นเองหนึ่งในทหารที่เสร็จการเคารพมู่จือเสียแล้วเดินเข้ามาหา
องครักษ์รอบตัวเล่าถังและแม่ทัพเฒ่าห้ามเขาไว้ แต่แม่ทัพเฒ่าโบกมือให้เขาผ่านเข้ามา
“นายท่าน,เรามีทางเข้าทวีปเว่ยเย่กวน” ทหารผู้มีรูปร่างโทรมมีลักษณะเบ้าตาลึกพูดออกมาด้วยดวงตาที่แฝงแววเกลียดชังลึก
บุรุษทั้งสองตกใจขณะที่พวกเขามองหน้ากันเองและสังเกตเห็นความปีติยินดีในสายตากันและกัน