ตอนที่แล้วตอนที่ 929 กดดัน ความคิด ช่องว่าง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 931 ความโกรธของตู้เค่อ

ตอนที่ 930 โง่เหลือเกิน


ถังเทียนต้องพบกับการฝึกฝนที่ขมขื่นเจ็บปวดนับครั้งไม่ถ้วนจากตั้งแต่แรกสุดฝึกวิทยายุทธพื้นฐานมาเป็นล้านๆ รอบ ฝึกฝนทั่งด้วยวิชากรงเล็บภูตพรายฯลฯ ไม่ว่าจะเป็นการฝึกอะไร ไม่มีการฝึกไหนที่ง่ายดาย แต่จะทิ้งผลกระทบใหญ่ไว้ในซอกเงาในหัวใจของเขา  แต่การฝึกที่เขาไม่เคยคิดจะฝึกเป็นครั้งที่สองอีกเลยก็คือวังวนพายุหมุนกระบี่

เขาต้องยอมรับว่าการฝึกของพายุหมุนกระบี่ได้ผลดีมาก  แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่คิดว่าต้องมาพบเจออีกครั้ง เขาไม่มีความกล้าจะระลึกถึงประสบการณ์เช่นนั้น และเขาเองไม่เข้าใจว่าตนเองอดทนเผชิญผ่านมาได้ยังไง  ไม่แน่ใจว่าเขาจะสามารถอดทนเป็นครั้งที่สองได้หรือไม่  สภาวะใจที่เห็นจากมุมมองเขา ใครๆต้องรู้ว่าเขาไม่กลัวแน่นอน

แต่สิ่งที่เขาไม่เคยคาดก็คือเขาจะต้องผ่านวังวนพายุหมุนกระบี่อีกครั้งหนึ่ง นอกจากนี้ มันยังแข็งแกร่งกว่าครั้งก่อนมากและไม่ใช่สิ่งที่ใครสามารถอดทนผ่านไปได้ เขาจำเป็นต้องคงสมาธิระดับสูงเพื่อควบคุมสายใยกฎธรรมชาติ ขณะที่ต้องโจมตีกฎธรรมชาติเทียมที่อยู่ภายในแกนกลาง

เพราะเหตุนั้นแม้จะอยู่ในสภาวะเกราะเทพเจ้าตื่นรู้ สภาวะที่ใจของเขาเฉยเมยไม่สามารถระงับความขมขื่นได้

‘ข้าไม่มีทางเลือกอื่น...’

เวลาคืบคลานไปอย่างช้าๆ ถังเทียนสามารถรู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่มากขึ้น  และรู้ว่าเขาไม่สามารถช้าต่อไปได้

ถังเทียนสูดหายใจลึก  ตาของเขากลับสู่ความสงบนิ่งอีกครั้งพร้อมกับความมุ่งมั่นที่เพิ่มขึ้น  ‘เนื่องจากข้าไม่สามารถหลบได้ งั้นก็มาเลย’ ถังเทียนกางแขนกว้างอีกครั้งทำให้ม่านพลังสายล้อมรอบตัวเขาปะทุออกมาโดยรอบ  รังสีกระบี่นับไม่ถ้วนระเบิดออกมาเหมือนฝน

ปัง!

ความเจ็บปวดมากมายพุ่งออกมาจากส่วนต่างๆของร่างกายเขา ถังเทียนรู้สึกเหมือนกับตกลงไปในฝูงหมาป่า ทำให้เขาหายใจลำบาก ใจของเขามึนชาและเขาเกิดอาการสมองว่างเปล่าไปชั่วระยะหนึ่ง

แต่เขารู้ว่าเขาไม่สามารถทำอะไรผิดพลาดได้  และขณะนั้น เขากัดลิ้นตัวเอง เลือดที่หวานและข้นทำให้เขารู้สึกตัว  เขาสะดุ้งตื่น เขารู้ว่าไม่ใช่เวลาที่เขาจะมาทำมึนงง

ในชั่วขณะ จำนวนเพลิงศักดิ์สิทธิ์แตกกระจายทันที  และกฎธรรมชาติเทียมภายในแก่นของมันถูกเปิดออก

ถังเทียนทนความเจ็บปวดรุนแรงและความชา  เขาควบคุมกฎธรรมชาติจากทั้งสองมือและยิงออกไปเหมือนหอก มันกระทบเข้ากับกฎธรรมชาติเทียมเข้าไปในแกนกลางของมันที่กำลังลอยอยู่ภายในรังสีกระบี่

กฎธรรมชาติและกฎธรรมชาติเทียมนับไม่ถ้วนและแก่นกลางถูกทำลายต่อเนื่อง

ถังเทียนไม่รู้ว่าต้องใช้รังสีกระบี่ไปเท่าใดเพลิงศักดิ์สิทธิ์เท่าใดที่เขาทำลายลงไปได้แล้ว เขาใช้พลังของเขาทั้งหมดเพื่อทำลายกฎธรรมชาติเทียมที่ปรากฏในสายตาของเขาเหมือนกับคนบ้า

ความเจ็บปวดที่เขารู้สึกผ่านทั่วทั้งร่างกายชัดเจนมาก  และแตกต่างจากความเจ็บปวดที่เขาประสบมาในครั้งแรก  ความเจ็บปวดนี้ราวกับถูกเฉือนด้วยเจตจำนงอันเย็นชา เจตจำนงที่เย็นชานี้ไม่หนาแน่น แต่มีการแทรกซึมลึกมาก ถังเทียนรู้สึกเหมือนกับว่าตลอดร่างกายของเขากำลังจับแข็ง แต่เขารู้ว่าความเย็นนั้นเสียดลึกเข้าไปถึงวิญญาณของเขาเนื้อและเลือดของเขายังดูดีสมบูรณ์ไม่มีสัญญาณการถูกแช่แข็ง

เขาไม่รู้ว่าเขาได้ประสบมาก่อนหน้านี้แล้ว  แม้ว่าความเจ็บปวดจะหนาแน่น  แต่ไม่น่ากลัวเหมือนกับที่เขาคาด  หลังจากดื่มด่ำชั่วขณะ  เขารู้สึกเหมือนกับว่าเขาค่อยๆชินกับความเจ็บปวดรุนแรง เพียงแต่ยกเว้นว่าวิญญาณของเขารู้สึกเหมือนกับว่ากำลังแช่แข็งทำให้เขาเจ็บปวดเล็กน้อย

และเขายังมีโอกาสพิจารณาถึงเหตุผล

‘เป็นไปได้ไหมว่าเนื่องมาจากพลังงานกลวง?  รังสีกระบี่ถูกสร้างมาจากพลังงานกลวงและเป็นธรรมดาที่จะได้ลักษณะของพลังงานเฉพาะมาด้วย ดังนั้นความเย็นที่รู้สึกนี้เป็นเพราะพลังงานกลวง?’

ใจของถังเทียนตื่นเต้น  ในวังวนพายุกระบี่มันใช้เพื่อปรับแต่จิตวิญญาณยุทธ  ‘วังวนพายุหมุนกระบี่จะใช้ปรับแต่ในคราวนี้ได้หรือไม่?’

ความจริงถังเทียนเองไม่สามารถเข้าใจความปั่นป่วนในร่างกายของเขา  จู่ๆ เขาก็รู้สึกสงสัยและดีใจที่ค้นพบร่างกายของเขา ร่างของเขาถูกปรับแต่งจนถึงระดับสุดยอดแล้ว แต่วิญญาณของเขาเป็นบางอย่างที่เขามักจะมีปัญหาด้วย  เพราะการคงอยู่ของเสี่ยวเอ้อจึงมีให้มีความแตกต่างใหญ่ระหว่างเขาและคนเดิม

‘ตาแก่นั่นหวังเป็นอย่างดีว่าข้าไม่สามารถค้นพบอีกตัวตนในตัวข้า!’

‘ข้าไม่เคยได้ยินว่ามีพ่อที่ทำอะไรบางอย่างกับวิญญาณลูกชาย!’ สิ่งที่เขาไม่สามารถยอมรับได้ก็คือความจริงที่ว่าบิดาของเขาเลือกเสี่ยวเอ้อให้เป็นวิญญาณหลัก!

‘เจ้าบ้านั่น!’

‘เราจะต้องชำระหนี้ครั้งนี้ในภายหลัง!’

‘ข้าจะหาโอกาสทุบตีเสี่ยวเอ้ออีก ใครจะสนเล่า ข้าทุบตีเขาได้ทุกเวลา ตราบใดที่ข้าไม่พอใจ ข้าจะทุบตีเขา’

ถังเทียนลืมไปว่าตัวเองลำเอียงแค่ไหน  แต่ในเวลารวดเร็ว เขาก็ปล่อยเสียงร้องครวญคราง  เขารู้สึกตนเองมีปากเหมือนอีกา  ‘ทำไมข้าถึงคิดว่ามันไม่เจ็บปวดแม้แต่น้อย?  นี่ข้าเพี้ยนไปแล้วหรือ?’

จู่ๆ เขาก็สูดอากาศหนาวเหน็บทันที  สีหน้าเขาแข็งค้างขณะที่หน้าของเขาซีดขาว

‘กระบี่นั้นเกือบจะเสียบข้าโอว พระเจ้า.. บัดซบเอ๊ย.. ข้าเกือบถูกกลืนไปแล้ว โอย...พระเจ้า..อ๊าคคคคค!’

เขากรีดร้องอย่างทรมาน  เขากรีดร้องโดยไม่มีการควบคุม  ความเจ็บปวดบนร่างกายเขา ไม่,เป็นความเจ็บปวดที่มาจากวิญญาณ  ใจของเขานึกถึงฉากภาพที่ผู้อาวุโสซีอุสดิ้นทุรนทุรายอยู่ในเพลิงศักดิ์สิทธิ์  และส่วนที่เป็นวิญญาณของเขาก็กำลังดิ้นรน  เหมือนกับว่ามันอยู่ในความเงียบ แต่ทุกคนผู้เห็นฉากภาพเช่นนั้นจะรู้สึกเจ็บย่ำแย่

และตอนนี้ เขายังต้องมามีประสบการณ์ส่วนตัว!

เขารู้สึกเหมือนกับว่าวิญญาณของเขาแทบถูกจับฉีกแยกกัน  และสั่นสะท้านไม่หยุด

แต่ขณะนั้น เขาไม่สามารถหยุดได้อีกต่อไป  แม้ว่าความเจ็บปวดในวิญญาณของเขาจะไม่หยุดก็ตาม ถ้าเขาไม่รับมือเพลิงศักดิ์สิทธิ์และปล่อยให้พวกมันผ่านเข้ามาและเปลี่ยนเป็นรังสีกระบี่  มันจะทำลายอาซิ่นและพวก

ถังเทียนใช้สายใยกฎธรรมชาติโจมตีกฎธรรมชาติเทียมที่อยู่ภายในแกนกลางและทำอย่างกระตือรือร้นคงระดับสมาธิไว้  เขารู้สึกว่าใจของเขากำลังมึนชา  จิตวิญญาณในสายตาของเขาหมองลงช้าลง  แต่ความเคลื่อนไหวของเขาไม่เคยช้าลง

เขาเหมือนเครื่องจักรสังหารที่ยังคงตัดฟันต่อไปโดยไม่รู้จักเหนื่อยล้า

วังวนพายุหมุนกระบี่เป็นเหมือนบอลลูนที่เต็มและยังคงขยายต่อไปในระดับที่น่าแตกตื่น  จำนวนรังสีกระบี่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด  และความเจ็บปวดก็ยังคงเพิ่มตามจำนวนของรังสีกระบี่ จำนวนเพลิงศักดิ์สิทธิ์ที่ทะลักเข้ามาหาพวกเขาเพิ่มขึ้นเช่นกัน และจำนวนกฎธรรมชาติเทียมที่ถังเทียนต้องทำลายก็ยังคงเพิ่มขึ้น  ดังนั้นปริมาณพลังงานกลวงก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน

ก่อนนั้นพวกเขารู้สึกเหมือนกับว่าอยู่ภายใต้น้ำตกของพลังงานกลวง แต่ตอนนี้อาซิ่นและพวกที่เหลือรู้สึกเหมือนกับว่าพวกเขากำลังว่ายอยู่ในมหาสมุทรไม่ ไม่ใช่ว่าย แต่จมลงต่างหาก

อาซิ่นรู้สึกเหมือนลูกโป่งพลังงานกลวงกำลังบังคับวิถีของมันเข้าไปในร่างของเขาจากตำแหน่งต่างๆ  ใช่แล้ว พวกมันกำลังบังคับตามวิธีของมันเข้ามาในร่างของเขา  ตอนแรกพวกเขาจำเป็นต้องดูดซับรับพวกมันไว้ แต่ตอนนี้ พวกเขาไม่ต้องการดูดซึมต่อไปอีกแล้ว  แต่พลังงานกลวงมีปริมาณมหาศาลกำลังเข้ามาในร่างของพวกเขา

เขารู้สึกว่าโง่มาก  ก่อนนั้นเขายังพูดตลกๆ ว่าเจ็บปวด!  เขาอยากร้องไห้  เขาอยากร้องไห้กับความโง่เขลาเกินไป

เขารู้สึกเจ็บปวดจริงๆจากรังสีกระบี่ที่ดูเหมือนจะตัดร่างของเขาขาด ความเจ็บปวดทำให้เขารู้สึกเหมือนกับว่าสามารถระเบิดได้ทุกเมื่อ  ความเจ็บปวดยากจะทนทานจนเขาแทบจะหมดสติ  เขาอยากจะหมดสติแทบตาย แต่ก็ไม่มีโอกาสทำได้

พลังกลวงเป็นเหมือนน้ำเค็มที่รุกล้ำเข้ามา  พวกมันบุกรุกเข้ามาในร่างกายของเขา  พวกมันเหมือนกับเข็มทิ่มแทงทั่วร่างกายของเขาทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดจากพลังงานกลวงพอๆ กับรังสีกระบี่  ตลอดทั้งร่างของเขาบวมด้วยความเจ็บ  และมีสิ่งเดียวที่ปลอบประโลมเขาได้ก็คือกระจายสลายออกไป

ตามหลักเหตุผลความเจ็บปวดรุนแรงควรจะทำให้อาซิ่นหมดสติไปนานแล้ว แต่ด้วยพลังกลวงที่ไหลเข้ามาไม่มีที่สิ้นสุด  พวกมันช่วยฟื้นฟูร่างของเขาไม่มีหยุดหย่อนทำให้อาการถูกฟันสมานตัว  บาดแผลตัดมีปรากฏซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่มีจบ

สิ่งเดียวที่อาซิ่นสามารถทำได้คือกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด  เขาไม่สามารถควบคุมเสียงกรีดร้องของตนเองได้...‘ข้าเคยตกอยู่ในสภาพอเนจอนาถอย่างนั้นเสียเมื่อไหร่’

ดังนั้น เขาจึงกรีดร้องหนักด้วยความเสียใจ

ความเจ็บปวดรุนแรงทำให้เขาคว้าอะไรก็ตามเท่าที่เขาคว้าได้และโดยไม่รู้ตัว  เขาคว้ากระบี่อมตะออกมา  สองมือของเขากำด้ามกระบี่อมตะแน่น

เขาไม่มีเวลาจะสังเกตกระบี่อมตะว่าเป็นเหมือนทรายแห้งที่ซึมซับพลังงานกลวง

**********************************

เล่าถังและแม่ทัพใหญ่ฝังร่างของมู่จือเสียอย่างเคร่งขรึม  แน่นอน ไม่มีการฉลองหรือพิธีกรรมบนสนามรบ   อย่างมากที่พวกเขาทำได้ก็คือใช้กระดานไม้สลักคำไว้ว่า ‘มู่จือเสียพักอย่างสงบที่นี่” เขียนเอาไว้

เล่าถังตัวสั่นด้วยความประหลาดใจทันที  “เอ่, ทำไมรู้สึกหนาว?”

แม่ทัพใหญ่ชำเลืองมองเขา  “ถ้าเจ้าไม่ทำอะไรผิด  เจ้าก็ไม่ต้องกลัว”

เล่าถังโพล่งออกมาทันที  “ข้าลืมไปว่าเจ้าเป็นผี”

แม่ทัพใหญ่ยังคงไม่เคลื่อนไหว  “เจ้าไม่คู่ควรแม้แต่จะเป็นผีด้วยซ้ำ”

“เหลวไหล!”

“เจ้างี่เง่า!”

ทั้งสองคนแค่นเสียงใส่พร้อมกัน  ทั้งสองคุ้นเคยกับการกระทำไร้จุดหมายแล้ว

“น่าเสียดายมู่จือเสีย”  แม่ทัพใหญ่จู่ๆ ก็พูดขึ้น  “ทั่วทั้งกองทัพก็น่าเสียดาย  พวกเขาเป็นทหารชั้นดีทั้งหมด”

สายตาของพวกเขามองดูทหารที่กำลังคุกเข่าอยู่หน้าป้ายหลุมศพมู่จือเสีย  และอดถอนหายใจไม่ได้  เขาเป็นแม่ทัพชราและมีความรู้สึกพิเศษต่อทหาร  และเกลียดภาพเช่นนั้น  ทหารทั้งหมดไม่มีพลังและรัศมีของกองทัพที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในใต้หล้า  ทุกคนดูไร้ชีวิตชีวา  ดวงตาลึกเหมือนกับเป็นศพเดินได้

เล่าถังถอนหายใจ  “เท่าที่เห็น วิหารชั่วร้ายเกินไปและมีการกระทำที่โหดร้ายเกินไป พวกเขาขุดหลุมฝังตัวเอง และไม่มีใครสามารถช่วยพวกเขาได้ เหล่าเทพจะทำลายพวกเขาที่กระทำการบ้าคลั่ง วิหารบ้าไปแล้ว เป็นเรื่องของเวลาที่พวกเขาจะต้องถูกทำลาย”

“เราไม่สามารถผ่านไปทวีปเว่ยเย่กวนได้”  แม่ทัพเฒ่าพูดตามตรง

เล่าถังหันไปถามอย่างไม่สบายใจ  “ไม่มีทางอื่นเลยหรือไง?”

“สิ่งที่เราสามารถทำได้ตอนนี้ก็คือล้อมเอาไว้  แต่การบาดเจ็บล้มตายจะสูง”  แม่ทัพเฒ่าพูดอย่างจนใจ “สถานที่สำคัญเช่นนั้นถูกป้องกันโดยเจียย่า  เราไม่มีโอกาส เราได้แต่นำพวกเขาไปเสี่ยง แต่ข้าไม่สามารถนำพวกเขาเข้าสู่ประตูแห่งความตายได้”

เล่าถังยังเงียบ  เขารู้ว่าแม่ทัพเฒ่าพูดถึงอะไรอยู่ มิฉะนั้นกองทัพใหญ่ทวีปแดนเถื่อนคงไม่ถูกยันและไม่สามารถเคลื่อนที่มาเป็นเวลานานแล้ว  แต่เมื่อเขาได้ยินคำตอบ  เขาก็ยังเต็มไปด้วยความผิดหวัง  ตอนแรกเขายังมีความหวังอยู่ในใจ  เมื่อคิดว่าแม่ทัพอาวุโสมีมาตรฐานที่สูง  เขาอาจจะมีวิธีแก้ปัญหาก็ได้

แม่ทัพเฒ่าไม่รู้ว่าจะพูดยังไงการปลอบโยนคนไม่ใช่ความชำนาญของเขา พวกเขาอยู่ในสถานการณ์ที่พวกเขาจนใจ และไม่ว่าจะใช้กลยุทธใดก็ไม่สามารถกู้สถานการณ์ได้  แม่ทัพนายกองทั้งหมดส่วนใหญ่จะกลัวสถานการณ์เช่นนี้

ขณะนั้นเองหนึ่งในทหารที่เสร็จการเคารพมู่จือเสียแล้วเดินเข้ามาหา

องครักษ์รอบตัวเล่าถังและแม่ทัพเฒ่าห้ามเขาไว้  แต่แม่ทัพเฒ่าโบกมือให้เขาผ่านเข้ามา

“นายท่าน,เรามีทางเข้าทวีปเว่ยเย่กวน” ทหารผู้มีรูปร่างโทรมมีลักษณะเบ้าตาลึกพูดออกมาด้วยดวงตาที่แฝงแววเกลียดชังลึก

บุรุษทั้งสองตกใจขณะที่พวกเขามองหน้ากันเองและสังเกตเห็นความปีติยินดีในสายตากันและกัน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด