ตอนที่ 930 ความรู้สึกไว ทักษะไม่เหมือนใคร?
หมิงลี่ฮ่าวดื่มอยู่นานในที่สุดก็ถามขึ้น “เจ้าไม่รู้เรื่องจริงๆ เลยหรือ?”
เหมือนกับว่าการที่เย่ว์หยางไม่รู้ความจริงของเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่ผิดปกติมากเมื่อเห็นเขาสงสัย เย่ว์หยางโมโห “ถ้าข้ารู้ข้ายังจะยอมฟังเรื่องน่าเบื่อของเจ้าหรือ?”
หลังจากได้ยินคำพูดของเย่ว์หยางหมิงลี่ฮ่าวเชื่อ 70%ว่าดูเหมือนเจ้าเด็กนี่จะไม่รู้ความจริง
ไม่รู้ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นที่เมืองลู่หลิว
“อย่างนั้นทำไมเจ้าถึงมาที่เมืองลู่หลิว?แดนสวรรค์ตะวันตกกว้างใหญ่ไพศาล เจ้ามายังภูมิภาคสวนสวรรค์ได้ยังไง?” หมิงลี่ฮ่าวถามข้อสงสัยสามจุด เขาเชื่อว่าเย่ว์หยางไม่รู้ความจริง แต่มาที่นี่ต้องมีวัตถุประสงค์บางอย่างหรืออาจจะได้เงื่อนงำบางอย่าง ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่นอน ไม่อย่างนั้นเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมาถึงเมืองลู่หลิวภูมิภาคสวนสวรรค์เพื่อแสวงหาความร่ำรวย
“ข้าอยู่ที่เมืองเจิ้งฝู ภูมิภาครกร้างที่แปด ขณะกำลังเข้าดินแดนมิติฝึกฝีมือบังเอิญได้ช่วยเหลือบุรุษผมงูคนหนึ่ง เขาบอกว่าเป็นคุณชายของหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ตระกูลตู๋กู เขาขอให้ข้ามาที่เมืองไป๋เหอ(แม่น้ำขาว) ข้าถึงได้มาที่นี่” เย่ว์หยางพูดเรื่องตัวเองเพียงครึ่งเดียว
“เมืองไป๋เหอ? อย่างนั้นเจ้าควรจะตรงผ่านบึงหยุดไปเลยไม่ใช่มายังเมืองลู่หลิวไม่ใช่หรือ?” ในที่สุดหมิงลี่ฮ่าวนึกออก
“ภูมิภาคสวนสวรรค์มีพลังธาตุต่างๆที่ควบคุมไม่ได้อยู่หลากหลาย พลังกฎสวรรค์ที่สลายและบิดเบือนถ้าข้าไม่ทำความเข้าใจสถานการณ์แล้วตรงดิ่งไปยังเมืองไป๋เหออย่างโง่เขลาทันทีบางทีข้าอาจจะถูกผู้คนขายทำเงินก็ได้! บุรุษผมงูผู้นั้นเป็นคนจากสี่ตระกูลใหญ่แดนสวรรค์ แต่ข้าไม่ใช่! ข้าไม่อยากจะพูดอะไรมากนักว่าข้าแค่มาที่เมืองลู่หลิวเพื่อหาข้อมูล แล้วเจ้าล่ะ มาทำอะไรที่นี่?” เย่ว์หยางย้อนถามหมิงลี่ฮ่าวในคำถามเดียวกัน
“เรื่องนี้.... พูดไปมันซับซ้อน”หมิงลี่ฮ่าวหยิบแก้วเหล้าขนาดใหญ่ อย่างน้อยเท่ากับเหล้าหนึ่งถังไม้
เย่ว์หยางไม่พูดเรื่องไร้สาระกับเขา
“ก่อนอื่นบอกถึงเรื่องเหตุผลที่ข้าต้องทำตัวเหมือนสุนัขตายและเหตุผลที่ข้าต้องมาที่นี่ก่อนก็ได้” หมิงลี่ฮ่าวหัวเราะทันที “เมื่อพูดถึงการซ่อนงำพลังข้าเล่าฮ่าวก็เรียนรู้มาจากเจ้านั่นแหละ เมื่อตอนก่อนที่ข้าจะสู้กับจักรพรรดิอวี้ ข้ารู้สึกว่าการสู้สุดกำลังเป็นการแสดงออกถึงกำลังศักดิ์ศรี แต่หลังจากข้าได้รับทุกข์ทรมานจากการพ่ายแพ้ข้าจึงรู้ว่าเป็นเรื่องโง่เขลามาก เจ้าไม่ต้องมองข้า ข้าไม่ได้สู้กับจักรพรรดิอวี้แค่วันหรือสองวัน แต่ข้าสู้กับเขาถึงสองปี และข้าสู้ศึกเล็กศึกใหญ่กับเขาเป็นสิบครั้ง ถ้าไม่เรียนรู้การเก็บงำพลัง ข้ายังจะใช้ได้อีกหรือ? นอกจากนี้ประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของการเก็บงำข่มพลังไว้ก็คือทำให้ฝึกฝนได้ง่ายขึ้น เหมือนอย่างที่ข้ามาถึงระดับนี้เป็นการยากมากแล้วที่จะก้าวหน้าได้ แล้วไปเถอะ เด็กๆรุ่นหลังยังดีกว่าข้ามาก ข้าไม่พูดมากอีกแล้ว”
“หลังจากเดินทางออกจากผนึกวิหารจักรพรรดิอวี้กลับมายังแดนสวรรค์ตะวันตก ข้าพบว่ามีหลายอย่างผิดปกติ เพราะถูกผนึกมานานหลายพันปีมีหลายอย่างที่ไม่คงอยู่อีกต่อไปประกอบกับข้อเท็จจริงที่ว่าความแข็งแกร่งยังไม่ได้ฟื้นฟู ข้าไม่กล้าเผยตัวตนในนามของหมิงลี่ฮ่าว ได้แต่ซ่อนตัวฟื้นฟูพลังก่อนจึงค่อยกล้าออกมาบ้าง”
“น้องสาวข้ายังดีกว่าข้า แต่จิ่วเซียวและซิวคงกลับมาก่อน และแจ้งกลับไปยังตำหนักกลางแดนสวรรค์ก่อนมีการหลอกล่อหลายอย่างจากตำหนักกลางแดนสวรรค์ พวกเขาต้องการฉวยโอกาสท้าทายตำแหน่งของสามจอมภพแดนสวรรค์”
“ในแดนสวรรค์นี้ ผู้อ่อนแอตกเป็นเหยื่อของผู้แข็งแกร่งมากกว่า จะเป็นคนดีไม่ใช่เรื่องง่าย!”
หมิงลี่ฮ่าวถอนหายใจ แม้ว่าพวกเขาจะเคยเป็นหนึ่งในสามจอมภพแดนสวรรค์ แต่พวกเขาก็ยังต้องระวังตัว
ทุกระดับมีการต่อสู้ที่โหดร้าย
การต่อสู้ระหว่างสามจอมภพน่ากลัวและอันตรายมากกว่าการรบของนักรบระดับต่ำ บ่อยครั้งที่พลาดจะตกสู่ห้วงเหวแห่งความสิ้นหวังและสูญหายไปตลอดกาล
จิ่วเซียวและซิวคงสองสุดยอดฝีมือจะสร้างความยากลำบากให้นั่นคือสิ่งที่หมิงเยี่ยกวงคาดเอาไว้ และตำหนักกลางแดนสวรรค์กำลังจับตามองอยู่เช่นกันและใช้ประโยชน์จากการนี้ หลายคนเข้าผนึกรวมกองกำลังกันเพื่อตามฆ่าหมิงเยี่ยกวงที่ยังอ่อนแอขณะหนีออกมาจากผนึกและยึดอำนาจแดนสวรรค์ตะวันตกนอกจากนี้ตำหนักกลางแดนสวรรค์ยังได้เดินหมากที่น่าสนใจมาก ในช่วงหกพันปีที่สามจอมภพแดนสวรรค์ถูกผนึกไว้ในวิหารเทพจักรพรรดิอวี้ พวกเขาได้ฝึกกองกำลังยักษ์ใหญ่ไว้หลายกลุ่ม
กองกำลังยักษ์ใหญ่เหล่านี้พยายามท้าทายสถานะสามจอมภพอย่างต่อเนื่อง
หนึ่งในนั้นก็คือจักรพรรดินีฟ้าแห่งเผ่าเก้าแสง
เป็นที่น่าเสียดายที่ตำหนักกลางแดนสวรรค์คาดไม่ถึงเลยว่าจักรพรรดินีฟ้าแห่งเผ่าเก้าแสงจะใจร้อนวู่วามเมื่อนางเข้ารุกรานหอทงเทียนเพื่อยึดแดนล่มสลายแห่งทวยเทพ กลับถูกเย่ว์หยางบุรุษหนุ่มที่เพิ่งรุ่งเรืองขึ้นมาเพียงไม่กี่ปีฆ่าตาย แผนการสนับสนุนหกพันปีของพวกเขาไม่เพียงแต่ถูกทำลาย นอกจากนี้การสร้างวิกฤติชีวิตนำความตายมาสู่หอทงเทียนได้กระตุ้นให้เกิดกระแสตื่นตัวฝึกวิทยายุทธจนมีความก้าวหน้า นอกจากนี้ตำหนักกลางแดนสวรรค์ไม่มีทางคิดถึงอย่างแน่นอนว่าในท่ามกลางความเสื่อมถอยของหอทงเทียน ที่แทบเป็นไปไม่ได้ที่จะลุกขึ้นยืนหยัดได้อีก นอกจากนี้ยังมีตัวแปรสองคนคือจื้อจุนกับเย่ว์หยาง ทั้งสองทำลายขีดจำกัดชะตากรรมของนักสู้หอทงเทียนและเติบโตเป็นนักสู้พิทักษ์หอทงเทียนรุ่นใหม่อย่างต่อเนื่อง ภายใต้อิทธิพลของจื้อจุนและเย่ว์หยาง โดยเฉพาะอิทธิพลของบุรุษหนุ่มจากมิติอื่น การเติบโตก้าวหน้าอย่างบ้าคลั่งของนักรบรุ่นหนุ่มเกินกว่ารูปแบบเก่าก่อนที่เคยทำกันในช่วงเวลาสั้นๆบางคนบรรลุระดับปราณราชันย์ในช่วงเวลาสั้นๆ
ขณะนั้นหอทงเทียนกำลังมีการเปลี่ยนแปลงแบบพลิกฟ้าคว่ำดิน
รุ่งเรืองขึ้นมาจนยากจะฉุดรั้งได้!
“ตอนนี้นางสบายดีหรือเปล่า?” เย่ว์หยางจินตนาการได้ว่าหมิงเยี่ยกวงจะต้องเผชิญกับศัตรูที่แข็งแกร่งจากแดนสวรรค์ตะวันตกมากมายเพียงไหน
“นางยังคงฟื้นฟูพลังอยู่ยังปลอดภัยและไร้กังวล ข้าไม่รู้ว่านางฝึกอยู่ที่ไหน ข้าไม่กล้าถามนาง” หมิงลี่ฮ่าวพยักหน้า “เป็นแต่คนรุ่นหลังในตระกูลของเราที่ถูกพวกมือสังหารจากตำหนักกลางฆ่าจนแทบไม่เหลือบริวารในอดีตก็ก่อกบฏหนีออกไป ผู้ภักดีถูกทำลายจนแทบไม่เหลือทิ้งไว้แต่ความยุ่งยากที่ยากจะเก็บกวาด นั่นแหละทำให้ข้าปวดหัวและข้าไม่รู้ว่าอีกกี่ปีถึงจะฟื้นฟูได้ดังเดิมเหมือนในอดีต”
“ฟื้นฟูหรือ? เพ้อเจ้อ ข้าขอบอกเจ้าเลยว่าเจ้ากินเสียข้าวสุก เจ้าไม่ควบคุมดูแลตัวเองให้ดีก่อนแล้วเจ้าจะทำอะไรกับคนมากมายได้?” เย่ว์หยางแสดงความคิดที่แตกต่าง
“สามจอมภพแดนสวรรค์ล่ะ บริวารเขาล่ะ?”หมิงลี่ฮ่าวประหลาดใจ สีหน้าท่าทางของเขาเหมือนกับจะถาม
“มีความสามารถ ก็ต้องการบริวาร พูดแบบนั้นใครๆก็พูดได้จริงไหม?” เย่ว์หยางเหมือนมองดูด้วยนัยน์ตาเย้ยหยัน
“แต่นั่นอาจไม่ได้ความภักดี” หมิงลี่ฮ่าวส่ายศีรษะโบกมือ
“แล้วผู้ภักดีที่ถูกผนึกด้วยกันเล่าคงไม่ทรยศกันทั้งหมดใช่ไหม? แน่นอนว่าสิ่งที่สำคัญไม่ใช่ความภักดี แต่เป็นพลังความแข็งแกร่งไม่กลัวต่อการทรยศและท้าทายต้องให้พวกเขามีความกล้าต่างหาก!” เย่ว์หยางรู้สึกว่าเป็นการน่าเบื่อที่จะพูดถึงความภักดีของบริวารเขาตราบใดที่เขาเก่งพอ เขารู้สึกว่าจะมีผู้ภักดีตามสถานการณ์ มิฉะนั้นเขาคงไม่สามารถทำอะไรได้
ที่นี่เป็นดินแดนที่คนอ่อนแอเป็นเหยื่อของคนแข็งแกร่ง คนที่มีความภักดีจะทำอะไรได้?
อย่างดีก็ใช้เป็นโล่มนุษย์ตายไปชุดหนึ่ง ก็เปลี่ยนเข้ามาอีกชุดหนึ่ง
ตำหนักกลางแดนสวรรค์เมื่อพวกเขาใช้คน พวกเขาไม่ทำอย่างนี้เช่นกันหรือ?
เย่ว์หยางเลี้ยงอาหารหมิงลี่ฮ่าวและยิ้ม“มีคนภักดีอยู่จริง เจ้าไม่จำเป็นต้องพูดมาก พวกเขาจะแสดงความภักดีมากตราบเท่าที่สามารถรู้ด้วยวิสัยทัศน์ศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นข้าห่วงว่าคนทั้งหมดนี้จะรู้สึกเสียใจ ใช่แล้วข้ารู้เหตุผลที่เจ้ามาที่เมืองลู่หลิวแล้ว!”
หมิงลี่ฮ่าวตื่นเต้นกับแนวความคิดโน้มน้าวของเย่ว์หยางแม่มันเถอะ อีกฝ่ายหนึ่งไม่เป็นมิตรจริงๆ เสียเลยคิดไม่ถึงเลยว่าเขาถูกผนึกหกพันปี จะเปลี่ยนไปมากถึงเพียงนี้
ถ้าเขารู้จักพวกนั้นเร็วกว่านี้ คงจะส่งพวกนั้นไปรบแนวหน้ากันทั้งหมด!
เขาปล่อยวางภาระและใบหน้ามีรอยยิ้ม “ปีศาจน้อยเจ้าพูดได้ถูก ว่าแต่เจ้าบอกได้ไหมว่าข้าทำอะไรที่นี่?”
เย่ว์หยางตอนแรกคาดเดาไม่ถูกแต่เมื่อได้ฟังเขาบ่น ก็รู้ได้ทันที เขาหัวเราะพลางกล่าว “ข้าไม่รู้อะไรเป็นพิเศษหรอก แต่ข้าคาดว่าเจ้ามาที่นี่เพื่อตามหาคนทรยศบางทีอาจมีคนขโมยสมบัติเจ้า หรือฆ่าคนสำคัญแล้วหลบซ่อนอยู่ใกล้บึงหยุดลมภูมิภาคสวนสวรรค์ดังนั้นเจ้าจึงปลอมเป็นทหารรับจ้างปราณฟ้าและมายังเมืองลู่หลิวเพื่อจัดการคนทรยศ”
หมิงลี่ฮ่าวเมื่อฟังเขาพูดเขาตบโต๊ะพูดเสียงดัง “เด็กน้อย, เจ้ามีปัญญาล้า หน้าด้านไม่มีใครเหมือน เราเล่าฮ่าวนับถือนับถือเจ้าจริงๆ!”
“นี่จะชมหรือด่ากันแน่?” เย่ว์หยางแค่นเสียงหงุดหงิด
“หน้าด้านไม่เหมือนใคร!ทั้งแดนสวรรค์ล่างและแดนสวรรค์บนมีแต่เด็กน้อยเจ้าเพียงคนเดียวที่กล้าเขียนจดหมายรักถึงน้องข้าแค่กๆ.. สำนวนห่วยเป็นบ้า!” หมิงลี่ฮ่าวหัวเราะลั่นไม่หยุด
“นี่เจ้าแอบอ่านจดหมายของข้าเหรอ?”เย่ว์หยางหน้าเขียวคล้ำ
“ไม่, แต่เป็นสหายรักของน้องสาวข้าแอบเปิดดูนางบอกว่าไม่มีใครในแดนสวรรค์เขียนจดหมายรักในลักษณะแนวนอนแบบเจ้า!” หมิงลี่ฮ่าวหัวเราะจนน้ำตาไหล
“????” เย่ว์หยางพูดไม่ออกและแอบจดบัญชีอยู่ในใจ ถ้าเขารู้ว่าเพื่อนนางคนไหนแอบดู เขาจะจับปล้ำแน่ชอบแอบอ่านจดหมายไม่ใส่ใจสายตาใครนักใช่ไหม? เขาลอบดีใจยังโชคดีที่เขาไม่เขียนชัดแจ้งเกินไป ถ้าเขาเป็นเหมือนเจ้าชายนักรักเขียนจดหมายถึงคนรักพูดว่าเขายินดีจะใช้ชีวิตอยู่ใกล้ชายกระโปรงนางไปตลอดชีวิตคงจะน่าขายหน้ามากแน่นอน
โชคดีที่เขียนจดหมายหยอกล้อสาวหมิงเยี่ยกวงไม่น่าเกลียดเกินไป!
หมิงลี่ฮ่าวยิ้มและต่อมาเขามีสีหน้าจริงจัง “ทรยศเราเล่าฮ่าวเห็นแก่สัมพันธ์ในอดีตข้าทำเป็นลืมตาข้างหลับตาข้างหนึ่งได้ อย่างไรก็ตามข้าจะไม่ยอมให้ใครทรยศน้องสาวข้าแน่นอน เพราะนางไม่ใช่เป็นแค่หนึ่งในสามจอมภพแดนสวรรค์เท่านั้นแต่ยังเป็นความภูมิใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในใจข้า ใครก็ตามท้าทายหรือทรยศนาง ข้าจะโกรธและทำลายให้หมดเพื่อปกป้องศักดิ์ศรียักษ์ใหญ่แห่งแดนสวรรค์ ข้ามาที่นี่เพื่อหาสาวใช้คนทรยศ เดิมทีนางเป็นเจ้าหน้าที่ประจำตำหนักรัศมีจันทร์ระหว่างที่ถูกผนึก นางขโมยสมบัติหนีไป”
เย่ว์หยางเข้าใจและพูดพร้อมกับยิ้ม “นางซ่อนตัวอยู่ในเมืองลู่หลิวหรือ?มิน่าเล่าเจ้าถึงปลอมตัวเป็นทหารรับจ้างระดับปราณฟ้า!”
หมิงลี่ฮ่าวส่ายศีรษะ“ข้าไม่แน่ใจ แต่มีข่าวทางลับบอกว่าสาวใช้ที่หนีไปปรากฏตัวใกล้ๆบริเวณนี้ ข้าลองมาเสี่ยงโชคดู ใครจะรู้กันว่าหาสาวใช้ไม่เจอแต่กลับพบเด็กน้อยเจ้า”
เย่ว์หยางไตร่ตรองเล็กน้อยและพูดเปิดเผยเงื่อนไข “เจ้าไล่ล่าสาวใช้ ข้าคงไม่ยุ่งด้วยนั่นเป็นธุระของตระกูลของเจ้า แต่ทำไมภูมิภาคสวนสวรรค์ถึงกลายเป็นเช่นนี้ต้องมีความลับแฝงอยู่ในนี้ ข้าต้องการรู้ความจริง อย่าปิดบังข้า ถ้าเจ้าแค่ตามไล่ล่าสาวใช้ที่หลบหนีข้าไม่เชื่อว่าเจ้าจะมาถึงสถานที่ผีสางอย่างนี้ บอกข้าออกมาได้เลย ถ้าเราคุณชายอารมณ์ดี ทรัพย์สินเมืองลู่หลิวจะแบ่งให้เจ้าสามในสิบส่วน”
“ใครจะสนใจสมบัติในเมืองโทรมๆอย่างเมืองลู่หลิวนี้เล่า? เจ้านึกว่าข้าเป็นขอทานหรือ?ข้าไม่ใช่พวกหิวโหยที่อยู่ตามท้องถนนด้านนอก เจ้าคิดว่าทรัพย์สินเพียงเล็กน้อยจะโยกคลอนจิตใจข้าได้หรือ?”หมิงลี่ฮ่าวทำให้เจ้าเด็กนี่เหมือนคนบ้า และเป็นไปไม่ได้ที่จะบอกความจริง แต่ทัศนคติเช่นนี้น่าโมโหเกินไป
“ข้าจะให้ส่วนแบ่งเจ้า นั่นเป็นโชคดีในรอบหลายปีเชียวนะ” เย่ว์หยางกางแขนทั้งสองข้าจะขอให้เจ้ายอมรับน่ะหรือ? ฝันไปเถอะ!
“อา,, ข้าลืมไปว่าเด็กน้อยเจ้าเป็นจอมงกคนหนึ่ง!” หมิงลี่ฮ่าวได้ยินแล้วรู้สึกดีขึ้นทันที
ต้องกดราคาเจ้าเด็กนี่สักเล็กน้อย
เขายินดีส่วนแบ่งบางอย่างที่เป็นของหายาก
เป็นผลจากการปลอมตัวเป็นคนธรรมดาส่วนแบ่ง 30% ถือเป็นการดูถูกแน่นอนแต่สำหรับเจ้าเด็กนี่ ถ้าพลาดเวลานี้ไป อย่าหวังว่าต่อไปเขาจะได้รับส่วนแบ่งนี้
คิดได้ดังนี้แล้วหมิงลี่ฮ่าตบต้นขา “ก็ได้ ความสำเร็จสามครั้ง 30%”
เย่ว์หยางทำเป็นดูแคลนคนผู้นี้และชูนิ้วกลางให้“คุณธรรมของเจ้าลดลงกว่าเดิมหรือเปล่า?”
หมิงลี่ฮ่าวหัวเราะอย่างพอใจ “สามารถได้ประโยชน์จากเด็กน้อยเจ้าและเจ้าไม่ต้องกังวลมากไป นอกจากนี้ความลับของข้าก็ยิ่งใหญ่เพียงพอเจ้าก็ต้องแบ่งปันกับข้า เจ้าคนเดียวกินได้ไม่หมดแน่ เคยได้ยินคัมภีร์เทพมาบ้างไหม?”
“คัมภีร์เทพ?” เย่ว์หยางเกือบพูดว่าเราคุณชายก็มีอยู่ในครอบครองเล่มหนึ่ง แต่เขาข่มใจไม่พูด “ข้าไม่เคยได้ยินภูมิภาคสวนสวรรค์มีกฎสวรรค์ดั้งเดิมไม่ใช่หรือ?”
“ไม่! ภูมิภาคสวนสวรรค์ไม่น่าจะมีคัมภีร์เทพ แต่ที่นี่มีความลับเกี่ยวกับที่ตั้งของคัมภีร์เทพหมื่นปีที่แล้วนักสู้จากภูมิภาคสวนสวรรค์ยังไม่ค่อยแข็งแกร่งนักหรืออาจจะบอกได้ว่าอ่อนแอมาก แต่เพราะบังเอิญเขาเข้าไปสู่ที่ตั้งของกฎสวรรค์ดั้งเดิมและได้รับประกายเทพ และใช้ความสามารถผสานกับประกายเทพนั้น เขากลายเป็นนักสู้ระดับเทียมเทพและกลับไปยังภูมิภาคสวนสวรรค์และกลายเป็นผู้นำของกลุ่มผู้คนแดนสวรรค์ตะวันตกสู่ยุครุ่งเรือง” หมิงลี่ฮ่าวพูดถึงเหตุการณ์ในอดีต
“แล้วเดี๋ยวนี้เทียมเทพผู้นั้นเป็นยังไง?” เย่ว์หยางไม่เคยได้ยินว่าภูมิภาคสวนสวรรค์มีเทียมเทพ
“ตายแล้ว”คำพูดของหมิงลี่ฮ่าวทำให้เย่ว์หยางประหลาดใจ นักสู้ระดับเทียมเทพตายได้หรือ? หมิงลี่ฮ่าวให้คำตอบยืนยัน “เพราะความตายของเทียมเทพเป็นเหตุให้เกิดการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกัน”
เย่ว์หยางยังคงเชื่อในเรื่องนี้อยู่บ้าง
หลังจากเทียมเทพตายแล้วนอกจากนี้ยังมีการแก่งแย่งประกายเทพ ที่สำคัญที่สุดคือมองหาคัมภีร์เทพ
ถ้ามีกฎสวรรค์ดั้งเดิมขณะที่มีกองกำลังของตำหนักกลางคอยยั่วยุปลุกปั่นอยู่หลังฉากภูมิภาคสวนสวรรค์ไม่เละเทะเป็นขยะก็คงไม่ใช่เรื่องแปลก
หมิงลี่ฮ่าวมองเย่ว์หยางและยิ้มให้เขาอีกเขา“ความจริงมีรายละเอียดในเรื่องนี้มากกว่านี้ เจ้าอยากฟังไหม? เป็นความจริงที่เกินคาดไปมากมายถ้าเจ้าสัญญาว่าจะร่วมมือกับข้าต่อต้านตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์แล้วข้าจะเล่าเรื่องที่แท้จริงให้เจ้าฟัง ไม่อย่างนั้นเจ้าก็จงเป็นคุณชายไตตันต่อไป ส่วนข้าก็จะไล่ล่าหญิงรับใช้ที่หนีไป!”
เย่ว์หยางโมโห
เขาเกลียดคนที่ชอบคุกคามคนอื่นให้ทำอะไรสักอย่าง
อย่างไรก็ตามไม่ถือเป็นการมากเกินไปกับการผนึกกำลังกันสู้กับตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ บุรุษผู้นี้ต้องการคำยืนยันนับว่าไม่มีความหมายจริงๆ เย่ว์หยางแอบสบถด่าหมิงลี่ฮ่าว เจ้าผู้นี้ดื่มเหล้าราวกับน้ำเขาจดจำบัญชีครั้งนี้ไว้ ในอนาคตค่อยตามหาหมิงเยี่ยกวงคิดบัญชีกับสาวน้อยนั่นโดยผิวเผินเขาพยักหน้ารับปากหมิงลี่ฮ่าว “ก็ได้! อย่าว่าแต่ตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์เลย เจ้าหนอนแมลงอย่างซิวคงและจิ่วเซียวเราคุณชายก็จะเข้าร่วมต่อสู้ขั้นเด็ดขาดด้วย อย่างไรก็ตามถ้าเจ้าคิดถอนตัวกลางครันอย่ามาโทษว่าข้าโกรธ น้องสาวเจ้าไม่ต้องพูดถึง แต่เจ้าเป็นถึงยอดฝีมือปราณราชันย์ระดับแปดข้าก็ยังมีปัญญาฆ่า!”
คำพูดคุกคามตอบโต้นี้ทำให้หมิงลี่ฮ่าวกลัวอยู่ในใจเหมือนกัน
เมื่อเห็นสีหน้าเย่ว์หยางไม่เหมือนกับว่าโกหกเขาชักจะเชื่อหลายๆ จุด
เป็นไปไม่ได้สำหรับคนอื่น แต่เจ้าเด็กนี่ร้ายกาจจริงๆ นอกจากนี้ยังเป็นไปได้ที่นักสู้ปราณราชันย์ระดับแปดอาจแพ้เขาได้ แล้วไปเถอะในเมื่อไม่อาจเป็นศัตรูกับเจ้าเด็กนี่ ก็ดึงเขามาเป็นพันธมิตรจะดีที่สุดปล่อยให้ศัตรูของเขาได้ปวดหัวและอับอายบ้างก็ดี
“ก็ได้ ความจริงเรื่องมีอยู่ว่า...”หมิงลี่ฮ่าวตัดสินใจเปิดเผยเรื่องราวที่แท้จริงกับเย่ว์หยางอย่างตรงไปตรงมา !-!