ตอนที่ 928 ใช้กำลังก่อน มารยาทตามหลัง
จินฟันทองไม่ใช่แซ่จิน
อย่างไรก็ตามเพราะเมื่อตอนที่เขาเป็นทหารรับจ้างก่อนนั้นเขาถูกทุบจนหน้าแตก ฟันหักจนหมด เขาจึงต้องใส่ฟันทองแทนที่นอกจากนี้เขายังได้รับคำชื่นชมจากหัวหน้าพ่อบ้านของราชาจื่อฟงจนได้เป็นทหารองครักษ์ ตั้งแต่นั้นมาเขาจึงถูกเรียกว่า จินฟันทอง
วันมะรืนนี้จะเป็นวันฉลองวันเกิดของสนมคนที่88 ของราชาจื่อฟง
ในเวลานี้หัวหน้าจินกำลังยุ่งมาก
เขาสั่งบ่าวไพร่ที่อยู่ในถนนให้รีบเร่งขนเนื้อและสุราที่พวกเขาต้องการขึ้นมาไว้ในรถ
แม้ว่าจินฟันทองจะเป็นผู้รับผิดชอบในการเตรียมการครั้งนี้แต่อาคันตุกะชั้นสองเท่านั้นถูกจัดให้ได้อวยพรที่วังหลวงชั้น ไม่ใช่อาคันตุกะรับเชิญของราชา อย่างไรก็ตาม นี่ก็ยังเป็นความรับผิดชอบที่หนักหนาอยู่ดี เพื่อให้ได้จัดการภารกิจนี้ด้วยดีจินฟันทองได้จ่ายทองหมื่นเหรียญ และสมบัติชั้นทองสองชิ้น และหญิงงามสี่คน
แน่นอนว่ายิ่งจ่ายออกไปมาก ก็ย่อมได้รับผลเก็บเกี่ยวใหญ่เป็นธรรมดา
เมื่อจินฟันทองรับผิดชอบงานสำคัญได้สำเร็จพวกพ่อค้าจำนวนมากต่างประจบเอาใจเขาพวกทหารที่ไม่ได้สนิทกับเขาก็หวังจะมีส่วนร่วมด้วยในภารกิจนี้
ต้องรู้ว่าราชาจื่อฟงมีสนมรักเป็นจำนวนมาก แต่คนโปรดที่สุดก็คือสนมที่แปดสิบแปด เพราะสนมรักนี้ถูกจัดให้อยู่ในสถานะสูงสุดห้าคนยกเว้นชายาคนแรกและที่สองที่มีสถานะเท่ากัน สถานะแทบเป็นของนางทุกอย่าง แต่แปลกสนมรักนี้มีนามว่าจูกวง ดูเหมือนว่านางไม่ชอบอยู่ในห้าอันดับแรก นางชอบอันดับที่แปดสิบแปด เพื่อให้สนมจูกวงนี้พอใจ ราชาจื่อฟงฆ่าภรรยาน้อยก่อนนั้น87 ทั้งหมด แล้วให้จูกวงได้อยู่ในห้องหมายเลขแปดสิบแปดเหมือนกับว่าจูกวงผู้นี้นั่งอยู่ในหัวใจของราชาจื่อฟง
ในเมืองลู่หลิวนอกจากจะมีงานฉลองวันเกิดของสุภาพสตรีอันดับหนึ่งของราชา ก็ยังเป็นการฉลองวันเกิดให้จูกวงผู้นี้เป็นหลัก
ตั้งแต่สามปีที่แล้วราชาจื่อฟงได้รับหญิงงามจูกวงไว้โดยบังเอิญ นางมีค่ามาก และเขาหวังว่าจะกอดนางไว้ทุกคืนวันเมื่อจูกวงยิ้มนั่นทำให้ราชาจื่อฟงคลายความโกรธพิโรธ ถ้าไม่ใช่เพราะภรรยาหลวงเป็นจักรพรรดิแดนดินพระราชทานให้ นางมาจากตระกูลใหญ่แห่งเมืองเทียนหัวไม่สามารถจะหย่าร้างได้ มิฉะนั้นราชาจื่อฟงคงละทิ้งภรรยาหลวงไปหาหญิงงามจูกวง
“หัวหน้าจิน, หัวหน้าจิน.....”
จินฟันทองได้ยินเสียงเรียกตัวเขาเมื่อมองไปรอบๆ เขาพบว่าเป็นคนที่เคยเสี่ยงชีวิตร่วมกันในหลายปีก่อน คนที่เรียกเขากลับเป็นนายกองทหารประจำประตูเมืองเฮยหลิง เขาคือจินหวินตาไฟ
แม้ว่าเขาไม่ได้พบสหายมาสิบปี แต่เขาจำสหายในอดีตได้ แต่เมื่อเขาเห็นสหายนุ่งห่มชุดหนังสัตว์เหมือนนายพรานและมีใบหน้าบวมปูดเขารู้ได้ทันทีโดยไม่จำเป็นต้องพูดเลยว่าว่าเมืองเฮยหลิงคงจะกวาดล้างประตูบ้าน ถ้าเป็นเป็นคนอื่นจินฟันทองจะไม่สนใจอีกฝ่ายหนึ่งเลย แต่จินหวินตาไฟยังมีกำลังอยู่บ้างไม่เพียงแต่เขามีสายตาที่ดีเท่านั้น แต่เขายังมีสมองรู้จักคิด เขาเป็นนักวางแผนของกลุ่ม ตอนนั้นเมื่อร่วมผจญภัยด้วยกันจุดสำคัญที่สุดก็คือหัวหน้าจินรู้สึกเหมือนว่าตนเองมีชื่อและมีโชคผ่านไปสองปีแล้วคู่หูของเขาก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ
เขาคิดเรื่องนี้และอดยิ้มไม่ได้ เขาทำเป็นจำจินหวินไม่ได้ และถาม “เจ้า...เจ้าเป็นใคร?”
อดีตนายกองทหารจินหวินตาไฟรู้แล้วว่าเจ้าผู้นี้จะแกล้งทำเป็นไม่รู้จัก
แต่เพื่อให้เป้าหมายหลายอย่างสำเร็จเขาอดกลั้นความโกรธ
เขารีบทักทายด้วยความเคารพ “หัวหน้าจิน! ท่านกำลังยุ่ง ข้าเกรงว่าท่านจะลืมข้าผู้เป็นสหายเก่า ข้าชื่อจินหวิน ข้าเคยทำงานอยู่รอบนอกบึงหยุดลมเพื่อรวบรวมข่าว”
จินฟันทองเมื่อได้ยินเขาตบหน้าผากตนเองเหมือนเพิ่งนึกบางอย่างได้ “โอว, จริงสิ ข้าลืมสหายเก่าไปได้อย่างไรข้าผิดเองที่สับสน แก่แล้ว,ใช้ไม่ได้จริงๆ, เจ้าคือตาไฟหวินหวินในตอนนั้นเอง และเป็นผู้ช่วยที่ดีของกลุ่มเราการส่งและจัดเรียงข้อมูลแผนงานของเจ้า ทุกอย่าง เจ้ามีสติปัญญาและสายตาที่ดีในท่ามกลางนักสู้ ข้าจะลืมเจ้าได้อย่างไร! เจ้าแต่งตัวอย่างนี้ เจ้าไม่ได้ทำงานให้เมืองเฮยหลิงแล้วหรือ เจ้าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร?”
“ข้า..อะแฮ่ม..ลาออกแล้ว” ตาไฟจินหวินคิดว่าภัยพิบัติที่เขาพบเจอน่าอายเล็กน้อย
“กลายเป็นว่าเจ้าลาออกนี่เอง...” จินฟันทองเย้ยหยันในใจ เห็นได้ชัดว่ากำลังตกงานทหารอะไรกัน? จะอดตายอยู่แล้วยังจะห่วงหน้าอีก! แน่นอนว่าด้วยสถานะของจินฟันทองแม้จะดูถูกในใจแต่จะไม่แสดงออกมาให้เห็น เขาเอื้อมมือมาแตะชุดหนังของหวินหวินและถอนหายใจโล่งอก “เที่ยวไปได้อย่างอิสระเป็นเรื่องดี อย่างข้าในตอนนี้ต้องรับผิดชอบคนที่มาดื่มกินเป็นร้อยคน วุ่นวายจนแทบขาขวิด ข้ายังหาเวลาว่างไม่ได้เลย น่าอึดอัดจริงๆ เจ้ายังมีอิสระได้เที่ยวกินดื่มเหล้าขวดโตเนื้อชิ้นใหญ่ ส่วนข้ายังถอนตัวออกไปไม่ได้ ข้าคิดว่าจะทำงานอีกสักสองสามปีก็จะลาออกจากงานลำบาก และไปร่วมสนุกชีวิตอิสระกับเจ้า”
“จินฟันทอง! เจ้าก้าวขึ้นไปอยู่ในตำแหน่งสำคัญของฝ่ายจัดการวังหลวงแล้วมีงานล้นมือเป็นเรื่องธรรมดา” ตาไฟจินหวินยิ้ม เขาแทบรอไม่ไหวที่ฆ่าเจ้านี่ให้ตาย
“กิจการในวังหลวงเป็นเรื่องสำคัญทั้งหมด ข้าต้องทุ่มชีวิตเข้าสู้ หากผู้มีตำแหน่งใหญ่ไม่เห็นความสำคัญศีรษะนี้อาจจะอาจหลุดจากบ่าได้สักวัน” จินฟันทองมีความภาคภูมิใจ เขาไม่รอให้อีกฝ่ายเอ่ยปาก ก็พูดอวดตัวไม่หยุด
“ใช่แล้ว เรื่องในราชสำนักสำคัญอย่างแน่นอน...” จินหวินตาไฟยังทำอย่างนี้ไม่ได้
“ท่านรองแม่ทัพ? ข้าควรจะเข้าเมืองในวันนี้ ยังไม่ได้กินอะไรเลยใช่ไหม? มามามา, ข้าจะพาเจ้าไปดื่มกินอย่างมีความสุขน้องรองมาถึงเมืองลู่หลิวแล้ว มาถึงที่ทำงานของข้าผู้พี่ เจ้าไม่ต้องกลัวอีกต่อไปข้ามีทุกอย่างให้เจ้า ข้าไม่กล้าอวดอ้างมากว่าข้าจินฟันทองมีชามข้าวพอให้เจ้ากินไม่ต้องทนหิว! ไปเดินเลือกเอาเหล้าดีดื่มกินในเมืองลู่หลิวได้เลย ไม่ต้องพูดอะไรอื่นอีกแล้ว” จินฟันทองพูดด้วยความภูมิใจ เขาต้องการพูดให้คนที่เดินตามถนนได้ยินภายใต้สายตาที่มองด้วยความนับถือนับไม่ถ้วน
“ความจริงวันนี้ข้ามีบางอย่างต้องการขอร้องหัวหน้าจิน” จินหวินตาไฟอดทนเพื่อทำหน้าที่ให้บรรลุสำเร็จตามเป้าหมาย
“ถ้าไม่สำคัญนัก มากินไปคุยไปก็ได้ ไม่ว่าข้าจินฟันทองจะมีงานยุ่งแค่ไหนก็จะไม่ปล่อยให้พี่น้องต้องหิวมีอะไรก็พูดให้สบายใจได้เลย บอกข้ามาได้ทุกอย่าง” จินฟันทองรู้สึกโมโห เขาเลิกคิ้ว โชคร้ายในปีก่อนๆ กำลังจะผ่านไป
ในใจของเขามีความสงสาร ถ้าจินหวินนี้เคยล่วงเกินเขาก็คงจะดี
เขาจะได้ฉวยโอกาสเหยียบย่ำล้างแค้น
อย่างไรก็ตามตาไฟจินหวินไม่เคยทำไม่ดีกับเขาทั้งร่าเริงและช่วยชีวิตของเขา ขณะนั้นเขานึกไม่ออกว่าจะแก้แค้นใดๆ กับเขา
แล้วไปเถอะแค่ได้แสดงศักดิ์ศรีที่เหนือกว่าต่อหน้าผู้คนมากมายก็เพียงพอแล้ว จินหวินตาไฟผู้นี้เขาจะนึกถึงได้ยังไงว่าทหารรับจ้างที่เกือบตายในอดีต จะมีวันได้รับสถานะเช่นนี้ทั้งยังช่วยประคับประคองเขาที่ตกต่ำช่วยตัวเองไม่ได้ ฮ่าฮ่าเขาคงรู้สึกละอายใจและทราบซึ้งใจเป็นแน่
ตาไฟจินหวินกระซิบบอกวัตถุประสงค์ของการเดินทางของเขา“ใช่แล้วหัวหน้าจิน ข้าร่วมงานกับหอการค้าเล็กๆ แห่งหนึ่ง ข้าต้องการถือโอกาสเนื่องในวันฉลองวันเกิดสนมจูกวงเข้าวังเพื่อแสดงความคารวะอย่างจริงใจ และในใจข้าหวังว่าหัวหน้าจินจะช่วยข้าได้ขณะที่ของขวัญแสดงความเคารพของเราย่อมไม่น้อยหน้าแน่นอน”เรื่องนี้ไม่ยากสำหรับจินฟันทอง
เพราะความพยายามของหอการค้าต่างๆ ราชาจื่อฟงยินดีต้อนรับอยู่แล้ว
ส่วนใหญ่ตำแหน่งที่นั่งของอาคันตุกะจะเป็นปัญหา ต่อให้เป็นหอการค้าที่รุ่งเรืองคงเป็นไปไม่ได้ที่จะจัดให้นั่งในชั้นที่นั่งระดับสูง
แต่คนที่ขอร้องเขานั้นคือตาไฟจินหวินจินฟันทองพอได้ยิน เขาทำท่าลำบากใจและโบกมือ “รองหัวหน้ากลุ่ม เรื่องนี้ข้าไม่อยากทำให้เจ้าต้องอึดอัด เจ้าคือพี่น้องของข้า ข้าจะไม่สร้างความลำบากใจให้เจ้า แต่ก่อนขอบอกเจ้าผู้น้องตามตรง เวลานี้เป็นเรื่องค่อนข้างยากเล็กน้อย แม้ว่าข้าผู้พี่จะมีหน้าที่รับผิดชอบจัดการเรื่องนี้ แต่ส่วนใหญ่ข้ารับผิดชอบจัดการพื้นที่รอบนอกวัง ถ้าเจ้าต้องการที่นั่งเลี้ยงในวังลองคิดดูสิ ขนาดคนคุ้นเคยนี้ยังต้องรับผิดชอบด้านนอกวัง มีคนจากหอการค้ามากมายเพียงไหนที่ต้องการเข้ามา? งานนี้คิดจนหัวแตกก็ยังทำไม่ได้ ข้าผู้พี่ช่วยไม่ได้ รู้สึกละอายใจจริงๆ!”
นี่ไม่ใช่เรื่องยาก
เพื่อให้ตาไฟจินหวินอับอาย จินฟันทองต้องทำให้ดูว่ามีความลำบากอย่างมากมาย
สิ่งที่เขาต้องการก็คือทำให้สหายเก่าสลดใจและคุกเข่าร้องไห้น้ำตานองอ้อนวอนขอร้องเขา
เท่าที่จินฟันทองเห็น ตาไฟจินหวินตกต่ำจนน่าอดสูถ้าเขาไม่ฉวยโอกาสเหยียบย่ำยกตนข่มสหายบ้าง เขาคงเสียใจที่พลาดโอกาสนี้เป็นแน่
“เราจะไม่ให้หัวหน้าจินต้องอับอายขายหน้า!”
มีเสียงหนึ่งดังอยู่ไม่ห่างจากด้านหลังคนทั้งสอง
จินฟันทองเงยหน้ามองก็พบว่ามีองครักษ์นักสู้ระดับเตรียมปราณฟ้าที่ดูแข็งแกร่งทรงพลังข้างๆ เขาเป็นคุณชายรูปงานในชุดเกราะเงินจากสายตาของจินฟันทองเขาสามารถบอกได้ว่าคุณชายผู้นี้เหมือนมังกรในมวลหมู่มนุษย์ ไม่ต้องพูดถึงอะไรอื่น แค่เพียงการแต่งกายของเขาก็บอกสถานะได้ว่าไม่ธรรมดา
มองผิวเผินบุรุษหนุ่มผู้นี้ดูเหมือนนักรบคนหนึ่ง
ความจริงถ้าไม่เห็นแหวนวงหนึ่งในมือของเขาอาจจะเห็นว่าเขาเป็นคนไม่โดดเด่นที่แต่งตัวเหมือนนักรบ
นั่นเป็นแหวนระดับศักดิ์สิทธิ์ แต่เขาไม่รู้ความสามารถพิเศษเวลาถูกเปิดใช้และพบว่ารัศมีพลังถูกอำพรางไว้ แหวนนี้ควรจะเรียกว่า ‘พิรุณบุปผา’ เป็นสมบัติหาได้ยากอาจกล่าวได้ว่าทั่วทั้งภูมิภาคสวนสวรรค์มีแหวนระดับเดียวกันห้าวง ‘สลาตัน’ ‘หยุดวายุ’ ‘เคลื่อนลม’ ‘ห่มเมฆา’ ‘พิรุณบุปผา’ สองวงแรกเดิมทีครอบครองโดย ราชาอาณาจักรสลาตัน และราชาจื่อฟงได้รับมอบมาจากจักรพรรดิแดนดินทั้งสองเป็นสมบัติที่ทรงอานุภาพมากและเป็นที่มาของชื่อราชาทั้งสอง แต่ต่อมาแหวนสามวงมีความผิดปกติเล็กน้อย แต่ทั้งหมดก็ยังนับว่าเป็นสมบัติชั้นศักดิ์สิทธิ์ อาจกล่าวได้ว่าแหวนทั้งห้ามีพลังวิเศษที่ลึกลับ
ในตอนนั้นราชาจื่อฟงให้เจ้าแคว้นเฮยหลิงน้องชายเขาเป็นรางวัลที่จับกุมทาสล้านคนจัดเกณฑ์กองทัพสามแสนคนมากเกินคาดของจักรพรรดิแดนดิน
กล่าวกันว่าเจ้าแคว้นเฮยหลิงขอร้องราชาจื่อฟงขอให้ยืนยันให้ความมั่นใจเขา
เพราะหนึ่งในความเสียใจสามอย่างทั้งชีวิตของราชาจื่อฟงก็คือเขาไม่เคยรวบรวมแหวนวิเศษนี้ได้ครบชุดเลย ไม่มีใครรู้ถึงพลังลึกลับของมัน
แน่นอนว่าจินฟันทองจำลักษณะของแหวนศักดิ์สิทธิ์ทั้งห้าได้
คาดไม่ถึงเลยว่าวันนี้เขาจะได้เห็นแหวนพิรุณบุปผาในมือของบุรุษแปลกหน้า
แน่นอนว่านี่ไม่ใช่สมบัติของนักรบธรรมดาแน่นอนถ้าเป็นนักรบธรรมดาจริง เขาเกรงว่าผู้นี้คงจะถูกฆ่าชิงทรัพย์ในวันเดียว บุรุษหนุ่มสูงศักดิ์นี้ก็สวมแหวนในมือให้เห็นย่อมพิสูจน์ได้ว่าเขามีความสามารถที่ไม่ธรรมดา
“ไม่ทราบว่าคุณชายท่านนี้...?” จินฟันทองไม่กล้าแสดงออกเหมือนที่ทำกับจินหวินเป็นแน่
“ท่านนี้คือประธานหอการค้าไตตันของเรา”ขโมยหนุ่มที่อยู่ใกล้ๆ รีบแนะนำคุณชายสามตระกูลเย่ว์
“หัวหน้าจินควบคุมดูแลจัดการพื้นที่รอบนอกวังในวันเกิดของท่านหญิงจูกวง”ตาไฟจินหวินยังคงแนะนำให้เย่ว์หยางทราบ
“เป็นท่านหัวหน้าจินนี่เอง...” เย่ว์หยางรับรู้ได้ถึงน้ำเสียงที่จินฟันทองเพิ่งพูด เขาอยากจะพูดเย้ยหยันให้อีกฝ่ายหนึ่งได้อายว่าใครกันแน่ที่มีอำนาจพลังสูงกว่าคาดไม่ถึงเลยว่าเจ้าผู้นี้ไร้ยางอายสิ้นเชิง เขาคำนับคารวะทันที “ขออภัยกับการเสียมารยาทของข้าที่ไม่รู้จักท่านไตตัน เชิญท่าน หวังว่าท่านไม่ถือโทษโกรธเคือง”
“อย่างนั้นของขวัญร่วมแสดงความยินวันเกิดเล่า?” ตาไฟจินหวินเข้ามารับใช้
แม้ว่าคุณภาพของคนผู้นี้ยังใช้ไม่ได้แต่การสนองตอบที่เข้ากับคนได้อย่างรวดเร็วไม่ใช่ว่าคนทั่วไปจะเทียบได้
แน่นอนว่าการได้พบเห็นผู้คนทุกรูปแบบนับว่าไม่เลวแต่อย่างน้อยเขาได้เห็นนายใหญ่ไตตันสวมแหวนพิรุณบุปผายั่วยุนัยน์ตาสุนัขได้
จินฟันทองตบอกรับประกันหมื่นเปอร์เซ็นต์ “ถ้าให้ของนี้กับข้าหากคุณชายไตตันไม่สามารถเข้าไปนั่งที่ของบุคคลชั้นสูงได้ ข้ายอมให้ท่านตัดหัว!” เขามองดูรอบๆและเห็นมีทหารรับจ้างผู้แข็งแกร่งทรงพลังหลายคนสร้างแนวป้องกันบนถนนดูเหมือนว่าหลายคนเป็นนักสู้ปราณฟ้าที่เหมือนลอบให้ความคุ้มกันคุณชายไตตันผู้นี้ เขาคงเป็นคนของตระกูลที่มีชื่อเสียงแน่นอน
หลังจากฟงจีได้รับสัญญาณจากเย่ว์หยางเขารีบเอาผลึกปีศาจของจ้าวหมาป่าแดงอสูรปราณฟ้าระดับหนึ่งให้จินฟันทอง เขาแทบจะคุกเข่ารับมอบจากเย่ว์หยาง
รอจนหัวหน้าจินฟันทองกล่าวคำขอตัวและรีบเข้าไปจัดการพื้นที่ในวังหลวง
จินหวินตาไฟถามด้วยความสงสัย “ทำไมถึงต้องเอาบัตรเชิญจากเขาด้วย?”
เย่ว์หยางยิ้ม“การเดินหมากบางครั้งเจ้าก็ต้องอดทน บางครั้งเจ้าจำเป็นต้องเดินอย่างโง่ๆบ้าง เมื่อคนโง่เผยหมากลับถึงตอนนั้นเจ้าค่อยเก็บเกี่ยวผลประโยชน์”
เมื่อพูดเสร็จเขาเดินจากไปโดยไม่สนใจจินหวินตาไฟที่ดูเหมือนจะฟังเข้าใจแต่ก็ไม่เข้าใจ ฟงจีรอให้เย่ว์หยางออกไปก่อน เขาหันมาเขกศีรษะจินหวิน“เจ้าบ้า! ก่อนนั้นข้าบอกเจ้าไว้ว่ายังไง? ห้ามสงสัย ให้ทำตามอย่างเดียว รับคำสั่งแล้วนำไปดำเนินการ! ตอนนี้แสดงว่าข้าต้อนรับน้องใหม่ยังไม่ดีพอ เพื่อเป็นการแสดงความรักความห่วงใยต่อน้องใหม่ ข้าตัดสินใจแล้วว่าจะต้องต้อนรับเจ้าอย่างอบอุ่นอีกครั้ง!”
จินหวินทำตาเหลือก “จะบ้าหรือเปล่า,ใครเป็นคนคิดธรรมเนียมต้อนรับบ้าๆ นี้กัน? ยังเล่นไม่พออีกหรือไง?”
ฟงจีทุบจินหวินจนร่วงลงกับพื้น เขายืดขาตรงและหัวเราะอย่างอารมณ์ดี“เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้ ว่าใครคิดพิธีรับน้องใหม่ขอให้เจ้าเข้าใจไว้ว่าเมื่อมีน้องใหม่เข้ามาร่วมงานเจ้าสามารถต้อนรับเขาอย่างดุเดือดได้ เหมือนที่ข้าต้อนรับเจ้าด้วยความยินดี เจ้าไม่รู้หรอกว่าข้ารอมานานเท่าใดแล้ว อ๊ะๆ สู้ตอบโต้ด้วย ข้ายินดีต้อนรับ!”
หลังจากทุบตีกันอย่างดุเดือดจินหวินนั่งเหยียดขา และเขาแทบจะไม่ได้พักหายใจ
จินฟง เจ้าบ้านี่ทุบตีอย่างบ้าคลั่งเหนื่อยจนลิ้นห้อย
ทุบตีผู้คนก็เหนื่อยหนักเหมือนกันไม่ใช่หรือ?
“คอยดู, ถ้ามีน้องใหม่เข้ามาร่วมอีกข้าฆ่ามันแน่!” จินหวินตาไฟขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความเกลียด เขาคิดว่าไอ้ประเพณีบ้านี้ขืนสิ้นสุดลงตรงนี้คงเป็นเรื่องน่าเศร้า แน่นอนไม่ว่ายังไงก็ตามธรรมเนียมรับน้องใหม่จะต้องมีสืบทอดกันต่อไป
“ถูกแล้ว! ประเพณีอันดีงามนี้ต้องมีการสืบทอดต่อไป!” ฟงจีอ้าปากหอบพยายามจะเหยียบจินหวินต่อ“เจ้ายังจะสู้ต่ออีกหรือ?”
“ต้องการให้เป็นประเพณีดีงามเจ้าจะต่อต้านได้ยังไง? ตอนข้าเป็นน้องใหม่มีนักสู้ปราณฟ้าไม่รู้ต่อกี่คนล้อมวงต้อนรับข้าถึง 20นาที สู้กลับก็โดนทุบต่อ ถ้าไม่แก้แค้นก็ไม่เป็นหนี้ เจ้ายอมรับชะตากรรมซะ ทุบเป็นทุบแต่ดูตามความเป็นจริงแล้ว เจ้าอ่อนแอเกินไป ข้าแยกทุบก็ได้ แต่ว่าหลายๆ ที!”
“เจ้าบัดซบ! ที่แท้เจ้าชวนข้าร่วมงานเพื่อแก้แค้นนี่เอง....”