ตอนที่ 929 กดดัน ความคิด ช่องว่าง
องค์ประกอบของเพลิงศักดิ์สิทธิ์มีความเสถียรมาก กฎธรรมชาติเทียมและพลังกลวงถึงความสมดุลในระดับน่าอัศจรรย์ ความสมดุลนี้มีความมั่นคงมาก และปัจจัยทั้งสองส่งอิทธิพลต่อกันและกันมาก อาจกล่าวได้ว่าแทบเป็นไปไม่ได้ที่จะดึงเอากฎธรรมชาติเทียมออกมาจากเพลิงศักดิ์สิทธิ์
แม้แต่ถังเทียนก็ยังไม่สามารถทำได้ ขณะที่เขามีเกราะเทพเจ้า เขาสามารถควบคุมสายใยกฎธรรมชาติ แต่เขาก็ยังจนใจกับสายใยกฎธรรมชาติเทียม ก่อนที่จะเป็นเพลิงศักดิ์สิทธิ์ ถังเทียนไม่เคยเห็นกฎธรรมชาติเทียมหรือพลังกลวงมาก่อน
ถังเทียนคิดหาวิธีอื่น
เนื่องจากเขาไม่สามารถแยกทั้งสองออกจากกันได้ เขาอาจจะทำลายสมดุลได้ เขาจะใช้กฎธรรมชาติเพื่อเจาะเข้าไปในพลังงานช่องว่างและใช้กฎธรรมชาติปะทะกับกฎธรรมชาติเทียม การปะทะกันของทั้งสองจะเป็นปัจจัยนำไปสู่การทำลาย และถังเทียนจะสามารถได้พลังงานกลวงที่บริสุทธิ์
สิ่งที่มีค่ามากที่สุดของเพลิงศักดิ์สิทธิ์ก็คือกระบวนการคิดและการสร้างสรรค์ หาใช่วิธีที่เต็มไปด้วยกฎธรรมชาติและพลังงานไม่
การทำลายง่ายกว่าการสร้าง
แน่นอนว่าอาจจะไม่ง่ายขนาดนั้น แต่ท้ายที่สุดก็เป็นวิธีการที่เป็นไปได้ และเป็นเพียงวิธีที่ถังเทียนสามารถคิดได้ในช่วงเวลาสั้นๆ สำหรับความเสี่ยง ถังเทียนไม่มีเวลาสนใจ
เพลิงศักดิ์สิทธิ์ถูกดึงมาจากทุกทิศทาง รัศมีของขุนพลวิญญาณจากการ์ดวิญญาณทองดึงดูดเพลิงไว้ รัศมีของการ์ดวิญญาณสีทองหลอกล่อมันเข้ามามาก
ถังเทียนให้ความสนใจกับการควบคุมจังหวะ เมื่อจำนวนเพลิงศักดิ์สิทธิ์ที่เข้าไปมีจำนวนถึงร้อยผนังลมจะกั้นรัศมีออกมา เพลิงศักดิ์สิทธิ์ที่ไหลเข้ามาจะสูญเสียเป้าหมายและความเร็วจะลดลงอย่างเห็นได้ชัด และคล้ายกับแมงกะพรุนลอยอยู่ด้านนอกผนังลม
ภายในผนังลมเพลิงศักดิ์สิทธิ์ทั้งร้อยกระจายตัวออกที่ซึ่งเพลิงศักดิ์สิทธิ์แต่ละดวงจะลอยอยู่เหนือการ์ดวิญญาณแต่ละใบ แสงทองจากการ์ดวิญญาณจะครอบคลุมรอบเพลิงศักดิ์สิทธิ์เหมือนกับรัศมีเฉพาะของขุนพลวิญญาณทำให้เพลิงศักดิ์สิทธิ์ยังคงนิ่งกับที่ จังหวะเต้นเหมือนชีพจรช้าลงมาก ขณะที่ถูกดูดเข้าไปในรัศมีของการ์ดวิญญาณ
ถังเทียนมองดูเพลิงศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้น เหตุการณ์ทุกอย่างยังคงอยู่ในการควบคุมของเขาได้
แต่การทดสอบจริงกำลังจะเริ่มขึ้น
ด้วยท่ากางแขนของเขาถังเทียนพบว่าสายใยกฎธรรมชาติกำลังลอยอยู่ห่างๆ ในอากาศ ทันใดนั้นประกายแสงสีทองฉายวาบในดวงตาเขา นิ้วทั้งสิบของเขางอและคว้าพื้นที่ว่างเปล่า และแสงสายรุ้งกระพริบแสงปรากฏอยู่ในมือของเขาทันที
จากตรงนี้ทุกคนสามารถเห็นความก้าวหน้าของถังเทียน ในอดีตเขาเพียงแต่ใช้หมัดเทพเจ้ารวบรวมสายใยกฎธรรมชาติ แต่ขณะนั้น เขาสามารถใช้วิชาต่างๆ คว้าจับสายใยกฎธรรมชาติในอากาศซึ่งเป็นการก้าวหน้าที่ครอบคลุม
ภายใต้สภาวะเกราะเทพเจ้า ระดับความรู้สึกของถังเทียนที่มีต่อกฎธรรมชาติถึงระดับไม่อาจหยั่งได้ และจากจุดนี้ ตัวถังเทียนเองสร้างเกราะเทพเจ้าตื่นรู้ ไม่มีทางด้อยกว่าเพลิงศักดิ์สิทธิ์
เกราะเทพเจ้าของถังเทียนไม่เพียงแต่ใช้สู้รบเท่านั้นแต่สำหรับเขาความรู้สึกอ่อนไหวต่อกฎพลังธรรมชาติและความสามารถในการควบคุมที่ละเอียดอ่อนถูกใช้ขยายในการฝึกไม่ได้ใช้ในการสู้รบ
ด้วยความรู้สึกที่ไวต่อกฎธรรมชาติสูงและความสามารถในการควบคุมที่แข็งแกร่ง เขาสามารถใช้วิธีต่างๆ ทำงานได้หลายอย่าง และนั่นก็คือจุดที่ทรงพลังที่สุดของเกราะเทพเจ้าตื่นรู้ วิธีการต่างๆมากมายเกี่ยวข้องกับกฎธรรมชาติต่างๆ ซึ่งช่วยให้เขาเข้าใจกฎธรรมชาติได้ ความได้เปรียบนี้คือสิ่งที่ตู้เค่อพร้อมกับสนามพลังกฎธรรมชาติของเขาก็ยังไม่สามารถทำได้ ถ้าตู้เค่อรู้ความมหัศจรรย์ของการใช้เกราะเทพเจ้าตื่นรู้ เขาคงน้ำลายหยดทันที
ลักษณะของเกราะเทพเจ้าตื่นรู้ ถังเทียนไม่ได้เอามาใช้เพื่อเข้าใจกฎธรรมชาติบางอย่าง แต่กลับช่วยเขาได้มากในเรื่องการเข้าใจความเกี่ยวข้องระหว่างกฎธรรมชาติ ความเข้าใจที่มาของกฎธรรมชาติ
ถ้ามีสักวันที่ถังเทียนสามารถเข้าใจแก่นแท้ของกฎธรรมชาติ เขาคงสามารถสร้างกฎธรรมชาติเป็นของเขาเองได้ และนั่นก็คือสนามพลังที่เผ่าพันธุ์มนุษย์ไม่เคยทำได้สำเร็จ
เอาละถังเทียนยังคงห่างจากนั้นได้เป็นล้านกิโลเมตรได้กระมังและห่างไกลจากเป้าหมายอย่างลึกซึ้ง แต่สิ่งที่เขาสามารถใช้ได้ก็คือ ความเข้าใจกฎดั้งเดิมของเขา
ที่ขอบเขตระหว่างความเป็นกับความตาย มนุษย์คนหนึ่งจะปลดปล่อยศักยภาพทั้งหมดของเขา และในช่วงเวลาเช่นนั้นที่คนเราจะบรรลุความก้าวหน้าได้เร็วที่สุด แม้ว่าจะมีความอันตรายมากที่อาจเกิดขึ้นในสนามรบ แต่ก็เป็นเพียงความรู้ทางทฤษฎีที่กว้างขวางแต่ชั่วเวลาระหว่างเป็นตายก็จะถูกสร้างขึ้นมาและขยันอย่างต่อเนื่อง โดยไม่ต้องสะสมจากช่วงเวลาธรรมดา คงเป็นการเพ้อฝันที่ปรารถนาจะได้รับความเข้าใจในช่วงเวลาเป็นหรือตาย
ถังเทียนคว้าสายใยกฎธรรมชาติและได้รับความสนใจจากเพลิงศักดิ์สิทธิ์ซึ่งกำลังลอยอยู่เหนือการ์ดวิญญาณทองทั้งหมดกระโจนเข้าใส่อย่างกระตือรือร้น
ทันใดนั้นการ์ดวิญญาณทองฉายแสงแช่แข็งเพลิงศักดิ์สิทธิ์ไว้
สายใยกฎธรรมชาติในมือของถังเทียนหมองลงขณะที่ชั้นพลังงานรอบๆ ถูกสร้างอยู่รอบสายใยกฎ มือของถังเทียนสั่น สายใยกฎธรรมชาติถูกพลังงานพัฒนาจนเป็นเส้นตรงเหมือนกับธนูแหลมคมและเขาแทงเข้าไปในเพลิงศักดิ์สิทธิ์
ชี่ ชึ่ ชึ่
พลังงานรอบสายใยกฎธรรมชาติละลายอย่างรวดเร็ว ขณะที่พลังกลวงและพลังงานธรรมดายังคงเป็นศัตรูกัน ก่อนที่พลังงานจะละลายไปหมดไม่เหลือ สายใยกฎธรรมชาติก็สัมผัสลงบนสายใยเส้นประกายในเพลิงศักดิ์สิทธิ์
เพลิงศักดิ์สทธิ์พลันมึนซึมสายใยกฎธรรมชาติเทียมปรากฏและแทงเข้าไปในแกนของสายใยกฎธรรมชาติ
ไม่มีเสียงทันทีที่กฎธรรมชาติเทียมแทงเข้าไปในสายใยกฎธรรมชาติ พวกเขาจะหายไปทันที และเพลิงศักดิ์สิทธิ์ที่ดูเหมือนหนอนจะกลายเป็นดูบิดเบี้ยวหรือเป็นเทียนที่ถูกเผา เหมือนกับว่าค่อยๆ ไหลออก ในพริบตา เพลิงศักดิ์สิทธิ์ที่ไหลแยกออกมาก็กลายรูปเป็นจุดแสงโปร่งใส นี่คือร่างเดิมของพลังงานกลวงที่ไม่มีกฎธรรมชาติเทียมพลังงานกลวงโปร่งใสและไร้สีสัน
ทุกๆ จุดแสงมีความกลมเหมือนบอลแสงใส
พวกมันทะลุผ่านชั้นแสงทองที่ปลดปล่อยออกมาจากขุนพลวิญญาณเหมือนฝนเทลงมาจากฟ้าจุดแสงกระทบเข้ากับเหล่าขุนพลวิญญาณและซึมซาบเข้าไปในร่างของพวกเขาทำให้พวกเขาลุกขึ้นโดยไม่รู้ตัว อาซิ่นและเสี่ยวม่านมีความสุข พวกเขารู้สึกว่าร่างกายของเขาได้รับการเสริมพลัง ไม่จำเป็นต้องให้เขาสั่งขุนพลวิญญาณทั้งหมดวุ่นกับการรับเอาพลังงานกลวงเข้ามาแต่มีพลังงานกลวงมากมายเกินไป แม้ว่าพวกเขาจะจัดการได้มาก แต่ก็ยังมีที่ตกลงไปบนพื้นอีกมาก
อาซิ่นงง ‘ไม่มีความเจ็ดปวดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ไม่มีความทรมาน ทำไมเขาพูดอย่างนั้น’
ตามมากับความสำเร็จถังเทียนมีความมั่นใจเพิ่มขึ้น ความเคลื่อนไหวของเขาเริ่มคุ้นเคยมากขึ้นขณะที่เพลิงศักดิ์สิทธิ์เพิ่มขึ้นในปริมาณที่มาก นี่ยังส่งผลให้พลังงานกลวงมีมากขึ้นขณะที่ปริมาณพลังงานกลวงมากขึ้นทุกทีอาซิ่นและขุนพลวิญญาณอื่นรู้สึกเหมือนกับถูกฝนหลั่งรด
อาซิ่นอ้าปากกว้าง หน้าของเขามีความสุข ‘สุดยอดมาก’เขารู้สึกเหมือนกับว่าช่วงเวลาที่ผ่านมาในอดีตนั้นคุ้มค่า แต่เขายังคงมีสติปัญญากระจ่าง เขาไม่ลืมคำเตือนของถังเทียน ‘หรือว่านายผู้ชายเตือนเราไม่ให้กินมากเกินไป,มันยากจะทนต่อความรู้สึกนี้ได้จริง ฮ่าฮ่า!’
เสี่ยวม่านที่อยู่ด้านข้างยังคงรู้สึกสะดวกสบายอย่างไม่เคยมีมาก่อนแต่เมื่อนางเห็นภาพสีหน้าของอาซิ่น นางรู้สึกหมั่นไส้อยากยกขาเตะเขาไปไกลๆ แต่หลังจากพิจารณาแล้วว่าพวกเขาจะตกอยู่ในอันตรายนางข่มอารมณ์หมั่นไส้และค่อยๆ ซึมซับพลังงานกลวง
อาซิ่นไม่ทันสังเกตแต่ลวดลายที่คุ้นเคยบนพื้นจะคล้ายกับเส้นเลือดในห้องพลังงานเปล่งแสงเลือนรางฝนพลังงานกลวงสัมผัสพื้น จะถูกดูดซึมเข้าไปในลวดลายทันที พลังงานกลวงที่หยดลงพื้นทะลักเข้าสู่ม่านพลังสายลมทันที
พลังงานกลวงที่ถูกดูดเข้าไปในพื้นค่อยๆถูกเปลี่ยนเข้าไปในม่านพลังสายลม ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงละเอียดอ่อน และม่านสายลมที่บางเบาแต่เดิมก็สร้างสิ่งที่คล้ายกับม่านสายน้ำ
แต่เนื่องจากสิ่งที่เคลื่อนไหวอยู่ในม่านพลังลมไม่มีใครสังเกตความเปลี่ยนแปลงได้ ด้วยการเพิ่มพลังงานกลวงม่านพลังสายลมเริ่มดึงดูดเพลิงศักดิ์สิทธิ์เข้ามาเพิ่มอีก และเพลิงศักดิ์สิทธิ์ยิ่งทะลักเข้ามามาก อาซิ่นและพวกเริ่มสังหรณ์ใจว่าที่พวกเขาประสบก่อนหน้านั้นเป็นช่วงเวลาก่อนพายุ จากนั้นในตอนนี้พวกเขาตกอยู่ภายใต้การถาโถมใส่ของน้ำตก
‘ความรู้สึกนี้ยิ่งใหญ่เกินไปเสียแล้ว!’
‘โอวตายแล้ว, ชักเจ็บปวดมากจริงๆ ข้าอิ่มจนเจ็บปวดมากจริงๆ ความรู้สึกนี้ดีมากจนเจ็บปวดไปหมดแล้ว ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!’
อาซิ่นรู้สึกว่าเขาเตรียมจะบินขึ้นท้องฟ้าสูง เขาอยู่ในสภาวะมึนงง เป็นอะไรที่เขาไม่เคยประสบมาก่อน
ชี่... เสียงเบาๆ เลือนรางในอากาศพุ่งผ่านอากาศเข้ามา แต่เนื่องจากมีฝนตก มันจึงไม่ถูกตรวจสอบ
ร่างของอาซิ่นแข็งชะงักทันทีความรู้สึกเจ็บปวดที่ต้นขาของเขา และแผ่ลามไปทั่วตัว เขาสะดุ้งอยู่สองสามวินาทีก่อนในที่สุดจะรู้สึกเจ็บปวดจับใจ
ปฏิกิริยาของเสี่ยวม่านไวกว่าอาซิ่น แทบจะเวลาเดียวกันนางใช้ดาบยักษ์ป้องกันข้างหน้า แต่สิ่งที่ตามมาทำให้นางตกใจรังสีกระบี่ตัดผ่านดาบยักษ์นางและพุ่งเฉือนร่างนางจนนางรู้สึกชา
รังสีกระบี่นับไม่ถ้วนก่อตัวโดยพลังงานกลวงยิงออกมาจากม่านพลังสายลม
ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ!
ขุนพลวิญญาณทั้งหมดสะดุ้งจนหมด รังสีกระบี่ทั้งหมดสร้างขึ้นจากพลังงานกลวงเยือกเย็นและแหลมคม และขุนพลวิญญาณทั้งหมดรู้สึกเหมือนกับพวกเขาจะถูกตัดขาด
ไม่สำคัญว่าอาซิ่นคิดว่าในจุดเวลาไหนเขาไม่เคยคาดว่าเรื่องอย่างนี้จะเริ่มขึ้น
จำนวนรังสีกระบี่เพิ่มขึ้นพวกมันมีมากยิ่งกว่าเม็ดฝนและ และถูกกระตุ้นโดยม่านพลังสายลม รังสีกระบี่หมุนด้วยความเร็วสูงขึ้นทุกที เสียงหวีดหวิวแหลมคมกลายเป็นเสียงทุ้มลงเสียงของรังสีกระบี่เหล่านี้ทำให้ใจเต้นเร็ว ทุกคนที่ได้ยินจะรู้สึกหนังศีรษะชา รังสีกระบี่หมุนอย่างรวดเร็วเป็นกลุ่มฉุดดึงจนต้องมารับมือกับรังสีกระบี่กลุ่มนี้ สำนึกกระบี่แหลมคมยิงมาจากทุกทิศ และเสี่ยวม่านรู้สึกเหมือนกับว่านางกำลังถูกบดเสียดสี นางรู้สึกว่าร่างของนางถูกหั่นเป็นชิ้นๆ ความเจ็บปวดซึมลึกเข้าไปในหัวใจนาง แต่ก่อนที่นางจะหมดสติ พลังงานกลวงจะเข้ามาแทนและฟื้นฟูร่างกายของนาง
วนเวียนเช่นนี้ไม่มีจบ
อาซิ่นหัวใจชาเหลือเพียงความคิดเดียวอยู่ในใจของเขา ‘เจ้าบัดซบนั่น สิ่งที่เขาบอกเป็นจริง...’
ถ้าอาเฮ่อหรือหลิงซิ่วปรากฎตัวอยู่ด้วย พวกเขาคงจะจำสิ่งที่เกิดขึ้นได้ นั่นคือวังวนพายุกระบี่! มันคือพายุหมุนกระบี่ที่ถังเทียนใช้ในอดีตทำให้ทุกคนกลัวแทบตาย! ในกลุ่มดาวหมีใหญ่ ถังเทียนสำเร็จวิชาวังวนพายุกระบี่และเอาชนะได้รับความชื่นชมจากทุกคน แน่นอนว่าทุกคนมีความสุขที่สุดจากเสียงร้องโหยหวนที่คงอยู่นานเป็นเวลาหลายเดือน เสียงกรีดร้องเหล่านั้นใครได้ฟังคงต้องหลั่งน้ำตากันทีเดียว
“เด็กๆทั้งหลาย, เห็นไหมเพื่อประโยชน์ความสำเร็จ ฝ่าบาทยินดีทุ่มเทถึงขนาดนั้น ดังนั้นพวกเจ้ายังมีหน้ามาบ่นว่าเจ็บปวดเมื่อยล้าอีกหรือ? พวกเจ้าทุกคนทนทุกข์รวมกันยังจะเท่ากับฝ่าบาทได้หรือ? พวกเจ้าทุกคนทนทุกข์เจ็บปวดได้เท่ากับฝ่าบาทหรือ? พวกเจ้ารู้ไหมทำไมกลุ่มดาวหมีใหญ่ของเราจึงมีกองทัพที่ตั้งมั่นยืนยง? เป็นเพราะในปีนั้นบริวารของฝ่าบาทฝึกพิเศษอยู่ข้างนอกพายุฟังเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดของฝ่าบาทจนทุกคนหลั่งน้ำตา และจากนั้นมาพวกเขายิ่งทุ่มเทพลังเพื่อความรุ่งเรืองและกลายเป็นทหารฝีมือดีของฝ่าบาท’
นี่คือสุนทรพจน์ที่พลเมืองชาวกลุ่มดาวหมีใหญ่ใช้ปลุกเรียกความกล้าหาญของเด็กๆ ถ้าถังเทียนรู้เรื่องนั้น เขาคงเป็นฝ่ายร้องไห้ไม่หยุดแน่ ตั้งแต่เมื่อใดกันที่กองทัพของเขาปลุกกำลังขวัญทหารด้วยเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดของเขา นั่นมันเพื่อความสุขของตัวพวกเขาเอง
แต่ถ้าอาซิ่นรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้เขาคงคลานออกนอกม่านพลังสายลมด้วยความเจ้าเล่ห์ไปนานแล้ว
น่าเศร้าที่เขาไม่รู้
วังวนพายุกระบี่เป็นแนวคิดที่มาจากถังเทียนอย่างกะทันหัน เพราะเมื่อเขารู้สึกว่ามีเพลิงศักดิ์สิทธิ์มากเกินไป เขาคิดจะใช้มันได้ยังไงจึงจะดี? ขณะนั้น เขาคิดถึงวังวนพายุกระบี่ซึ่งเดิมทีเป็นวิชาขัดเกลาปรับแต่งวิญญาณ และเหมาะกับอาซิ่น เสี่ยวม่านและพวกที่เหลือ
บึม บึม บึม!
เทียบกับวังวนพายุกระบี่เดิมของถังเทียนแล้ว วังวนพายุกระบี่ที่สร้างขึ้นโดยพลังงานกลวงจะทรงพลังมากกว่า ขณะนั้นสิ่งที่ถังเทียนใช้ก็คือพลังงานของกลุ่มดาว ซึ่งไม่อาจเทียบได้กับพลังงานของดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ นอกจากนี้พลังงานกลวงยังแข็งแกร่งมากกว่าพลังดั้งเดิม
วังวนพายุกระบี่ที่แข็งแกร่งกว่าก็ยิ่งมีความเจ็บปวดมากกว่า เจ็บปวดจนต้องกรีดร้อง
เสียงอึกทึกดังสนั่นหวั่นไหวอย่างนี้ไม่สามารถกลบบังเสียงเสียงหวีดทรมานจากใจกลางได้ ทำให้จี๋เจ๋อและพวกเขาที่เหลือกลัวจนหน้าถอดสี ย้อนไปเมื่อถังเทียนเตือนอาซิ่นกับพวกที่เหลือ จี๋เจ๋อและกองพลเกราะเทพเจ้ายังดีใจในหายนะของผู้อื่น พวกเขารู้มาตรฐานสิ่งที่เรียกว่าความเจ็บปวดของเจ้านายดี ว่ามันน่ากลัวขนาดไหน
‘อดทนให้ได้’ คำเหล่านี้จากเจ้านาย เป็นคำที่น่าหวาดหวั่นขวัญผวา
เมื่อพวกเขาได้ยินเสียงกรีดร้องโหยหวนจากภายใน พวกเขามีสีหน้าเหมือนกับที่พวกเขาได้คาดไว้ แต่เนื่องจากเสียงกรีดร้องทรมานดังหนักขึ้นและรุนแรงขึ้น หัวใจพวกเขาเริ่มเต้นรัวและหน้าเริ่มไร้สีเลือด ‘เกิดอะไรขึ้นข้างใน? เจ้านายทำอะไรกับพวกเขา? ทำไมพวกเขาถึงเจ็บปวดมากมายขนาดนั้น?’
เชียนฮุ่ยดูเหมือนกับว่านางไม่สามารถทนต่อเสียงกรีดร้องได้สายตาของนางจับนิ่งอยู่ที่ม่านพลังสายลมและวังวนหมุนภายใน
นางรู้ว่าถังเทียนมีวิธีการฝึกเฉพาะแบบ แต่เมื่อได้ยินพวกเขากรีดร้องอยู่ภายใน นางอดสวดภาวนาให้พวกเขาไม่ได้ ‘พวกเจ้าทุกคนต้องอดทนให้ได้’
สิ่งที่ทำให้ทุกคนตกใจมากยิ่งขึ้นก็คือม่านพลังสายลมและวังวนยังคงขยายขนาดอย่างต่อเนื่อง กระแสเพลิงศักดิ์สิทธิ์ไม่มีที่สิ้นสุดทะลักเข้ามาจากทั่วทุกทิศ ขณะที่ม่านพลังสายลมและวังวนพลังงานขยายขึ้นๆเสียงรังสีกระบี่เริ่มเด่นชัดขึ้น
‘กระบี่?’
ทุกคนกำลังสับสนและสงสัย มีเพียงซือหม่าเซี่ยวที่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น สายตาของเขาเป็นประกายและโพล่งออกมา “นั่นคือวังวนพายุหมุนกระบี่!”
ในอดีตเขาเคยจับตาถังเทียนในฐานะศัตรูที่คู่ควร และเขารู้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในกลุ่มดาวหมีใหญ่ เขาตรวจสอบเรื่องวังวนพายุหมุนกระบี่อย่างเป็นพิเศษ เมื่อเขาเห็นม่านพลังสายลม เขายังไม่ได้เชื่อมโยงวิชานี้เข้าด้วยกัน แต่เมื่อเขาได้ยินเสียงกระบี่หวีดหวิวชัดเจนขึ้น เขาเริ่มสงสัยว่าเขาเคยเห็นสิ่งนี้มาก่อน
“วังวนพายุหมุนกระบี่?” เชียนฮุ่ยหันหน้ามาถาม
“ถูกแล้วนั่นคือวังวนพายุหมุนกระบี่” ซือหม่าเซี่ยวอธิบาย “มีต้นเค้ามาจากวิชาขัดเกลาวิญญาณวังวนกระบี่ เป็นวิชาที่ใช้สำนึกกระบี่ปรับแต่งจิตวิญญาณยุทธแสดงว่ามันอยู่ในมือถังเทียน วังวนกระบี่กลายเป็นวังวนพายุหมุนกระบี่ และเมื่อตอนถังเทียนอยู่ในกลุ่มดาวหมีใหญ่ เขาใช้ฝึกฝนถี่มาก และในที่สุด เขาใช้วิชานี้ฆ่าเซียนนักสู้ได้”
เมื่อเชียนฮุ่ยได้ยินว่าถังเทียนใช้วิธีเดียวกับที่เขาฝึกหัวใจนางสั่นสะท้าน
“มีน้อยคนนักที่จะยอมใช้วิชาวังวนกระบี่เพื่อขัดเกลาปรับแต่งวิญญาณของเขา เพราะคนที่ใช้ต้องมีความอดทนต่อความเจ็บปวดอย่างยิ่งยวด ดังนั้นจึงถูกยกย่องว่าเป็นวิชาขัดเกลาวิญญาณที่โหดร้ายรุนแรงที่สุด ไม่มีใครรู้ว่าถังเทียนจะสร้างวิชาวังวนพายุกระบี่น่ากลัวอีกครั้ง และความเจ็บปวดจากการนี้ไม่สามารถคาดคิดได้ และนี่อาจกล่าวได้ว่าเจ็บปวดเกินขีดจำกัดที่มนุษย์จะทนได้ความสำเร็จของถังเทียนในเรื่องนี้ทำให้ทุกคนเคารพนับถือเขา”
น้ำเสียงของซือหม่าเซี่ยวก็เต็มไปด้วยอารมณ์และความนับถือยิ่งมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับถังเทียนก็ยิ่งยากหามุมมองที่จะเป็นศัตรูกับเขาได้
หนุ่มชาวฟ้า เบื้องหลังชื่อนี้ได้มาอย่างโชกเลือดเหงื่อ น้ำตาและความเจ็บปวด โดดเดี่ยว และทรมานอย่างคาดไม่ถึง คนแบบนี้คงไม่มีใครรู้สึกอิจฉาแน่นอน
แม้แต่เชียนฮุ่ยเมื่อรู้ถึงความขมขื่นและทรมานที่ถังเทียนได้รับมาในอดีตมาบ้างแล้ว แต่พอได้ยินจากซือหม่าเซี่ยวพูดนางรู้สึกเจ็บปวดหัวใจ
‘ใช่แล้วพี่เทียนต้องเคยทนทุกข์มาก่อนแล้ว พวกเจ้าทุกคนก็ต้องยินดีด้วยเช่นกัน เอ๊ย..ไม่ใช่พวกเจ้าต้องพยายามอย่างดีที่สุด!”
เชียนฮุ่ยเมินเสียงกรีดร้องของพวกเขาทันที สายตาของนางมองผ่านพวกเขาไป ร่างสีทองเลือนรางเหนือพายุจับตาน่าสนใจนัก
ถังเทียนไม่รู้สถานการณ์ด้านนอก และเหมือนกับว่าเสียงกรีดร้องใต้ตัวเขาเขาไร้อารมณ์ไม่ใส่ใจ ‘ในอดีต เมื่อข้าอยู่ภายในนั้นแหกปากร้องโหยหวนเกือบตายเจ้าบัดซบที่อยู่ข้างนอกทุกคน ร่าเริงดีใจได้ฟังเสียงข้า หึหึ คราวนี้ถึงคราวพวกเจ้าบ้างล่ะ...’
ความจริงถังเทียนยุ่งเกินไปจนเขาไม่มีเวลาสนใจพวกเขา
แม้ต่อให้ได้รับความช่วยเหลือจากเกราะเทพเจ้าตื่นรู้ ก็ไม่ง่ายที่จะควบคุม จำนวนของเพลิงศักดิ์สิทธิ์มีมากเกินไป ถึงขนาดที่ทำให้คนที่เหลือกลัว เขาสงสัยว่าจะมีมีขุนพลวิญญาณมากเท่าใดที่เตรียมตัวไว้แล้ว ‘ขุนพลวิญญาณเท่าใดจึงจะสามารถดูดซับเพลิงศักดิ์สิทธิ์ได้มาก?’
คำถามนี้ผุดขึ้นมาในใจวาบหนึ่งแล้วก็หายไปทันที แรงกดดันที่เขาต้องแบกรับเหนือกว่าที่เขาคาดไว้
เขาไม่ใส่ใจรายละเอียด เมื่อวังวนพายุกระบี่ตั้งขึ้นมันก็เริ่มต้นเสริมพลังความสามารถในตัวเอง และไม่จำเป็นต้องควบคุม แต่สถานการณ์อย่างนั้น ขณะที่วังวนพายุกระบี่ยังคงขยายและเสริมพลังก็ทำให้มีพลังขยายมากขึ้น
ความเร็วของเพลิงศักดิ์สิทธิ์ที่ทะลักเข้ามาเริ่มเร็วขึ้นๆถังเทียนต้องรับมือกับเพลิงศักดิ์สิทธิ์เพื่อให้ได้พลังงานกลวง แต่ถ้าเขาไม่สามารถแปลงเป็นพลังงานได้ทัน และเพลิงศักดิ์สิทธิ์ผสมเข้าไปในวังวนพายุหมุนกระบี่และเปลี่ยนเป็นรังสีกระบี่ นั่นจะเป็นอันตรายร้ายแรงต่ออาซิ่นเสี่ยวม่านและพวกที่เหลือ
ถังเทียนทุ่มความสนใจทั้งหมดกับการรับมือเพลิงศักดิ์สิทธิ์
ความถี่ของเขาดีกว่าตอนเมื่อเขาเริ่มต้นมาก ขณะที่จำนวนเพลิงศักดิ์สิทธิ์ยังคงทำให้เขามีประสบการณ์เพิ่มพูน เขาแทบรับมือกับเพลิงศักดิ์สิทธิ์ 500ชุดได้รวดเดียวโดยไม่มีการรั่วไหลเลย แต่เนื่องจากความเร็วของเพลิงศักดิ์สิทธิ์ยังเพิ่มต่อเนื่องจึงไม่ใช่เรื่องที่เขามีความพอใจนัก แต่กลับเพิ่มแรงกดดันให้กับเขา
เขารู้สึกต้องเพิ่มความพยายามมากขึ้นและรู้ว่าระดับความก้าวหน้าของเขายังไม่สามารถรักษาระดับความเติบโตของวังวนพายุหมุนกระบี่ได้
‘ไม่อาจเป็นแบบนี้ต่อไปได้!’
ในสภาวะเกราะเทพเจ้าตื่นรู้ ถังเทียนมีความคิดสำหรับการคำนวณได้ดีอย่างน่าอัศจรรย์ เขายังคงใจเย็นขณะนับ ‘ตามอัตราการขยายสองส่วนก็ต้องใช้เวลาสิบนาทีก่อนที่ข้าจะโผล่ออกมาจากกระแสเพลิงศักดิ์สิทธิ์ได้ ในจุดนั้นจุดรั่วแรกจะปรากฏ’
‘ข้าต้องทำอะไรสักอย่าง’ ถังเทียนแสดงออกอย่างชัดเจนว่าต้องการเปลี่ยนแปลง
แรงกดดันที่หนักหน่วงทำให้ถังเทียนรู้สึกหายใจไม่ออกราวกับว่าเขาอยู่ใต้แรงกดทับของภูเขาไท่ซาน แม้แต่ในสภาวะเกราะเทพเจ้าตื่นรู้ มือของเขาไม่ได้ช้าลง สมองของเขาทำงานตลอดเวลา ‘ข้าควรจะทำยังไง?’
‘เพิ่มความเร็วของวังวนพายุกระบี่?’
ความคิดนี้ถูกถังเทียนปฏิเสธตั้งแต่แรก ขนาดปัจจุบันของวังวนพายุกระบี่ก็ถือว่ามีขนาดใหญ่มากอยู่แล้ว ความสูงของมันสูงถึง 120 เมตร ขณะที่เส้นผ่าศูนย์กลาง 50เมตรซึ่งถือว่ามีขนาดภูเขาย่อมๆ วัตถุขนาดมหาศาลเช่นนั้นมีพลังน่ากลัวมาก และไม่ใช่สิ่งที่ลำพังเขาคนเดียวจะทนอยู่ได้
‘อย่างนั้นข้าสามารถทำได้แต่เพียงเพิ่มระดับการรับมือเพลิงศักดิ์สิทธิ์ ว่าแต่ข้าจะเพิ่มได้อย่างไร?’
‘ข้าต้องการสายใยกฎธรรมชาติมากขึ้น ขอเพียงมีสายใยกฎธรรมชาติมากขึ้น ข้าก็สามารถเพิ่มระดับได้’ ไม่ใช่เรื่องยากกับการเพิ่มสายใยกฎธรรมชาติ ตราบใดที่ถังเทียนคลายแรงดันในเกราะเทพเจ้า ข้าก็สามารถควบคุมกฎธรรมชาติได้มากขึ้น แต่ยิ่งจำนวนกฎธรรมชาติมากขึ้นก็ต้องใช้ความสามารถในการควบคุมที่สูงขึ้น และเขาไม่สามารถควบคุมกฎธรรมชาติได้หลายอย่าง
‘ดูเหมือนว่าไม่เพียงแต่จำนวนสายใยกฎธรรมชาติเท่านั้น ข้ายังต้องควบคุมกระแสของเพลิงศักดิ์สิทธิ์ที่เข้ามาถึงข้า’
ถังเทียนไม่ยอมแพ้ เขายังคงไตร่ตรองต่อไป เขาระลึกย้อนเมื่อเขาควบคุมเพลิงศักดิ์สิทธิ์ ‘ส่วนที่ยากที่สุดของการรับมือเพลิงศักดิ์สิทธิ์คืออะไร? ขั้นตอนใดที่ทำให้ข้าล่าช้า?’
ในเวลาอันรวดเร็วก็ทำให้เขาตาเป็นประกาย
เพลิงศักดิ์สิทธิ์มองกฎธรรมชาติว่าเป็นศัตรู เขาจำเป็นต้องคลุมสายใยกฎทั้งหมดด้วยพลังงานชั้นหนึ่ง และความหนาของพลังงานจะต้องมีอย่างต่อเนื่องเพื่อปกป้องสายใยกฎธรรมชาติทะลุผ่านเพลิงศักดิ์สิทธิ์จากการสัมผัสกฎธรรมชาติจะทำให้ทั้งสองเกิดการทำลายล้างกัน
นั่นคือส่วนที่ต้องใช้ความพยายามมากที่สุด และยังจำเป็นต้องทำแน่นอน
‘ข้าจะผ่อนแรงตรงนี้ได้ยังไง?’
ถังเทียนตระหนักได้ทันทีว่าเขาเข้าใจปมของปัญหาแล้ว
ทันใดนั้นนั้นใจเขาตื่นเต้น ‘ถ้ารังสีกระบี่สร้างโดยพลังงานกลวงโจมตีใส่เพลิงศักดิ์สิทธิ์จะเกิดอะไรขึ้น?’
เขาไม่ลังเลใจนำรังสีกระบี่พลังงานกลวงจากม่านพลังสายลมบนกลุ่มเพลิงศักดิ์สิทธิ์ทันทีที่รังสีกระบี่สัมผัสกับเพลิงศักดิ์สิทธิ์ เสียง ‘ปัง’ ดังขึ้นระเบิดทำให้พลังงานแตกกระจายเป็นเม็ดนับไม่ถ้วนเหมือนกับฝนตกลงมาหลังจากสายใยกฎทั้งสองทำลายกัน
ถังเทียนประหลาดใจ แต่เขารีบคิดทันที
เมื่อรังสีกระบี่มีปฏิกิริยากับพลังงานกลวงของเพลิงศักดิ์สิทธิ์ ทั้งสองก็แตกตัวพร้อมกัน แต่กฎธรรมชาติเทียมในใจกลางของเพลิงศักดิ์สิทธิ์ยังคงเดิม แต่เมื่อไม่มีการป้องกันจากพลังงานกลวงมันจึงลอยอยู่ในอากาศโดยไม่มีอะไรป้องกัน มันเป็นเส้นสีเทาบางกว่าเส้นผม และเปล่งประกาย
พลังงานกลวงที่แตกกระจายค่อยๆลอยเข้าหากฎธรรมชาติเทียมภายในใจกลาง
ถังเทียนไม่หยุดนิ่ง แต่สังเกตทั้งกระบวนการอย่างระมัดระวัง
พลังงานกลวงที่ลอยอยู่ในอากาศค่อยๆบรรจบกับกฎธรรมชาติเทียมภายในแกนในช่วงถัดมาเพลิงศักดิ์สิทธิ์มาปรากฏต่อหน้าถังเทียนอีกครั้ง เป็นเพลิงศักดิ์สิทธิ์ใหม่ที่หมองกว่าที่เคยเป็นและเพลิงมีขนาดเล็กกว่า
ถังเทียนได้ความเข้าใจจากการนี้บางส่วน โดยการนำรังสีกระบี่โจมตีใส่เพลิงศักดิ์สิทธิ์ ตลอดทั้งกระบวนการแสดงต่อหน้าของเขาอีกครั้งหนึ่ง ถังเทียนลองทำซ้ำๆ กันหลายครั้ง และดูตลอดทุกกระบวนการอย่างระมัดระวัง และในที่สุดเขาก็เข้าใจสถานการณ์
รังสีกระบี่ถูกสร้างมาจากพลังงานกลวงและทั้งรังสีกระบี่และเพลิงศักดิ์สิทธิ์ยังคงมีพลังงานคุณสมบัติเดียวกัน พวกเขาจึงไม่ก่อให้เกิดการทำลายกันและกันเมื่อปะทะกัน พลังรังสีกระบี่นำไปสู่การล่มสลายขององค์ประกอบของเพลิงศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นพลังงานกลวงและกฎธรรมชาติเทียมจึงอยู่ในแกนแยกกัน
ถ้าไม่มีแรงพลังจากภายนอก กฎธรรมชาติเทียมในแกนกลางจะดึงดูดพลังงานกลวงเข้ามาและประกอบเข้าด้วยกันเป็นเพลิงศักดิ์สิทธิ์อีกครั้ง
แต่จะเป็นยังไงถ้ามีแรงภายนอกบังคับ?
ถังเทียนพยายามอีกครั้ง และเหมือนครั้งก่อน กฎธรรมชาติเทียมภายในแก่นกลางลอยอย่างโดดเดี่ยวในอากาศอีกครั้ง ถังเทียนใช้กฎธรรมชาติกระตุ้นใส่แกนกลาง
ทันใดนั้นสายใยกฎทั้งสองถูกทำลายทันที
‘ตามคาด’ ตาของถังเทียนเป็นประกาย เขาพบวิธีแก้แล้ว
เขาเพียงแต่ต้องนำรังสีกระบี่จากม่านพลังลมโดยพึ่งพารังสีกระบี่เหล่านี้เพื่อทำลายองค์ประกอบของเพลิงศักดิ์สิทธิ์ เขาสามารถควบคุมสายใยกฎธรรมชาติอย่างง่ายดายและทำลายกฎธรรมชาติเทียม พลังงานกลวงภายในม่านกั้นพลังลมมีมาไม่หมดสิ้น นั่นก็หมายความว่าจำนวนรังสีกระบี่ก็ต้องมีไม่สุดสิ้นเช่นกัน เมื่อเป็นเช่นนั้นจำนวนเพลิงศักดิ์สิทธิ์ที่เขาสามารถรับมือได้ก็ต้องมีปริมาณมหาศาลในคราวเดียว
แต่....
ถ้าเป็นกรณีนั้นจริงๆ ก็หมายความว่าเขาเช่นกันที่ต้องลงไปเผชิญหน้ากับรังสีกระบี่ เป็นรังสีกระบี่ปริมาณมากมายอย่างน่าทึ่ง
‘ข้ายังต้องมาเจอกับประสบการณ์วังวนพายุหมุนกระบี่อีกครั้งหรือนี่?’
หลังประสบพบครั้งล่าสุด แม้ว่าจะเป็นเวลานานมาแล้ว แม้ว่าเขาจะอยู่ในเกราะเทพเจ้าตื่นรู้ แต่ร่างถังเทียนก็ยังสั่น เขาเพิ่งจะดีใจกับความเจ็บปวดของอาซิ่นและคนอื่นๆ แต่ในพริบตาเขาก็ต้องหล่นลงไปในหล่มเหวนั้นเอง
ถังเทียนอยากจะร้องไห้ทันที
สำหรับถังเทียนไม่มีอะไรทารุณโหดร้ายมากไปกว่านี้อีกแล้ว