ตอนที่แล้วตอนที่ 927 กระตุ้นความเคลื่อนไหว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 929 กดดัน ความคิด ช่องว่าง

ตอนที่ 928 จำพราก


โดยมีวิหารเป็นศูนย์กลาง  ลำแสงลงทัณฑ์ทั้งสิบสายกระจัดกระจายสุ่มเป็นพื้นที่วงแหวนกินรัศมีสิบห้ากิโลเมตร

ขุนพลวิญญาณสิบสองอัศวินทุกคนมาถึงลำแสงลงทัณฑ์ ลำแสงไฟลุกโชนพุ่งไปจนถึงท้องฟ้าทำให้ดูไม่เด่นชัดและเต็มไปด้วยเปลวไฟลามเลีย แค่เปลวไฟหนึ่ง พวกเขาจะถูกกลืนไม่เหลือแม้แต่เถ้าถ่าน

ทั้งหมดไม่มีความลังเลใจกระโดดเข้าไปในลำแสงเพลิงพร้อมกัน และในพริบตาร่างของพวกเขาหายเข้าไปในลำแสงเพลิงร้อนแรง

โซเฟียมองดูขณะที่พวกเขากระโดดเข้าไปในลำแสงเพลิงศักดิ์สิทธิ์ นางถอนหายใจจากจากนั้นนางก้าวเข้าไปในลำแสงเพลิงข้างหน้านางอย่างไม่ลังเลใจ  ร่างของนางถูกเพลิงศักดิ์สิทธิ์กลืนหายไปทันที นางไม่มีร่องรอยว่าจะเปลี่ยนแปลงได้อย่างไร  ‘ข้ายังจะจำชาร์ลส์ได้ไหม?  ข้ายังจะจำทุกคนได้ไหม?’

‘บางทีคงเป็นเรื่องดีกว่าที่ข้าไม่สามารถจำอะไรได้...’

แสงสุดท้ายเบื้องหลังนางหายไปและนางจมอยู่ในโลกสีทองอย่างสิ้นเชิง  เพลิงศักดิ์สิทธิ์ที่ลอยอยู่เปล่งรัศมีศักดิ์สิทธิ์  เพราะเหตุผลบางประการรัศมีศักดิ์สิทธิ์รู้สึกได้ถึงความใกล้ชิดและอบอุ่น และร่างของนางต้องการสัมผัสเพลิงศักดิ์สิทธิ์ตามสัญชาตญาณ และโถมเข้าหาอ้อมกอดที่อบอุ่นตามสัญชาติญาณ  เหมือนกับว่าลึกลงไปในร่างนางมีเสียงที่กระซิบคุยกับนางอย่างอบอุ่น  เสียงที่ดูเหมือนบอกนางว่าการไม่กล้าตัดสินใจและการสูญเสียโอกาสหาคำตอบ และความเศร้าทั้งหมดของนางและความผิดหวังทั้งหมดของนางจะพบกับการไถ่ถอน

ตาของโซเฟียกระจ่างใสเหมือนน้ำขณะที่นางสังเกตทะเลทองข้างหน้านาง นางลอบถอนหายใจ

‘อดีตก็คืออดีต  สิ่งที่ข้าสูญเสียก็สูญเสียไปแล้ว  ยังจะมีอะไรต้องไถ่ถอนอีก?  เหตุผลเดียวสำหรับข้าก็คือต้องอยู่ต่อไป’

นางโน้มตัวลงในทะเลเพลิงศักดิ์สิทธิ์ทอง

ในระยะไกลสายตาของประมุขผู้อาวุโสจับตามองโซเฟีย  เมื่อเขาเห็นความลังเลและสงสัยของโซเฟีย  เขาแค่นเสียง และอากาศรอบตัวของเขาเย็นลงทันที

เพียงแต่เมื่อโซเฟียกระโดดเข้าไปในลำแสงเพลิงเขาจึงหันกายจากมา

เขาเดินไปในวิหารที่ว่างเปล่าด้วยฝีเท้าที่มั่นคง  ทุกๆ ก้าวของเขาหนักหน่วง เสียงกึกก้องสะท้านทำให้เขามีอารมณ์ลังเล วิหารเปล่าในสายตาของเขาทำให้เขาคิดถึงชีวิตที่วุ่นวายในอนาคต

‘วิหารใหม่จะปกครองโลกไม่ว่าจะเป็นดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์หรือสวรรค์วิถี  ทุกอย่างจะเป็นของวิหาร’

‘วิหารที่ทรงพลังมากเป็นประวัติการณ์จะเกิดจากเงื้อมมือของข้า  ยุคใหม่จะต้องเกิดจากน้ำมือของข้า’

เขามีความเชื่อมั่น!

เพลิงทองมาหยุดอยู่ที่หน้าสุสานของชาร์ลส์

เขาจ้องมองป้ายสุสานขณะที่ความโศกเศร้าครอบคลุมบรรยากาศ

“น่าเสียดายที่เจ้าไม่สามารถเห็นยุคที่ยิ่งใหญ่นี้ได้

เสียงถอนหายใจดังออกมาจากเปลวเพลิง  เป็นเพียงครั้งนี้เท่านั้น  จากนั้นเสียงประมุขผู้อาวุโสดูชราภาพและโศกเศร้า เขายืนอยู่หน้าสุสานเป็นเวลานานจนกระทั่งตกกลางคืน

แม้จะเป็นช่วงเวลากลางคืนทวีปเซียนก็ยังคงสว่างเหมือนกลางวัน เพลิงศักดิ์สิทธิ์ยังลอยอยู่ในท้องฟ้าปลดปล่อยแสงทองศักดิ์สิทธิ์ขับไล่ความมืดมิด

ลมโชยพัดแผ่ว เปลวเพลิงแยกออกช้าๆและชายชราร่างบอบบางเดินออกมาจากเปลวเพลิงใบหน้าที่เฉยเมยเต็มไปด้วยแววโศกเศร้า การปรากฏตัวของประมุขผู้อาวุโสที่เป็นความลับอยู่ในวิหารอยู่เสมอและคนสุดท้ายที่จะได้เห็นร่างแท้จริงของประมุขผู้อาวุโสก็เป็นเมื่อยี่สิบสามสิบปีก่อนนั้นเมื่อตอนนั้นประมุขผู้อาวุโสยังคงเยาว์วัย เมื่อเขาได้อำนาจ เขาไม่เปิดเผยลักษณะของเขาอีกต่อไป

ร่างท่อนบนของเขาเป็นสีเทาโปร่งใสและไม่มีใครเคยคาดว่าประมุขผู้อาวุโสผู้ถือครองอำนาจที่แข็งแกร่งที่สุดในวิหารความจริงเป็นขุนพลวิญญาณ   เขาลูบป้ายสุสานและถอนหายใจ  “เด็กเอย, จงพักอย่างสงบเถิด”

เพียงแค่นั้นเขาหันกายจากออกมา เพลิงศักดิ์สิทธิ์สีทองพลันคลุมร่างกายของเขาอีกครั้ง  เขามุ่งหน้ากลับมาที่กลางวิหารที่ซึ่งแท่นบูชาตั้งอยู่ สหายผู้ภักดีที่สุดของเขา คู่หูที่ซื่อสัตย์ที่สุดของเขา  ผู้อาวุโสทัฟยืนรอเขาอยู่กับที่

เหมือนอย่างปกติ ผมของเขาหวีเรียบและชุดขาวของเขาสะอาดเรียบร้อย

ประมุขผู้อาวุโสมองดูสหายเก่าของเขา  และหลังจากนั้นเป็นเวลานาน เขาพูดทันที  “เจ้าไม่ต้องทำเช่นนี้ก็ได้”

“ไม่เกี่ยวกับความจำเป็นหรือไม่”ทัฟหัวเราะจากนั้นคำนับ “ข้ายังมีชีวิตได้อีกไม่กี่ปี โปรดให้ข้าได้มีส่วนร่วมด้วยพลังน้อยนิดสุดท้ายนี่ด้วยเถอะ”

เสียงของประมุขผู้อาวุโสปนเปกับอารมณ์ตื้นตันเจือจาง  “เจ้าสามารถกลายเป็นขุนพลวิญญาณ แม้ว่าความสามารถอาจไม่สูงนัก  แต่อย่างน้อยเจ้าก็ยังมีโอกาสทำได้เรายังจะอยู่ร่วมมือกันได้!”

“โปรดมอบเห็นแก่ข้าสักนิดเถิด”  ทัฟยังคงสงบใจเย็น  “ข้าไม่เคยขัดขืนคำสั่งของท่านไม่ว่าจะต้องทุ่มเทขนาดไหน ข้ามักจะยินรับทำ นั่นคือบาปและเลือดที่ชุ่มมือของข้า  ข้าสูญเสียความกล้าที่จะอยู่ต่อไป”

“เราคือผู้มีความชอบธรรม! ทัฟ, เจ้าสงสัยงานของเราหรือ? ตราบใดที่เราทำลายอุปสรรคได้ทั้งหมด เราจะสามารถสร้างวิหารขึ้นใหม่ได้!  เจ้าลืมคำสาบานที่เจ้าสาบานไว้เมื่อเรายังอายุน้อยไม่ได้หรือ?  เจ้าบอกว่าเจ้าต้องการสู้เคียงข้างข้า!  บัดนี้เจ้ากลับต้องการไปจากข้า?หนี้เลือดอะไรกัน? บาปแบบไหนกัน?”

เปลวเพลิงเต้นอย่างร้อนแรง  ประมุขผู้อาวุโสไม่พอใจตะโกนออกมา

ทัฟหัวเราะ “นั่นคือเหตุผลที่ท่านเป็นประมุขผู้อาวุโส และข้าก็คือทัฟ”

ความทรงจำในอดีตผุดขึ้นมาข้างหน้าเขา  ทัฟรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ  และเขาคำนับด้วยความจริงใจตามปกติ “โปรดให้ทัฟได้ทำงานให้ท่านครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายด้วยเถิด”

ประมุขผู้อาวุโสยังคงเงียบ  เพลิงหยุดนิ่งทันที และบรรยากาศกลายเป็นอึดอัด

“โปรดรักษาตัวด้วย ทัฟจะไม่สามารถรับใช้เคียงข้างท่านต่อไปในอนาคตได้อีกแล้ว”

ทัฟยิ้มอย่างเป็นกันเอง  เพลิงศักดิ์สิทธิ์ทองพุ่งออกจากร่างของเขาและกลืนร่างเขาเงียบๆ  จากตั้งแต่เริ่มต้นจนจบเขายังคงยิ้มไม่แสดงสีหน้าเจ็บปวด เมื่อส่วนสุดท้ายของวิญญาณเขาถูกเพลิงกลืนลำแสงเพลิงก็พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า

ลำแสงนี้หนามากกว่าลำแสงอื่นๆและเพลิงศักดิ์สิทธิ์ก็แข็งแกร่งรุนแรงมากกว่า “เจ้าขี้ขลาด!  เจ้าคนอ่อนแอ!  เจ้าสวะ...”

เปลวเพลิงสีทองเต้นอย่างรุนแรงอีกครั้ง ประมุขผู้อาวุโสระเบิดความโกรธด่าออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า  เมื่อเขาด่าจบ เหลือแต่เพียงเสียงคร่ำครวญจากเปลวไฟ

หลังจากนั้นเป็นเวลานานมีแต่เสียงเปลวเพลิงแตกปะทุสามารถได้ยินได้

ภายในเปลวเพลิงมีร่างเลือนรางร่างหนึ่งยืนอยู่มองดูลำแสงเพลิงที่หนารุนแรง

ทันใดนั้นประมุขผู้อาวุโสก้าวเดินเข้าไปในลำแสงเพลิงที่ร้อนแรงนั้น

“ทัฟ!  ข้าทำถูก!  ข้าจะสร้างวิหารขึ้นมาใหม่!  ข้าจะผนวกรวมโลก!  คอยดูเถอะ ทัฟ!”

ร่างที่ก้าวเข้าไปในลำแสงเพลิงหายไปโดยไม่ลังเลมีแต่ความเดียวดายล่องลอยอยู่ในสายลม

*******************

เมืองหิมะ ในอากาศเหนือร้านค้าตระกูลเมซฟิลด์

การ์ดวิญญาณทองลอยอยู่ในอากาศสร้างเป็นพื้นที่วงแหวนทอง  เหนือวงแหวนทองถังเทียนกางแขนออกเหมือนกับว่าจะโอบกอดท้องฟ้าไว้

การ์ดวิญญาณที่อยู่ด้านใต้เท้าเขาเปล่งแสงสีทองแพรวพรวและฉายแสงทองท่วมร่างของถังเทียน อากาศโดยรอบเริ่มเปลี่ยนไป ขณะที่อากาศเริ่มไหลอยู่อยู่รอบๆ วงแหวนทองและสร้างเป็นแผ่นจางๆ อยู่รอบวง

อาซิ่นและเสี่ยวม่านที่อยู่ข้างล่างเงยหน้าขึ้น พวกเขาสงสัยว่าพวกเขาไม่เคยเห็นวิชาแบบนั้นมาก่อน

ทันใดนั้นแสงสีทองฉายเป็นเกล็ดระยิบระยับเหมือนกับหิมะทองซึ่งดูเป็นภาพที่สวยงาม อาซิ่นเหยียดมือออกไปเพื่อคว้าเกล็ดแสง แต่เกล็ดแสงนี้ไหลออกจากมือของเขาร่วงลงพื้น  เกล็ดแสงทองเหล่านี้ย้อมพื้นเป็นชั้นแสงสีทอง

เกล็ดแสงสีทองค่อยๆ ร่วงลงมามากขึ้น  เสี่ยวม่านพูดขึ้น  “มีลวดลายอยู่บนพื้น”

อาซิ่นก้มหน้ามองดู เป็นไปตามคาด แสงสีทองไม่ได้ราดอยู่บนพื้นอย่างสม่ำเสมอแต่กลายเป็นรูปแบบที่ซับซ้อนอยู่บนพื้น  อาซิ่นมีท่าทีประหลาดใจ  รูปแบบลวดลายบนพื้นให้ความคุ้นเคยต่อเขาเหมือนกับว่าเขาเคยเห็นมาก่อน ความคุ้นเคยแปลกประหลาดนี้ผุดขึ้นมาในใจ  แต่เมื่อเขาพิจารณาอย่างระมัดระวัง  เขากลับจำไม่ได้

เขาข่มความประหลาดใจและความสงสัยในใจของเขาและในขณะนั้น เสียงของถังเทียนดังขึ้น “อาจจะเจ็บปวดชั่วขณะ แต่พวกเจ้าจะต้องทน”

อาซิ่นรู้สึกได้ทันทีว่าถังเทียนแตกต่างไปจากปกติ  นั่นยังคงเป็นเสียงของถังเทียน  แต่กลับกลายเป็นสภาพเฉยชา  พวกเขามีปฏิสัมพันธ์ต่อถังเทียนมานานแล้ว  และมีความเข้าใจพื้นฐานร่วมกับเขา และถังเทียนปกติจะค่อนข้างกระตือรือร้นมีชีวิตชีวา

อาซิ่นและเสี่ยวม่านมองหน้ากันเองและสังเกตเห็นความสงสัยและความประหลาดใจในสายตากันและกันได้จากนั้นทั้งสองคุยกันเรื่องความแข็งแกร่งของถังเทียนเมื่อครั้งก่อน  และพวกเขาคาดว่า ต่อให้พวกเขาร่วมมือกันก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา  ทั้งสองมีสติปัญญาพฤติกรรมที่แตกต่างออกไปของถังเทียนหมายความว่าสถานการณ์ซับซ้อนมากยิ่งขึ้นและภาระของถังเทียนจะหนักหน่วงมากขึ้น

นอกจากนี้ทั้งสองยังเคยเห็นการฝึนฝนประจำวันของถังเทียนแล้ว พลังที่เขามีทำให้พวกเขาชื่นชมและนับถือเขา  พวกเขาไม่เคยได้ยินถังเทียนบ่นว่าเหนื่อย  และในใจพวกสเขา ถังเทียนคู่ควรแก่การเป็นผู้นำ

แต่เมื่อผู้นำบอกพวกเขาว่าอาจจะเจ็บปวดและขอให้เขาทนไว้สีหน้าพวกเขาจะไม่เปลี่ยนไปได้ยังไง?

อาซิ่นกลืนน้ำลาย  เขาต้องการถามว่าเจ็บปวดเพียงไหน

เสี่ยวม่านเป็นที่เถรตรงมากกว่านางคว้าดาบยักษ์ของนางและกำไว้แน่น

ความเร็วของผนังลมมากขึ้นทุกทีเป็นเหมือนกับวังวนขนาดยักษ์ที่สร้างแรงดูดขนาดมหาศาลดึงเอาเพลิงศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดที่อยู่รอบๆ เข้ามา  ลายน้ำที่อยู่ด้านล่างใต้เท้าเขาระเบิดแสงออกมา  และพวกเขารู้สึกเหมือนกับอยู่ในวังวนพลังสีทอง

โกอวี้ที่อยู่ด้านข้างๆและเงียบมาตลอดเวลาเงยหน้าทันที หน้าของนางตกใจเหมือนกับว่ามองเห็นบางอย่างที่น่ากลัว

ในที่สุดอาซิ่นก็จำได้และรู้จักรูปแบบลวดลายที่เขาคุ้นเคย ในอดีต ยังมีห้องพลังงานอยู่ในค่าย เขาไม่เข้าใจว่าห้องพลังงานใช้งานเพื่อประโยชน์อะไร  แต่เขารู้แล้วว่าสถานการณ์แปลกประหลาด  เขาตะโกนทันที “เฮ้ เฮ้ เฮ้ ข้าเป็นนายทหารคนหนึ่งนะ เป็นนายทหารข้าเป็นนายทหารที่คอยให้คำแนะนำ  พวกทหารผู้น้อยอย่าเพิ่งแซง...”

เขาร้องออกมาดังๆ  แต่เสียงของเขาถูกเสียงโดยรอบกลบ

เพลิงศักดิ์สิทธิ์ถูกดึงเข้ามาในห่วงทองที่ถูกการ์ดวิญญาณชั้นทองสร้างขึ้น  และกลายเป็นมีชีวิตชีวาทันใด  ระดับการเต้นของเพลิงศักดิ์สิทธิ์เพิ่มขึ้น  ในพื้นที่นี้ มีบางอย่างที่ดึงดูดพวกมัน

การ์ดวิญญาณทุกใบเปล่งรัศมีของขุนพลวิญญาณตนหนึ่ง ขุนพลวิญญาณและเพลิงศักดิ์สิทธิ์เป็นผลผลิตที่ผสานกันแบบไม่เหมือนใคร  ดังนั้นทั้งสองจึงเข้ากันได้ดีมาก นั่นคือเหตุผลที่ประมุขผู้อาวุโสฝากความหวังของเขาไว้กับขุนพลวิญญาณ ขณะที่เพลิงศักดิ์สิทธิ์ผสานเข้ากับขุนพลวิญญาณโดยไม่มีการต่อต้าน

ขุนพลวิญญาณจากวิหารสามารถดูดซับเพลิงศักดิ์สิทธิ์ได้มากๆอย่างง่ายดาย ขณะที่พวกเขามีความเข้ากันได้มากกว่า และสามารถดูดซับได้โดยไม่ต้องใช้ความพยายามอะไร  ขุนพลวิญญาณจากวิหารทั้งหมดสร้างจากอัศวินกวงหมิง  ซึ่งใช้เวลาเป็นสิบๆปีฝึกกับเพลิงศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นเพลิงศักดิ์สิทธิ์จึงเป็นส่วนหนึ่งของพวกเขา  หลังจากพวกเขาเปลี่ยนแปลงเป็นขุนพลวิญญาณความสามารถนี้ก็ยังคงอยู่

แต่อาซิ่นและพวกแตกต่างออกไป  สิ่งที่มีประโยชน์ต่ออาซิ่นและพวกเขาก็คือพลังงานกลวง เนื่องจากมีกฎธรรมชาติเทียมอยู่ในเพลิงศักดิ์สิทธิ์  มันจึงเป็นพิษต่อพวกเขา  ถ้าพวกเขายังฝืนดูดซับเพลิงศักดิ์สิทธิ์เข้าไป  พวกเขาจะกลายเป็นขุนพลวิญญาณให้วิหาร

แต่ถังเทียนพบวิธีแล้ว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด